webnovel

ตอนที่ 039

ตอนที่ 39 พิษจากศพ

หนุุ่มชุดดำไม่มองหยางปินแม้แต่น้อย แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา "เขาโดนพิษของผีดูดเลือดเข้าให้แล้ว ถ้าหากไม่ได้ยาแก้ละก็ เขาจะต้องตายภายในสิบสองชั่วโมงอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงล่ะ พวกคุณอยากเห็นเขาตายต่อหน้าต่อตาใช่ไหม ?”

"หัวหน้าหยาง" เสิ่นอี้เดินเข้ามาจับบ่าของหยางปินไว้ "เขาไม่ได้หลอกพวกเราหรอกครับ"

เช่นนั้นหยางปินปล่อยมือลง หนุ่มชุดดำเอายากรอกใส่ปากของลู่เว่ยทันที ไม่นานนักลู่เว่ยก็สำรอกออกมาเป็นเลือดสีดำหลายรอบ หลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมา แต่สีหน้ากลับว่างเปล่า "ผมเป็นอะไรไปเหรอ... แว๊ก ! นี่มันผีนี่นา !"

เขาเห็นปีศาจตัวนั้นอีกแล้ว "นั่นไม่ใช่ผี แต่เป็นเจียงซือ (ผีดิบจีน) ต่างหาก” หนุ่มชุดดำยืนขึ้น มองไปที่ปีศาจนั่น แล้วพูดเสียงแข็ง "มันคือผีดิบอายุร้อยปี พละกำลังมหาศาล โชคดีที่ผมมาทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงตกอยู่ในอันตรายกันหมดแล้ว"

เย่หนิงรู้สึกหัวตื้อไปหมดแล้ว

ผีดิบ !

พิษของผีดิบ !

หยางปินกับคนอื่น ๆ ก็รู้สึกสับสนไปหมด

แสดงว่า ปีศาจตนนั้นคือผีดิบใช่ไหม ?

แล้วยังเป็นผีดิบที่มีอายุกว่าร้อยปีด้วย

เรื่องที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาคงไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนี้แน่นอน แต่ตอนนี้สิ่งนั้นได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว

พวกเขาได้เห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติมาแล้ว ขนาดกระสุนปืนยังทำอะไรไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติ ตอนที่หนุ่มชุดดำพูดคำว่า "ผีดิบ" ออกมาจากปาก พวกเขาก็......กลับมีความรู้สึกพอที่จะรับได้เสียแล้ว

"ผะ ผะ ผะผีดิบ..." ลู่เว่ยกลัวจนตัวสั่นไปหมด "สะ สะ สิ่งนั้น คะ คะ คือผีดิบเหรอ... อ้อก..."

เขาทนไม่ไหว อาเจียนออกมาอย่างรุนแรง

และคงจะโทษเขาไม่ได้ เพราะสิ่งนี้มันมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจจริง ๆ

ลู่เว่ยโชคไม่ดีเองที่นั่งอยู่ใต้ลม กลิ่นเหม็นพวกนั้นจึงพัดกลับมาที่เขา เขาแทบจะเป็นลมล้มพับไปเสียแล้ว

หนุ่มชุดดำหยิบขวดยาออกมา แล้วส่งต่อให้หยางปินที่อยู่ใกล้ตัวเขา "สิ่งนี้คือยาต้านพิษ จริงสิ พวกคุณมีใครที่ถูกผีดิบแตะตัวหรือกัดเขาให้บ้างไหมครับ ผมเอายาให้แล้วรีบรักษานะ ถ้าหากชักช้ากว่านี้คงกลายเป็นผีดิบแน่"

เมื่อนึกถึงท่าทางของลู่เว่ยที่เพิ่งถูกพิษของผีดิบแล้ว ในใจทุกคนต่างสะดุดกึกขึ้นมา

"จริงสิ !" ทันใดนั้นเย่หนิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ "ศาสตราจารย์เสิ่นคะ เมื่อกี้คุณถูกไอ้หนูลู่กัดเข้าให้ไม่ใช่เหรอ ?”

หนุ่มชุดดำหันไปมองพวกเขาทันที "ใครที่โดนเขากัดครับ !"

"ไม่มีครับ" เสิ่นอี้พูดด้วยอารมณ์สงบ "ไม่มีใครที่โดนกัดทั้งนั้น"

หนุ่มชุดดำขมวดคิ้ว

"จะไม่มีได้อย่างไรคะ !" เย่หนิงพูดขึ้นอย่างรีบร้อน "ก็เมื่อกี้ตอนที่ไอ้หนูลู่ดีดตัวขึ้นมาจะกัดฉัน คุณเข้ามาขวางฉันไว้ไม่ใช่เหรอ ? เขากัดที่แขนคุณนะ"

"ไม่มีสักหน่อย !" เสิ่นอี้ยกมือขึ้นมา "คุณดูสิ ผมโดนกัดที่ไหนกัน ?"

สองมือขงเขาปรากฏผิวที่เนียนเกลี้ยงเกลา ไม่มีแม้แต่รอยบาดแผลสักนิดเดียว

เย่หนิงหยุดชะงักไป "อ้าว... ก็... ก็..."

เสิ่นอี้หัวเราะออกมา "อาหนิง คุณตาฝาดแล้วล่ะสิครับ"

เย่หนิงหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที

ไม่ใช่เพราะตัวเองมองผิดไป แต่เป็นเพราะเสิ่นอี้ยิ้มให้กับเธอ แถมยัง...เรียกเธอด้วยความสนิทสนมเช่นนั้นอีกต่างหาก แล้วจะไม่ให้เธอตะขิดตะขวงใจได้อย่างไรเล่า ?

เย่หนิงกะแอมขึ้นมา " งั้น ถ้างั้น... ฉันคงตาฝาดไปเองแหละ..."

"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว" สายตาของหนุ่มชุดคนนั้นมองไปที่ร่างของเธอ

เย่หนิงก็มองกลับไปที่เขา แล้วก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา ทำไมคน ๆ นี้ถึงได้ดูแล้วคุ้นตาจังเลยนะ ?

เย่หนิงคิดในใจ พลางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา "ผู้กล้าคะ พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ ?"

หยางปินและคนอื่น ๆ แทบจะสำลักน้ำลายขึ้นมาพร้อมกัน

อย่างแรก คำเรียกว่า “ผู้กล้า” นี้มันพิลึกพิลั่นมาก

อย่างที่สอง คำพูดของเย่หนิงนั้น......ฟังดูแล้วมันคุ้น ๆ ชะมัด

ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะพูดคำนี้กับเสิ่นอี้ไปไม่นานนี้เองไม่ใช่หรือ ?

เสิ่นอี้แอบยิ้มแล้วพูดขึ้นกระซิบข้างหูเย่หนิง "อาหนิง พอคุณเห็นหนุ่มรูปหล่อเข้าหน่อย คุณก็ต้องถามแบบนี้ไปเสียทุกคนใช่ไหมครับ ?"

เย่หนิงยังไม่ทันจะได้พูดอะไร หนุ่มชุดดำก็กลับยิ้มขึ้นมา "อาหนิง เธอจำฉันไม่ได้หรอ ? ฉันเฝิงเยี่ยนฮวายไง !"

"อะไรนะ !" ครั้งนี้เย่หนิงตกตะลึงขึ้นมาจริง ๆ “คะ คุณบอกว่าคุณเป็นใครนะ ?"

"เฝิงเยี่ยนฮวาย ! เฝิงเยี่ยนฮวายที่นั่งโต๊ะข้างเธอสมัยตอนเรียนประถมไง"

"อ๋อ ๆ ๆ" เย่หนิงรู้สึกสับสนอย่างถึงที่สุด "เฝิงเยี่ยนฮวาย ตอนเป็นเด็กนายตัวอ้วนไม่ใช่หรอ ? นายเป็นหนุ่มหล่อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"

เฝิงเยี่ยนฮวายหัวเราะขั้นมาคิกคัก "อะไรกัน ตอนนั้นเธอปฏิเสธคำสารภาพรักจากฉัน พอมาถึงตอนนี้แล้วกลับรู้สึกเสียดายแล้วเหรอ ?"

เย่หนิงรู้สึกอายเป็นอย่างมาก เรื่องน่าอายแบบนี้ใครเขาพูดต่อหน้าคนมากมายอย่างนี้กันเล่า

เสิ่นอี้มองเย่หนิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ แล้วยิ้มขึ้น "อาหนิง คนคนนี้เป็นเพื่อนสมัยประถมของคุณเองหรือครับ ?"

"ชะ ใช่แล้ว......" เย่หนิงยิ้มขึ้นด้วยความเขินอาย เอ่อ... ไม่ใช่สิ... ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

แล้วนี่......ทำไมน้ำเสียงที่เสิ่นอี้พูดกับเธอถึงได้...ฟังดูแปลก ๆ......

ฟังดูแล้วรู้สึกเหมือนกับว่ามีนัยอะไรบางอย่าง

ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้มีความรู้สึกว่าพวกเราเป็น...คนรักกันล่ะ !

คนรัก ? พอคำคำนี้ปรากฏขึ้นมาในหัว สีหน้าของเย่หนิงก็แดงซ่านขึ้นมาแล้ว

เฝิงเยี่ยนฮวายมองไปยังเย่หนิงและคนอื่นครู่หนึ่ง "อาหนิง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? แล้วพวกตำรวจนี่อีก ?" เมื่อเขาเห็นชุดเครื่องแบบของหยางปินกับคนอื่น ๆ แล้วจึงถามขึ้น "เป็นเพราะได้รับแจ้งความจากชาวบ้านเลยตามมาสืบใช่ไหม ? มีชาวบ้านคนไหนโดนกัดบ้างหรือเปล่า ?"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายถามคำถามรัวมาเป็นชุดอย่างกะทันหัน ทำเอาเย่หนิงไมรู้ว่าจะตอบอย่างไรดี แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ปีศาจภูเขาที่ชาวบ้านพูดถึงต้องหมายถึงผีดิบตนนี้แน่ ๆ

ผีดิบหรือ ? เย่หนิงเหลือบไปมองเด็กหนุ่มคนนั้น พลางคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า ?

บนโลกนี้อยู่ ๆ จะมีผีดิบขึ้นมาได้อย่างไรกัน ? นี่มัน......

มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

เธอกำลังคิดว่าจะพูดกับเฝิงเยี่ยนฮวายอย่างไรดี แต่อยู่ ๆ เสิ่นอี้ก็กลับพูดขึ้นมาเสียก่อน "คุณเป็นใครกันแน่ ? ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้"

เย่หนิงรู้สึกแปลกใจเช่นกัน พอคิดถึงสิ่งที่เฝิงเยี่ยนฮวายทำกับผีดิบนั่นราวกับคุ้นชินดีเมื่อสักครู่แล้ว ก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ "เฝิงเยี่ยฮวาย นายเป็นอาจารย์ปราบผีอะไรนั่นใช่ไหม ? ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย สมัยนี้หมอผีต้องแต่งตัวทันสมัยแบบนี้แล้วเหรอ ?"

เฝิงเยี่ยนฮวายไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี "อาหนิง ฉันเป็นคนยุคปัจจุบัน ไม่ได้ข้ามเวลามา ฉันจะต้องแต่งเป็นชุดนักบวชเต็มยศด้วยหรือไง ! จริงสิ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ต้องบอกเอาไว้ ฉันไม่ใช่นักบวชอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ใช่ท่านอาจารย์ปราบผีอะไรนั่นด้วย ฉันเป็นคนปราบผีดิบโดยเฉพาะต่างหาก"

"แล้วแบบนั้นไม่ใช่อาจารย์ปราบผีหรือไงเล่า ?" เย่หนิงไม่เข้าใจ

"ไม่ใช่น่ะสิ" เฝิงเยี่ยนฮวายหัวเราะขึ้น “ฉันไม่ได้จับผี ฉันแค่ล่าผีดิบเท่านั้น"

เขามองเย่หนิงแล้วพูดขึ้นช้า ๆ "ฉันเป็นนักล่าผีดิบ ! นักล่าผีดิบน่ะ !"

เย่หนิงสาบานได้เลยว่า ถ้าครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้นมีคนมาพูดแบบนี้กันเธอล่ะก็ เธอก็คงคิดว่าคนนั้นเป็นบ้าแล้วแน่ ๆ

แต่ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พอได้ฟังเฝิงเยี่ยนฮวายพูดแบบนี้เธอกลับเชื่อสนิทใจ

ขนาดผีดิบยังปรากฎตัวออกมาได้ ถ้าหากมีนักล่าผีดิบขึ้นมาอีกก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอได้พบกับเหตุการณ์แปลก ๆ มามากแล้ว ตอนนี้ยังมีนักล่าผีดิบโผล่ขึ้นมาอีก สำหรับเธอในตอนนี้แล้วมันก็คงเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วล่ะ

หยางปินเดินเข้ามา มองเฝิงเยี่ยนฮวายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย "เฝิงเยี่ยนฮวายใช่ไหม ? คุณเป็นนักล่าผีดิบใช่ไหมครับ ? ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณหน่อย คุณรู้ได้อย่างไรครับว่ามีผีดิบยู่ที่นี่ ?"