ตอนที่ 38 ออกมาแล้ว
"กลัวอะไรกันเล่า !" เสียวหม่าผลักกู่ซานหมิงให้ออกไป "หลบไป ! พวกเรามาจับปีศาจภูเขากันนะ !"
"หัวหน้าหยาง เดี๋ยวครับ !" ตอนนี้คนที่มาขวางทางพวกเขาเอาไว้กลับเป็นเสิ่นอี้แทน
เขามองเข้าไปในหลุมที่มืดมิดนั้นครั้งหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า "หัวหน้าหยาง พวกเรายังไม่รู้ว่าในหลุมมันลึกแค่ไหน และข้างในมันมีอะไรบ้าง ถ้าเกิดสุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปอาจได้รับอันตรายได้ เราหาอะไรมาขุดเปิดปากหลุมกันก่อนดีไหมครับ"
หยางปินหยุดคิดสักพัก เมื่อเห็นว่าที่เสิ่นอี้พูดมานั้นมีเหตุผลเขาจึงพยักหน้าตอบ "ถ้าแบบนั้นก็ดี เราช่วยกันหักกิ่งไม้มาขุดปากหลุมกันเถอะ"
การใช้กิ่งไม้มาขุดปากหลุมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แต่ยังดีที่ทุกคนเป็นวัยหนุ่มสาว พละกำลังยังแข็งแรงดี และไม่กลัวความลำบาก ทุกคนจึงช่วยกันอย่างขันแข็ง แม้แต่กู่ซานหมิงก็ยังต้องมาช่วยขุด แค่นี้ก็คงขุดเปิดปากหลุมได้แล้ว
ที่เสิ่นอี้พูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ไม่รู้ว่าหลุมนี้ลึกเท่าไหร่กันแน่ พวกเขาขุดลงไปเกือบสองเมตรแล้ว แต่ก็ยังขุดไม่ถึงด้านล่างเสียที มองลงไปก็ยังคงมืดสนิท อีกทั้งกลิ่นเหม็นที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้จะสวมหน้ากากกันพิษอยู่ แต่โดยพื้นฐานแล้วหน้ากากนี้กันกลิ่นเหม็นไม่ได้ พวกเขารู้สึกเวียนหัวจนแทบจะล้มพับลงไปแล้ว
ก่วนอี้เลี่ยงปาดเหงื่อพลางพูดว่า "เอายังไงกันดีครับ ? ขุดเท่าไหร่ก็ไม่ถึงข้างล่างสักที ในนี้มันมีอะไรอยู่กันแน่ ?"
หยางปินถือไฟฉายส่องเข้าไปข้างในแล้วส่ายหัว "แบบนี้ไม่ไหวแน่ ดูท่าแล้วคงต้องใช้เครื่องขุด พวกเรายืนเฝ้าอยู่ตรงนี้นะ ให้เสียวหม่ากับเหล่าเถี่ยตามกู่ซานหมิงลงเขาไป หาคนเยอะ ๆ ให้มาช่วยกันน่าจะดีกว่า จากนั้นก็โทรกลับไปที่กรมตำรวจรายงานสถานการณ์ที่นี่ด้วย สถานที่บ้า ๆ นี่ แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี พวกเขาจะได้ไม่เป็นกังวล และก็โทรถามโรงพยาบาลด้วยว่านักศึกษาพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง"
"ได้ครับ หัวหน้าหยาง พวกคุณก็ระมัดระวังตัวด้วยนะครับ" พวกเสียวหม่าไม่รอช้ารีบลงเขาไปตามคนมาช่วย
อากาศยิ่งร้อนอบอ้าวขึ้น กลิ่นเหม็นในหลุมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ทุกคนทำได้แค่เพียงหลบไปไกล ๆ จากปากหลุมเท่านั้น แต่ก็ยังไม่พ้นจากรัศมีกลิ่นเหม็นกระอักกระอวนนี้ได้
เย่หนิงส่งขวดน้ำให้ลู่เว่ย แล้วถามว่า "ไอ้หนูลู่ แกไม่เป็นไรใช่ไหม ?
"ยังโอเคครับ แค่ถลอกนิดหน่อยเอง ไม่ต้องเป็นห่วง" ลู่เวยพูดไปพลางเหยียดขาออกมา “ลูกพี่เห็นไหมครับ ! ผมยังโอเคอยู่นะ"
หยางปินด่าออกมา "ไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ลงแรงไปตั้งเยอะแล้วนะโว้ย !"
เสิ่นอี้พยักหน้า "จริงด้วย รอยข่วนนั่นเหมือนเป็นของสัตว์ป่า แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรถึงได้แรงเยอะขนาดนี้ ขนาดผู้ชายตัวใหญ่หลายคนยังดึงลู่เว่ยขึ้นมาไม่ไหว เกือบถูกเจ้านั่นลากพวกเราลงไปในนั้นแล้ว"
สีหน้าของเย่หนิงเปลี่ยนไป “ขนาดนั้นเลยหรือคะ !"
"ใช่ครับ" เสิ่นอี้พยักหน้า "เมื่อกี้พวกเราแทบจะต้องใช้แรงทั้งหมดในการดึงตัวลู่เว่ยขึ้นมา"
ลู่เว่ยลูบขาตัวเอง "ผมว่านะ สัตว์ป่าทั่วไปอย่างพวกเสือ เสือดาว คงไม่อาศัยอยู่ในหลุมนี่หรอก แล้วยิ่งเป็นหลุมที่มีกลิ่นเหม็นมากขนาดนี้ด้วย ทั้งเหม็นทั้งน่าขยะแขยง คงอยู่ไม่ได้แน่ ๆ ครับ"
เย่หนิงรู้สึกขำอย่างมาก "ไม่แน่คนอื่นอาจมันอาจจะไม่รู้สึกเหม็นก็ได้นะ สิ่งนี้น่ะ......"
เย่หนิงพูดยังไม่ทันจบ ลู่เว่ยกลับใช้สองมือบีบเข้าที่คอตนเอง พลางร้องตะโกนลั่น เสียงตะโกนเล็กแหลมนั่นเหมือนกับเสียงร้องของหมาป่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ ทำเอาเย่หนิงกับคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นก็เห็นลู่เว่ยกำลังบีบคอตัวเองแล้วนอนกลิ้งลงไปกับพื้นร้องขอชีวิต ส่งเสียงอย่างเจ็บปวดไม่หยุด
"ลู่เว่ย !"
เย่หนิงที่อยู่ใกล้ตัวของเขาที่สุดรีบพุ่งไปช่วยทันที
แต่ไม่คิดว่าอยู่ ๆ ลู่เว่ยจะกระโดดขึ้นมา แล้วส่งเสียงร้องดังโหวกเหวก ง้างปากจะเข้ากัดเธอ
"ระวัง !" เสิ่นอี้ดึงไหล่ของเธอออกมาแล้วกางแขนขวางกั้นเธอเอาไว้ ทำให้ลู่เว่ยกัดเข้าไปที่แขนของเสิ่นอี้อย่างจัง
หยางปินกับคนอื่น ๆ ก็รีบพุ่งเข้ามาช่วยกันจับตัวลู่เว่ยที่กำลังมีอาการบ้าคลั่ง แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเสียงร้องดัวคำรามออกมาจากหลุมลึกนั้น ใบหน้าของเสิ่นอี้เปลี่ยนสีไปอย่างมาก "แย่ล่ะ หนีไป หนีไปเร็วเข้า !”
เงายักษ์สีดำกระโดดพุ่งออกมาจากปากหลุม แรงสั่นนั้นรุนแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือนไปหมด
กลิ่นเหม็นเน่าน่าขยะแขยงนั่นลอยโชยมาตามลม ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วทั้งป่า เย่หนิงรู้สึกกระอักกระอวนจนจะเป็นลม
สิ่งนั้นสูงเกือบสองเมตร หัวมีขนาดใหญ่ เหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิตใหญ่ยักษ์เมื่อมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา หากดูดี ๆ แล้วกลับดูเหมือนคนมากกว่า
บนตัวสวมชุดผุ ๆ ขาด ๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเน่าเฟะ หน้าตาดูไม่ได้เลยทีเดียว
เย่หนิงอาเจียนออกมาอีกรอบหนึ่ง ตัวประหลาดนั่นพุ่งตัวตรงดิ่งมาที่เธออย่างทันที
ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น หยางปินและคนที่เหลือยิงปืนขึ้นมาพร้อมกัน ลูกกระสุนต่างพุ่งตรงเข้าไปที่สิ่งนั้นทันที แต่การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ กลับไม่ทำให้สิ่งนั้นสะทกสะท้านแม้แต่น้อย มันยังคงไม่หยุดฝีเท้า ส่งเสียงร้องขณะที่เข้าไปจับเย่หนิง
เสิ่นอี้เข้ามาขวางร่างของเธอเอาไว้
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั้น ไม่ทันที่เย่หนิงจะได้โต้ตอบอะไร เมื่อเธอตั้งสติขึ้นมาได้ก็เห็นเสิ่นอี้เข้ามาขวางตรงหน้าของเธอแล้ว ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ของปีศาจนั่นจับตัวเสิ่นอี้ขึ้นมา เล็บยาวสีดำขลับราวกับมีพิษแฝงอยู่
"อย่า !" เย่หนิงตะโกนเสียงดัง คิดจะเข้าไปผลักตัวเสิ่นอี้ออกไป แต่มือของตัวปีศาจนั่นหยุดเธอเอาไว้เสียก่อน
ห่างจากหน้าเสิ่นอี้ไม่ถึงสิบเซนติเมตร มันก็หยุดลง
ตัวประหลาดนั่นส่งเสียงร้องต่ำ ๆ ออกมาราวกับรู้สึกโศกเศร้าและคับข้องใจ หลังจากนั้นมันก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เย่หนิงตกใจจนไม่กล้าหายใจออกมา หยางปินกับคนอื่น ๆ กลัวจนเหงื่อออกเสียท่วมตัว ตำรวจที่เหลือสับไกปืนเตรียมพร้อมที่จะยิงทันที ทันใดนั้นหยางปินตะโกนขึ้น "ยิงเจาะกะโหลกมันเลย !"
"เดี๋ยวก่อน !" เสียงชายแปลกหน้าลอยออกมาจากในป่า "อย่ายิงครับ ถึงยิงไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกคุณอาจไปยั่วโมโหมันได้”
พูดยังไม่ทันจบ ก็มีเงาสีดำพุ่งออกมาจากในป่า ตัวของเขาแข็งแรงปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว ในมือเหมือนถือกระบองไม้ ตีเข้าไปที่ด้านหลังปีศาจอย่างหนักหน่วง มันถูกเขาตีจนเดินโซเซ แล้วส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับกระบองไม้นั่นทำมันเจ็บปวดเกินจะรับไหว
ทันใดนั้นเพียงพริบตาคน ๆ นั้นกระโดดเข้ามาตรงหน้าปีศาจด้วยความว่องไว ในมือถือกระดาษสีเหลือง แล้วแปะเข้าที่หน้าผากของปีศาจนั่น
มันหยุดนิ่งทันที !
ราวกับโดนสกัดจุด ยืนแข็งทื่อไม่ขยับตัว
เวลานี้เย่หนิงและคนอื่น ๆ เพิ่งจะมองเห็นถนัดตาว่ามันเป็นอะไรกันแน่
ชายหนุ่มอายุยังน้อย สวมชุดสีดำ แม้แต่บนศีรษะยังสวมหมวกแก๊ปสีดำ ผิวสีแทนดูแข็งแรง คิ้วชี้ตรงตาเรียวยาว นึกไม่ถึงว่าจริง ๆ แล้วจะเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง
ไม่ต้องพูดเลยว่าเย่หนิงจะมึนงงขนาดไหน พวกหยางปินพากันมองอ้าปากค้าง ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอยู่ ๆ มีชายหนุ่มโผล่ออกมาได้อย่างไรกัน
แต่ว่า......เมื่อเย่หนิงมองไปมองมา ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน ?
ชายหนุ่มคนนั้นไม่สนใจพวกเขา รีบวิ่งเข้าไปที่ข้างตัวลู่เว่ยด้วยความรวดเร็ว หยิบยาออกมาจากถุงแล้วใส่เข้าไปในปากของลู่เว่ย
"คุณทำอะไรน่ะ !" หยางปินเดินพุ่งตรงไป หยุดมือของชายหนุ่มไว้ทันที