ตอนที่ 36 ท่านอาจารย์ปราบมาร
“หา... อะไรนะ ?” เสิ่นอี้ถึงกับไม่รู้ว่าจะต้องทำสีหน้าอย่างไร “คุณพูดว่าอะไรนะ ?”
“ฉันบอกว่า ฉันฝันร้ายเห็นคุณกลายเป็นผีดิบ แถมยังกัดฉันอีก”
“อ๋อ...” เสิ่นอี้ลูบหน้าที่ถูกเธอต่อยจนรู้สึกเจ็บ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ดุขนาดนี้”
เย่หนิงเองก็รู้สึกผิดอย่างมาก “ขะ...ขอโทษนะ...ฮ่า ๆ...ก็ฉันนึกว่าคุณเป็นผีดิบไปแล้ว”
อยู่ ๆ เขาก็กลับยิ้มออกมา “ถึงผมจะกลายเป็นผีดิบ ผมก็ไม่กัดคุณหรอกครับ คุณจะกลัวไปทำไมล่ะ”
เย่หนิงมองไปที่เขาครู่หนึ่ง
ผีดิบเหรอ ?
หล่อนฝันเห็นเขากลายเป็นผีดิบได้อย่างไรเนี่ย ?
ทันใดนั้นก็ปรากฏภาพประหลาด ๆ ขึ้นมาในหัว
คืนวันพายุฟ้าคะนอง บริเวณสุสานสองข้างทางกลับปรากฏศพของผู้ชายสวมชุดขาวไว้ผมยาวขึ้นในระหว่างทาง ศพที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
ศพที่ยังดูเหมือนมีชีวิตอยู่
เย่หนิงใช้สองตามองเสิ่นอี้อีกครั้ง
เสิ่นอี้เหมือนจะรู้สึกขำขึ้นมา “มองอะไร พอได้แล้ว ผมพูดเล่นเฉย ๆ ผมจะกลายเป็นผีดิบได้อย่างไรกันล่ะ”
“คุณ...” เย่หนิงคิดอยากจะถามถึงเรื่องเมื่อคืนนั้น แต่ว่าเธอจะถามอย่างไรดีล่ะ ? ก่อนหน้านี้ก็ถามไปแล้ว เขาก็ให้คำตอบแล้วด้วย แล้วเธอจะถามอะไรเขาอีก ?
แต่ถ้าไม่ถาม เธอก็คงไม่หายข้องใจ เหตุการณ์นั้นเหมือนยังคงฝังใจของเธอ ฝังแน่นจนถอนไม่ขึ้น ได้แต่คาใจอยู่อย่างนั้น คาใจจนทนไม่ได้
“เป็นอะไรไปครับคุณหมอเย่” เสิ่นอี้ราวกับมองทะลุถึงความคิดในใจของเธอ “คุณมีอะไรอยากจะถามผมอย่างนั้นเหรอ ?”
เย่หนิงไม่ตอบอะไรเขา แต่ถามกลับ “คุณคิดว่าฉันฝันแปลก ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน ?”
เสิ่นอี้พูขึ้นอย่างเรียบ ๆ “ความฝันนั้น จริง ๆ แล้วเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอย่างหนึ่งในในของมนุษย์ คุณไม่เคยได้ยินคำว่ากลางวันนึกถึง กลางคืนนึกฝันหรือครับ ? ความฝันนั้นมักจะสะท้อนความรู้สึกในใจของคุณออกมา”
เย่หนิงมองเขาอย่างเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ “กลางวันนึกถึง กลางคืนนึกฝันอย่างนั้นเหรอ ? แต่ฉันไม่เคยคิดว่าคุณกลายเป็นผีดิบนี่”
เสิ่นอี้ไม่รู้จะหน้าอย่างไรดี อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะขำก็ขำไม่ได้ “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกน่า สิ่งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ เรื่องที่คุณพบเจออยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เรากำลังเจอกันอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เราไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้ ในสมองของคุณเอาแต่คิดถึงเรื่องแปลก ๆ นี่อยู่ตลอดเวลา ก็เลยทำให้ตอนกลางคืนคุณได้ฝันแปลก ๆ อย่างนี้ยังไงล่ะครับ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ?” เย่หนิงมองไปที่เสิ่นอี้อีกครั้ง “ถ้าฉันจะบอกว่า ก่อนหน้านั้นฉันเคยพบคนที่หน้าตาเหมือนคุณมาก่อน คุณจะคิดว่าฉันพูดโกหกหรือเปล่าล่ะ ?”
“หืม ที่ห้องชันสูตรศพน่ะเหรอ ?” ในดวงตาที่งดงามดั่งก้อนหยกของเสิ่นอี้ปรากฏรอยยิ้มอยู่ในนั้น
เย่หนิงรู้สึกราวกับตัวเองเป็นโรคประสาท
เรื่องนั้น เธอจำได้อย่างแม่นยำว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ว่าทำไมลู่เว่ยกลับจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ ? แล้วภาพในกล้องวงจรปิดนั่นอีก ทำไมค้นดูจนทั่วก็ไม่พบภาพที่เกี่ยวข้องเลยสักนิด ?
หรือนี่ก็ฝันไปอีก ?
หากเป็นความฝันจริง ๆ ฝันนั้นก็ช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน
เธอยังรู้สึกถึงความเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งจากผิวกายของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ความรู้สึกหนาวเข้ากระดูกแบบนี้ เหมือนกับศพของพวกหวังจวิ้นไม่มีผิด
และถ้านี่เป็นความฝันละก็ เธอจะรู้สึกได้ชัดเจนขนาดนี้เลยหรือ ?
รู้สึกสับสน สับสนอย่างสุด ๆ !
เย่หนิงส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีอะไร”
เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “คุณหมอเย่ บางทีช่วงนี้คุณอาจจะทำงานจนเหนื่อยเกินไป ดังนั้นจึงเกิดความคิดแปลก ๆ แบบนี้ขึ้นมา”
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ?
“พอกลับไปแล้ว ก็พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ” เสิ่นอี้พูดขึ้นเพื่อปลอบเธอ
เย่หนิงก็รู้สึกว่าตัวเองก็ควรพักผ่อนเช่นกัน
ทุกคนค้นหาภายในโกดังจนทั่วอีกครั้ง แม้แต่กองฟางเปลือกข้าวก็พลิกขึ้นดูจนหมด แต่ก็ไม่พบกับอะไรที่น่าสงสัยเลย แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็กลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ทุกคนต่างตาสว่างกันหมด จนกระทั่งเวลาตีสี่กว่าก็ถึงได้รู้สึกง่วงแล้วพากันหลับไป แต่หลับไปไม่ถึงสี่ชั่วโมงก็ลุกตื่นขึ้นมา
พวกเขายังต้องขึ้นเขาไปจับ ”ปีศาจ” กันอีกนะ จะเอาเวลาที่ไหนไปนอนกัน
พอถึงตอนเช้า ทุกคนก็เตรียมตัว กินข้าวเช้าเล็กน้อยก่อนออกไป
หนึ่งคืนที่หลับใหลของหมู่บ้านว่างยาชุน เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทุกคนก็เริ่มกันออกไปทำนา
หยางปินปลดกุญแจของกู่ซานหมิงออก แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “มานำทางพวกเราขึ้นเขาไป อย่าคิดตุกติกนะ ไม่อย่างนั้นลูกกระสุนในมือผมมันไม่ปรานีคุณแน่ !”
สีหน้าของกู่ซานหมิงหดหู่เศร้าหมอง “คุณตำรวจ พวกคุณขึ้นเขาไปไม่ได้นะครับ มีปีศาจภูเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ ผมไม่ได้โกหกพวกคุณนะ ขืนพวกคุณขึ้นไป มีหวังได้ตายกันแน่ ๆ”
“จะพูดมากซ้ำซากอะไรวะ” เสียวหม่าผลักเขา “ไม่เห็นเหรอ ? พวกเราเป็นนักบวชนะ คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขาคือท่านอาจารย์ปราบมารผู้สูงส่งที่พวกเราเชิญมาจากที่ว่าการมณฑลเชียวนะ ภูติเพิดอะไรกัน ต่อให้เป็นภูติจากเขาซีซานพวกเราก็ไม่กลัว จริงไหมครับศาสตราจารย์เสิ่น ?”
เสิ่นอี้พยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เย่หนิงขำจนท้องคัดท้องแข็ง
ท่านอาจารย์ปราบมารเนี่ยนะ ?
คงช่วยชีวิตได้ล่ะมั้ง
“ผู้ใหญ่บ้านครับ ๆ” ชาวบ้านที่อยู่บนทางเดินมองเห็นพวกเขา ต่างก็ทักทายกู่ซานหมิง
“ผู้ใหญ่บ้านจะไปไหนกันครับ ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
กู่ซานหมิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ๆ “ต้องพาตำรวจพวกนี้ขึ้นเขาน่ะสิ”
“อะไรนะ ?” ชาวบ้านทั้งหมดต่างหยุดเดิน มองพวกเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจะไปไหนนะ ?”
กู่ซานหมิงพูดซ้ำขึ้นอีกรอบ “คุณตำรวจเขาอยากจะขึ้นเขาไปจับปีศาจภูเขากัน”
ไม่ทันที่จะพูดจบ ชาวบ้านก็ต่างส่งเสียงกันอย่างเซ็งแซ่ ไม่นานนักพวกเย่หนิงก็ถูกพวกชาวบ้านล้อมเอาไว้
“อะไรนะ ? ขึ้นเขา ?”
“พวกเขาจะขึ้นเขากันหรอ ?”
“พวกคุณบ้าไปกันแล้วหรือไง ?”
“ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านทำอะไรเนี่ย ? ทำไมถึงจะพาพวกเขาขึ้นเขาด้วย ?”
“จริงด้วยครับผู้ใหญ่บ้าน ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรอ ? ขึ้นเขาไม่ได้ ขึ้นเขาไม่ได้เด็ดขาด !”
เย่หนิงเห็นอาการของพวกชาวบ้าน เรียกได้ว่าต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นเทิ้มไปหมด ชาวบ้านล้อมพวกเขาเอาไว้ ต่างคนต่างก็พูดไม่หยุด พูดไปพูดมาก็จับใจความได้ว่า ขึ้นเขาไม่ได้เด็ดขาด !
เสียวหม่าไม่สนใจคำพูดพวกนั้น “กลัวอะไรกัน พวกเรามีปืนนะ !”
พอได้ยินคำพูดของเสียวหม่า ชาวบ้านที่สูงอายุคนนหนึ่งก็ตัวสั่นชี้หน้าด่าเสียวหม่าว่า “พวกแก พวกแกจะไปรู้อะไร พวกแกน่ะไม่รู้อะไรหรอก มีปืนแล้วจะทำอวดเก่งเหรอ พวกแกรู้ไหมว่านั่นคืออะไร ? นั่นมันคือปีศาจภูเขานะ พวกแกรู้จักปีศาจภูเขาด้วยเหรอ ? พวกแกไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ! ปีศาจภูเขามันฆ่าไม่ตายหรอกนะ !”
“พวกเรามีท่านอาจารย์ปราบมารอยู่ที่นี่แล้ว” เสียวหม่าเริ่มพูดล่อลวง “นี่คือท่านอาจารย์เสิ่นที่เราเชิญมาโดยเฉพาะ รู้ไหมว่าท่านอาจารย์เสิ่นเป็นใคร ท่านคือลูกหลานผู้ปราบภูตผี คนนี้เก่งกาจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นภูติผีแบบไหนท่านก็เห็นมาหมดแล้ว พวกคุณจะกลัวปีศาจภูเขาตัวเล็ก ๆ นั่นไปทำไมกันครับ”
คนแก่เมื่อโดนเสียวหม่าตอกกลับไปก็ถึงกับพูดไม่ออก สักพักจึงพูดขึ้นว่า “พวกแกนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย ถ้าพวกแกไม่กลัวตายก็อย่ายุ่งกับผู้ใหญ่บ้านของพวกเราเลย พวกแกจะไปจับผีก็ไปกันเอง อย่าเอาผู้ใหญ่บ้านมาเอี่ยวด้วย ท่านไม่มีทางไปเป็นเพื่อนพวกแกเพื่อเอาชีวิตไปทิ้งหรอก”
“เห็นด้วย” ชาวบ้านเหมือนรู้กันเอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านผู้ใหญ่บ้านไปไม่ได้นะ !”
เมื่อเห็นท่าทางของพวกชาวบ้านแล้ว ถ้าพวกหยางปินยังกล้าพากู่ซานหมิงขึ้นเขาไปด้วย คงโดนชาวบ้านพวกนั้นเอาถึงตายแน่นอน