webnovel

ตอนที่ 034

ตอนที่ 34 ผีดูดเลือด

น้ำในช่องท้องของศพพวกนั้น

กลิ่นเหม็นที่เหมือนกับตอนนั้น......

ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกน่า

ไม่มีทางที่แมลงดูดเลือดพวกนั้น......จะไต่เข้าไปในร่างนักศึกษาพวกนั้นหรอกใช่ไหม ?

ถ้าหากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะก็......

ความกลัวผุดขึ้นมาในใจของเย่หนิงลึก ๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แมลงดูดเลือดพวกนั้นก็เหมือนกับแมลงกาฝากที่ค่อย ๆ ดูดเลือดผู้ให้อาศัยทีละนิด ๆ จนหมดตัว พอดูดหมดแล้ว พวกมันก็หนีหายไปหาแหล่งที่ให้อาศัยใหม่......

แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ พวกเขาไม่รู้ว่าความสามารถในการแพร่พันธุ์และดำรงชีวิตของแมลงดูดเลือดนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าหากพลังชีวิตของสิ่งนี้มันเข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วล่ะก็ มันคงแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วแน่ ๆ

นักศึกษากลุ่มนั้นเป็นเหยื่อรายแรก ต่อมาเป็นผู้ปกครองของพวกเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ แพร่ไปทีละคน

แม้ตอนนี้ เราจะรู้ว่าที่มาของคดีนี้ก็คือแมลงเหล่านั้นแล้ว แล้วมันจะมีประโยชน์อย่างไรล่ะ ?

พวกเรามีวิธีต่อกรกับแมลงดูดเลือดพวกนี้อย่างนั้นหรือ ? ก็ไม่ ! พวกเขาไม่รู้วิธีเลยแม้แต่น้อย

อาการของโรคชนิดนี้ ก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ถึงแม้จะรู้ว่าแมลงพวกนี้อาศัยอยู่ในร่างกายนักศึกษาพวกนั้น แต่พวกเขามีวิธีกำจัดแมลงเหล่านี้หรือ ? แมลงตัวเล็กนิดเดียวคิดจะหาก็ยากแล้ว ถ้าคน ๆ หนึ่งถูกแมลงนับหลายร้อยตัวเจาะเข้าไปในร่าง ต่อให้ผ่าทุกอย่างในร่างกายจนเละ แต่ก็คงไม่สามารถเอาแมลงออกมาได้ทั้งหมด

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็......

เย่หนิงยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดผวา

นักศึกษาหลายสิบคนนั่น

และผู้ติดเชื้อที่เกรงว่าจะมีจำนวนไม่น้อยอีก

หรือว่าจะต้องเผาร่างของผู้เสียชีวิตเหล่านั้นจริง ๆ น่ะหรือ ?

ทำอะไรก็ไม่ได้ เพื่อที่จะปกป้องชีวิตของคนจำนวนมาก มีเพียงแค่ต้องเผาร่างของผู้ติดเชื้อเหล่านั้น

แยกนักศึกษาหลายสิบคนออกจากกัน ให้พวกเขานั่งรอความตายโดยไร้ความช่วยเหลือ

หลังจากตายแล้วก็นำไปเผาจนเป็นเถ้าถ่าน ปัญหาต่าง ๆ นานาก็คงสิ้นสุดลง

แต่ว่านี่มันเป็นการทารุณเกินไปจริง ๆ

มันคือชีวิตของคนสามสิบกว่าคน

พวกเขาต้องเฝ้ามองดูคนตายไปโดยไม่ให้การช่วยเหลือจริง ๆ นะหรือ ?

แต่ถ้าจะช่วย แล้วพวกเราจะช่วยอย่างไรล่ะ ?

ระหว่างที่เย่หนิงตกอยู่ในภวังค์อันสับสนอยู่ลึก ๆ นั้น

“คุณหมอเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ?”

เสิ่นอี้ขยับเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย

เย่หนิงหันหน้ามามอง ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาจับผิดสังเกตไม่ได้ของเขา

ในโกดังทั้งร้อนทั้งอึดอัดขนาดนี้ แต่เขากลับเหงื่อไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว ?

เขาไม่รู้สึกร้อนบ้างเหรอไงนะ ?

“คุณไม่ร้อนหรือคะ ?” เย่หนิงถามออกมาอย่างใจคิด

“ไม่ร้อนนี่ครับ มีอะไรเหรอครับคุณหมอเย่ หรือว่าคุณรู้สึกร้อน ?” เสิ่นอี้ถามเธอขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“ก็ใช่น่ะสิ” เย่หนิงไม่ทันได้พูดจบ ทันใดนั้นก็รู้สึกสั่นขึ้นมาฉับพลัน

ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกร้อนเลยนะ ?

ไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกร้อนเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกต่างหาก

ความรู้สึกหนาวที่พัดมาจากด้านข้าง

ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับ......

เหมือนกับมีน้ำแข็งก้อนมหึมาวางอยู่ตรงข้าง ๆ

น้ำแข็ง !

เย่หนิงพลันสะดุ้งขึ้นมา !

เธอมองเสิ่นอี้อย่างตกตะลึง

“คุณหมอเย่ คุณเป็นอะไรกันแน่ ? คุณรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวหรือเปล่าครับ ?”

มือขาวงามราวดั่งหยกขาว วางทาบบนหน้าผากของเธออย่างเบามือ

ความรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งแผ่ซ่านมาจากฝ่ามือของเขา เย็นจัดจนเธออดที่จะตัวสั่นไม่ได้

เย่หนิงมองเสิ่นอี้ด้วยสีหน้าหวาดกลัว พูดอะไรไม่ออก

เย็นเฉียบเลย

มือของเขาเย็นเฉียบเลย

ร่างกายของเขาก็......เย็นเราวกับน้ำแข็งเหมือนกัน

เหมือนน้ำแข็งจริง ๆ เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีก

ทันใดนั้นในหัวของเธอก็มีความคิดที่พรั่งพรูออกมามากมาย

ศพผู้ชายสวมชุดขาว

ผิวเย็นชืดราวกับน้ำแข็ง

ผมยาวถึงกลางหลัง ดวงหน้างดงามกว่าใครในหล้า

ใบหน้าดูมีชีวิตชีวา

ร่างที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วก็ภาพในกล้องวงจรปิดที่หาไม่เจอ

ลู่เว่ยที่ความจำเสื่อมอย่างไม่มีสาเหตุ

อีกทั้งคืนนั้นที่เธอ ”ฝัน” แบบนั้น

ผู้ชายที่ปรากฏตัวในฝันของเธอ......

หลังจากนั้น ร่างของศพที่มีสาเหตุการตายอย่างแปลกประหลาด เริ่มปรากฏออกมาทีละคน

ความหนาวเย็นของศพที่เหมือนกัน

เย่หนิงแทบจะจินตนาการออกมาได้หมด วันนั้นที่เธอลงมีดผ่าชันสูตรศพ ผ่าทรวงอกและช่องท้องศพที่อยู่ตรงหน้า มองเห็นอวัยวะภายในกลายเป็นสีเทาและแข็งตัวแบบเดียวกัน กลิ่นน้ำคั่งสีดำสนิทส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล

แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็เหมือนยังได้กลิ่นเหม็นนั่น

รวมถึงกลิ่นเลือดที่ไหลผสมปะปนอยู่

“คุณหมอเย่ครับ” ใบหน้างดงามหมดจดยื่นเข้ามาใกล้ทีละนิด เสียงนั้นอ่อนโยนราวกับสายลมอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ “คุณหมอเย่เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

“คุณ....คุณเป็นใครกันแน่ !” เย่หนิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามต่อ “เสิ่นอี้ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนปกติ ใช่ไหม ?”

“ผมก็บอกแล้วนี่นาว่าผมเป็นนักบวช ทำไมครับ ? คุณไม่เชื่อเหรอ ?” บนใบหน้าของเสิ่นอี้มีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นอยู่ รอยยิ้มที่ดูดีมาก ๆ จริงสิ ถ้าหากหมอนี่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ไม่ทำตัวแปลก ๆ แบบนี้ เย่หนิงสาบานได้ ว่าเธอไม่มีทางหลงใหลในตัวเขาหรอก

“ฉันพูดจริง ๆ นะ เสิ่นอี้ ! เรื่องที่คุณปรากฏตัวในห้องผ่าศพในคืนนั้น คุณคงต้องอธิบายกับฉันหน่อยแล้วล่ะ !”

“เรื่องอะไรเหรอครับ ?” เสิ่นอี้ยังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ แต่กลับมีความลึกลับบางอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้

นี่มันปีศาจชัด ๆ

หน้าตาดูดีขนาดนี้

ยังเป็นคนแน่เหรอ ?

ระหว่างที่เย่หนิงยังคงรู้สึกอึ้งอยู่นั้น อีกฝ่ายก็ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ทีละนิด

ริมฝีปากแดงก่ำของเขา ห่างเพียงไม่กี่คืบ ใบหน้างดงามนั่น

เย่หนิงกลืนน้ำลาย เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะหลบสายตาเขา

ไม่ได้ ๆ มองต่อไปไม่ได้ มันเหมือนกับ......เหมือนกับมีแรงดึงดูดจากตัวเขา

หน้าตาของหมอนี้ช่าง......

ช่างน่ากินนัก

เห็นแล้วก็อยากที่จะเข้าไปกัดเล่นเบา ๆ

ระหว่างที่เย่หนิงกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่นั้น กลับคาดไม่ถึงเสิ่นอี้จะลูบริมฝีปากของเธอในทันใด “อาหนิง...”

อาหนิง ? เย่หนิงรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

พอหันกลับไป ก็สบเข้ากับสายตาของเขาพอดี

ในดวงตาลึกล้ำนั่น มีรอยยิ้มแสนอบอุ่นซ่อนอยู่

แต่......

แต่ทำไม......เธอรู้สึกว่า รอยยิ้มนั้นกลับมีบางอย่างที่ผิดปกติ ราวกับว่าภายใต้ความอ่อนโยนนั้นมีแผนร้ายอะไรบางอย่างซ่อนไว้อยู่

ริมฝีปากอันสวยงามนั้น เริ่มที่จะเข้ามาใกล้ทีละนิด ๆ

สีปากนั่นสดราวกับจะทำให้ตาของเธอลุกเป็นไฟ

สีแดงเหมือนเลือด

เย่หนิงสะดุ้งขึ้นอย่างทันที

ไม่ใช่สิ ทำไมริมฝีปากของเขาถึงได้แดงขนาดนี้

สีแดงก่ำนั่น......ราวกับสีเลือด......

นั่นเลือดใช่ไหม ?

ความรู้สึกเย็นยะเยือกในใจเริ่มที่จะลดต่ำลงมา จิตใจสำนึกของเย่หนิงคิดที่จะหนีออกไป แต่อีกฝ่ายกลับคว้าเข้าที่หัวไหล่ของเธอไว้ จับเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ทันที่เธอจะได้ดิ้นรนกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไหลผ่านเข้ามา เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างขีดสุด เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นมืออีกฝ่ายกำลังล็อกหัวไหล่ของเธอไว้ นิ้วเรียวยาวทิ่มแทงเข้าไปในหัวไหล่ พลันเลือดสด ๆ ก็ไหลรินออกมา

“คุณหมอเย่ คุณคิดจะไปไหนครับ ?”

เขาขยับเข้ามาจนชิด ทันใดนั้นเขาก็กระชากผมยาว ๆ ของเธอ แล้วปากก็กัดเข้าที่คอ

“โอ๊ย !” เย่หนิงสะดุ้งตกใจจนแทบจะเป็นบ้า เธอตะโกนร้องขึ้นเสียงดัง พลางตบเตะทุบตีเขาอย่างไม่ยั้งมือ

“ปล่อยฉัน คุณปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ !”

“คุณหมอเย่ คุณหมอเย่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ คุณหมอเย่ !”