webnovel

ตอนที่ 033

ตอนที่ 33 พอดีเลย ผมนี่แหละ……

“อย่างนั้นเหรอครับ” แต่หยางปินไม่คิดเช่นนั้น “แต่ยังไงผมก็ต้องไปดูอยู่ดีว่าปีศาจภูเขากับปืนกระบอกนี้ ใครที่จะแน่กว่ากัน”

กู่ซานหมิงหวาดกลัวจนใบหน้าแทบที่จะไม่มีสีเลือด “คุณตำรวจครับ ปืนของพวกคุณไม่สามารถฆ่าปีศาจภูเขาให้ตายได้หรอกครับ”

“อ๋อ” หยางปินถาม “ถ้าอย่างนั้นจะต้องทำอย่างไรถึงจะฆ่ามันได้ล่ะ ?”

“ต้อง....” ทันใดนั้นกู่ซานหมิงก็หุบปากลง ไม่พูดอะไรต่อ

มีพิรุธชัด ๆ เลย !

ถ้าพวกเขาดูไม่ออก ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเมื่อกี้กู่ซานหมิงอยากจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่อยู่ดี ๆ เขาก็ไม่กล้าพูดต่อเสียอย่างนั้น ต้องปิดบังอะไรอยู่แน่ ๆ

“ต้องอะไรล่ะ ?” หยางปินพูดขึ้นเสียงดุ “จะบอกหรือไม่บอก ถ้าไม่บอกจะได้จับโยนไปเป็นอาหารของพวกมันซะ”

กู่ซานหมิงหวาดกลัวจนต้องหลบอยู่หลังเสา “คุณตำรวจ คุณจะโมโหผมแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ผะ...ผมก็พูดความจริงออกไปหมดแล้วนี่ไง ! แต่พวกคุณกลับไม่เชื่อที่ผมพูดเอง”

“เชื่อคุณเนี่ยนะ ?” เสียวหม่าไม่คิดเช่นนั้น “คุณมีวิธีต่อกรกับไอ้ปีศาจพวกนั้นหรอ ?”

“ไม่ ไม่ใช่...” กู่ซานหมิงเอาแต่ส่ายหัว “ผะ...ผมหมายความว่า เพราะว่ามันเป็นปีศาจ พวกคุณ...ปะ ปืนของพวกคุณ ฆ่ามันไม่ได้แน่ ตะ...ต้องเชิญนักบวชมาปราบมัน”

เย่หนิงอยากจะถีบเขาเข้าสักที

อย่าว่าแต่เย่หนิงเลย พวกหยางปินยังอยากจะทำเสียยิ่งกว่านั้น ไม่เพียงแต่อยากรุมกระทืบกู่ซานหมิง แต่ยังคิดจะเอาแมลงดูดเลือดกรอกปากให้เขาพูดเพ้อเจ้อไปทั้งวันเลย

นี่ต้องถึงกับเชิญนักบวชมาปราบเลยเนี่ยนะ ?

ไอ้หมอนี่ท่าจะดูทีวีมากเกินไป หรือไม่ก็กินยาเกิดขนานจนเพี้ยนไปแล้วแหง ๆ

“นักบวชหรอ ?” ไม่ทันที่เย่หนิงจะพูดอะไรออกมา เธฮก็โดนเสิ่นอี้ดึงตัวไป เขาเดินไปตรงหน้ากู่ซานหมิง แล้วพูดขึ้นอย่าช้า ๆ “นักบวชเหรอครับ ? พอดีเลยครับ ผมนี่แหละนักบวช”

“พรวด” เย่หนิงเกือบจะหลุดขำออกมา

โถ พ่อคุณ อย่าเล่นมุขอย่างนี้สิ

ขอล่ะ อย่าเอาเรื่องตลกแบบนี้ มาพูดด้วยท่าทีที่จริงจังแบบนี้เลย

พอเสิ่นอี้พูดออกมาแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่หนิงกับพวกหยางปินเลย แม้แต่กู่ซานหมิงเองก็......พูดไม่ออกเสียแล้ว

ทุกคนมองไปที่เสิ้นอี้อย่างตกตะลึง ไม่มีปฏิกิริยาใดใดตอบกลับมา ทุกคนต่างอึ้งกิมกี่กันไปเสียหมด

“นักบวชเหรอ ?” เย่หนิงทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “ศาสตราจารย์เสิ่น ฉันก็เป็นนักบวชเหมือนกัน”

“จริงด้วย” อารมณ์ของเสิ่นอี้ทั้งจริงจังและไม่มีท่าทีที่จะล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว

เย่หนิงจึงหมดคำพูดในทันใด

เธอหันไปมองหยางปินและคนอื่น ๆ ก็พบว่าสีหน้าของพวกเขาเหมือนก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเช่นกัน

คงจะตกตะลึงกับพ่อนักบวชคนนี้เข้าให้เสียแล้วแล้ว

จากนั้นเสิ่นอี้ก็ตบลงไปที่บ่าของกู่ซานหมิง “คุณวางใจเถอะ ผมอยู่ที่นี่แล้ว การที่ผมจะต่อกรกับปีศาจภูเขานั้นไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเดียว พรุ่งนี้คุณช่วยพาพวกเขาขึ้นไปตามภูติบนเขาหน่อยสิครับ”

เย่หนิงมองสีหน้าของกู่ซานหมิงที่ชาไปทั่วทั้งใบหน้า คิดว่าหมอนี่ช่างน่าสงสารนัก นิ่งอึ้งจนตัวแข็งเป็นฟอสซิลไปเสียแล้ว

“ตกลงนะครับ เอาเป็นว่าอย่างนี้นะครับ ตอนนี้เวลาก็ดึกมากแล้ว ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนกันดีกว่านะครับ” เสิ่นอี้ไม่รู้ว่ากู่ซานหมิงจะตอบตกลงหรือเปล่า เขาจึงตัดสินใจแทนเขาเสียเลย

เย่หนิงทนไม่ไหว เธอจึงแอบเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

ส่วนหยางปินกับคนอื่น ๆ นั้น...

พวกเขานิ่งคิดอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ปล่อยพวกเขาสองคนไป คงไม่ดีเท่าไหร่นักที่พวกเขาจะเข้าไปประสมโรงด้วย

เสียวหม่าจึงดึงตัวลู่เว่ยไว้แล้วลดเสียงถาม “ฉันว่าคุณหมอเย่ของพวกเราคงไม่ได้สนใจในตัวศาสตราจารย์เสิ่นเข้าให้แล้วใช่ไหม ? เห็นตัวติดกันซะขนาดนั้น”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ลู่เวยลังเลมาก “คงโดนเล่นของเข้าซะแล้วมั้ง”

เสียวหม่ารู้สึกขำขึ้นมา “ถ้าคุณหมอเย่รู้ว่านายพูดแบบนี้ละก็ นายคงซี้แหงแก๋”

ลู่เว่ยนิ่งเงียบไป......

เขาเหลือบมองไปที่สองคนนั้น

สองคนนั้นเหมือนจะไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นที่มองพวกเขาอย่างแปลก ๆ เลยสักนิดเดียว

เสิ่นอี้เดินตรงไปที่หัวมุมของโกดัง นั่งลงไปโดยไม่สนใจว่าพื้นจะสกปรกแค่ไหน เย่หนิงจึงลดตัวลงนั่งชิดกัน แล้วถามขึ้นเสียงต่ำ “ศาสตราจารย์เสิ่นคะ คุณเป็นนักบวชจริง ๆ น่ะเหรอ?”

เสิ่นอี้เหลือบมองเธอชั่วครู่ “ผมแค่พูดเล่น คุณก็เชื่อน่ะหรือครับ ?”

“อะไรนะ ?” เย่หนิงมองไกลออกไปยังกู่ซานหมิงที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงเสาไม้นั่น และก็พวกหยางปินกับคนอื่น ๆ อีก พลันก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมา “นี่...คะ คุณพูดเล่นเหรอ ?”

เสิ่นอี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ก็เขาพูดเล่นมา ผมก็ต้องพูดเล่นกลับไปสิครับ !”

“เขาพูดเล่นเหรอ ?”

“แล้วคุณว่าเขาพูดจริงงั้นเหรอครับ” เสิ่นอี้ถามกลับ “คุณว่าที่เขาบอกจะเชิญนักบวชมาปราบภูตผีนั่น จะเป็นเรื่องจริงไหมอย่างนั้นเหรอ ?”

“ก็จริงของคุณนะ” เย่หนิงเกาหัว “เจ้าหมอนี่ พูดจาละเมอเพ้อพก เชื่อคำพูดของเขาไม่ได้เลยสักนิดเดียว”

“ก็ไม่แน่หรอกครับ” เสิ่นอี้พูดอย่างไม่รีบร้อนอะไร “กลัวว่าในคำพูดของกู่ซานหมิงนั่น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องจริงน่ะสิ”

“ปะ เป็นเรื่องจริงหรอ ไม่หรอกน่า”

“ทำไมจะไม่ล่ะครับ” เสิ่นอี้พูดขึ้น “ก็อย่างเรื่องการเสียชีวิตของน้องชายเขากับคนอื่น ๆ ถ้าเอาเรื่องไปตรวจสอบก็คงพบ เขาคงไม่กล้าพูดจาปั้นน้ำเป็นตัวมาหลอกพวกเราหรอกครับ”

เย่หนิงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่มัน... หรือคุณก็เชื่อว่าหมู่บ้านพวกเขาต้องคำสาปด้วย ?”

เสิ่นอี้ย้อนถาม “แล้วคุณล่ะ คุณเชื่อหรือเปล่าครับ ?”

“ฉัน......” เย่หนิงชะงักไป คิดเรื่องที่กู่ซานหมิงพูดไปเมื่อสักครู่......ในใจของเธอกลับรู้สึกเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว “ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ฉันคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ก็ยังแปลก ๆ อยู่ดี”

“ก็จริงนะ” เสิ่นอี้พูดอย่างครุ่นคิด “ผมว่าพวกเขาต้องปกปิดอะไรบางอย่างไว้แน่ ๆ ผมว่าพรุ่งนี้พวกเราขึ้นไปดูบนเชากันดีกว่า ไม่แน่อาจจะเจอคำตอบอะไรบ้างก็ได้ ยิ่งพวกเขากลัวว่าเราจะขึ้นเขาไปขนาดนี้ ผมก็ยิ่งไม่เชื่อว่าจะเป็นเพียงเพราะเรื่องปีศาจภูเขาอะไรนั่นหรอก น่าจะเป็นเพราะพวกเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างมากกว่า”

เย่หนิงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ถ้ามีปีศาจภูเขาจริง ๆ ล่ะคะศาสตราจารย์เสิ่น อย่างนั้นคุณก็จะกลายเป็นเพียงนักบวชจอมปลอมน่ะสิ”

เสิ่นอี้กลับไม่สนใจ “กลัวอะไรล่ะครับ ? อย่างมากก็แค่ตายพร้อมกันเอง”

เย่หนิงพูดไม่ออก

“คุณพูดเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเลยนะคะ”

“เล็กตรงไหนล่ะครับ ไม่เล็กน้อยเลยสักนิด คุณอย่าลืมเรื่องนักศึกษาพวกนั้นสิ” เสิ่นอี้พูดด้วยสายตาที่เป็นกังวล “เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ หรอกครับ สิ่งที่ผมเป็นห่วงตอนนี้ก็คือนักศึกษาพวกนั้น ถึงแม้นักศึกษาสามคนนั้นจะตายอยู่ในโกดังนี้ แต่คุณอย่าลืมสิว่ายังมีนักศึกษาอีกคนหนึ่งที่ตายหลังจากออกไปจากหมู่บ้านว่างยาชุนด้วย อีกทั้งลักษณะการตายก็เหมือนนักศึกษาสามคนก่อนหน้านั้นไม่มีผิด ผมไม่คิดว่าชุนเจี้ยนหลานจะเป็นรายสุดท้ายแน่”

“จริงด้วย” เย่หนิงอุทานออกมา

ที่เสิ่นอี้พูดมา คงเป็นเรื่องที่พวกเขากังวลอยู่ตลอดใช่ไหม ?

เสิ่นอี้พูดเสียงหนักแน่น “คดีฆาตกรรมนี้ถึงแม้จะดูเหมือนว่าหาคำตอบได้ แต่ก็ยังมีจุดที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่อีกมาก ถึงการตายของนักศึกษานั้นจะเกี่ยวข้องกับแมลงดูดเลือด แต่เรื่องที่คนทั้งสามสิบกว่าคนต่างนอนหลับสนิทเป็นตายภายในโกดังในคืนนั้นจะอธิบายอย่างไรล่ะครับ รวมถึงซุนเจี้ยนหลานที่ตายในร้านกาแฟด้วย... แล้วก็...”

เสิ่นอี้สังเกตโกดังที่ทั้งมืดสนิทและแสนจะอึดอัด แล้วพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “คุณอย่าลืมว่ายังมีแมลงดูดเลือดจำนวนมากที่หายไปที่ไหนก็ไม่รู้ คุณว่าแมลงเหล่านี้จะเจาะเข้าไปในตัวคนได้หรือเปล่าครับ ?”

“ซี้ด” ขนบนตัวเย่หนิงตั้งหมดแล้ว “ศาสตราจารย์เสิ่นคะ คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิ”

“ผมไม่ได้ขู่คุณนะ ปลิงยังเกาะบนตัวคนได้ แล้วทำไมแมลงดูดเลือดพวกนั้นจะทำไม่ได้ คุณลืมกลิ่นเหม็นของน้ำขังในช่องท้องกับในทรวงอกของผู้ตายไปแล้วหรือครับ คุณคิดว่าน้ำพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ?”