webnovel

ตอนที่ 028

ตอนที่ 28 แมลงดูดเลือด

“ผู้หญิงอะไรไม่เรียบร้อยเอาซะเลย”

เสิ่นอี้ส่ายหน้าเบา ๆ ทำให้เย่หนิงรู้สึกอับอายอย่างถึงที่สุด

มันก็เป็นแค่อุบติเหตุ !

เธอเพียงแค่จะทำท่าเฉย ๆ ไม่ได้คิดที่จะต่อยเขาจริง ๆ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเสิ่นอี้จะไม่หลบหมัดของเธอ ทำให้เธอต่อยเข้าไปที่หน้าของเขาโดยที่ไม่ตั้งใจ

ผิวของเขาที่ขาวราวกับน้ำนมในตอนแรกนั้น พอถูกต่อยใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างทันที

เย่หนิงแอบฉลองในใจ อย่างน้อยก็โชคดีที่เธอไม่ได้ชกโดนจมูก ไม่อย่างนั้นเเลือดกำเดาของเขาคงไหลออกมาแน่ และเกรงว่าจมูกจะยุบเขาไปจริง ๆ

“แหะ ๆ... ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ...อ่อ จริงสิ ศาสตราจารย์เสิ่น คุณว่าแมลงพวกนี้มันคืออะไรกันแน่คะ ?”

เย่หนิงรีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันที

เสิ่นอี้มองเธออย่างอารมณ์ดีและรู้สึกขำ แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่พูดอย่างไม่เต็มใจนักว่า “มันคือแมลงน่ะ แมลงตัวเล็กสีดำ แมลงดูดเลือด เหมือนกับพวกปลิงและยุง”

แมลงดูดเลือดอย่างนั้นเหรอ ?

เขาตั้งชื่อให้มันด้วยเนี่ยนะ ?

แต่สำหรับเย่หนิงแล้ว แมลงพวกนี้มันน่าขยะแขยงมาก ดูหยุบหยับ เห็นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

“ช่างมันเถอะ ไม่ว่าจะเป็นแมลงดูดเลือดหรือไม่ดูดเลือด พวกเราก็รีบหาหลักฐานต่อกันเถอะค่ะ...”

“เดี๋ยวก่อนครับ” เสิ่นอี้หยุดเธอไว้ “คุณหมอเย่ นี่ก็คือหลักฐานไงครับ ?”

ไฟฉายในมือของเขาส่องไปยังแมลงกลุ่มนั้น

“อะไรนะ ?” เย่หนิงมองไปยังกองแมลงที่น่าขยะแขยงนั่นอีกครั้ง “นั่นมันนับว่าเป็นหลักฐานที่ไหนกันล่ะคะ ?”

“ทำไมจะไม่นับว่าเป็นหลักฐานล่ะ ? คุณลืมไปแล้วหรอว่านักศึกษาพวกนั้นเขาตายอย่างไร”

“หืม ?”

“คุณก็ได้ผ่าชันสูตรศพแล้วนี่ พวกเขาเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเกินไป ทำไมถึงได้เสียเลือดมากเกินไปงั้นหรือ ทีนี้คุณพบสาเหตุหรือยังล่ะครับ ?”

เย่หนิงนิ่งอึ้งไป

เสิ่นอี้ส่งสายตามองเธอ สายตาของเขาแฝงไว้ด้วยนัยบางอย่าง “ดูสิ คุณดูพวกแมลงนั่นสิ คุณไม่นึกเอะใจอะไรสักนิดเลยหรือครับ ?”

“แมลง ?”

“คุณไม่รู้สึกว่ากลิ่นเหม็นนั่นมันคุ้น ๆ บ้างเหรอ ?”

อยู่ ๆ เย่หนิงร้องออกมาเสียงหลง “ศาสตราจารย์เสิ่น ที่คุณพูดนั่นหมายความว่า เป็นไปได้มากว่าที่นักศึกษากลุ่มนั้นเสียเลือดไปมากเป็นเพราะถูกแมลงพวกนี้ดูดเลือดใช่ไหมคะ ?”

เธอนึกถึงของเหลวสีดำที่ส่งกลิ่นเหม็นในทรวงอกและช่องท้องของผู้เสียชีวิตกลุ่มนั้น

แล้วก็ลักษณะการตายของศพที่ผิดปกตินั่นอีก

ไม่มีรอยเลือด มีเพียงแต่อวัยวะภายในที่ซีดเซียวและแห้งแข็ง

“หัวหน้าหยางคะ” เธอรีบพุ่งตัวลงไปด้านล่าง “ขึ้นมานี่เร็วค่ะ เราพบแล้ว เสี่ยวก่วน ช่วยหยิบกล่องอุปกรณ์เก็บตัวอย่างขึ้นมาให้หน่อย”

เสียวก่วนเป็นนักเก็บหลักฐานของพวกเขา เขาเป็นผู้ชายสวมแว่นมีชื่อเต็ม ๆ ว่าก่วนอี้เลี่ยง ตั้งใจทำงานและเป็นคนที่จริงจังมาก

หยางปินนำทุกคนขึ้นมาด้านบน

เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงแล้วก็เห็นกองทัพของแมลงพวกนั้น

“ตอนเก็บหลักฐานให้ระวังตัวด้วยนะ” เสิ่นอี้เตือนเสียวก่วน

ก่วนอี้เลี่ยงใช้วิธีตามที่เสินอี้ว่าไว้ คือใช้ฟางข้าวเป็นสะพาน แล้วให้แมลงสีดำพวกนั้นค่อย ๆ ไต่เข้าไปในถ้วยภาชนะ หลังจากนั้นจึงรีบปิดฝาทันที

แมลงเหล่านั้นอยู่ในภาชนะที่ปิดมิดชิดโดยสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

พวกเขาไม่สนว่าแมลงพวกนั้นจะขาดอากาศหายใจจนตาย แต่พวกเขาเป็นห่วงว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้จะหลุดเล็ดลอดออกมาต่างหาก

“เก็บให้ดีนะครับ สิ่งนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีนี้” ตอนที่เสิ่นอี้พูดประโยคนี้ออกมา สายตาของเขามองไปที่กู่ซานหมิงอยู่ชั่วครู่

สีหน้าของกู่ซานหมิงพลันซีดเผือด มองแมลงที่อยู่ในขวดแก้ว ร่างของเขาสั่นสะท้านไปเสียทั้งตัว “นะ... นี่มันคืออะไรเนี่ย ?”

เดิมทีเสียวหม่าก็ไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ใหญ่บ้านสักเท่าไหร่ พอเห็นกู่ซานหมิงมีท่าทีหวาดกลัวขนาดนี้ เขาก็ตะโกนใส่ผู้ใหญ่บ้านกู่เสียประโยคหนึ่ง “กู่ซานหมิง แค่แมลงพวกนี้ก็ทำให้คุณกลัวได้ขนาดนี้เลยหรือครับ ? หรือว่าในหัวของคุณมีแต่เรื่องผี คุณไม่เคยเห็นแมลงพวกนี้มาก่อนงั้นหรือครับ ?”

ไม่ได้มีแค่เสี่ยวหม่าที่อยากรู้ความจริง แต่พวกเย่หนิงเองก็อยากรู้ปัญหานี้เหมือนกัน

สีหน้าของกู่ซานหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา “แมลง แมลงน่ากลัวตรงไหนกัน ? ผมจะกลัวแมลงได้ยังไงกัน ?”

ไม่กลัวหรือ ? ปากบอกว่าไม่กลัว แต่ไม่ว่าใครก็ดูออกทั้งนั้นว่าเขากำลังหวาดกลัว อีกทั้งไม่ได้กลัวธรมดา ๆ เสียด้วย

เสียวหม่าหยิบขวดแก้วมาจากในมือของก่วนอี้เลี่ยงโดยที่หยิบผ่านหน้าของกู่ซานหมิง ทำให้กู่ซานหมิงสะดุ้งตกใจจนกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น เขากระโดดลงไปกับพื้น กลิ้งไปข้างหลังเสียหลายเมตร ท่าทางของเขาราวกับว่าหวาดกลัวต่อสิ่งที่ได้เห็นอย่างสุดขีด

ดูท่าว่ากู่ซานหมิงจะรู้จักสิ่งนี้อย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย

หยางปินกระชากคอเสื้อยกตัวของกู่ซานหมิงขึ้นมา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดสิ ! นี่มันคืออะไรกันแน่ ! คุณเคยเห็นมันมาก่อนใช่ไหม ? ถ้าหากคุณไม่พูด ผมจะเอาแมลงพวกนี้โยนใสตัวคุณเสียเลย”

กู่ซานหมิงตกใจร้องโอดครวญขึ้นเสียงดัง “ผม...ผะ...ผมไม่รู้เรื่องนะครับ ! ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น อย่าฆ่าผม อย่าฆ่าผมเลย !”

เขาพูดไปพลางกุมหัวไป ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องนั้นราวกับหมูถูกเชือดก็ไม่ปาน เย่หนิงแทบจะอดไม่ได้ที่จะเอามืออุดหู

“เห้ย บอกความจริงมา ! คุณบอกผมมาสิ จะตะโกนทำซากอะไร !” หยางปินผลักร่างของกู่ซานหมิงจนตัวเขาติดกำแพง แต่ดูเหมือนว่ากู่ซานหมิงจะเสียสติไปแล้ว เขาทั้งดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ทั้งกรีดร้องขึ้นมาเสียงแหลม

เสิ่นอี้ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “เขากำลังแสร้งทำทีว่าเสียสติ ล็อกตัวเขาไว้ครับ กดตัวเขาไว้ อย่าให้ดิ้นหลุดออกมาได้”

หยางปินไม่พูดอะไร เพียงแต่ล็อกตัวของกู่ซานหมิงเอาไว้ ตำรวจอาชญากรรมอีกสองนายก็มาช่วยกันล็อกตัวของกู่ซานหมิงไว้อย่างแน่นหนา

เสิ่นอี้พูดกับเสียวหม่าขึ้นอีกครั้งว่า “กรีดตัวเขาหลาย ๆ รอย จากนั้นก็เอาแมลงพวกนั้นเทใส่เขาซะ”

เย่หนิงอดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้

ส่วนหยางปินกับคนอื่น ๆ ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์นั้นก็เลยไม่รู้ว่าทำไมต้องกรีดตัวตัวของกู่ซานหมิงด้วย เสิ่นอี้โยนมีดสั้นให้เสียวหม่า เห็นท่าทางของเขาเช่นนั้นแล้วดูเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก

“อย่า ! ผมพูดแล้ว ! ผมยอมพูดแล้ว !” กู่ซานหมิงร้องไห้อย่างครวญคราง “ผมพูดแล้ว... คุณตำรวจครับ เอาแมลงนั่นออกไปไกล ๆ เถอะนะ......ยะ...อย่ามาวางไว้ตรงนี้......”

เสิ่นอี้ถามเขาอย่างเย็นชา “นี่มันคืออะไรกันแน่ ?”

เมื่อกู่ซานหมิงพอที่จะรวบรวมสติได้ สักพักเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณตำรวจ ผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร......ที่นี่...อยู่ที่นี่ พวกเราเรียกมันว่าแมลงดูดเลือด พะ...พวกมัน มันดูดแต่เลือด......ถ้าหากมันมีน้อยก็ดีไป แต่ถ้า...แต่ถ้ามีเยอะ พวกมันก็สามารถดูดจนเลือดของคน ๆ นั้นหมดตัว”

เสิ่นอี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ถ้าอย่างนั้น นักศึกษาเหล่านั้นก็ตายเพราะฝีมือคุณสินะ”

“ไม่ ไม่ ไม่ใช่” กู่ซานหมิงเอาแต่ส่ายหน้าด้วยความกลัว เขาแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “คุณตำรวจ ผะ...ผมไม่ได้ทำผิด ผมไม่รู้จริง ๆ ผมไม่รู้ว่าในโกดังนั้นแมลงดูดเลือดอยู่ ถ้าผมรู้ ผมไม่มีทางให้นักศึกษาพวกนั้นพักอยู่โกดังนั่นหรอกครับ”

ร่างของเย่หนิงสั่นไปเสียทั้งตัว ถ้าอย่างนั้นผู้ใหญ่บ้านคนนี้ก็รู้มาตั้งนานแล้วว่านักศึกษาพวกนั้นตายอย่างไร ใช่ไหม ?

“กู่ซานหมิง” เย่หนิงรีบถามขึ้น “ก่อนหน้านี้คุณก็เคยเห็นมันมาก่อนใช่ไหม ? ในหมู่บ้านพวกคุณก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นใช่หรือเปล่าคะ ? คุณช่วยให้ความร่วมมือกับพวกเราดีกว่านะ”

กู่ซานหมิงพยักหน้าอย่างหมดแรง “ใช่ครับ ก่อนหน้านี้มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนจริง ๆ...แต่ว่า...แต่ว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดมาหลายปีแล้ว ปะ...เป็นเรื่องเมื่อสิบยี่สิบปีก่อน ในหมู่บ้านของพวกเราไม่มีใครเห็นแมลงดูดเลือดมานานแล้ว ผะ...ผมไม่ว่ารู้นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ผมไม่ได้ทำผิด ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะครับ !”

พอหยางปินได้ยินที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

เย่หนิงซักถามเขาต่อ “ถ้าอย่างนั้นคนที่ถูกแมลงดูดเลือดกัดตาย...ไม่สิ ฉันหมายถึง พอถูกแมลงดูดเลือดกัดแล้ว นานเท่าไหร่ถึงจะเสียชีวิตคะ ?”