webnovel

ตอนที่ 026

ตอนที่ 26 ความเป็นไปได้บางประการ

หรือเขาสงสัยว่าฆาตกรจะซ่อนตัวอยู่บนชั้นลอย ?

เย่หนิงกำลังจะตอบตกลงเขา แต่หยางปินกลับรีบพูดขึ้นมาเสียก่อน “พวกเราขึ้นไปดูด้วยกันเถอะ”

เย่หนิงเข้าใจว่าหยางปินคงไม่ไว้ใจให้พวกเขาสองคนขึ้นไปตามลำพัง ถ้าหากฆาตกรยังซ่อนตัวอยู่ข้างบนจริง ๆ การที่พวกเขาขึ้นไปเพียงสองคนนั้นถือว่าเสี่งอันตรายเป็นอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นอี้ก็ได้บอกแล้วว่าสถานที่นี้มันแปลกประหลาด ทุก ๆ ที่ล้วนเต็มไปด้วยอันตราย ไม่ว่าใครก็ห้ามแยกตัวไปตามลำพังเด็ดขาด ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงเสนอให้เธอขึ้นไปข้างบนด้วยกันกับเขาล่ะ ?

“ไม่ต้องหรอกครับ หัวหน้าหยาง” สายตาของเสิ่นอี้มองไปที่กู่ซานหมิงที่ยืนอยู่ราวกับมีนัยแฝงอะไรบางอย่าง แล้วก็พูดขึ้นอย่างไม่สนใจอะไร “พวกเราก็แค่ขึ้นไปดูข้างบนเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกครับ ส่วนข้างล่างผมคงต้องรบกวนพวกคุณแล้วล่ะ ช่วยดูหน่อยนะครับเผื่อจะพบอะไรบ้าง”

หยางปินรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าตอบตกลง “ได้ครับ ศาสตราจารย์เสิ่น พวกคุณก็ระวังตัวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นให้รีบบอก พวกเราจะรีบขึ้นไปทันที”

“ขอบคุณครับ” เสิ่นอี้รับปาก แล้วเดินขึ้นข้างบนไป

บนชั้นลอยของโกดังค่อนข้างที่จะคับแคบมาก อีกทั้งยังไม่มีไฟ เมื่อเดินขึ้นไปเหยียบเข้ากับขั้นบันไดที่เป็นไม้กระดานก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่น เสิ่นอี้ถือไฟฉายส่องเข้าไป เมื่อกวาดตามองก็พบว่าบริเวณพื้นที่คับแคบนั่นไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย

เย่หนิงเดินตามหลังเสิ่นอี้ขึ้นไปบนชั้นลอย พื้นที่ที่มืดมิดและคับแคบแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เย่หนิงคิดในใจ ถ้าหากคนที่เป็นโรคกลัวที่แคบได้เข้ามาบนชั้นลอยนี้ ก็คงต้องประสาทตายแน่ ๆ

บนไม้กระดานบริเวณนั้นมีฟางข้าวกับข้าวเปลือกกองอย่างกระจัดกระจายอยู่ นอกจากนี้ยังมีเส้นมาร์กที่ตำรวจชุดก่อนหน้านี้ได้วาดตำแหน่งการเสียชีวิตของผู้ตายไว้อยู่ด้วย

เมื่อเสิ่นอี้เดินเข้าไป เขาก็ตรงเข้าไปเช็คหน้าต่างที่แสนจะเล็กกะจ้อยร่อยก่อนเป็นอันดับแรก เย่หนิงมองดูสักพักหนึ่ง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ว่าหน้าต่างนั้นถูกใส่สลักอยู่ และสลักเหล็กนั่นก็มีสนิมขึ้นอยู่เป็นดวง ๆ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีคนมาแตะต้องมัน

“ที่คุณอยากให้ฉันขึ้นมานี่ ไม่ใช่แค่เพราะจะเดินตรวจเช็คหน้าต่างนี่หรอกใช่ไหมคะ ?” เย่หนิงถามเขา “คุณมีอะไรที่จะพูดกับฉันใช่ไหมคะ ?”

“ดูเหมือนว่าห้องนี้จะเป็นห้องปิดตายนะครับ” เสิ่นอี้ลองเปิดหน้าต่างบานนั้นออกดู แต่ก็พบว่าสลักเหล็กล็อกอยู่อย่างแน่นหนา และเมื่อค่อย ๆ ขยับมัน เศษผงเหล็กก็ทยอยร่วงลงมา

เย่หนิงพูดขึ้นว่า “แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่เคยขึ้นมาตรวจสอบที่นี่เลยใช่ไหมคะ ? ดังนั้นก็เป็นไปได้มากที่ฆาตกรจะขึ้นมาซ่อนตัวที่นี่ก่อนหน้านี้ ?”

เสิ่นอี้ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่เขากลับพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ที่จริงแล้วคดีนี้มีความเป็นไปได้สองอย่างคือ หากไม่ใช่คดีฆาตกรรมก็น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ถ้ามันเป็นคดีฆาตกรรม เป็นไปได้มากที่ฆาตกรจะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านว่างยาชุน และอีกทางหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้เหมือนกันก็คือฆาตกรเป็นคนทั้งสามสิบสองคนที่อยู่บนรถด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาสามสิบคนนั่น คนขับรถเว่ยเจี้ยนกว๋อ หรือจางลี่ ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฆาตกร ตอนนี้ในมือของพวกเราไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าใครเป็นฆาตกร และก็ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าใครไม่ใช่ ก่อนที่เจอฆาตกรตัวจริง พวกเขาทุกคนต่างก็ตกเป็นผู้สงสัยด้วยกันทั้งหมด”

“ความเป็นไปได้อย่างแรกคือ ฆาตกรคงเข้ามาซ่อนตัวอยู่บนชั้นลอยก่อนหน้าที่นักศึกษาเหล่านั้นจะเข้ามา ส่วนความเป็นไปได้อย่างที่สอง ฆาตกรปะปนอยู่ในคนทั้งสามสิบหกคนนั้น และความเป็นไปได้อย่างที่สาม คนใดคนหนึ่งในสามสิบหกคนนี้สมรู้ร่วมคิดปล่อยตัวฆาตกรให้เข้ามาข้างใน”

เย่หนิงเริ่มที่จะคิดตามเขาไม่ทันเสียแล้ว “ถ้าฆาตกรเป็นคนที่ถูกปล่อยเข้ามาจริง แล้วเขาจะเป็นใครล่ะคะ ? แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องปล่อยให้ฆาตรกรเข้ามาด้วย ?”

“คุณว่าอย่างไรล่ะ ?” คราวนี้เสิ่นอี้ไม่ได้บอกข้อสันนิฐานของตัวเองออกมาทันที แต่กลับปล่อยให้เย่หนิงคิดความน่าจะไปได้ด้วยตนเอง

“เขารู้จักกับฆาตกรก่อนหน้านั้น อาจจะเป็น... ผู้สมรู้ร่วมคิด หรือไม่ก็ทั้งสองคนร่วมกันก่อคดี ?”

เสิ่นอี้พยักหน้า “มันก็มีความเป็นไปได้”

“ถ้าอย่างนั้น...” เย่หนิงลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่เขาจะปล่อยตัวฆาตกรให้เข้ามาข้างในโดยที่ไม่รู้ตัว ใช่ไหมคะ ?”

“ใช่แล้ว”

เย่หนิงพูดพึมพำ “แต่มันก็ต้องมีแรงจูงใจในการก่อคดีบ้างสิ ถ้าหากฆาตกรคือหนึ่งในกลุ่มนักศึกษา มันก็ยังมีความเป็นไปได้ แต่พวกชาวบ้านพวกนั้นล่ะ ? พวกเขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่านักศึกษาที่เข้ามาพักที่นี่ด้วย”

เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ “หมู่บ้านแห่งนี้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อให้พวกเขาฆ่าคนจริง มันก็ไม่แปลกหรอก ลองคิดดูสิว่า กู่ซานหมิงบอกพวกเราว่าห้ามออกไปข้างนอกตอนกลางคืนเด็ดขาด เพราะว่าจะมีสัตว์ป่าเข้ามาในหมู่บ้าน นั่นเป็นคำพูดจากเขาเพียงฝ่ายเดียว แต่ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นความจริงหรือเปล่า ไม่แน่ว่าตอนกลางคืนพวกเขาอาจจะทำเรื่องที่น่าอับอายหรือเรื่องชั่วร้ายอะไรบางอย่าง แต่ก็กลัวว่าใครจะไปพบเข้า คุณไม่รู้สึกหรือว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากที่จะต้อนรับคนแปลกหน้าให้เข้ามาในหมู่บ้านสักเท่าไหร่นัก”

เย่หนิงพูดเสียงหลงขึ้นมาทันที “หรือว่านักศึกษาเคราะห์ร้ายพวกนั้นจะออกไปข้างตอนกลางคืน แล้วดันไปเห็นอะไรเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เลยถูกคนในหมู่บ้านฆ่าปิดปากอย่างนั้นเหรอคะ”

“ใครจะรู้ล่ะ” เสิ่นอี้ส่องไฟฉายไปที่กำแพงรอบ ๆ ด้าน คล้ายกับว่าจะหาอะไรบางอย่างจากที่กำแพงนั่น

เย่หนิงอดไม่ได้ที่จะถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง “ที่จริงมีความเป็นไปได้ที่นักศึกษาอาจจะไม่ได้ถูกฆ่าตายใช่ไหมคะ ? เราก็ลองผ่าชันสูตรศพกันดูแล้ว สาเหตุการตายของพวกเขาก็แปลกประหลาดจนพวกเราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับว่าเป็นการลงมือโดยมนุษย์ ไม่แน่ว่า......พวกเขาอาจจะติดโรคประหลาดอะไรบางอย่าง...คุณว่าอย่างนั้นไหม ?”

“ใช่” เสิ่นอี้พูดขึ้นอย่างหดหู่ “เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเราเลยต้องตามหาสาเหตุของโรคยังไงล่ะ คืนที่เกิดเรื่องสองสามคืนนั้น คนที่อยู่ในโกดังต่างนอนหลับเป็นตาย เดิมทีมันก็แปลกมากอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าในโกดังนี้มันมีอะไรบางอย่างที่แปลก ๆ ไม่แน่ว่าบางทีคนในหมู่บ้านอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ ! ไม่เช่นนั้นตอนที่พวกเขากลับไป คงไม่สั่งห้ามให้พวกนักศึกษาเปิดประตูหน้าต่างหรอกครับ ไม่แน่ว่าที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อที่จะได้ฆ่าพวกเขาได้ง่ายขึ้นก็ได้ คุณหมอเย่ครับ คุณเคยคิดบ้างไหมว่า เงาสีดำที่หลี่ฉิงพูดถึงนั้นคืออะไร ?”

เย่หนิงนิ่งเงียบไป “เงาสีดำ ? เงาสีดำนั่น ไม่ใช่ฆาตกรหรอกหรือคะ ?”

“เงาสีดำนั่นอาจจะเป็นฆาตกรก็จริง แต่ปัญหาก็คือทำไมหลี่ฉิงถึงเห็นเป็นแค่เงาสีดำได้ล่ะ ? ถ้าไฟในโกดังปิดอยู่ ในสภาพที่มืดมิดขนาดนั้น เธอยังเห็นเป็นเงาสีดำได้ด้วยหรือ ต่อให้ไฟในโกดังเปิดอยู่ สิ่งที่เธอมองเห็นจะยังเป็นเงาสีดำไปได้ยังไงกัน”

“ถ้าอย่างนั้น......” เย่หนิงคิดสักพัก ก็พูดขึ้น “เวลานั้นสติการรับรู้ของเธอก็คงจะเลือนรางไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดมาจริง ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ในสถานที่แบบนี้ก็คงมีหลายคนที่นอนหลับไม่สนิทเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เป็นไปได้อย่างมากที่ทุกคนจะนอนไม่หลับ แต่ในคืนนั้น พวกเขากลับนอนหลับสนิท บางทีอาจจะมีใครที่ใช้กลอุบายบางอย่างที่ทำให้พวกเขาหลับลึกได้ขนาดนั้น ในกรณีของหลี่ฉิงนั้นดีกว่าหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้มีสติที่รับรู้ทุกอย่าง ระหว่างที่เธอสะลึมสะลือก็เลยรู้สึกว่ามองเห็นอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง”

“แต่เพียงแค่เงาสีดำ กับภาพในความทรงจำที่เลือนราง คงไม่สามารถทำให้เธอหวาดกลัวขนาดนั้นได้ ผมคิดว่าเธอคงจะเห็นอย่างอื่น อย่างเช่น...”

“รูปร่างของฆาตกร ?”

“ไม่ใช่” เสิ่นอี้ส่ายหัว “ถ้าเห็นเพียงรูปร่างของฆาตกร คงไม่สามารถทำให้เธอหวาดกลัวขนาดนั้นได้หรอก ?”

“พูดยากแฮะ ไม่แน่ว่าหน้าตาของฆาตกรอาจจะดูน่ากลัว เธอก็เลยบอกว่าเห็นผีหรือเปล่าคะ ?”