webnovel

ตอนที่ 005

ตอนที่ 5 ฟื้นแล้ว

และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือหลอดไฟ หลอดไฟดวงนี้เอาแต่กะพริบไปมามันหมายความว่าอย่างไรกัน ? อีกทั้งแสงไฟก็ยังเป็นแสงสีเขียวอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนกับหนังสยองขวัญเลย

เย่หนิงรู้สึกกลัวจนต้องรีบส่ายหัว ”ไม่ ๆ ฉันคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่เนี่ย !”

ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พอยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ! จินตนาการของมนุษย์นี่มันไม่มีที่สิ้นสุดเลยจริง ๆ ไฟกะพริบแค่ไม่กี่ครั้งก็จินตนาการไปถึงพวกผีสางนางไม้ซะแล้ว !

คนหลอกกันเองยังน่ากลัวกว่าผีหลอกคนเสียอีก ! มีแต่คนเป็นเนี่ยแหละที่จะหลอนตายกันไปเอง

ดูท่าว่าวงจรไฟฟ้าจะพังเสียแล้ว ! พังโดยสมบูรณ์ ! ช่วงนี้ฝนมักจะตกหนักแถมพายุยังเข้าบ่อย ๆ ไม่แน่ว่าน้ำอาจจะท่วมจนเกิดไฟช็อตที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ

เย่หนิงยกมือขึ้นเพื่อปิดไฟด้วยท่าทางที่เด็ดเดี่ยว !

แต่หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกลังเลอยู่สักครู่ แล้วเปิดไฟขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไฟกลับเปิดขึ้นอย่างเป็นปกติ

ทันใดนั้นทั้งห้องชันสูตรศพก็พลันสว่างขึ้นมา ความรู้สึกหนาวยะเยือกที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนก็ได้อันตรธานหายไปเสียจนหมด

หรือว่าเราจะหลอนไปเองจริง ๆ ?

เย่หนิงปิดไฟฉายในมือถือลง ทนไม่ได้ที่จะบ่นลู่เว่ยออกมาเสียสองสามประโยค ไอ้หมอนี่มันจะชักช้าเกินไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย ?

แล้วทีนี้เธอจะผ่าศพต่อ หรือจะรีบเผ่นหนีไปดี ?

ถึงเธอ...คิดที่จะเผ่น แต่ยังไงก็ต้องกลับมาชันสูตรศพนี่ให้เสร็จอยู่ดีไม่ใช่เหรอ ?

เย่หนิงเดินกลับไปช้า ๆ มองไปยังกองเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม แล้วหยิบมีดผ่าตัดที่เพิ่งจะวางลงไปขึ้นมาอีกครั้ง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะผ่าศพให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับไป เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคืนนี้เธอคงได้แต่นึกถึงเหตุการณ์นี้ทั้งคืนแน่ ๆ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้ว !

ทันใดนั้นเอง มือที่เย็นเฉียบก็บีบเข้าที่ข้อมือของเธอ เสียงแหบแห้งทุ้มต่ำของชายแปลกหน้าคนหนึ่งลอยเข้าหูอย่างไม่ทันตั้งตัว “คุณจะทำอะไรหรือ ?”

ร่างของเย่หนิงพลันแข็งทื่อ !

มือนั่น...

นิ้วมือสีขาวเรียวยาวเข้ากอบกุมที่ข้อมือของเธอ สีผิวงามราวกับหยกนั่น มองดูแล้วช่างขาวยิ่งกว่าหิมะในฤดูหนาวมากมายนัก

นี่มัน.....

เธอคงจะเข้าใจอะไรผิดไปแน่ ๆ

ผู้ชายคนนั้นไม่รอให้เธอตอบคำถาม แต่เขากลับถามขึ้นที่ด้านหลังของเธออีกครั้ง “คุณกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ? “

เธอถึงกับสะดุ้ง ! เย่หนิงรู้สึกว่าร่างของเธอกำลังสั่น สั่นมันไปเสียทั้งตัว มือที่ถือมีดผ่าตัดอยู่นั้นสั่นอย่างรุนแรงจนแทบจะจับมีดไว้ไม่อยู่ เมื่อมีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น มีดผ่าตัดที่อยู่ในมือก็ร่วงหล่นลงไปในถาดเหล็ก ส่งเสียงดังสนั่น ยิ่งทำให้เย่หนิงสะดุ้งขึ้นมาอย่างรุนแรง พอเธอหันกลับไป ก็มองเห็นใบหน้างดงามชวนให้ต้องมนตร์สะกดอยู่ตรงหน้า

ใต้ขนตาเรียวยาวนั่น ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นที่ราวกับหยกสีหมึกแกะสลักก็ไม่ปานกำลังมองมาที่เธออย่างนิ่ง ๆ

ริมฝีปากคู่งามค่อย ๆ ขยับทีละน้อย ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ”คุณคิดจะทำอะไรกับผมหรือ ?”

“ กรี๊ดด !“ เย่หนิงกรี๊ดจนเสียงดังปานฟ้าถล่ม สะบัดข้อมือของชายหนุ่มผู้นั้นออกไปราวกับเห็นผี หลังจากนั้นก็หอบแล้วหอบอีก เธอตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ไม่ได้สนใจอาการหอบของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าเปียมชุ่มที่วางกองอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาปกคลุมร่างกายของตนเองช้า ๆ แล้วถามต่อว่า “นี่คุณเป็นใบ้หรือ ? “

เป็นใบ้ ? เธอเกือบถูกเขาหลอกจนตกใจตายแล้วต่างหาก ? ตอนนี้ใจดวงเล็ก ๆ ยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือไม้ก็ยังคงสั่นไม่หยุด แล้วเธอจะพูดออกได้อย่างไรกัน

ไม่ใช่สิ...ขะ...เขาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ?

แม้ว่าเมื่อมอง ๆ ดูแล้วเขาจะไม่เหมือนคนที่เสียชีวิต แต่เมื่อกี้เธอก็ตรวจจนแน่ใจแล้วนี่น่า มั่นใจว่าชีพจรของเขาหยุดเต้นแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่คิดที่จะผ่าศพเขาโดยที่ยังไม่แน่ใจหรอก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ นั่งตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าของเธอ ใกล้ชิดเสียจนเธอแทบรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาของเขา

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?

เย่หนิงถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ค่อย ๆ ถามออกไปอย่างตรง ๆ “คุณยังไม่ตายหรอกเหรอ ?“

ชายหนุ่มมองไปที่เธออย่างไม่พอใจนัก ”คุณน่ะสิที่จะตาย !“ ระหว่างที่เขาพูด เขาก็กระโดดลงมาจากเตียงผ่าศพ จ้องเขม็งไปที่เธอ แล้วถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “บอกผมมา ! เมื่อสักครู่คุณคิดจะทำอะไรกับผม อย่าคิดว่าผมหมดสติไปแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ“

“ หมดสติเหรอ ?“ เย่หนิงมองไปที่เขาแล้วคิดในใจว่า พ่อคนหล่อ มั่นใจนักหรือว่าเมื่อกี้คุณแค่สลบไป ?

ชายหนุ่มสังเกตเธออีกครั้ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก “ดู ๆ ไปแล้ว คุณก็อายุยังน้อย หน้าตาก็ไม่เลวนัก แต่ทำไมคุณถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ !“

“ฉันทำอะไร ?“ เย่หนิงรู้สึกไม่สบายใจทันที สิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุดก็คือการที่มีคนมาดูถูกอาชีพหมอนิติเวช โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ชายมองเธอด้วยสายตาที่เหยียดหยาม อีกทั้งยังทำตัวเหนือกว่าคนอื่น

เย่หนิงโกรธจนต้องกัดฟันกรอด ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรกเธอจะมีไม่ทางมือไม้อ่อนแบบนั้นแน่ เธอจะเอามีดผ่าเขาให้หัวล้านจนดูไม่ได้เลย !

“ฉันขอบอกคุณไว้ก่อนเลยนะ !” เย่หนิงพูดอย่างไม่เป็นมิตรสุด ๆ “ฉันเป็นหมอนิติเวชแล้วจะทำไม ? คุณดูถูกอาชีพหมอนิติเวช ดูถูกพวกเราที่ต้องคลุกคลีกับศพทั้งวัน ฉันเกลียดคนประเภทที่คิดว่าตัวเองถูกไปหมดทุกอย่างแบบคุณที่สุดเลย อย่าคิดนะว่าคนแบบคุณที่เกิดมามีชาติตระกูลที่ดี หน้าตาที่ดี แล้วจะดูถูกคนอื่นยังไงก็ได้ !”

“แล้วอีกอย่าง ต่อให้วันนี้คุณจะไม่ได้เป็นอะไร แต่สักวันหนึ่งคุณก็ต้องตาย และคุณก็ต้องพึ่งพาหมอนิติเวชอย่างพวกเราอยู่ดี ถ้าหากไม่มีพวกเราแล้ว ใครจะช่วยคุณตรวจสอบหาสาเหตุการตาย ? ถ้าหาสาเหตุการตายไม่ได้ คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเสียชีวิตเพราะอะไร ? รู้หรือเปล่าว่าการสืบสวนสมัยใหม่นั้น งานของนิติเวชมีความสำคัญมาก ถ้าไม่มีหมอนิติเวชอย่างพวกเรา คดีมากมายก็คงไม่มีทางได้ข้อสรุปแน่ !”

ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนพูดขัดเย่หนิงขึ้นมาทันที “พอกันที ! คุณอย่ามาพูดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนเลย และก็อย่ามาเล่นลิ้นให้มากนัก ! พูดมาเสียดี ๆ ว่าเมื่อครู่นี้คุณคิดจะทำอะไรกับผมกันแน่ ? ”

“ฉันไปทำอะไรคุณ ?” เย่หนิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันยังไม่ได้เริ่มจะผ่าชันสูตรคุณเลยนะ !“

“เหอะ ๆ...” ชายหนุ่มเขยิบเข้ามาใกล้ทีละนิด ทีละนิด ดวงตายั่วโมโหคู่นั้นได้แฝงแววรอยยิ้มที่เย้ยหยันเอาไว้ “ผมกำลังถามคุณอยู่ ว่าที่คุณถอดเสื้อผ้าของผม คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ ?“

เย่หนิงคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว พ่อรูปหล่อคนนี้ไม่ได้กำลังดูถูกอาชีพหมอนิติเวช แต่เขากำลังดูถูกเธออยู่ ! เขาคงคิดว่าเธออยากจะ ‘จุด จุด จุด’ กับเขา ? คิดว่าในใจของเธอคงมีแต่เรื่องบ้าบอพรรค์นั้นหรือไง ! ถึงแม้เธอจะคิด......ว่าเขาหล่อ แต่ก็อย่าหลงตัวเองขนาดนั้นเลยได้ไหม ?

เอาล่ะ ! เธอจะยอมรับก็ได้ว่าตอนแรกเธอถูกความหล่อของเขาดึงดูดเข้าอย่างจัง ตะ...แต่ใครจะไปคิดเรื่องพรรค์นั้นกับศพกันเล่า !

อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้จะได้ไหม !

เมื่อคิดได้ดังนั้นในใจของเย่หนิงก็เริ่มที่จะมั่นใจขึ้นมา ”นี่ ! คุณโง่หรือเปล่า ! ฉันก็แค่จะชันสูตรศพคุณ ถ้าไม่ถอดเสื้อผ้าออกจะผ่าได้ยังไงเล่า !”

“ชันสูตรศพงั้นหรือ ? เหอะ ๆ....” ชายหนุ่มยังคงแสยะยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นที่คุณลูบ ๆ คลำ ๆ มาสักพักนี่ หมายความว่าอย่างไร !”

“ใครลูบตัวคุณกัน...” เย่หนิงร้อนตัวขึ้นมา “ฉันแค่ตรวจหาบาดแผลต่างหากล่ะ ! ฉันแค่ตรวจดูว่าบนร่างกายของคุณมีบาดแผลตรงไหนบ้าง !“

ชายหนุ่มมีท่าทางไม่เชื่อเธออย่างเห็นได้ชัด “แค่ตรวจดูบาดแผลต้องทำถึงเช่นนั้นเชียวหรือ ? คุณต้องลูบคลำอย่างละเอียดขนาดนั้น ?“

“กะ...ก็แหงสิ !” เย่หนิงตอบอย่างไม่จริงใจนัก “คุณไม่ใช่หมอนิติเวช คุณจะไปรู้อะไรเล่า ! ฉันชันสูตรมาตั้งหลายศพ มีบาดแผลหลายจุดที่ซ่อนอยู่ ถ้าไม่ตรวจให้ละเอียดล่ะก็ไม่มีทางที่จะตรวจพบหรอก”

“อ่อ......” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองไปที่เธอด้วยความสงสัย “อย่างนั้นหรือ ?”