บนตึกสูงชีฟนั่งอ่านวิธีการทำงานของสกิลค้นหาของแต่ละวิชาอย่างตั้งใจ โลกอินเทอร์เน็ตในตอนนี้เป็นอะไรที่ดีกับเขามาก เพราะหลาย ๆ คนเลือกที่จะแชร์วิธีการทำงานของสกิลตัวเองลงบนอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นคลิปสอนการใช้ เพื่ออวดว่าตัวเองใช้เก่ง หรือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ นั่นทำให้ข้อมูลของสกิลต่าง ๆ นั้นหาไม่ยากเลยสักนิด สกิลค้นหาที่มีในตอนนี้คือสายลมตรวจจับ สั่นพ้องก้องกังวาน และค้นหาชีวิต สายลมตรวจจับเป็นการตรวจจับจากกระแสลม ผู้ใช้สกิลนี้จะปล่อยกระแสลมออกมา หากกระแสลมนี้พัดโดนสิ่งใด มันก็จะส่งภาพรูปร่างสามมิติเข้าสู่สมองของผู้ใช้ ส่วนสั่นพ้องก้องกังวานนั้นก็ทำงานเหมือนกับสายลม เพียงแต่เปลี่ยนจากสายลมเป็นคลื่นเสียงแทน สุดท้ายค้นหาชีวิต สกิลนี้จะสามารถจับสัญญาณชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรัศมีได้ แต่จะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แน่ชัด ชีฟอ่านข้อมูลของสองสกิลนี้ให้แน่ใจอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ก่อนจะนอนเล่นอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูงอย่างสบายใจ
ทางด้านล่าง เหล่านักรบสกิลยี่สิบคนเดินสำรวจตามตึกร้างต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาเจอเข้ากับโกดังร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีพืชปกคลุมอยู่ทั้งหลัง
แจ็คมองโกดังตรงหน้าแล้วยิ้ม
"ไอ้โง่เอ้ย มันคิดว่าคนอื่นเขาโง่นักหรือไงวะ บีฝากด้วย"
"ได้เลย"
หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่ที่แม้แต่ชุดคอมมานโดยังปิดไว้ไม่มิดเดินออกมาข้างหน้า ก่อนจะเสกลูกไฟขึ้นเหนือหัวจำนวนหลายสิบลูก แล้วสั่งให้พวกมันพุ่งตรงไปยังโกดังร้าง ส่วนที่เป็นใบของเถาวัลย์มอดไหม้ในพริบตา เหลือไว้แค่เพียงส่วนที่เป็นลำต้นที่ไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บีมองอย่างแปลกใจ
"ทำไมเจ้าเถาวัลย์นี่มันติดไฟยากจัง"
ฉึก นับรบสกิลชายที่ถือขวานเดินเข้าไปสับใส่เถาวัลย์ ก่อนจะพบว่ามันมีน้ำไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
"เถาวัลย์น้ำ ถ้าจะเผาไอ้เจ้าเถาวัลย์นี่เธอต้องเปลืองพลังอีกเยอะเลยบี เพราะเหมือนมันจะไม่ใช่แค่เถาวัลย์น้ำธรรมดาด้วย"
คนถือขวานบีบน้ำจากเถาวัลย์ให้ดู มันมีปริมาณน้ำมากกว่าเถาวัลย์น้ำปกติหลายเท่า
แจ็คมองดูแล้วเอ่ยถามคนใช้ขวาน
"แล้วจะจัดการพวกมันยังไง นายมีความเห็นมั้ยเคิร์ก"
เคิร์กมองไปรอบ ๆ โกดังแห่งนี้มีตึกสูงสามตึกล้อมรอบอยู่
"เรามีสายโจมตีไกลกี่คน"
แจ็คตอบ
"สิบ ใกล้สิบ ไกลสิบ"
เคิร์กพูดต่อ
"ถ้างั้นเราควรให้พวกสายโจมตีไกลไปซุ่มบนตึก ถ้ามันออกมาก็ระดมยิงสกิลใส่เลย หรือถ้ามันเผาอะไรใส่เรา ก็ให้พวกที่มีสกิลควบคุมสายลมพัดมันทิ้งไป"
บีที่ได้ฟังอยู่ก็พูดขึ้น
"เดี๋ยวสิ จะแน่ใจได้ไงว่ามันอยู่ข้างใน"
แจ็คหันไปหาชายสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"ใครมีค้นหาชีวิตบ้าง"
มือธนูชายตัวสูงยกมือขึ้น
"ผมเอง"
"งั้นจัดการเลย เปรม"
เปรมหลับตาลงพักหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมา
"ข้างในมีชีวิตเล็ก ๆ หลายร้อยชีวิตเลย คาดว่าน่าจะเป็นหนู แต่มีชีวิตก้อนใหญ่ ๆ อยู่หกชีวิต"
แจ็คยิ้มแล้วพูด
"อยู่กันเป็นครอบครัวเลยนะ เอาละ พวกสายโจมตีไกลขึ้นไปซุ่มบนตึก แต่เหลือคนที่ใช้ล่องหนได้ไว้คนหนึ่ง"
"รับทราบ"
จอมเวทหกคนและมือธนูสามคนรีบพากันแยกย้ายไปซุ่มบนตัวตึก
ส่วนที่เหลือก็มีผู้ใช้ขวานสองคน ผู้ใช้หอกสี่คน ผู้ใช้ดาบคาตานะสามคน ผู้ใช้ดาบอัศวินกับโล่หนึ่งคน และมือธนูอีกหนึ่งคนที่พากันอยู่ข้างล่าง
ชายถือดาบคาตานะมองโกดังขนาดใหญ่ข้างหน้า เขาเป็นนักดาบสายลมที่มีชื่อว่าแสตมป์
"เอายังไงดีครับลูกพี่แจ็ค เผาทิ้งทั้งโกดังเลยดีมั้ย"
"โกดังใหญ่ขนาดนี้น่าจะมีเจ้าของ ต่อให้ทิ้งร้างแล้วมันก็ยังมีราคา ถ้าแกไม่อยากจ่ายหนักก็หาทางเข้าไปซะ"
โกดังตรงหน้าพวกเขามีขนาดใหญ่มาก มันเป็นโกดังทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่กินพื้นที่ถึงเก้าไร่
เถาวัลย์น้ำแม้ไฟจะเผาได้ยาก แต่ก็ไม่ได้คนามือเหล่านักดาบเลยแม้แต่น้อย เพียงตวัดออกไปไม่กี่ครั้งเถาวัลย์ที่ขวางทางเข้าก็ขาดจนหมด
ตึกสูงสามตึกเรียงตัวเป็นสามเหลี่ยมล้อมรอบโกดัง นักรบสกิลทั้งเก้าคนพากันแบ่งไปอยู่ตึกละสามคน เพื่อที่จะสามารถเห็นได้รอบโกดังหากมีใครหนีออกมา
ณ ตึกสูงเจ็ดชั้นที่อยู่ทางทิศตะวันตกของโกดัง
ชายคนหนึ่งถอดหน้ากากกันแก๊สออก ก่อนจะสูบหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
"เฮ้อ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ซะที อากาศตอนเที่ยงของบ้านเรานี่มันร้อนชะมัด"
ชายอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นบ้าง
"เฮ้ยปุ้ม ถอดหน้ากากออกจะดีเหรอวะ เดี๋ยวก็โดนรมควันเข้าให้หลอก"
"นี่มันชั้นหกนะโว้ย รอบด้านกำแพงก็ไม่มี ลมพัดเข้าพัดออกแรงขนาดนี้ จะรมยังไงคิดหน่อยสินุก"
"เอ่อจริงหวะ"
พูดจบชายอีกคนก็ถอดหน้ากากออกบ้าง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
"ว่าแต่ หนิงมันหายไปไหนวะ"
"เห็นว่าปวดฉี่ แล้วก็วิ่งขึ้นชั้นเจ็ดไปเลย"
"อืม งั้นกูขอไปฉี่มั่งดีกว่า มึงเฝ้าไปละกัน"
"เฮ้ย ถ้าจะเยกันก็รองานจบก่อนนะโว้ย"
พูดจบปุ้มก็ส่ายหัว เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ห้ามไม่ฟัง
นุกไม่สนใจคำห้ามเพื่อน ก่อนจะวิ่งไปทางบันไดทางขึ้น เมื่อขึ้นมานุกกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วเรียกหาแฟนสาวของตัวเอง
"หนิงจ๋า ทำธุระอยู่ไหนเอ่ย"
นุกเดินส่องไปตามห้องโล่ง ๆ ที่อยู่บนชั้นเจ็ดเพื่อหาแฟนสาวของตัวเอง ก่อนจะไปเจอหญิงสาวนอนสลบอยู่บนพื้นในห้องที่อยู่ริมสุด
"เฮ้ย หนิง อื๊ก!"
นุกชักกระตุกเมื่อมีที่ช็อตไฟฟ้ามาจิ้มเข้าที่คอ ร่างของเขาชักกระตุกรัว ๆ ก่อนจะล้มลงไป
ชีฟรีบเอาเมล็ดเถาสูบชีวิตออกมา ก่อนจะแนบลงบนผิวตรงคอของอีกฝ่าย แล้วใช้เจริญเติบโตเฉียบพลันเพื่อเร่งโต
เมื่อเร่งโตด้วยสกิลทอง เพียงพริบตาเดียวเถาสูบชีวิตก็ปกคลุมอีกฝ่ายไว้ทั้งตัว ชีฟรีบกดเก็บเกี่ยวเอาบ่อพลังมาทันที แล้วยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อการเอาบ่อพลังของอีกฝ่ายมานั้นไม่ได้ยากเท่าไหร่ เพราะเถาสูบชีวิตนั้นใช้ได้เฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้สติเท่านั้น ซึ่งการทำให้นักรบสกิลสลบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะบางวิชาจะมีสกิลที่พอปลดล็อกแล้วจะเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายอยู่ด้วย ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกสายโจมตีระยะใกล้ ส่วนสายโจมตีระยะไกลนั้นก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะเท่าไหร่
เมื่อได้สกิลของทั้งสองคนมาแล้ว ชีฟก็เอาเสื้อผ้าของผู้ชายมาใส่พร้อมกับสวมหน้ากาก ก่อนจะเดินลงไปที่ชั้นหกแล้วจัดการกับอีกคน
ปุ้มเมื่อได้ยินเสียงคนเดินก็หันไปมองด้านหลัง ก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนของตน จึงหันกลับไปมองยังโกดังด้านล่างต่อ
"เยเสร็จกันไวจังวะ เดี๋ยวนี้มึงแตก... อื๊ก!"
ชีฟเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วช็อตไฟฟ้าใส่อย่างง่ายดาย ก่อนจะมองผลงานของตัวเองอย่างพอใจ
จากนั้นชีฟก็ย้ายไปยังตึกอื่น แล้วเริ่มใช้วิธีเดิมอีกครั้ง นั่นคือการค่อย ๆ ไล่เก็บอีกฝ่ายทีละคน
ด้านในโกดัง คนสิบเอ็ดคนค้นหาทั่วโกดังจนมาเจอกับทางลงไปยังห้องเก็บของใต้ดิน ซึ่งพอพวกเขาลงมาก็พบหมูตัวใหญ่หกตัว
แจ็คสบถอย่างไม่สบอารมณ์
"เปรม นี่คือชีวิตดวงใหญ่ที่แกเจอใช่มั้ย"
เปรมมองหมูแล้วลองหลับตาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าหมูพวกนี้คือชีวิตดวงใหญ่ที่เขาสัมผัสได้
"อ่ะ เอ่อ ใช่ครับ"
"แม่งเอ้ย"
จากนั้นแจ็คก็เปิดวิทยุสื่อสาร
"แจ็คเรียกทุกคน ไอ้พืชมันอยู่ข้างนอก รีบใช้สกิลค้นหาให้ละเอียดโดยด่วนเลย"
ด้านนอกบนตึกสูงด้านทิศตะวันออก ชีฟที่กำลังย่องเข้าหาพวกโจมตีระยะไกลคนที่เจ็ดที่เป็นมือธนูชายก็มีอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงวิทยุที่ดังขึ้น พร้อมกับมือธนูชายที่หันมามองเขาพอดีหลังจากได้ยินเสียงวิทยุ
มือธนูชายและจอมเวทหญิงอีกสองคนหันไปหาเพื่อนที่มาเยือน มือธนูมองป้ายชื่อที่อกแล้วเรียก
"มีอะไรนุก ใช่เรื่องที่ลูกพี่บอกเมื่อกี้นี้มั้ย"
ในขณะที่ชีฟกำลังหาข้ออ้าง เสียงวิทยุก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
"หนิงเรียกทุกคน มีคนลอบทำร้ายพวกเรา แล้วเอาชุดนุกไปด้วย"
ชีฟยิ้มอย่างขมขื่น
"สงสัยคำนวณเวลาผิดแฮะ"