webnovel

ความผิดพลาด

โอเอซิสมองดูสตรีตรงหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจ อำนาจที่มากมายมักจะนำมาซึ่งความเห็นแก่ตัว และเห็นแก่พวกพ้อง จนไม่สนซึ่งถูกผิดใด ๆ

"เมธิส เทพผู้มีปัญญา หรือเทพผู้งดงาม ช่างเป็นชื่อที่มีความหมายไพเราะเสียจริง"

เมธิสมีท่าทางเขินอายเล็กน้อย

"ขอบคุณค่ะ ท่านเทพ"

"ชื่อที่ไพเราะเช่นนี้กลับถูกเปลี่ยนและแทนที่ด้วยชื่อที่แสนจะชั่วร้าย ช่างเป็นเหล่าเทพที่ชั่วช้าเสียจริง"

โอเอซิสถอนหายใจออกมาแรง ๆ ให้กับความโหดร้ายของพวกเทพบ้าอำนาจเหล่านี้ ก่อนจะเริ่มถามถึงสิ่งที่ตนอยากรู้

"แม้เจ้าจะพึ่งผ่านเรื่องราวอันโหดร้ายมา แต่ข้าขอถามคำถามเจ้าสักข้อได้หรือไม่"

"เทพผู้มีพระคุณเช่นท่าน จะถามเป็นร้อยคำถามก็ได้ค่ะ"

"สิ่งที่ข้าอยากจะถามเจ้าคือ เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าเหล่าทวยเทพที่เคยทำร้ายเจ้า ตอนนี้หายไปไหนหมด"

"เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตอบท่านได้ เพราะก่อนจะเกิดสงครามข้าเป็นเพียงแค่ศีรษะที่ติดอยู่กับโล่เก่า ๆ ที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น นั่นทำให้ข้าได้รับรู้เรื่องราวเพียงน้อยนิดเท่านั้น"

โอเอซิสฉงนใจเล็กน้อย

"สงคราม สงครามอะไร"

"เป็นเรื่องเล่าของเหล่าทวยเทพค่ะ แม้ข้าจะกลายเป็นศีรษะที่ถูกผูกติดอยู่กับโล่เก่า ๆ แต่หูของข้าก็ยังคงได้ยิน ข้าจึงได้ยินเรื่องเล่าของเหล่าทวยเทพมาบ้าง

ในยุคที่เทพกำลังรุ่งเรือง ได้มีมนุษย์ผู้หนึ่งลุกขึ้นต่อต้าน มนุษย์ผู้นี้ระดมผู้คนที่มีความสามารถพิเศษจากทั่วทุกดินแดน เขาได้นำคนเหล่านั้นเข้าห้ำหั่นทำสงครามแตกหักกับทวยเทพ จนทำให้เกิดการสูญเสียมากมายทั้งฝั่งเทพและมนุษย์ แต่สุดท้ายมนุษย์ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

และในอีกห้าร้อยปีต่อมา ก็มีมนุษย์อีกผู้หนึ่งทำเช่นเดียวกัน เขาคร่าชีวิตทวยเทพไปมากมาย สงครามคราวนี้สาหัสยิ่งกว่าเก่า แม้จะมีชัยเหนือศัตรู แต่เกินครึ่งของทวยเทพต่างพากันพ่ายแพ้และดับสูญ

สงครามครั้งที่สองนี้ทำให้ทวยเทพได้เรียนรู้ว่า หากกดขี่จนหนักข้อมากเกินไป มนุษย์ก็จักลุกขึ้นสู้ ทวยเทพจึงได้เปลี่ยนวิธีการในการปกครองเหล่ามวลมนุษย์ แต่วิธีการนั้นข้ามิอาจรู้ได้ เพราะข้าได้ถูกทอดทิ้งเสียก่อน ข้าจึงมิอาจได้ยินเรื่องเล่าใด ๆ อีก"

โอเอซิสเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

"ข้าพลาดซะแล้ว"

ชีฟทำหน้างง

"พลาดยังไงเหรอครับ"

"ข้ามอบพลังให้ศัตรูน่ะสิ"

ชีฟยังคงงงอยู่ดี ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ด้วย โอเอซิสหันหน้ามามองชีฟและเริ่มอธิบาย

"รู้มั้ยระบบสกิลที่เจ้าใช้มีที่มายังไง"

ชีฟส่ายหัว

"ไม่ครับ"

"ข้าสร้างมันขึ้นมา เมื่อก่อนเทพอย่างพวกข้า กว่าจะใช้เวทมนตร์เป็นแต่ละอย่าง ต้องพากันฝึกแล้วฝึกอีกกว่าจะใช้ได้ ต้องตั้งสมาธิต้องเรียนรู้นั่นนี่สารพัด กว่าจะชำนาญ"

โอเอซิสยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม แล้วเริ่มพูดต่อ

"ดาวเคราะห์ดวงแรกที่ข้าช่วยเหลือจากพวกชั่วร้ายชอบกดขี่ ข้าใช้เวลาฝึกสอนพวกเขาเหล่านั้นอยู่หลายสิบปีกว่าพวกเขาจะใช้เวทมนตร์เป็น และต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าพวกเขาจะใช้เวทมนตร์เหล่านั้นปกป้องตัวเองได้ ซึ่งมันช้ามาก

ข้าจึงได้คิดค้นระบบสกิลขึ้นมา เพื่อให้เผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้เร็วโดยที่พวกข้าไม่ต้องอยู่สอน ซึ่งนั่นจะทำให้เผ่าพันธุ์เหล่านั้นสามารถปกป้องตัวเองได้ในที่สุด"

พูดจบโอเอซิสก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ แล้วพูดต่อ

"แม้จะมีพลังเวทย์แต่จะใช้ให้ทรงพลังได้นั้น ก็ต้องอาศัยการขับเคลื่อนพลังที่ถูกวิธี และวิธีเหล่านั้น ข้ายัดไว้ในระบบสกิลหมดแล้ว"

แม้จะฟังถึงตรงนี้ชีฟก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี โอเอซิสเห็นหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็สาธยายต่อ

"วิธีการใหม่ที่เทพสารเลวเหล่านั้นใช้ปกครองมนุษย์ก็คือ การแฝงตัวอยู่กับมนุษย์หยิบยื่นผลประโยชน์หยิบยื่นความช่วยให้แก่มนุษย์บางกลุ่มที่โลภมาก ให้มนุษย์กดขี่มนุษย์ด้วยกันเอง ส่วนพวกมันก็แอบอยู่เบื้องหลังคอยกอบโกยผลประโยชน์อีกต่อ เพราะฉะนั้นตอนนี้สกิลของข้าได้หลุดไปอยู่ในมือของลูกหลานเทพและลูกหลานมนุษย์ผู้โลภมากเหล่านั้นเรียบร้อย"

เมื่อโอเอซิสพูดจบ ทุกคนในห้องก็พากันนิ่งไร้ซึ่งความคิดเห็นใด ๆ ความเงียบสงบเข้าครอบงำพื้นที่ โอเอซิสถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาอัศวินของตน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์

"เจ้าจงพาเมธิสผู้นี้ไปยังดินแดนของเรา และมอบชีวิตใหม่ให้นาง จากนั้นจงไปแจ้งอัศวินเกราะดำทุกผู้ให้มาหาข้าโดยเร็ว"

"ครับท่าน"

เมธิสที่อยากจะพูดอะไรออกมาก็ถึงกลับพูดไม่ออก เพราะบรรยากาศโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยความเครียด เธอจึงได้แต่ก้มหัวขอบคุณแล้วเดินตามอัศวินออกไป

อัศวินนำตัวเมธิสออกไปจากห้อง ส่วนโอเอซิสตอนนี้ก็ไร้ซึ่งอารมณ์จะเสพสุขเสียแล้ว มือขวายกขึ้นมาโบกเพียงเล็กน้อย เหล่าสตรีผู้งดงามก็พลันสลายหายไป โอเอซิสและชีฟขึ้นจากสระน้ำอุ่น ชีฟที่เปลือยเปล่าทำท่าจะไปเปลี่ยนชุด แต่พอเขาก้มมองดูตัวเอง ก็พบว่าตัวเขานั้นใส่เสื้อผ้าไว้อยู่แล้ว ซึ่งโอเอซิสเองก็เช่นกัน

ชีฟหันไปมองโอเอซิส แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรด้วยสีหน้าอีกฝ่ายที่ดูเคร่งเครียด โอเอซิสเดินไปนั่งลงบนเตียง ก่อนจะหยิบรีโมทโทรทัศน์มาเปิดดูรายการต่าง ๆ เพื่อฆ่าเวลารอเหล่าอัศวิน ส่วนชีฟที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่เดินไปนั่งที่โซฟารับแขกที่อยู่ใกล้ ๆ กันแล้วนั่งอยู่เงียบ ๆ

โอเอซิสโน้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างเกียจคร้าน ส่วนชีฟก็เปิดหน้าต่างเมนูสกิลตัวเองขึ้นมาดู การเอาชนะเหล่านักรบสกิลมาได้ ก็ทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นมาในปริมาณหนึ่ง ชีฟเปิดเมนูศึกษาดูเหล่าเมล็ดพันธุ์ปีศาจอย่างละเอียด ในตอนแรกที่เขาปลดล็อกสกิลนี้มา เขามีเมล็ดพันธุ์กรอบทองเพียงแค่เมล็ดเดียวคือราชินีแห่งความงาม แต่ตอนนี้ด้วยการที่ผ่านการต่อสู้มา ทำให้ทักษะความชำนาญของสกิลถึงเงื่อนไขที่กำหนด ตอนนี้จึงมีเมล็ดพันธุ์กรอบทองเพิ่มขึ้นมาอีกสองเมล็ด นั่นคือบัวทมิฬกับรากปีศาจ

บัวทมิฬมีความสามารถในการให้กำเนิดปีศาจหนึ่งตน โดยจะต้องมอบพลังชีวิตให้แก่ดอกบัว โดยดอกบัวจะใช้เวลาฟูมฟักปีศาจอยู่หนึ่งนาที และเมื่อดอกบัวบานปีศาจก็จะถูกปลดปล่อยออกมา โดยพลังของปีศาจตนนั้นจะเทียบเท่ากับก้อนพลังชีวิตที่ใส่ลงไป

รากปีศาจพืชที่สามารถดูดกลืนอินทรีสารมาเปลี่ยนเป็นพลังของตนและขยายเติบโตได้เรื่อย ๆ ตามพลังที่มี รากปีศาจเป็นพืชที่หากไม่ทำลายทุกส่วนของต้นในครั้งเดียว ก็จะสามารถเกิดใหม่ได้เรื่อย ๆ

ชีฟไล่อ่านข้อมูลที่เหลืออย่างละเอียด ก่อนจะเปลี่ยนไปดูหน้าต่างเมนูเมล็ดพันธุ์ธรรมดา ซึ่งตอนนี้มีเมล็ดพันธุ์กรอบทองถูกปลดล็อกมากมาย เช่น แอปเปิลทองคำที่กินแล้วจะมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งและสวยงาม หรือ บัวบานพันปีที่สามารถยืดอายุขัยของสิ่งมีชีวิตออกไปได้ ซึ่งโดยรวมแล้วเมล็ดพันธุ์ธรรมดาเหล่านี้ก็คือเหล่าพืชที่มีไว้สำหรับสร้างประโยชน์ใช้สอยให้แก่ผู้ที่ปลูกขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการนำไปขายหรือรับประทานเอง

ชีฟไล่อ่านพืชกรอบทองไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับโสมวัยเยาว์เข้า ในข้อมูลระบุไว้ว่า ผู้ใดที่รับประทานโสมวัยเยาว์เข้าไปร่างกายจะย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง โดยผลของโสมวัยเยาว์จะคงอยู่แค่สองชั่วโมงก่อนที่ผู้ที่กินเข้าไปจะกลับเป็นสภาพเดิม นั่งอ่านความสามารถของพืชชนิดนี้ชีฟก็แอบยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับตัวเอง ก่อนจะนึกถึงใครบางคน เมื่อกำลังว่างอยู่ชีฟก็ดำเนินการเร่งโตโสมวัยเยาว์เหล่านี้ขึ้นมาปริมาณหนึ่ง ก่อนจะเก็บเกี่ยวเอาไว้ในช่องเก็บของ

"หืม"

เมื่อเก็บเกี่ยวโสมจนเสร็จเรียบร้อย สายตาของชีฟก็ไปสะดุดเข้ากับพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ราชินีแห่งความงาม ซึ่งเขาจำไม่ได้ว่าไปเผลอเก็บเกี่ยวอีกฝ่ายมาตอนไหน ชีฟลองเรียกออกมาจากช่องเก็บของ

ปุ่ง ต้นไม้ต้นเล็กที่มีแขนขาคล้ายมนุษย์ แต่มีหัวเป็นดอกไม้ตูม ๆ ที่มีปากอันแหลมคม ปรากฏตัวออกมาตรงหน้าชีฟ ขนาดตัวของมันดูเล็กจ้อยและมีความสูงเลยโซฟาที่ชีฟนั่งขึ้นมาเพียงนิดเดียว

แม่ราชินีน้อยแม้จะไม่มีตา แต่มันก็ทำท่ามองซ้ายมองขวาราวกับมองเห็น มันหันหัวมาทางชีฟและจ้องมองอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะหันไปมองทางโอเอซิส แล้ววิ่งกระโจนเข้าใส่อีกฝ่ายที่ไม่ทันรู้ตัว

โอเอซิสโวยวายลั่น

"เอามันออกมาทำไม เอามันกลับไปเดี๋ยวนี้"

ราชินีตัวน้อยพุ่งเข้าแทะหัวของโอเอซิสอย่างเมามัน แม้มันจะกัดไม่เข้า แต่มันก็พยายามจู่โจมใส่โอเอซิสไม่หยุด

ชีฟมีท่าทีตื่นตกใจอย่างหนัก ก่อนจะพยายามเข้าไปแยกราชินีแห่งความงามออกมา