webnovel

สงกรานต์ (2/3)

ข้าวเย็นของวันนี้อยู่ที่งานสงกรานต์ย้อนยุค

พวกเขาเอารถไปสองคันเผื่อจะมีของเยอะตอนขากลับ แวนคันเก๋านำทางซีดานคันใหม่เข้าไปในตัวเมือง จอดห่างกันสามซอยตรงลานวัดใกล้ ๆ ที่จัดงาน ก่อนจะหอบลูกสามไปหาซื้อของกินกัน

ประมาณหนึ่งทุ่มเป็นช่วงเวลาที่งานเทศกาลคึกคักเต็มที่ ถนนฝั่งนอกกลายเป็นสถานที่สาดน้ำของคนวัยหนุ่มสาว ส่วนฝั่งในเป็นตลาดที่รองรับผู้คนหลากหลายวัย ตั้งแต่ทารกในกระเช้าไปจนถึงผู้ชราถือไม้เท้า อาหารละลานตาที่สมัยก่อนไม่มีอยู่รวมกับของที่สมัยนี้หาทานยาก ปลาหมึกทอด บาร์บีคิว น้ำอัดลมโบราณ ข้าวแดกงา โป๊งเหน่ง

ลูกสาม…พะรุงพะรังพอสมควร

ตวันมีแด๊ดจูงมือไม่ห่าง ช่วงเจอคนเยอะเกินก็ต้องอุ้มขึ้นแนบอก หม่อนอยู่กับป๊าและเป้อุ้มเด็กแบบมีที่นั่ง มือหนึ่งของผู้ใหญ่พยุงทารกไว้ อีกมือสะพายกระเป๋า ถ้าของเยอะไปก็จะถ่ายเทไปให้สมาชิกในครอบครัวที่ตามมาด้านหลัง

หลินอายุลดไปไม่มากเท่าคนอื่น ไม่งั้นถ้ากลายเป็นเด็กอนุบาลแก่นแก้วหรือทารกหน้าบึ้งอีกสักคนคงวุ่นวายน่าดู เธอจึงช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ใหญ่ได้เยอะพอ ๆ กับโรมผู้ช่วยอาสาถือของ

พวกเด็ก ๆ ได้ตุ๊กตาเพิ่มมาอีกคนละตัวสองตัว หลินได้กระเป๋าลายกล้วยสีเหลืองแสบสัน เจ้าตัวชอบมากถึงขนาดจะเอาไปใช้ในที่ทำงานด้วยกัน ตวันได้ขนมจุบจิบกับโฟโต้บุ๊ควัดไทยทั้งเล่ม ปกแข็ง กระดาษเคลือบมัน ดูโตเกินกว่าเด็กอนุบาลจะเอามาเปิดดูอย่างจริงจัง หม่อนได้ของเล่นเขย่ามือติดก้อนขนนุ่ม ๆ ที่ป๊าสงสัยว่าความจริงแล้วมันเอาไว้สำหรับแมว แต่ลูกชอบก็พอแล้วแหละ

รู้สึกว่าข้าวเย็นจะไม่ใช่สิ่งสำคัญของลูก ๆ สักเท่าไหร่…

การหามื้อเย็นหยุดชะงักโดยที่ยังเดินโซนของกินได้ไม่ถึงครึ่ง เมื่อลูกน้อยเห็นทางเข้าโซนสนามเด็กเล่น พ่อก็ต้องพาเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางกันทันที ป๊าต้องตะล่อมกล่อมหลินออกจากเกมล้วงถังน้ำแข็ง (เกมใหม่ที่คนแก่พึ่งเคยเห็น เสี่ยงโดนน้ำแข็งกัดตาย ไม่ได้ ๆ) ลากสามีออกจากตู้ชกวัดพลัง หลังความพยายามโชว์ลูกของเขาร่ำ ๆ จะพังเครื่อง

ทารกในอ้อมอกยิ่งทำให้งานป๊ายากขึ้น คิ้วน้อย ๆ ขมวดไม่ชอบใจเพราะอยากหลุดจากพันธนาการแล้วสำรวจไปทุกที่ จับทุกอย่างที่วาววับเข้าตา อย่างพอป๊าเดินเฉียดผ่านตู้คีบตุ๊กตา หม่อนก็ชี้มือไหว ๆ พร้อมร้องแอ้ไม่พอใจอยากกลับไปที่เดิม

"จ้า จ้า หนูอยากลองเล่นเหรอ"

หลังคำถามนี้หลุดปากไป คนที่ตอบกลับมาไม่ได้มีแค่เด็กเล็กคนเดียว เฮ้อ…ดีแค่ไหนแล้วที่แค่สาม ถ้ามีสักสิบคงปวดหัวตาย

ป๊านำขบวนหลุดพ้นนรกตู้คีบออกมาได้ในที่สุด ลูกได้ของจุ๊กจิ๊กชิ้นเล็กชิ้นน้อยกันคนละอย่างสองอย่าง ก่อนจะเดินผ่านร้านที่สามารถมองเห็นชิงช้าสวรรค์ได้ชัด

"มีใครอยากเล่นชิงช้าสวรรค์บ้าง" แด๊ดถาม เริ่มมีอารมณ์สุนทรีย์รำลึกความหลัง หลินตบหน้าผากตัวเองดังเพี้ยะ

"รู้ไหมว่ามันสูงตั้งแปดเมตร นี่เมื่อก่อนนะ ตอนสมัยจีบกันใหม่ ๆ แด๊ดเคยต้องแบกป๊าโดดลงมาจาก—"

"เรื่องไฟดับอีกแล้วเหรอ!" สีหน้าเด็กหญิงบ่งบอกความเอียนเต็มทน

เช่นเดียวกับลูกสาวคนโต ป๊าฟังแล้วรู้สึกว่ามันตงิด ๆ ชอบกล ตอนนั้นพอไฟมาแล้วมันก็หมุนพาลงมาเองไม่ใช่เหรอ โดดลงพื้นเจ็ดแปดเมตรมาจากไหนกัน ความทรงจำเขาไม่น่าผิดเท่าสามีเพี้ยน ๆ ที่ชอบเสริมเรื่องโม้ให้ลูกฟัง

"ไปค่ะ เชิญค่ะ โปรดไปสวีทกันสองคน เดี๋ยวหนูดูแลน้องให้เอง" หลินน่าจะเป็นคนที่ได้ฟังเรื่องราวมหากาพย์ตำนานความรักของพ่อ ๆ บ่อยที่สุดแล้ว เท่ากับว่าเธอจะเข้าข้างและเข้าใจความหมายของแด๊ดได้เร็วกว่าใคร

"ไปเร็วป๊า ไปย้อนความหลังกัน ลูกอุตส่าห์เปิดทางให้แล้ว"

"ไม่อยากขนาดนั้น"

"จริงนะ ไปเหอะ ไม่ต้องห่วงพวกหนูหรอก" ลูกสาวคนโตพยายามผลักดันไม่ลดละ เธอเสนอว่าจะดูแลน้อง ๆ กับเพื่อนน้องเองด้วยน้ำเสียงมีความรับผิดชอบ น่าคิดว่าสาเหตุหนึ่งมาจากขี้เกียจฟังเรื่องไฟดับอีกรอบหรือเปล่า

"ชิงช้านึงมันจุคนได้น้อย" ป๊าก็ยังปฏิเสธเช่นเดิม เขาคิดว่าตอนนี้มันต่างจากเมื่อก่อนแล้ว ได้อยู่กันสองคนก็ดี แต่จะดีมากกว่าถ้ามีลูกอยู่ด้วยทั้งหมด "บ้านเราไม่ได้มีกันแค่สองคนนะ"

"นั่นสินะ ยิ่งคนเยอะยิ่งสนุก" แด๊ดยิ้มอย่างเข้าใจความหมายของเขา "ลูก ๆ ล่ะว่าไง"

"หนูจะขี่น้องเสือ" ตวันตอบอ้อมแอ้ม ชี้มือไปทางซุ้มสีสันสดใสติดไฟระยิบระยับ

"จริงสิ…จำได้ไหมตอนเราเล่นม้าหมุนกันแล้วแด๊ดยกม้าทั้งตัวด้วยนิ้วเดียว"

"หยุดเถอะค่ะ! ฮรืออ ได้โปรดด"

ทั้งครอบครัวตกลงไปเล่นม้าหมุนแทน ป๊ารู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากชิงช้าสักเท่าไร หมุนเหมือนกันแค่อยู่ในแนวตั้ง แล้วก็มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายกว่าเท่านั้น

ป๊าอุ้มหม่อนนั่งตัวที่เป็นรถม้ากับแด๊ด ส่วนเด็กคนอื่นนั่งเสือบ้างนกบ้าง สัตว์ในจินตนาการบ้าง แล้วก็มีการชะโงกหน้าหันมาทักทายพี่น้องหรือเพื่อนด้วยเสียงหัวเราะ

ลูกตระเวนเล่นเครื่องเล่นในโซนสำหรับเด็กต่อ มนุษย์ตัวเล็กพลังงานล้นเหลือลองมันทุกอย่าง หลินไปเล่นรถบั๊มกับโรมสองรอบ ป๊าไปนั่งแก้วหมุนเป็นเพื่อนตวันอีกรอบ ซึ่งจะว่าไปก็ดีเหมือนกัน เขาตอน 60 คงมาเล่นเครื่องนี้กับลูกไม่ได้แน่ มันเอาแต่หมุน ๆๆ อยู่นั่นแหละ นั่งไปก็ตาลายอยากอ้วก

บางเครื่องต้องปล่อยลูกขึ้นไป แล้วป๊าแด๊ดก็กลายเป็นผู้ปกครองหน้าเซ็งที่รอแกร่วร่วมกับผู้ปกครองอีกเป็นสิบ ยุคนี้ดีหน่อยที่แต่ละคนจมอยู่กับโทรศัพท์มือถือได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่ถึงเบื่อก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคุยกัน

สมัยพาหลินมาเล่นแล้วต้องรอเป็นครั้งแรก ๆ เขาก็สงสัยเหมือนกันว่าอะไรทำให้ตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ เขาทำอะไรลงไป ทุกการตัดสินใจมันถูกต้องแล้วเหรอ แต่พอสักครั้งที่สิบผ่านพ้นก็เลิกคิด วันดีคืนดีถ้าไปกับแด๊ดรายนั้นก็รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มแล้วตั้งวงคุยแก้เบื่อ

ร้านปาโป่งเป็นที่ที่ทำป๊าหนักใจที่สุด

ตวันเห็นกระเป๋าดินสอบนชั้นรางวัลแล้วตาเป็นประกาย หันมาอ้อนด้วยแก้มยุ้ยน่ารัก ๆ โดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด พ่อผู้ตามใจจึงต้องแวะ

ลูกชายน่ะไม่เท่าไหร่ ความหนักใจที่พูดถึงมาจากการโม้กับทุกเรื่องของสามีต่างหาก "ไม่รู้ซะแล้วว เห็นป๊าเงียบ ๆ แบบนี้นะโหดมากยอดฝีมือ ไปด้วยกันทีไรได้ของตลอด กวาดเรียบทุกงาน"

"โห อยากรู้เคล็ดลับเลยครับ"

"จะเล่นเหรอ แท่งมันแหลมนะเดี๋ยวทิ่มมือเอา" ป๊าถามกลับด้วยกังวลว่าโรมจะบาดเจ็บ ก่อนรู้สึกอึกอักนิดหน่อย เมื่อกี้เขาพึ่งนับรวมเด็กคนนี้อยู่ในกลุ่มลูกด้วยโดยไม่รู้ตัว แต่คิดดูแล้วคงไม่น่าแปลก เด็กเล็กเด็กโตมองไปก็เหมือน ๆ กันหมด

"แด๊ดไม่เก่งหรอก สมาธิไม่ค่อยจะดี สายตาก็ชอบล่อกแล่กเลยปาไม่เคยเข้าเป้า" ผู้พูดเหลือบมองคนข้างกายอย่างมีเลศนัย มุมปากกระตุก ป๊าฟาดบ่าเขาไปหนึ่งทีให้หุบปาก สายตาอาฆาตบอกชัดเจนว่าอย่ามาล้อเล่นต่อหน้าลูก

ลูกเขาต้องเล่นมุกที่ดีกว่า ดีเอ็นเอความแป้กต้องหายไป

รุ่นตวันกับหม่อนเหลือแต่บ้านบอลในห้าง ต้องรุ่นหลินถึงจะทันสมัยที่วัดแถวบ้านยังจัดงานอยู่ ลูกสาวคนโตจึงรับรู้ความเสี่ยวรับประทานของแด๊ดมาอย่างโชกโชน "มองแต่ป๊าสินะ ฮือฮึ อือฮึ น่ารักจริง ๆ หวานมากค่ะ แต่ช่วยมองแถวก่อนตอนนี้" หลินขู่ เมื่อคู่รักคิวก่อนหน้ากลับบ้านไปพร้อมกับพวงกุญแจกระต่าย ครอบครัวใหญ่หกชีวิตจึงได้เล่นเป็นกลุ่มต่อไป

ป๊าเห็นลูกถือของแหลม ๆ แล้วหัวใจจะวาย กลัวจะหกล้มแล้วเผลอทิ่มตัวเองเอา เขาถึงได้ยึดหน้าที่ปาลูกโป่งล่ารางวัลไว้เอง

การปาลูกดอกใช้แค่มือเดียวเท่านั้น อีกข้างเขาใช้ประคองเด็กทารกให้เห็นแนวลูกโป่งได้ง่าย ตวันน้อยเกาะขอบโต๊ะวางลูกดอก ดวงตาเป็นประกายตั้งมั่นว่าต้องได้ของกลับบ้าน ลูกคนโตงัดมือถือมาเก็บทุกภาพบรรยากาศ

เมื่อก่อนยังได้อุ้มแค่ตุ๊กตาอยู่เลย…ครอบครัวเขาใหญ่ขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ป๊าจัดการลูกโป่งทั้งแนวด้วยรอยยิ้ม

"…"

"มองอะไรอีกฮึ"

"ป๊าววว"

_____