webnovel

ความแตกต่าง

เช้าวันรุ่งขึ้น วินมารับหญิงสาวตรงเวลาตามสัญญา สิปรางค์วุ่นวายเรียกคนที่อู่มายกรถไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น หล่อนเลือกชุดที่จะใส่วันนี้อยู่นานมาก รู้สึกขัดเขินอยู่ไม่น้อยที่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน ตอนอยู่กรุงเทพหล่อนไม่เคยใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลย เพราะคิดว่ามันอันตรายเกินไปเลยไม่อยากเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง มาวันนี้ที่ต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้าจริงๆ หญิงสาวก็คิดไม่ตกว่าชุดแบบไหนถึงจะเหมาะกับการซ้อนท้าย หากเป็นกระโปรงแล้วต้องนั่งป้ายข้างแบบเมื่อวันก่อนก็จะเมื่อยแย่ ระยะทางระหว่างรีสอร์ตกับโรงงานก็ไม่ใกล้นักเกือบๆจะสิบกิโลได้

ท้ายสุดก็คิดว่ามันก็ต้องทะมัดทะแมงกันหน่อย หล่อนอยากจะใส่ชุดหนังแบบที่เห็นในทีวี แต่ติดที่ไม่ได้เตรียมมาด้วย ท้ายสุดหญิงสาวจึงเลือกยีนรัดรูปสีดำเข้าคู่กับเสื้อยีนเนื้อผ้านุ่มสีฟ้าอ่อน ส่วนแว่นตาดำและผ้าพันผมก็ต้องพร้อม หญิงสาวรวบผมเป็นหางม้าขึ้นสูง และใส่รองเท้าบู๊ตหนังส้นเตี้ยคู่เก่ง

เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ใกล้ถึงเวลานัด สิปรางค์จึงออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำรอชายหนุ่ม ซึ่งวินก็มาถึงไม่นานหลังจากนั้น เขาถึงกับทำหน้าแปลกๆเมื่อเห็นการแต่งกายที่เปลี่ยนไปจากปกติของหญิงสาว

"ต้องขนาดนี้เลยเหรอ"

แม้สารถีจะยังคงงงๆกับการเตรียมพร้อมขนาดนี้ของคนสวย แต่เขาก็ยื่นหมวกกันน็อคให้หญิงสาว วันนี้มะปรางแต่งตัวแปลก แต่ก็น่ารักดี วินอดที่จะแอบอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้

"ไง เราแต่งตัวน่ารักล่ะสิ มันก็ต้องจัดเต็มกันหน่อยล่ะค่ะ"

สิปรางค์อดไม่ได้ที่จะแซวเขา หญิงสาวชอบที่เห็นวินทำหน้าตาเลิ่กลั่กเมื่อเขารู้ว่าหล่อนจับได้ที่เขาแอบมองหล่อน

"Let's go!" ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ขึ้นคร่อมยานพาหนะนั้นด้วยความมั่นใจ

"เกาะแน่นๆละกัน ขี้เกียจวิ่งลงไปเก็บตอนเม็ดมะปรางตกไปข้างถนน… โอ๊ย!"

วินต้องอุทานออกมาหลังพูดจบ เนื่องจากเจอกำปั้นจากหญิงสาวทุบหลังเข้าให้อย่างแรง

"อย่ามัวแต่พูดมาก ซิ่งไปเลยจ้า พ่อวินมอเตอร์ไซค์ของชั้น" เสียงใสๆตะโกนก้อง

ชายหนุ่มถึงกับปล่อยยิ้มกว้างออกมาเมื่อแอบชำเลืองมองเห็นอาการร่าเริงเกินเบอร์ของคนสวย…

เมื่อรถของสองหนุ่มสาวมาถึงที่หน้าโรงงาน สิปรางค์ก็ได้ยินเสียงเพลงจากเสียงตามสายลอยมาแต่ไกลเหมือนเช่นเคย ทั้งคู่มาถึงพอดีในจังหวะช่วงเวลาที่คนงานกำลังเข้างานกะแรก หญิงสาวเห็นขบวนรถสองแถวรับส่งพนักงานกำลังทยอยกันขับเข้าโรงงาน เพลงปลุกใจจากเสียงตามสายทำเอาสิปรางค์รำคาญใจเล็กน้อย

"ตื่นก็กินกาแฟ เที่ยงก็กินกาแฟ ถึงตอนเย็นก็กินกาแฟ

กลางคืนก็กินกาแฟ เช้ากินกาแฟ วันยังค่ำก็กินกาแฟ

อยากจะกินกาแฟทีไร เจ๊กไม่ชงให้กิน

เดือนที่แล้วยังไม่เฉ่งบิล ต้องงดกินกาแฟ"

หญิงสาวให้วินแวะส่งที่ป้อมยาม หล่อนลงจากมอเตอร์ไซค์เอากาแฟที่แวะซื้อระหว่างทางไปให้คำตั๋น และกลับมาหยุดยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มซึ่งยังคงนั่งรออยู่บนมอเตอร์ไซค์

"ก็บอกแล้ว ว่าชงกาแฟของโรงงานเรามาให้ดีกว่า" วินยังข้องใจที่หญิงสาวต้องแวะซื้อกาแฟที่ร้านข้างทางมาให้คำตั๋น

"กาแฟที่ไหนๆก็เหมือนกันแหละ แวะซื้อเลยก็หมดเรื่อง มาถึงก็จะได้เอาให้แกเลย ไม่ต้องเข้าไปในออฟฟิศ แล้วออกมาอีก"

"แหม ก็ให้แม่บ้านเดินเอาออกมาให้ก็ได้" ชายหนุ่มยังไม่วายเสียดาย ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่ากาแฟของโรงงานเขาอร่อยที่สุดในเชียงใหม่แล้ว

หากสิปรางค์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของวินนัก หล่อนกำลังมองดูคำตั๋นดูดกาแฟเย็นที่หล่อนซื้อมาฝากพร้อมกับทักทายบรรดาคนงานด้วยอารมณ์แจ่มใส สลับไปกับการมองดูสาวๆโบกมือทักทายช่างวินกิ๊วก๊าวกันใหญ่ เสียงร้องเรียก 'จ้างวินเจ้า' 'จ้างวินเจ้า' ดังอยู่เรื่อยๆ และชายหนุ่มบนมอเตอร์ไซค์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทักทายโบกมือตอบทุกๆคน

สิปรางค์ยืนดูความสนิทสนมกันของคนงานในโรงงานนี้ด้วยความรู้สึกทึ่ง

"รถรับส่งพนักงานที่นี่เก๋ดีนะ นั่งกันมาอบอุ่นเชียว" หล่อนเอ่ยขึ้นมา

"มีมานานแล้ว คุณวิชิตแกจัดการให้ แกเห็นใจพวกป้าๆบางคนที่ต้องขี่รถเครื่องกันมาจากต่างอำเภอไกลๆ" คนงานหลายคนในโรงงานของเขาไม่ใช่คนแถวนี้

"นี่เปลือง cost แย่เลย ใช้รถสองแถวคันเล็กๆแบบนี้ บรรทุกทีก็ได้ทีละนิดเดียว ทำไมไม่ใช้รถบัสล่ะ คนงานร้อยกว่าคน ก็ซักสามคันก็จบ มีจุดนัดรับส่งที่ไหนก็ว่าไป แบ่งเป็นสามสาย เชียงใหม่มีลักษณะผังเมืองเป็นใยแมงมุมอยู่แล้ว น่าจะจัดการแบ่งสายรับส่งได้ไม่ยาก เอ๊ะ ว่าแต่เค้ามาจากอำเภอไหนกันบ้างนะ แล้วอำเภอในเชียงใหม่มีทั้งหมดกี่อำเภอน่ะ แล้วคนงานที่อยู่ในอำเภอแม่ริมนี่มีเยอะไหม"

หญิงสาวหันหน้าไปถามชายหนุ่มคนข้างๆด้วยสายตาจริงจัง แล้วก็เห็นว่าวินกำลังจ้องมองหล่อนด้วยสายตาประหลาดใจระคนอึ้งอยู่ก่อนแล้ว คนตัวสูงเงียบไปครู่นึงก็ตอบเรียบๆกลับมาว่า

"รถสองแถวพวกนี้น่ะ ก็ของคนแถวนี้ทั้งนั้น จ้างหลายๆคันก็เป็นการกระจายรายได้กันไป"

พูดจบวินก็หันกลับไปโบกไม้โบกมือกับคนงานที่กำลังลงจากรถต่อไป ชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าอยากจะถกเถียงเรื่องนี้กับหญิงสาวต่อ สิปรางค์เริ่มจะคุ้นชินกับท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว วินไม่ใช่คนพูดเยอะ ไม่ใช่คนที่จะมาอธิบายอะไรยาวๆบ่อยๆ แต่หล่อนก็ต้องยอมรับว่าแม้ชายหนุ่มจะเป็นคนพูดน้อยมากถึงมากที่สุด แต่แต่ละครั้งที่วินพูดออกมา เขาทำให้หล่อนต้องนิ่งฟังเสมอ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนพูดอะไรสั้นๆห้าวๆ แต่ในความห้าวนั้นมันก็มีเหตุผลที่สิปรางค์อดที่จะเห็นด้วยไม่ได้

วินเป็นผู้ชายในแบบที่หญิงสาวไม่ค่อยได้พบเจอ ผู้ชายที่รายล้อมหล่อนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนพูดเก่ง คารมดี เต็มไปด้วยหลักการที่น่าทึ่ง พวกนั้นมักจะหาโอกาสแสดงไหวพริบปฏฺิภาณและความฉลาดออกมา และส่วนมากก็จะพยายามทำบุคลิกท่าทางให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา

แต่วินไม่ใช่แบบนั้น เขามีท่าทางสบายๆและเป็นธรรมชาติ นัยน์ตาเรียวคู่นั้นออกอาการยิ้มน้อยๆและใจดีเสมอ หากในขณะเดียวกัน หญิงสาวก็รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก

นี่คือบุคลิกของผู้ชายต่างจังหวัดหรือเปล่านะ หรือเป็นลักษณะเฉพาะเจาะจงของหนุ่มเหนือ หรือนี่คือบุคลิกของชาวสวน หรือนี่คือบุคลิกของนักดนตรี หรือนี่คือบุคลิกของนายช่าง โอ๊ย อีตานี่ จะเป็นอะไรได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้…

"ทำไมคุณสิปรางค์มากับช่างวินฮะ"

คุณดนัยรีบตรงรี่เข้ามาถามหล่อนทันที โดยที่หญิงสาวยังไม่ทันจะได้วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ

"อื้อ" สิปรางค์ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญพลางหยิบโน้ตบุ๊คออกมาจากกระเป๋า เสียบเข้ากับที่ชาร์จไฟ เปิดหน้าจอกดปุ่มเปิด ระหว่างเครื่องทำงาน หญิงสาวเอนหลังกับพนักเก้าอี้แล้วถึงเงยหน้าขึ้นมอง คุณดนัยยังจ้องตาหล่อนเขม็ง คนสวยจึงจำต้องตอบให้เหตุผลไป

"อุบัติเหตุน่ะค่ะ รถเสีย ก็เลยติดรถเค้ามา"

"อะไรยังไงฮะ บ้านอยู่ใกล้กันตั้งแต่เมื่อไหร่" น้ำเสียงนั้นคาดคั้น คุณเลขายังไม่ละความสนใจใคร่รู้

สิปรางค์รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยกับน้ำเสียงสะบัดๆนั่น แต่หล่อนก็ไม่ได้ติดใจอะไร

"แหม ก็อยู่แถวๆเดียวกันนั่นล่ะค่ะ" แต่เริ่มๆชักจะรำคาญกับความช่างซักของคนตรงหน้า

"มาเริ่มงานกันดีกว่าค่ะ คุณดนัยไปพักร้อนซะหลายวัน มีเอกสารที่ต้องติดตามค้างอยู่เยอะเลยค่ะ"

หากเลขาหนุ่มใหญ๋ยังท่าทางยังแคลงใจ ในหัวเหมือนของเขาเหมือนยังกำลังคิดเรื่องอะไรอย่างอื่นอยู่ แต่ก็ยอมเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองแต่โดยดีด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

"คุณดนัยคะ เอกสารเรื่องการสั่งซ่อมเครื่องล้างเมล็ดน่ะค่ะ อยู่ในไฟล์ไหนคะ" เสียงใสๆถามตามมา

"…"

เมื่อไม่ได้รับคำตอบสิปรางค์จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นคนที่นั่งโต๊ะทำงานข้างๆยังคงนั่งเหม่อลอย

"คุณดนัยคะ!" หญิงสาวเรียกเสียงดังขึ้นอีก…

ระยะนี้ดนัยมีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่อง เรื่องของอีหล้าหรือราณีเพื่อนสาวรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ผู้ซึ่งจักเขาดีว่าเขาพยายามปิดบังความตุ้งติ้งเอาไว้ และไหนจะเรื่องของคุณสิปรางค์ที่ซ้อนท้ายมากับช่างวินแต่เช้า ดนัยรู้สึกอิจฉาคุณสิปรางค์เป็นอันมาก เขาอยากจะได้ใกล้ชิดกับช่างวินบ้าง เพราะช่างวินเป็นความชุ่มฉ่ำอย่างเดียวในหัวใจที่เขามี ดนัยแอบหลงรักนายช่างเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนนี้มานานแล้ว แม้บางช่วงเขาจะแอบหวั่นไหวหันไปสนใจช่างวุฒิบ้าง แต่มิช้านาน เขาก็หันกลับมามีสายตาให้ช่างวินคนเดียวดังเดิม

ช่างวินหยอกล้อกับบรรดาป้าๆและพวกผู้ชายในโรงงานเสมอ แต่หากกับสาวๆในออฟฟิศแล้วนายช่างหนุ่มจะมีสีหน้าเรียบเฉยเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยมีสาวคนไหนดึงความสนใจจากชายหนุ่มคนนี้ได้ และกับดนัยเองวินก็ไม่เคยแสดงความสนใจใดๆเป็นพิเศษ แต่ดนัยกลับเห็นเป็นความน่าเอ็นดู เป็นความท้าทายที่อยากจะเอาชนะ เขาคิดว่าช่างวินเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ ดนัยคิดถึงไปถึงปากแดงๆคู่นั้นยามต่อล้อต่อเถียงกัน แหม อยากจะดึงนายช่างหนุ่มเข้ามาจุมพิตซะเหลือเกิน คิดแล้วก็เขินจัง

"คุณดนัยคะ!" สิปรางค์เรียกเขาดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม แต่ดนัยก็หาได้รู้ตัวไม่ เขากำลังวาบหวามหวั่นไหวกับจินตนาการของเขาที่มีต่อช่างวิน

"คุณดาน่า!"

คราวนี้สิปรางค์ตะโกนขึ้น ดนัยสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ใครเรียกใครกัน ใครเรียกชั้น เดี๋ยวก่อน นั่นมันเสียงคุณสิปรางค์นี่ แล้วคุณสิปรางค์รู้ได้ยังไงว่าชั้นมีอีกชื่อนึงคือดาน่า ดนัยหันขวับไปทางคุณสิปรางค์ ฝ่ายนั้นกำลังมองมาทางเขาอยู่แล้ว

"อื้อ ชื่อดาน่าจริงๆด้วยแฮะ" คนสวยพึมพำยิ้มๆ

"ว่าแต่เหม่ออะไรอยู่คะ คิดถึงเรื่องคอลเล็กชั่นใหม่ของชาแนลวินเทอร์นี้หรือเปล่าคะ อันที่จริงผ้าพันคอแคชเมียร์ก็เหมาะกับคุณดาน่าอยู่นะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่าหน้าหนาวนี้เชียงใหม่จะหนาวแค่ไหน" หญิงสาวหยอกมาด้วยประโยคยาว

ในเมื่อคุณสิปรางค์รู้แล้ว ดนัยก็แอบโล่งใจ เปิดๆไปเลยละกัน เขายิ้มแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่โต๊ะ

"แหม คุณสิปรางค์ก้อ" ดนัยแอบเขินนิดหน่อย แต่ท่าทางหญิงสาวผู้มาจากกรุงเทพคนนี้จะเข้าอกเข้าในตัวเขาดี เขาจึงกล้าที่จะพูดความในใจ

"ก็เรื่องของช่างวินน่ะฮ่ะ สาวๆแอบกรี๊ดเค้ากันทั้งโรงงานเลยนะฮะ แต่ช่างวินน่ะเค้าท่าทางเฉ้ยเฉย ไม่เคยเห็นเค้าไปกับสาวไหนในโรงงานเลยฮ่ะ"

"แล้วไงคะ" สิปรางค์ยังไม่เห็นมีเรื่องอะไรแปลกใหม่ให้น่าสนใจ เรื่องที่สาวๆกรี๊ดนายช่างหนุ่มนั้น ใครๆก็รู้

"ก็ทุกคนก็อิจฉาคุณสิปรางค์น่ะสิฮะ ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ช่างวินด้วย" ดนัยโน้มตัวลงมาเหลียวซ้ายแลขวาทำท่ากระซิบกระซาบ

"เอ๊า แต่ช่างวุฒิเค้าป๊อปปูล่าร์กว่าช่างวินไม่ใช่หรือคะ จะมาอิจฉาชั้นทำไมกันคะ"

"ว้าย คุณสิปรางค์รู้ด้วยหรือฮะ แหมเห็นทำแต่งาน ความจริงแล้วก็แอบสังเกตเหมือนกันน้า"

เลขาหนุ่มใหญ่เริ่มรู้สึกสนิทสนมกับคุณสิปรางค์อย่างบอกไม่ถูก ดูเผินๆเหมือนหญิงสาวตรงหน้าจะไม่เคยสนใจว่าใครจะไปใครจะมา แหม แต่ความจริงแล้วหล่อนช่างสังเกตใช่ย่อยนะเนี่ย

"คะแนนเค้าก็นับว่าสูสีกันนะฮ่ะ แต่เผอิญช่างวุฒิเค้ายังมีหยอดคนโน้นคนนี้หน่อย แต่ช่างวินเค้าไม่เคยสนใจสาวคนไหนเลยไงฮะ ดาน่าเลยว่าท้าทายสุดๆ"

"เฮ้อ…" สิปรางค์ทำหน้าเบื่อกับความไร้สาระของโรงงานนี้ "คุณดนัย เอ้ยคุณดาน่า ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ช่างวินเค้าไม่มาสนใจชั้นหรอกค่ะ"

"ว่าแต่ ดาน่าน่ะสงสัยมานานละ แต่ไม่กล้าถาม คุณสิปรางค์มีใครรออยู่ที่กรุงเทพไหมฮะ"

"พวกผู้ชายน่ะเหรอคะ ส่วนใหญ่ก็จะมาเป็นภาระกับชีวิตเรามากกว่ามั้งคะ เราสวยเลือกได้ค่ะ แต่เราไม่เลือก ฮ่า ฮ่า" สิปรางค์ทำหน้าเย้ยหยันกับลมฟ้าอากาศ

ดนัยมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม เขาเชื่อว่าสิปรางค์คงจะเป็นฝ่ายเทผู้ชายก่อนอย่างสนิทใจ…

หากแต่คำถามที่อยากรู้อยากเห็นของดนัยทำเอาสิปรางค์เผลอนิ่งคิด ที่ผ่านมา หญิงสาวเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกมาโดยตลอด แต่หล่อนก็หาได้แคร์ไม่ ก็อยากมาจีบหล่อนกันเอง หล่อนก็เลยคบไปงั้นๆ หล่อนคิดว่าหล่อนสวยเลือกได้อยู่แล้ว

สิปรางค์นึกย้อนไปถึงตอนเรียนอนุบาล ช่วงเวลานอนกลางวันก็จะมีเด็กผู้ชายแอบมามอง มาแกล้ง มานอนดูดขวดนมข้างๆ แล้วแกล้งแย่งขวดนมจากหล่อนเสมอๆ แต่อย่าหวังว่าเด็กหญิงตัวน้อยๆหน้าตาน่ารักอย่างหล่อนจะยอม มันจะต้องเกิดการต่อสู้แย่งชิงคืนมาเสมอ และคราใดแย่งไม่ได้ เด็กหญิงก็จะใช้วิธีกัดที่หูของเด็กผู้ชายพวกนั้น จนเป็นเรื่องเป็นราวถึงผู้ปกครองเสมอ

เมื่อนึกไปถึงสมัยเรียนประถม แค่สวยไม่พอ แต่หล่อนยังแข็งแกร่ง ยามใดที่มีการแข่งกีฬา สิปรางค์ก็ชนะทุกคน หรือจะเป็นการแข่งตอบปัญหาในห้องเรียน แค่สวยไม่พอ หล่อนยังฉลาดด้วย หล่อนก็ยกมือแย่งเพื่อนตอบอยู่คนเดียว ส่วนตอนเรียนมัธยม เมื่อมีหนุ่มโรงเรียนอื่นมาแอบมอง มาแซวหรือเข้ามาจีบ สาวน้อยคนสวยก็จะเดินเข้าไปถามตรงๆเลยว่า มาคบกันดูไหม ซึ่งพฤติกรรมใจกล้าท้าทายเช่นนี้ของหล่อนทำให้หนุ่มๆต่างพากันหลบลี้หนีหน้าไปเอง

คิดมาถึงตรงนี้สิปรางค์ก็ยักไหล่

ชีวิตแบบหนุ่มสาวกุ๊กกิ๊กนี้มันช่างไร้สาระสิ้นดี…

เมื่อดนัยเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขาหลังจากที่ได้เปิดประเด็นเรื่องหนุ่มๆอย่างสมใจแล้ว สิปรางค์ก็หันกลับมาให้ความสนใจกับกองเอกสารบนโต๊ะ สายตาของหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นแฟ้มจากฝ่ายบุคคลจ่าหน้าว่าพนักงานแผนกซ่อมบำรุง หล่อนหยิบมาดูด้วยความสนใจ เปิดมาหน้าแรกก็เห็นหัวกระดาษว่า "Maintenance Manager" พร้อมด้วยภาพและประวัติของชายหนุ่มที่หล่อนซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยเมื่อเช้า

วิน วิสุนทร "WInd Wisoonthorn"

เฮ้ย ชื่อวินที่แปลว่าสายลมจริงๆด้วย

อึ้ย น่ารัก คงสมัยเข้าทำงานใหม่ๆ หัวเกรียนเชียว

เอ้อ อายุน้อยกว่าเรานิดนึง

สิปรางค์หัวเราะคิกคัก เลื่อนสายตาลงมาดูที่ส่วนของการศึกษา

ปวส. ช่างกล... อือม์ เด็กช่างจริงๆ

และเมื่อหญิงสาวไล่ไปตามประวัติการทำงานก็ต้องแปลกใจ ชายหนุ่มทำงานที่โรงงานแห่งนี้ตั้งแต่สมัยเขายังเรียนปวช จนจบปวส และก็ทำต่อเนื่องมาตลอด ไม่เคยไปทำงานที่อื่นเลย

นี่วินอยู่ที่โรงงานแห่งนี้มานานขนาดนี้เชียวหรือนี่ เกือบสิบห้าปีแล้ว นี่เค้าไม่คิดจะออกไปทำที่อื่นเลยรึไง

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สิปรางค์ก็ถอนหายใจยาว

เค้าน่าจะผูกพันกับที่นี่มากกว่าที่เราคิด…

จากวันนั้นที่ได้รู้จักกับน้องเอื้องคำ สาวโรงงานหน้าใส ความน่ารักของสาวน้อยทำเอาปัณณ์นอนไม่หลับ หนุ่มน้อยแอบหลงรักน้องเอื้องเข้าเต็มเปา เขาแอบทำเนียนไปที่โรงผลิตบ่อยๆ อ้างว่ามาหาช่างวุฒิบ้าง มาเอาอะไหล่บ้าง เขายืนแอบมองตอนน้องเอื้องมาทำงานกับรถแดงรับส่งพนักงานในตอนเช้า และในตอนเย็นเมื่อได้เวลารถรับส่งพนักงานจะออก หนุ่มน้อยก็จะรีบไปแอบมองอยู่ไกลๆรอส่งสาวน้อยกลับบ้าน

และในวันหนึ่งขณะที่ปัณณ์กำลังยืนแอบมองเอื้องคำอยู่จากทางหลังประตูโรงผลิต หนุ่มกรุงเทพบิดตัวอย่างเขินอายไปมายามมองสาวเหนือที่ตนแอบชอบนั่งคัดผลกาแฟสดอยู่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจากเสียงกระซิบที่ดังมาจากข้างหลัง

"แอบดูป้าฟองอยู่เหรอครับคุณน้องปัณณ์"

"หรือจะเป็นลุงอินครับคุณน้องปัณณ์ เอ อย่าแอบคิดอะไรกับแกนาครับ"

"โธ่ พวกพี่นี่ก็…" ปัณณ์หันไปทำหน้าระอาใจกับเสียงหัวเราะคิกคักของช่างอู๊ดและช่างโต้ง แล้วก็หันกลับมาแอบมองคนน่ารักคนนั้นต่อไป

รุ่นพี่นายช่างทั้งสองมองตามสายตาของเจ้าเด็กฝึกงานผู้กำลังอินเลิฟ แล้วก็หันมาอมยิ้มให้กัน

"จีบเลยครับจีบเลย" ช่างอู๊ดพยักพเยิดให้หนุ่มน้อยเดินหน้าทำตามหัวใจ

"ผมไม่กล้าหรอกพี่ ไม่รู้จะเริ่มยังไง" หากปัณณ์ยังคงไม่กล้า

"มา เดี๋ยวพี่เดินเข้าไปบอกเค้าให้เอง" ช่างโต้งทำท่าจะเดินออกไปทางกลุ่มสาวๆที่นั่งคัดแยกเมล็ดกาแฟอยู่

"อย่าพี่ ผมเขิน" คนเขินหน้าแดงก่ำรีบละล่ำละลักฉุดแขนช่างโต้งเอาไว้

"ผมยังไม่อยากให้เขารู้ตัว เอ้อ อันที่จริง ก็ไม่ได้อยากให้พวกพี่ๆรู้ด้วย"

ปัณณ์แอบมองไปทางเอื้องคำแบบพะวักพะวน กลัวสาวน้อยจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับหล่อน และก็ไม่อยากให้ใครคนอื่นรู้ด้วย ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องรู้สึกเขินอายขนาดนี้ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน ที่มหาลัยเขาเองก็นับว่าป๊อปปูล่าร์อยู่ไม่น้อย แต่กับสาวน้อยชาวเหนือคนนี้ ทำเอาเขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

"นี่มายะหยังกันแถวนี้" เสียงทุ้มๆแหบๆแสดงความสนใจดังมาจากทางข้างหลังอีกหนึ่งเสียง

โอ๊ย มาอีกคนละ

ปัณณ์หันหน้าไปทางต้นเสียงอย่างเซ็งๆ ช่างวินยืนทำหน้าตาเหลอหลาตัวสูงๆอยู่ข้างหลังช่างอู๊ดและช่างโต้ง

"มาแอบดูอะไรกันเหรอ" แล้วเสียงใสๆของสิปรางค์ก็ดังขึ้นตามมา ใบหน้าสวยๆนั่นโผล่เข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เอ้า รู้กันให้หมด โอ๊ย!..

ก่อนสิปรางค์จะมาเจอกับคณะแอบดูของปัณณ์ลูกพี่ลูกน้องของหล่อน วันนี้วินพาหญิงสาวมาเดินดูขั้นตอนการผลิตเมล็ดกาแฟโดยละเอียด ความจริงแล้วหน้าที่นี้ควรเป็นของช่างวุฒิ วิศวกรสายการผลิตคนเดียวของโรงงาน แต่เผอิญวันนี้ช่างวุฒิต้องเข้าไปประชุมกับกลุ่มชาวบ้านบนดอย วินจึงรับอาสาพาหล่อนมาทัวร์โรงงานด้วยตนเอง

สิปรางค์รู้สึกตื่นเต้นไปกับขั้นตอนของการผลิตเมล็ดกาแฟที่นี่ ทั้งการเตรียมเมล็ด การคั่ว และการบด ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยเห็นกระบวนการผลิตกาแฟมาก่อน แต่ที่โรงงานผลิตกาแฟสำหรับรูปขนาดใหญ่ของปกป้องที่ฉะเชิงเทรานั้น มีแต่เครื่องจักรอันทันสมัยและควบคุมทุกอย่างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หญิงสาวเคยไปเดินๆดูก็ไม่เห็นอะไรมากนัก

ต่างไปจากที่นี่… จะไม่ให้ตื่นเต้นยังไงไหว ก็ทุกกระบวนการยังมีมนุษย์เป็นส่วนประกอบหลักๆ!

"ที่นี่เราเอาเมล็ดกาแฟออกจากเปลือกของมันโดยใช้วิธีเปียกนะครับ เป็นวิธีผลิตที่เหมาะกับกาแฟสายพันธุ์อราบิก้าโดยเฉพาะ โดยเราจะมีรถไปรับซื้อผลกาแฟสดจากชาวไร่ แล้วนำเอาผลสดที่เก็บเกี่ยวแล้วมาแยกผลสุกพร้อมล้างทำความสะอาดผ่านเครื่องเฉพาะ"

วินชี้ให้ดูกลุ่มของสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังนั่งคัดผลกาแฟสดเป็นกลุ่มๆ แปลกที่เมื่อยามที่วินต้องพูดถึงเรื่องของกาแฟ เขากลับดูมีความสุขที่ได้อธิบายอย่างยืดยาวให้หญิงสาวฟัง ก็ปกติชายหนุ่มพูดแต่ประโยคสั้นๆ

"นั่งคัดมือกันเนี่ยนะคะ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จคะ"

แม้จะตื่นเต้น แต่สิปรางค์ก็อดส่ายหัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ สมัยนี้ยังมีงานที่ใช้คนทำแทนเครื่องจักรอยู่อีกจริงๆแฮะ

มิน่า พี่ป้องถึงอยากจะปิดโรงงานนี้

"ก็เราอยากให้พวกชาวบ้านเขามีงานทำให้มากที่สุดน่ะครับ" คราวนี้วินหันหน้ามามองหล่อนอย่างตรงๆ ดวงตาคู่นั้นมีแววจริงจังและเชื่อมั่นในสิ่งที่เขากำลังทำ

สิปรางค์มีความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเมื่อเห็นแววตาอันมุ่งมั่นของชายหนุ่ม หล่อนเริ่มชักจะไม่แน่ใจว่า สิ่งที่วินกำลังทำอยู่ หรือสิ่งที่หล่อนกำลังทำอยู่ สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ควรจะทำกันแน่

แต่ยังไงซะ ท้ายที่สุดแล้ว แรงงานจากเครื่องจักรก็ย่อมชนะแรงงานจากมนุษย์ไม่ใช่หรือ

หญิงสาวพยายามจะสลัดความรู้สึกสับสนนั้นออกจากหัว หล่อนเดินตามนายช่างหนุ่มผ่านกลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่ต่างๆไปทางเครื่องจักรที่อยู่ถัดไป

"เมื่อคัดมือเสร็จแล้ว เราก็จะเอาผลที่คัดแล้วมาเข้าเครื่องสำหรับปอกเปลือก แล้วนำมาล้างเพื่อเอาเมือกออกอีกครั้ง" เขาชี้ให้หล่อนดูเครื่องจักรขนาดเล็กที่ตั้งเรียงรายกันอยู่เป็นแถว มีคนงานนับสิบคนกำลังเทเมล็ดเข้าทางด้านบนของเครื่องจักร

"แล้วเราก็จะเก็บเมล็ดที่ล้างแล้วในถังหมัก ทิ้งไว้ประมาณครึ่งวันถึงวันครึ่ง แล้วจึงจะนำไปผึ่งแดดเพื่อไล่ความชื้นออก"

วินนำหญิงสาวเดินออกจากประตูด้านหลังของโรงผลิต เบื้องหน้าของสิปรางค์เป็นลานกว้างด้านหลังของโรงงาน หล่อนเห็นเมล็ดกาแฟสดนับจำนวนไม่ถ้วนที่อยู่บนกะบะกำลังถูกเกลี่ยด้วยคนงานจำนวนหนึ่งให้แผ่รับความร้อนจากพลังแสงอาทิตย์

ใช้พลังงานจากธรรมชาติที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเสียด้วย

สิปรางค์ยืนมองภาพนั้นเหมือนต้องมนต์สะกด โรงงานแห่งนี้ไม่ได้เป็นโรงงานเล็กๆโทรมๆที่กำลังรอวันปิดตัวอย่างที่หล่อนเคยคิดเอาไว้ แต่มันยังคงเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา มีเลือดเนื้อของคนงานจำนวนร่วมร้อยเป็นตัวหล่อเลี้ยง

หญิงสาวเกลียดอารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของตัวเองเช่นนี้เหลือเกิน…

กว่าจะเสร็จสิ้นการทัวร์โรงงานก็ล่วงเข้าเวลาบ่ายคล้อย ยิ่งเห็นขั้นตอนการผลิตจากแรงงานคนอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเท่าไหร่ สิปรางค์ก็ยิ่งรู้สึกว่าโรงงานที่นี่ช่างแตกต่างจากที่หล่อนเคยเห็นมา ดูเหมือนว่าขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนของการสีเมล็ด การคั่ว และการบดเมล็ดจะทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าได้ผูกพันกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่ากาแฟนี้ไปโดยไม่รู้ตัว

"การผลิตที่นี่ต่างจากโรงงานที่ฉะเชิงเทรามากเลยนะคะ คือไม่นึกว่าแค่เป็นกาแฟที่สายพันธุ์ต่างกัน จะมีขั้นตอนที่ต่างกันขนาดนี้"

"ครับ ที่นั่นสายพันธุ์โรบัสต้า มันก็แค่กาแฟสำเร็จรูปน่ะครับ"

สิปรางค์จับน้ำเสียงเยาะๆของคนตรงหน้าได้ หล่อนปรายตามองเขาด้วยความหมั่นไส้

"และก็แน่นอนว่าเรื่องรสชาติก็คงจะสู้ที่นี่ไม่ได้" วินหันมามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาทำอยู่

"แต่สายพันธุ์นี้ก็มีขั้นตอนซับซ้อน และใช้พื้นที่มากกว่านะคะ" หญิงสาวเห็นสายตานั้นก็เลยอดไม่ได้ที่จะพยายามเอาชนะชายหนุ่ม

"นี่มะปรางได้ลองชิมกาแฟของโรงงานเราหรือยังครับ" นายช่างหนุ่มขมวดคิ้วใส่คนสวยที่ชอบเอาชนะ

"เราไม่ดื่มกาแฟ เพราะไม่มีประโยชน์กับร่างกาย ถึงไม่มีคาเฟอีน เราก็แอคทีฟได้" สิปรางค์ตอบหน้าเฉย จ้องคนตัวสูงกว่าอย่างท้าทาย

"เฮ้อ!" วินถึงกับต้องแกลังถอนหายใจออกมาดังๆ

บางครั้งคนสวยคนนี้ก็น่ารำคาญชะมัด…