webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

เรื่องที่ 3 โบราณสถานแบบนี้พี่ลาขาด

ตอนที่ 1

ยังคงเป็นท้องฟ้าสวยสดใสไร้เมฆหมอกบดบังทัศนียภาพกว้างไกลสุดสายตา นกสีสันสวยงามมองมายังสิ่งมีชีวิตไร้ปีกที่ไม่รู้ว่าทำไมมาลอยอยู่บนฟ้าได้อย่างแปลกใจ แน่นอนว่าผู้ไร้ปีกเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมส่งมาแบบลอยฟ้าแบบนี้ ยืนบนพื้นแต่แรกมันไม่น่าจดจำหรือไง พื้นดินใกล้เข้ามาทุกขณะเพื่อกันการกระแทกพื้นจินตกชจึงตวัดมือออกไป เปิดใช้สะบั้นสุญญากาศเต็มพิกัด ให้เกิดแรงลมชะลอการตก ทว่ายามนี้ทักษะของเขาพัฒนาแบบก้าวกระโดดไปแล้วพอใช้ออกมาเต็มแรงจึงเกิดพลังฟาดฟันร้ายแรงสู่เบื้องล่างซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตบางฝูงใช้สีพรางกายซุ่มจู่โจมคนกลุ่มหนึ่งอยู่พอดี

ตูมใหญ่แบบกวาดเรียบแถมพื้นเป็นแอ่งกว้างอีกต่างหาก ส่วนคนทำแอ่งลงสู่พื้นด้วยท่ายืนอย่างมั่นคง คะแนนเต็มสิบ

"จะ เจ้า ลงมาจากไหนกัน?" คนถามเงยหน้ามองฟ้าหลังฝุ่นควันจางลง ไม่มีสิ่งใดให้คิดได้ว่าคนที่ลงสู่พื้นขี่สิ่งใดมาสักอย่าง

"พลังกวาดล้างอะไรขนาดนี้" อีกคนยกมองมือกุมอกเก็บความตื่นตระหนกไม่อยู่

"เผ่าบีสท์มีพลังขนาดนี้เชียวหรือ?" หญิงกลางคนหนึ่งเดียวตะลึงงันจนปล่อยไม้เท้าหลุดจากมือ

อย่าว่าแต่สามคนนั้นตะลึงเลยจินตกชเองก็อึ้ง พื้นที่ลงมามีเศษซากเขา เขี้ยว กระดูก ชิ้นใหญ่โตเท่าตัวเขาเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เจ้าของสิ่งเหล่านี้เละจนจำสภาพเก่าไม่ได้แล้ว

"ร่างนี้เป็นใครกัน ทำไมพลังทำลายมากมายแบบนี้" บ่นกับตนเองเบาๆ เสียงรายงานดังขึ้นในหัวทันที

[ชื่อ ซีวิลล์ เผ่าบีสท์ เพศชาย สายพันธุ์แทสมาเนีย ความบ้าระห่ำเต็มสิบ สติน้อยนิดพลังอ่อนด้อย ถูกไล่ออกจากถิ่นฐานเพราะมีเรื่องวิวาทไปทั่ว ลักษณะจัดว่าอัปลักษณ์ในสายตาชาวบีสท์ทุกเผ่าเนื่องจาก ฟันทื่อ เขี้ยวเกไม่เป็นระเบียบเสียงคำรามแหบแห้งไร้พลัง ขนสากหยาบกระด้าง เตี้ยกว่ามาตรฐานสิบสองนิ้ว]

เอาละฉันรู้แล้วว่าร่างนี้เป็นใคร ว่าแต่ทำไมมันไปลอยฟ้าจนตกลงมาที่นี่ได้ล่ะ?

เปิดอ่านเนื้อหานิยายแบบเร่งด่วน

ซีวิลล์ถูกไล่ออกจากเผ่าเพราะนิสัยเกะกะระรานสมองน้อยไร้ความคิด ก่อเรื่องจนเผ่าใกล้เคียงยื่นคำขาดถ้าไม่ไล่ออกไปอาจลงมือฆ่าทิ้งให้เอง เจ้าตัวเดินทางออกมาก็มีเรื่องไปทั่วจากความฉลาดทางอารมณ์ต่ำที่ไปลอยอยู่บนฟ้าเพราะโดนจอมเวทคนหนึ่งวาร์ปส่งให้ไปตายไกลๆ หลังจากมีเรื่องกัน ซึ่งนั้นทำให้ซีวิลล์จบชีวิตไปแล้วจริงๆ จินตกชจึงเข้ามาแทนที่ โลกนี้ผู้ใช้เวทมนต์ได้ยิ่งใหญ่ที่สุด ความสามารถอื่นสำคัญรองลงมา ต่อให้มีพลังต่อสู้และฝีมือล้ำเลิศแค่ไหนก็ยังต่ำชั้นว่าคนที่ใช้เวทมนต์ได้อยู่ดี ส่วนอาชีพที่ได้รับความนิยมที่สุดคือนักผจญภัย มีกิลด์ต่างๆ มากมาย มีสมาคมนักผจญภัยประจำทวีปให้มารับงาน มีการจัดอันดับและการแข่งขันระหว่างกิลด์ในการบุกโบราณสถานเก็บของมีค่า แน่นอนว่าตามโบราณสถานย่อมมียามเฝ้า ยามเฝ้าแต่ละที่เป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายร้ายแรงทั้งนั้น การบุกโบราณสถานทุกที่มีความเสี่ยงแต่คุ้มค่าต่อการลงทุน พระเอกเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอะไรที่เขาต้องการล้วนเอามาได้ทั้งนั้น ไม่มียามเฝ้าโบราณสถานตนใดหยุดเขาได้ พบกับนางเอกที่ป่วยเป็นโรคร้ายต้องใช้ยาวิเศษในโบราณสถานที่อันตรายที่สุดในโลกรักษา และพระเอกก็ไปถล่มเสียแทบหายไปจากแผนที่ได้ยาได้สมบัติกองเท่าภูเขากลับไป ช่วยนางเอกจบแบบแฮปปี้

สรุปเจ้าคนมหาโกงก็คือพระเอกอยู่ดี

จินตกชไหวไหล่อย่างเข้าใจแต่หมั่นไส้เหลือจะกล่าว ส่วนสามคนที่เห็นอยู่นั่นก็เป็นนักผจญภัยระดับล่างพบเจอได้ทั่วไป ราคาค่าตัวถูก รับงานง่ายๆ ประมาณหาของตามสถานที่มีมอนสเตอร์พลังต่ำ กำจัดมอสเตอร์ขนาดเล็กคุ้มกันคนเดินทาง ต่อยตีพวกโจรกระจอก ถ้าโจรมีระดับก็ดับเองนั่นแหละ

ทางนี้ตัวประกอบ ทางนั้นก็ตัวประกอบเช่นกันฉะนั้นดีกันไว้ไม่เสียหายหรอกน่า

"สวัสดีพวกท่าน นี่ที่ไหนพอรู้ไหม?" จินตกชโปรยยิ้มพิมพ์ใจ ทว่าหน้าตาตอนนี้มันไม่ต่างจากแสยะโชว์เขี้ยวเตรียมงับคอชาวบ้าน ทำทั้งสามผงะเฮือกแล้วตั้งท่าพร้อมทุ่มพลังทุกอย่างใส่ถ้ามีการจู่โจม

"ที่นี่คือหมู่บ้านปอนเชที่มีมอนสเตอร์บุกเข้ามาก่อกวน พวกฉันรับงานมากวาดล้างพวกมันแล้ว... เจ้าก็ตกลงมา" ลุงผมสีน้ำตาลแดงถือดาบอย่างระมัดระวัง สองตาจับจ้องเผ่าบีสท์เขม็ง

"เจ้าเป็นใคร มาจากไหน?" อีกหนึ่งลุงใช้ดาบเช่นกัน

"ฉันโดนจอมเวทคนหนึ่งโยนมากะให้มาตายไกลๆ น่ะ แต่มาไกลแค่ไหนไม่รู้นะไม่รู้ว่าหมู่บ้านปอนเชห่างจากเมืองที่ฉันโดนโยนมาแค่ไหน ว่าแต่ไหนล่ะพวกมอนสเตอร์ที่พวกท่านมากำจัด" เหลียวมองไปทั่วบริเวณเจอแค่กระดูกกับเขาสัตว์แตกหักชิ้นใหญ่เกลื่อนไปทั่ว

สามมือชี้มายังพวกแตกหักรอบตัวบีสท์ขี้ริ้ว "นั่นแหละ เจ้าถล่มพวกมันจนเหลือแค่เท่าที่เห็นแล้ว"

จินตกชกวาดตามองอีกครั้ง "เป็นตัวที่ค่อนข้างใหญ่ตัวหนึ่งสินะ" พยักหน้าอย่างพอใจผลงานสะบั้นสุญญากาศในยามนี้

"ตัวใหญ่กว่ารถม้าสามเท่าและไม่ใช่ตัวเดียว" บีสท์ขี้ริ้วเอียงคออย่างฉงน "หนึ่งฝูง สิบสี่ตัว เละหมดในการทำลายครั้งเดียวของเจ้า"

ในหัวจินตกชมีภาพรถม้าสิบสี่คั้นจอดรวมกันแล้วเกิดระเบิดกระจายจนเหลือแต่ซากเล็กน้อย... ต้องเป็นระเบิดที่รุนแรงแค่ไหนถึงทำให้เหลือเศษซากเพียงเล็กน้อยเท่านี้

ทักษะฉันพัฒนาไปขนาดไหนเนี่ย อาจารย์กังจวี้ขอบพระคุณมากค่ะ

"ฉันว่าพวกมันโดนกำจัดหมดแล้วแบบนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ พวกท่านสามารถไปรับเงินค่าจ้างได้แล้วด้วย ไม่เหนื่อยแล้วยังได้ค่าจ้างดีแล้วๆ" แม้ไม่รู้ว่าพวกที่โดนตนส่งไปเกิดใหม่หมดแล้วคือมอนสเตอร์อะไร ประเมินสามคนนี้จากสายตาแล้วคาดว่างานนี้ไม่น่ายากมากเท่าใด ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่แต่พลังติดลบก็ไม่มีอะไรน่ากลัว

ทั้งสามคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง "จริงของเจ้า ลำพังพวกฉันสามคนคงไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์พวกนี้ได้แต่แรกแล้ว ตามตรงแล้วคงต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยกำจัดพวกมันทั้งหมด" ลุงผมสีน้ำตาลแดงยกมือลูบหน้า "ฉันชื่อนาธาน ส่วนสองคนนี้เพื่อนที่คบกันมานาน พินเดอร์กับลูอิซ"

"ฉันซีวิลล์ เป็นบีสท์สายพันธุ์แทสมาเนีย" ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทำทั้งสามคนอึ้งแทบเบนหน้าหนีพลังทำลายสายตาไม่ทัน

"ขอโทษเถอะนะ อย่าหาว่าฉันปากเสียเลย ทำไมสภาพเจ้ามันแย่มากแบบนั้น หรือเจ้าเคยบาดเจ็บหนักมาก่อน" ลูอิซจับจ้องราวกำลังตรวจดูว่าบีสท์ขี้ริ้วตนนี้บาดเจ็บอยู่หรือเปล่าแล้วเบ้หน้าหนีไปปิดตาอีกครั้ง

"สภาพนี้ฉันเป็นมาแต่เกิดแล้ว และเพราะเป็นแบบนี้เลยค่อนข้างเป็นที่รังเกียจของคนส่วนมากนั่นแหละ แต่ฉันไม่สนล่ะ หน้าก็หน้าฉันแต่ไม่รู้ทำไมมันไปหนักหัวชาวบ้านเสียอย่างนั้น" ส่ายหน้าดุกดิกราวเบื่อพวกมองแต่ภายนอกที่เจอมาเยอะจนนับไม่ถ้วน

"ว่าแต่เจ้ามีเรื่องกับจอมเวทท่านไหนมาหรือ?" นาธานตรวจดูว่าชิ้นส่วนมอนสเตอร์มากมายพวกนี้เก็บกลับไปขายได้บ้างหรือเปล่า

"ไม่รู้จักหรอก เขาไม่พอใจหน้าตาฉันเลยใช้เวทส่งไปบนฟ้าให้ตกลงมาตาย แต่บังเอิญว่าฉันมีฝีมือพอตัวเลยยังอยู่ดีนี่แหละ" หัวเราะแล้วยกมือเสยขนแสนแห้งสากบนหน้าผาก

กระด้างมือเป็นบ้า อยากได้แชมพูขนสวยสักขวดแล้วสิ

"พวกผู้ใช้เวทก็แบบนั้นแหละ อ๊ะ ข้าไม่ได้รวมเจ้าด้วยหรอกนะ ลูอิซ!" โดนสายตาพิฆาตจากจอมเวทหนึ่งเดียวในกลุ่มพุ่งใส่เสียพินเดอร์ต้องรีบยกเขามอนสเตอร์ขึ้นมากันอย่างไว นาธานกับจินตกชหลุดหัวเราะพรืดใหญ่

"พวกท่านเก็บของพวกนี้ทำไมหรือ?" จินตกชหยิบกระดูกชิ้นใหญ่เท่าตัวเขาขึ้นจากพื้นมากวาดตาดูอย่างพิจารณา

ทั้งสามคนอ้าปากค้างไปเลย ต่างคิดขึ้นมาเหมือนกันว่าบีสท์ร่างเท่าคนธรรมดาทำไมแรงเยอะขนาดนั้น ที่เคยเจอมาแรงเยอะก็จริงแต่ต้องรูปร่างสูงใหญ่กว่านี้สองเท่า

"ชิ้นส่วนพวกนี้ขายได้ทั้งนั้น ยิ่งกระดูกมอนสเตอร์ระดับสูงยิ่งราคาแพง ถ้าขนไปทั้งหมดได้พวกฉันคงมีเงินส่งกลับไปที่หมู่บ้านให้ผ่านฤดูหนาวไปได้ไม่ยากแน่เลย" นาธานจับมากองรวมกันแล้วเอาเชือกมัด แค่นั้นก็ทำลุงแกหอบตัวโยนแล้ว

"ส่งเงินกลับไปหมู่บ้าน?" รื้อค้นในเนื้อเรื่องแล้วไม่มีเหตุผลตรงนี้ในเรื่องนี่นา ทั้งสามคนมองหน้ากันเหมือนเมื่อครู่เผลอหลุดปากออกไปตอนนี้เลยไม่รู้ว่าควรบอกต่อไหม ทว่าเจ้าบีสท์ขี้ริ้วส่งสายตาอยากรู้มากมาย

"หมู่บ้านของพวกฉันตั้งอยู่ในแดนกันดารพืชผลใดๆ แทบไม่มีแต่ก็ไม่สามารถย้ายออกจากหมู่บ้านได้เพราะทุกคนป่วยจากคำสาป ถ้าไปที่ใดจะทำให้ที่นั้นพบกับความวิบัติ ชาวบ้านทั้งหมดจึงถูกจอมเวทของราชาใช้แผ่นดินนั้นกักขังไว้ต้องการให้ทั้งหมดตายไปตามธรรมชาติโดยไม่มีผู้ใดรู้ ฉันสามคนเป็นคนที่ออกไปไปทำงานนอกหมู่บ้านเลยไม่ต้องคำสาป พวกฉันจึงมาเป็นนักผจญภัยเพื่อหาเงินซื้อยาซื้ออาหารส่งกลับไปยังหมู่บ้าน รวมทั้งตามหาวิธีการล้างคำสาปซึ่งข่าวสารพวกนี้เป็นนักผจญภัยหาได้มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า"

"มันก็เสี่ยงน่าดูแหละนะเพราะพวกฉันฝีมือธรรมดามาก ครั้งนี้พวกฉันพลาดรับงานมาแบบไม่พิจารณาให้ดีเกือบตายทั้งหมดแล้ว ขอบคุณเจ้ามาก" ลูอิซค้อมหัวให้จินตกชหลบแวบไปด้านข้าง

วัยขนาดนี้ยังต้องทำงานเสี่ยงตายแบบนี้ไม่ไหวนะคุณคนเขียน

"แล้วพวกท่านต้องการเบ๊สักคนไหมล่ะ ฉันรับรองว่าเบ๊คนนี้ราคาถูกมาก ขอแค่พาฉันไปลงทะเบียนนักผจญภัยด้วยแค่นี้จะไม่คิดค่าจ้างใดตลอดหนึ่งปี ใช้ได้ตามชอบเลย" ใจหนึ่งอยากช่วยทั้งสาม อีกใจโอกาสตามหาแพรร์สโตนตามโบราณสถานกับคนมีประสบการณ์ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด

การเสนอตัวของบีสท์ขี้ริ้วทำทั้งสามอึ้งไปครู่ใหญ่ "เก่งกาจอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาเป็นเบ๊ให้พวกฉัน" นาธานไม่เชื่อเด็ดๆ

"ก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ว่าแต่ไม่เอาหรือ?" เปิดขายอย่างลดราคาขั้นสุดแล้วด้วยนะ

"พวกฉันรับแค่งานเล็กๆ เท่านั้น ไม่ต้องให้ระดับเจ้ามาเป็นเบ๊หรอก ตามตรงกลัว" พินเดอร์ส่ายหน้ารัวเร็ว พลังขนาดนั้นเกิดไม่พอใจพวกเขาขึ้นมาได้กลายเป็นคนสาบสูญไม่รู้ตัวได้พอดีสิ

"ตอนนี้ฉันว่างมากเลยนะ ไม่สนใจสักหน่อยจริงหรือ" พยายามแผ่ออร่าเป็นมิตร เลี้ยงง่ายใช้งานง่ายใส่ทั้งสาม

"หนึ่งปีเจ้าไม่คิดค่าจ้างจริงนะ" ลูอิซยอมรับว่ายังกลัวทว่าท่าทางซีวิลล์ไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกพวกเธอ

"แน่นอน แต่ต้องให้ฉันได้เป็นนักผจญภัยก่อนนะ แล้วจะไปไหนทำอะไรก็ได้เลย" จินตกชคิดว่าหนึ่งปีคงพอกับการเก็บความรู้จำเป็นในเรื่องนี้

แม้ทั้งสามยังกังขาเล็กน้อยทว่าก็ยอมตกลงจนได้

"เช่นนั้นเจ้ามาช่วยขนกระดูกกับเขามอนสเตอร์พวกนี้กลับเข้าเมืองด้วยสิ" ตอนนี้นาธานมัดได้หลายกองโตล่ะ

"ได้เลย"

อินจัน ฉันมีเรื่องรบกวนหน่อย

'โฮสต์...'

ทำไมเสียงอ่อยแบบนั้นล่ะ หรือป่วย แต่ระบบไม่น่าป่วยได้นี่นา

'คือว่า เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้โฮสต์เข้าไปในช่วงเวลาก่อนพระเอกเกิดสิบปี ฉะนั้นในสิบปีนี้ไม่ว่าตามหาแพรร์สโตนที่ไหนก็ไม่สามารถหาเจอได้เพราะเนื้อเรื่องยังไม่มีการเคลื่อนไหว ต้องอีกสิบปีถึงมีข่าวแพรร์สโตน...'

อินจันเอาฉันกลับไปที่แดนเมฆเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม

'โฮสต์จะกลับมาทำไมหรือ?'

แค่อยากรู้ว่าสะบั้นสุญญากาศเต็มกำลังจะฟาดไปถึงฐานระบบได้หรือไม่เท่านั้นเอง

'โฮสต์เรียกระบบมาทำไมหรือ มีธุระใช่ไหมล่ะ บอกมาเลยระบบพร้อมซัพพอร์ตทุกประการ!'เสียงสั่นเสียงแตกเลยนั่น 'จริงๆนะ คุณต้องการสิ่งใดระบบจัดหาได้ทั้งหมดแน่นอน'

จินตกชทบต้นทบดอกไว้ในใจแล้ว รอให้เจอก่อนเถอะพ่อ(?) จะคิดทั้งหมดในครั้งเดียวเลย

มีกระเป๋ามิติถุงมิติเก็บของอะไรแบบนั้นบ้างไหม ไม่ก็คลังเก็บของส่วนตัวแบบเกมออนไลน์แบบนั้นน่ะ

'มีอยู่แล้วคุณต้องการกว้างขนาดไหนกำหนดได้เลย'

หน้าต่างโฮโลแกรมคลังเก็บของแบบเกมเด้งขึ้นตรงหน้าพื้นที่ระบุไว้คือหนึ่งพันลูกบาศก์เมตร และมีช่องปลีกย่อยให้เก็บของ

จะกว้างไปไหน คิดว่าฉันจะเก็บคฤหาสน์สักแห่งหรือไง

'ค่าคลังคือหนังสือสี่เรื่อง โฮสต์จะจ่ายเลยหรือไว้ก่อนก็ได้'

ว่าไงนะ ไม่ใช่ว่าใช้ฟรีหรอกหรือ

ข่มขู่แบบพร้อมกับไปฝังฐานระบบด้วยความเต็มใจยิ่ง

'โฮสต์ ถ้ารับไปฟรีจะใช้ได้แค่ในเรื่องนี้เท่านั้น แต่ถ้าจ่ายคลังนี้จะเป็นของคุณตลอดไปไม่ว่าอยู่ในเรื่องไหนก็เรียกใช้ได้ต่อให้ในเรื่องนั้นไม่มีเวทมนต์ก็ตาม' รีบอธิบายอย่างไว แถมใช้เสียงน่าสงสารอีกต่างหาก

จินตกชนิ่งคิดอึดใจหนึ่งแล้วพยักหน้า

ได้ จ่ายเลย แต่อย่าลืมว่าฉันชดเข้าบัญชีไว้แล้วสิบปีที่เสียเปล่านี้ อินจัน

'คลังนี้เป็นของโฮสต์แล้ว ขอให้อาละวาดให้สนุก ระบบต้องรีบกลับไปปิดปรับปรุงชั่วคราวแล้ว'

ตัดฟุบไปราวสัญญาณล่ม จินตกชแค่ไหวไหล่แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย

ทางนั้นเผ่นหนีไปแล้วบีสท์ขี้ริ้วจึงกลับสู่เรื่องตรงหน้า เขาเดินไปที่กองกระดูกยื่นมือไปแตะ "เก็บ" ทั้งหมดหายแวบแล้วไปปรากฏอยู่ในคลังสองช่องแยกเป็นกระดูกหนึ่งช่อง เขาหนึ่งช่อง

"เจ้ามีถุงมิติด้วยหรือ!?" พินเดอร์มองหาแต่ไม่เห็นอะไรที่น่าใช่จากตัวซีวิลล์สักอย่าง "เก็บไว้ไหนกัน"

หน้าจอลอยเด่นอยู่ตรงหน้าจินตกชทว่าคนในเรื่องนี้คงมองไม่เห็น เพราะไม่ใช่ของที่มีในเรื่อง

"เอาเป็นว่าฉันเก็บของได้เยอะละกัน เห็นไหมได้ฉันเป็นเบ๊มีแต่ได้กับได้นะ" พูดพลางสั่งปิดคลังเก็บของแล้วเพิ่งนึกได้ ถูกส่งมาก่อนพระเอกเกิดแล้วเนื้อเรื่องก่อนหน้าที่กำลังเจออยู่นี่คืออะไร ภาคแยกหรืออย่างไร?

สมาคมนักผจญภัยสาขาย่อยแม้ไม่ใหญ่โตราวปราสาทแต่ก็ไม่น้อยหน้าคฤหาสน์หรู นักผจญภัยหลายสิบคนเดินเข้าออกตลอดเวลา ก่อนจะหลบไปยืนแอบๆ ติดผนังเมื่อนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ทั้งกลุ่มเป็นผู้ใช้เวทระดับสูง แต่ละคนท่าทางหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวใครแม้แต่เจ้าหน้าที่ในสมาคม

จินตกชมองสำรวจคนกลุ่มนั้นครู่หนึ่งลูอิซรีบดึงเจ้าตัวให้ตามมา "อย่ามองพวกเขาแบบนั้นเดี๋ยวได้โดนโยนขึ้นฟ้าอีกหรอก"

จินตกชอยากบอกว่าคนกลุ่มนั้นโยนเขาไม่ได้หรอกมีแต่เขานี่แหละจะส่งไปคุยกับไส้เดือนให้ "นี่เราจะไปต่อที่ไหนหรือ?" มองกระดานข่าวที่มีภารกิจมากมายติดอยู่หลังลูอิซลากเขาติดมือมา

"ไหนๆ ก็เป็นงานแรกของซีวิลล์นี่นา เลือกมาหนึ่งงานเลย"

"ฉันเลือกได้สินะ" ไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาทีกระตุกกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วดิ่งไปยังเจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนภารกิจทันที ไวเกินทั้งสามห้ามทัน เพราะมัวแต่อ้าปากค้าง

"ไหวหรือภารกิจระดับโกลด์เชียวนะ" เจ้าหน้าที่เขม็งมองแวบหนึ่งแล้วเบนหน้าหนีอย่างไว "มอนสเตอร์พวกนี้อยู่กันเป็นฝูงใหญ่ เพราะงั้นภารกิจนี้ถึงถูกทิ้งไว้เป็นปีแล้ว ตอนนี้ที่นั่นคงกลายเป็นรังของมันไปแล้ว"

"ไม่เป็นไรพวกฉันไหว" จินตกชเห็นนอกจากเงินภารกิจจำนวนมหาศาลยังมีค่าหัวมอนสเตอร์พวกนี้ตามจำนวนที่กำจัดได้เพิ่มอีกอย่างด้วย อาจเป็นการบุ่มบ่ามเกินไปกับการทดสอบตนเองทว่าจินตกชอยากรู้ว่าระดับของตนตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหนจากการปะทะกับราชาซอมบี้ครั้งแรก ถ้าไม่ไหวก็ขอให้ระบบช่วยสามคนนั้นหนีละกัน

ตลอดทางนาธาน พินเดอร์ ลูอิซราวคนวิญญาณออกจากร่างเดินตามบีสท์ขี้ริ้วราวการล่องลอยของผีอย่างไรอย่างนั้น ที่จริงสามารถซื้อรถม้ามาใช้ได้ทว่าจินตกชอยากเดินดูบ้านเมืองกับสภาพแวดล้อมในที่ต่างๆ ของนิยายเรื่องนี้เลยขอเดินชมให้ชุ่มปอดสักหน่อย

"ถ้าเราเดินกันช้าแบบนี้กว่าจะถึงที่หมายไม่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือไง ใช้บริการทางเวทไหม?" หลังจากเดินดูจนไม่เหลืออะไรให้ดูแล้ว จินตกชชี้จึงไปยังสถานีบริการรับส่งด้วยเวท ราคาคิดตามระยะทาง

"ทางเวทมันแพงนะ" นาธานส่ายหน้ารัวเร็ว

"แต่เมื่อกี้ขายชิ้นส่วนที่เก็บมาได้เยอะเลยไม่ใช่หรือ" เหรียญทองกองมหึมาคาดว่าใช้ได้เกือบครึ่งปีเลยนั่นแหละ แน่นอนว่าก่อนออกเดินมาถึงนี่จินตกชลากทั้งสามเข้าร้านอุปกรณ์เวทซื้อถุงมิติเก็บเหรียญใบหนึ่ง ซึ่งกว่าทั้งสามจะยอมตัดใจควักเงินซื้อได้เสียเวลากล่อมพักใหญ่เลย ให้เก็บในคลังของเขานั้นได้หรอก แต่เพื่อความสบายใจให้พวกเขาเก็บเองดีกว่า

"นั่นต้องส่งกลับไปที่หมู่บ้าน" พินเดอร์ยอมเดินไกลๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อให้ใช้เวลานานหน่อยก็ตาม

"ใช้ก่อนเถอะน่า เดี๋ยวก็ได้กลับมาอีกยี่สิบเท่าแล้ว" บีสท์ขี้ริ้วขยับมือขยับเท้าอย่างอยากออกไปดูโลกกว้างเร็วๆ เต็มทีจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แล้ว

ทั้งสามส่ายหน้าอย่างไรก็ไม่ยอมจ่ายราคาแพงเพื่อเดินทางเด็ดขาด อีกเหตุผลคือไม่อยากไปถึงที่หมายเร็วด้วย กลัวจนแทบวิ่งกลับไปที่สมาคมเพื่อยกเลิกสัญญาจ้างแม้ต้องจ่ายค่าเสียเวลาก็ตามเสียเดี๋ยวนี้แล้ว

จินตกชยกมือกดขมับ "จากหมู่บ้านปอนเช่ถึงบริเวณงานที่รับมาถ้าเดินทางเดือนหนึ่งคิดว่าค่ากินใช้ระหว่างทางมันถูกกว่าจ่ายค่าทางเวทเดินทางแวบเดียวงั้นหรือ ต่อให้ระหว่างทางไม่เข้าพักที่ไหนไม่ซื้ออาหารแล้วไปหากินเอาตามป่า จะไม่เจอมอนสเตอร์บ้างเลยใช่ไหม ไม่มีความเสี่ยงใดเลยว่างั้น" แม้จินตกชไม่เรื่องมากที่กินที่นอนหรือออกแรงเพิ่มทว่า อยากให้แต่ละงานเสร็จไวๆ นี่นา

"แต่... มันน่ากลัวนี่ พวกฉันอยากได้เวลาทำใจ เดี๋ยวนั่นเจ้าจะไปไหน!?" ลูอิซยังพูดไม่จบบีสท์ขี้ริ้วเดินไปตกลงราคากับจอมเวทที่ทางเวทแล้ว จากนั้นจ่ายด้วยเงินของซีวิลล์แทบหมดที่มีอยู่ตัดปัญหายืดเยื้อของสามคนนั้น

"ไปกันได้แล้ว กลุ่มอื่นเขาจะได้เดินทางบ้าง" เบ๊หัวหน้ากลุ่มพยักหน้าไปยังทางเวทที่เตรียมพร้อมให้อย่างรวดเร็ว

การเดินทางด้วยเวทข้ามมิติไม่ได้ตื่นใจเท่าที่คิด มันไม่ต่างกับตอนระบบส่งเขาเข้ามาในนิยาย ค่อนข้างนุ่มนวลกว่าด้วยซ้ำ ครั้นมาถึงปลายทางซึ่งเดินทางออกมาจากหมู่บ้านปลายทางเวทอีกสามชั่วโมงตรงหน้าคือฝูงมอนสเตอร์เกลื่อนพื้นที่ราวกำลังดูสารคดีสัตว์ป่าในทุ่งสวันน่า

กะคร่าวๆ ด้วยวิสัยทัศน์ระยะไกล น่าจะไม่ต่ำกว่าหมื่นตัว นี่คือเท่าที่เห็น แล้วยังตามโพงใต้ดินอีกล่ะ สงสัยต้องม้วนหางกลับไปอย่างไร้ยางอายแล้วสิฉัน