webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

บทที่ 9

ภายในถ้ำปิดด่านลู่เยวี่ยสือยังคงรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ จากทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน และที่ชัดกว่าใครคือความมั่นคงในตัวตนของผานเฉียนเต้า พอปิดด่านได้วันเดียวเขาก็รับรู้ได้ว่าคนที่เขาเห็นแค่เงาเลือนร่างก็คือผานเฉียงเต้าในยามนี้นั่นเอง ครั้งอยากออกไปกลับออกไม่ได้เขตแดนแข็งแกร่งผนึกเขาไว้ให้อยู่ในถ้ำนี้หากไม่มีการเลื่อนระดับจะไม่สามารถออกไปได้ ความกังวลต่างๆ ความรู้สึกด้านลบมากมายที่ฝังอยู่ในใจถาโถมเข้ามา ทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกจนได้ จึงทำให้ภารกิจของจินตกชลุล่วงนั่นเอง

คงเป็นเพราะไม่ได้เจอคนที่ทำให้ต้องต่อสู้อย่างจริงจังมานานกระมังยามนี้จอมมารกำลังสนุกที่ได้ไล่ต้อนคนขี้ริ้วให้จนมุม ปราณมารไร้ที่สิ้นสุดใช้ออกมาฟาดฟันไล่ล่าไม่ให้มีเวลาพักหายใจทว่ายังคงโดนโต้กลับมาให้ประหลาดใจได้ทุกครั้ง

"น่าประหลาดนะ พลังฝีมือของเจ้าไม่คล้ายพลังทิพย์ของพวกเซียนสักเท่าไหร่ และไม่ใช่พลังฝ่ายมารแน่นอน เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่" ยามนี้แผลใหญ่บนร่างกายหายสนิทแล้ว เจ้าตัวจึงสร้างมิติแยกออกมาเพื่อกักจินตกชไว้โดยไม่ให้ผู้ใดเข้ามาแทรกได้

"โลกกว้างใหญ่มิติล้วนมากมีฉะนั้นพลังในแดนอื่นไม่ได้มีแค่เซียนกับมารหรอกนะ ข้าเป็นอะไรนั้นไม่สำคัญหรอก เพราะอย่างไรเจ้าก็ฆ่าข้าได้อยู่แล้ว" ภายในมิตินี้คนภายนอกยังมองเห็นและได้ยินที่ทั้งสองพูดกันทุกคน

"พูดถึงความตายของตนได้ไม่มีเกรงกลัวเช่นนี้ยิ่งประหลาด รู้ว่าเอาชนะข้าไม่ได้แต่ก็ยังพุ่งเข้ามา ยื้อเวลาให้ใครอยู่หรือไง"

จินตกชผายมือไปยังคนของฮู่ซานซึ่งสะดุ้งไปตามๆ กันเมื่อจอมมารหันไปมอง "เดิมพันว่าท่านเจ้าสำนักกำลังเดินทางกลับมาพร้อมเหล่าผู้อาวุโสอยู่นะสิ แค่ยื้อเอาไว้ให้กลับมาถึงพวกเขาก็ไม่เป็นไรแล้ว"

จอมมารหัวเราะเสียงดังทันที "เจ้าโง่ เจ้าสำนักของพวกเจ้ากับไอ้แก่พวกนั้นมันเดินทางกลับมาเสียที่ไหน จนตอนนี้ยังหดหัวอยู่ในปินก่วน มารที่ข้าส่งไปเฝ้าดูเพิ่งรายงานมาเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน" นั่นคือความเย้ยหยันหรือสมเพชหรือทั้งสองอย่างก็ได้ที่แสดงออกทางสีหน้าจอมมาร

"สีหน้าแบบนี้ดูดีชะมัด คนหล่อนี่อย่างไรก็เจริญตา" แทนที่หนุ่มขี้ริ้วจะมีความหวาดวิตกหรือหวาดกลัวกับเรื่องที่เขาบอก ทว่าเปล่าเลยเจ้าตัวยังมีหน้ามาพูดชื่นชมใบหน้าผู้อื่นอีก

"สติเจ้าไม่ครบหรืออย่างไร" จอมมารรู้สึกกังขาเป็นครั้งแรกต่อมนุษย์สักคน

"นั่นสิ บางทีก็คิดว่าตนไร้สติแปลกๆโดยเฉพาะช่วงพรีออเดอร์หนังสือ ช่วงส่งฟรี ช่วงของแถมอลังการงานเทพ มือมันกดไปก่อนสมองประมาณผล จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเพื่อเอาเงินมาเปย์หนังสือ แล้วก็ปั่นงานแล้วก็เปย์หนังสืออีกวนลูปนรกที่เข้าแล้วออกไม่ได้จริงๆ"

แน่นอนว่าการเพ้อเจ้อแบบออกแอคชั่นเวอร์เต็มที่ทำเอาชาวมารอึ้งอย่างยกระดับ แม้แต่จอมมารยังผงะเนื่องด้วยรู้สึกว่าไอ้นี่มันเพี้ยนเต็มขั้นนี่หว่า

"เป็นไอ้บ้าก็อย่าได้คิดว่าจะได้รับการอภัยให้รอดชีวิตนะเว้น เจ้าอัปลักษณ์!" ขุนพลมารหน้าสวยโวยเสียงดังก้องไปทั้งภูเขา

จินตกชโคลงหัว "ข้าไม่คิดรอดไปจากสถานการณ์นี้อยู่แล้ว เพียงแต่อยากเชื่อว่าถ่วงเวลาแล้วอาจมีใครกลับมาช่วยคนเหล่านั้นสักคนก็ยังดี ไม่ใช่คนของฮู่ซานก็ได้"

"ตื่นจากฝันเถอะเจ้าเด็กน้อย" สองมือจอมมารประคองพลังสังหารไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เจ้าตัวกรีดรอยยิ้มหล่อเหลาได้น้อยกว่าพระเอกนิดหน่อยแล้วซัดพลังนั้นออกมา

"ทักษะสะบั้นสุญญากาศแบบต่อเนื่อง!"

คมพลังอากาศฟาดฟันกับพลังมารสนั่นหวั่นไหว จินตกชพุ่งตัวออกไปด้วย สองมือสองเท้าเคลือบด้วยพลังจิตหมัดแรกจอมมารหยุดไว้ได้ หมัดที่สองตามไปแล้วต่อด้วยเตะตัดขา ทางนั้นปัดป้องได้ง่ายดายทว่าฝีมือยามนี้แค่เฉี่ยวก็ทำจอมมารได้เห็นเลือดของตนไม่มากก็น้อยแล้ว

พลังที่ไม่รู้จักทำให้จอมมารต้องสร้างระยะห่างระหว่างตนกับผานเฉียงเต้า

'ประมาทไม่ได้เลย จู่โจมเข้าไปเท่าไหร่มันปัดทิ้งแค่ให้ลอดเข้ามาเล่นงานข้าถึงตัวได้เท่านั้น ขนาดยับเยินแบบนั้นยังไม่มีสีหน้ากังวลสักนิด เก็บซ่อนอะไรไว้อีกหรือไง'

พลังฝีมือขั้นแม็กซ์ทำได้แค่รอยแผลแมวข่วนเนี่ยนะ ระดับมันต่างกันเกินไปไหม

พอได้ระยะห่างให้พักหายใจสักครู่จินตกชอดโวยวายในใจไม่ได้ แล้วยังมีข้อสงสัยนิดหน่อยด้วย "นี่ท่านจอมมาร ท่านบุกแดนมนุษย์เพื่ออะไรหรือ? ไหนๆ ข้าคงไม่รอดอยู่แล้วเมตตาตอบให้หายคาใจหน่อยได้ไหม" แม้ในต้นฉบับบอกว่าจอมมารทะเยอทะยานต้องการครองโลกแล้วก็ถูกพระเอกขว้างไว้ เหตุผลคืออะไรในเรื่องไม่เห็นบอก

จอมมารแค่นเสียงหัวเราะเล็กน้อย "แค่อยากได้โลกนี้ ต้องมีอะไรอื่นอีกหรือไง" ไม่ตอบเปล่ายังคงเดินหน้าฟาดฟันด้วยพลังทำลายร้ายแรงใส่ผานเฉียงเต้า ทางนี้หลบในระยะเฉียดฉิวแล้วพุ่งเข้าใส่ไม่ว่ากี่ครั้งก็กระโจนฝ่าพลังร้ายแรงเข้ามาฟาดฟันด้วยกระบี่อากาศที่มีความคมน่ากลัว จอมมารยอมรับว่าสะบั้นสุญญากาศที่เจ้าตัวเรียกนั้นถ้าโดนเข้าตรงๆ มีเจ็บหนักจนต้องพักรักษาตัวหลายปีแน่นอน จอมมารถึงเพิ่มระดับการทำลายมากขึ้น แน่ละว่าทางนี้เอาทุกอย่างที่มีออกมาโต้ไม่มีกลัวตาย การปะทะนี้ทำเอาพวกมารทั้งหมดตรงนั้นและคนของฮู่ซานยอมรับในตัวตนของคนขี้ริ้วจากใจอย่างไม่รู้ตัว ทว่าขณะตอบโต้จนแทบไม่มีเวลาหายใจจินตกชยังตะโกนขอความช่วยเหลือ

"อิลิก! ลองเลียบเคียงถามขุนพลตรงนั้นให้หน่อยสิว่าเหตุผลในการบุกแดนมนุษย์จริงๆ คืออะไรกันแน่ ฉันรู้สึกว่ามันมีมากกว่าความทะเยอทะยานนะ" ทางนี้ไม่ตอบมากกว่านั้นแน่ถึงโยนไปทางนั้นแทน ในเมื่อจินตกชพอรู้ว่าขุนพลร่างใหญ่ตนนั้นค่อนข้างยอมรับในตัวตนของเจียงอวี้เอี๋ยนระดับหนึ่งแล้ว คงได้ความง่ายกว่า

"ฉันจะถามได้เรื่องหรือคะ?" หันไปสบตาขุนพลร่างใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลนักทั้งที่ตอนหนีลูกหลงเขาควรหลบไปทางเดียวกับพวกมารแต่กลับมาอยู่ใกล้ขนาดนี้แม้มีมารอีกหลายสิบตนอยู่แถวนั้นด้วยแต่มันก็บังเอิญไปนิดจริงด้วย "ท่านขุนพลข้าถามได้ไหม?" ช้อนสายตาราวลูกแมวตัวน้อยทั้งที่ยามนี้ยับเยินแทบจะตายเดี๋ยวนั้นแล้ว

"ถึงข้าบอกว่าไม่ได้เจ้าก็จะถามอยู่ดีไม่ใช่หรือไง" สาวน้อยพยักหน้ารัวๆ แล้วยิ้มแฉ่งตอบรับง่ายจนน่าโมโหพิกลในความคิดขุนพลมาร "แดนมารมีแต่ความแห้งแล้ง อาหารแทบไม่เหลือแล้วอีกไม่กี่ปีแดนมารคงไม่เหลือพื้นที่ให้อาศัยได้ ท่านจอมมารถึงต้องการยึดครองแดนมนุษย์ไงเล่า" ถึงบอกไปก็ไม่ได้ทำให้ท่านจอมมารยึดครองโลกนี้ไม่ได้ขุนพลมารตนนั้นถึงยอมบอกให้

"ทำสงครามแย่งพื้นดินเพราะปลูกนี่เอง" อิลิเลียเข้าใจ "ลำบากแย่เลยนะคะ หลังจากนี้ก็สู้ๆ นะ" ก็ไม่รู้ทำไมเธออยากให้กำลังใจพวกมารสักนิด ถึงยิ้มให้อย่างจริงใจ

ขุนพลมารอีกตนกำลังจะโวยที่เจ้าร่างใหญ่ลดตัวไปพูดกับมนุษย์ถึงกับชะงักกับรอยยิ้มของสาวเจ้า แม้ไม่ใช่โฉมงามล่มบ้านล่มเมืองแต่รอยยิ้มไร้เสแสร้งมันให้พลังกระทบกระเทือนได้มากกว่า

"แห้งแล้งอีกแล้วหรือ ทำไมชอบเขียนให้แดนมารแห้งแล้งทรัพยากรขาดแคลนแทบทุกเรื่องเลยนะ อุดมสมบูรณ์นายทุนมาเองบ้างไม่ได้หรือไง" โวยแล้วก้มตัวหลบนั่นทำให้ไม่เห็นว่าว่าจอมมารเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝ่ามืออัดแน่นด้วยปราณมารฟาดเข้ากลางหลัง ส่งจินตกชดิ่งลงไปกระแทกพื้นโครมใหญ่ กระอักเลือดออกมากองโตทันที

"พี่จินต์!" อิลิเลียทิ้งหน้าที่คุ้มครองคนของฮู่ซานแล้วพุ่งตรงไปหาคนขี้ริ้วทันที ทว่ากลับโดนจอมมารตวัดปราณมารคมกริบใส่ มันรวดเร็วจนไม่มีใครห้ามทัน เห็นอีกครั้งคุณหนูเจียงก็ล้มลงจมกองเลือดเสียแล้ว อิลิเลียไม่ได้มีร่างการแข็งแกร่งเท่าจินตกชรวมทั้งไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งให้พอรักษาชีวิตไว้อีกสักครู่ได้ เธอถูกดีดออกไปจากนิยายเรื่องนี้ทันที

"อิลิเลีย!" ถึงรู้ว่าไม่ได้ตายจริงแค่โดนดีดออกจากนิยายทว่าเห็นแบบนี้คาตาจินตกชก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกโมโหที่พุ่งขึ้นสูงสุดในยามนี้ได้ "สะบั้นสุญญากาศระดับก้าวหน้าต่อเนื่อง!"

มันคือการเค้นพลังทั้งหมดออกมาใช้ฟาดฟันทุกสิ่งหลายร้อยครั้งในการจู่โจมเพียงพริบตา แม้เป็นจอมมารผู้ล้ำอำนาจการต้านทักษะที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มข้นสองปีนี้เข้าไปตรงๆ ย่อมให้ผลตามที่จินตกชต้องการ

"ท่านจอมมาร!" ขุนพลมารทั้งสามพุ่งมาอยู่ข้างกายจอมมารที่ยามนี้เลือดนองเกือบทั้งร่าง จากบาดแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้สร้างบาดแผลใช้ทุกอย่างจนหมดอย่างแท้จริง แต่ก็ยังยืนอยู่ได้

"มัน... ทำได้ยังไง..." ถามได้แค่นั้นก็กระอักเลือดออกมาอีกไม่น้อย

จินตกชก็อยากตอบบางอย่างให้หรอกนะทว่าแรงหายใจสักเฮือกยังแทบไม่เหลือครั้นจะอ้าปากพูดใดสักอย่างบนฟ้าปรากฏเมฆดำทะมึนปกคลุมทั่วฟ้าอย่างรวดเร็วสายฟ้าแล่นเปรียะประตามก้อนเมฆดูสุดอันตราย สัญญาณนี้ทำพวกมารหวาดผวา

"ด่านเคราะห์! ทำไมมันเกิดขึ้นได้ล่ะ ถอยออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!" เหล่าขุนพลรีบพาจอมมารกับพวกมารทั้งหลายหนีให้พ้นรัศมีสายฟ้า ทว่ายังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนขี้ริ้วซึ่งรู้ได้เลยว่านั่นแหละตัวต้นเหตุให้ด่านเคราะห์เกิดขึ้น

เดี๋ยวนะ นั่นอย่าบอกนะว่ามาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ไม่ได้บำเพ็ญอะไรเลยนะนอกจากฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง

"อย่าบอกนะว่ารอเอาคืนครั้งก่อนอยู่นานแล้วน่ะ เอาเถอะฉันไร้แรงต้านแล้วเชิญส่งมาได้ตามใจเลย"

เพราะอยู่ใกล้แบบชนจมูกเลยถึงเห็นสายฟ้าเป็นสีแดงสวยอย่างน่าประหลาด ซ้ำเส้นใหญ่อย่างคิดว่าชาตินี้ไม่น่าได้เห็นจากที่ไหนอีกนอกจากที่นี่ ใหญ่กว่าที่โต้กลับในวันแรกที่เข้ามาในนิยายเป็นร้อยเท่าเลยกระมัง แน่ละว่าระดับนี้เปรี้ยงเดียวร่างผานเฉียงเต้าก็คงแหลกเป็นผงทันที ทว่าจินตกชตั้งใจว่าจะพยายามรับให้ได้สักสามหรือสี่ครั้งเพื่อใช้สายฟ้านี้ขับไล่พวกมารไปในตัว ฉะนั้นจึงกัดฟันทนรับความเจ็บปวดจากด่านเคราะห์ แล้วก็ทนให้สายฟ้าผ่าใส่ได้ถึงสี่ครั้งจริงๆ ระหว่างโดนฟ้าผ่าใส่จิตกชไม่รู้เลยว่าจอมมารและเหล่ามารที่จากไปมองกลับมาด้วยสายตาแบบใด คนของฮู่ซานก็เช่นกัน เพราะหลังจากรับสายฟ้าครั้งที่สี่เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

คิดว่าคงได้กลับไปยังที่กว้างเหมือนแดนเมฆทันทีทว่าจินตกชกลับมองเห็นตนลอยอยู่บนฟ้ากว้าง ด้านล่างคือแผ่นดินแห้งแล้งกว้างไกลจรดเส้นขอบฟ้า โครงกระดูกสิ่งมีชีวิตใดบ้างเจ้าตัวดูไม่ออกกระจายเกลื่อนทั้งเล็กทั้งใหญ่ ก่อนเงาร่างผอมแห้งราวกิ่งไม้ใกล้ผุพังหลายร่างเดินคุ้ยเขี่ยพื้นดินไร้ชีวิตหาอะไรก็ได้พอใช้ประทังชีวิต ครั้งเจอแมลงตัวเล็กรีบจับใส่ปากเคี้ยวกลืนราวกลัวใครแย่ง ร่องดินขนาดใหญ่คล้ายว่าเคยเป็นแม่น้ำแห้งเป็นฝุ่นแดงไร้วี่แววน้ำนานจนลืมไปแล้วมันเคยแม่น้ำสักสาย พืชสักต้นไม่มีร่องรอยเหลือในแดนนี้

แดนมาร ทำไมผู้เขียนถึงชอบเขียนให้แห้งแล้งไร้ชีวิตเกือบทุกเรื่องเลยนะ อุดมสมบูรณ์บ้างก็ได้ไม่ใช่หรือไง

นอนแบ็บอย่างหมดสภาพที่สุดบนแดนเมฆอีกครั้ง รู้สึกเหมือนร่างกายยังชาดิกจากการโดนสายฟ้าฟาดใส่ จินตกชไม่อยากขยับส่วนใดทั้งสิ้นภารกิจครั้งนี้สมบุกสมบันเหลือจะกล่าว

"ยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจลุล่วงด้วยดี รางวัลครั้งนี้จึงได้เต็มจำนวนถูกส่งเข้าคลังเก็บของคุณเรียบร้อยแล้ว" น้ำเสียงระบบร่าเริ่งมากมีพลุกับกระดาษหลากสีชิ้นน้อยโปรยราวฝนตก

ลุล่วงได้ดีตรงไหน เกรียมทั้งขาไปขากลับเลยนะเว้ย

จินตกชลุกขึ้นนั่งปัดกระดาษสีออกจากหัว "อินจันไม่มีอะไรอธิบายเพิ่มต่อฉันบ้างหรือไง"

"โฮสต์ต้องการให้อธิบายเรื่องใดเพิ่งหรือ?"

"ระดับความยากง่ายในนิยายเรื่องที่เข้าไปเดินเล่น อิลิเลียบอกว่ามันปรับได้ต่อให้นิยายเรื่องนั้นยากมากแค่ไหนก็ปรับให้เบาลงได้ ทำไมฉันถึงไม่ได้รับการแนะนำอะไรแบบนั้นบ้าง"

"เพราะระดับของโฮสต์ไม่สามารถปรับระดับให้ง่ายลงได้ไงล่ะ" จินตกชตาเขียวขึ้นมาเลย "ใจร่มๆ ก่อนที่ปรับไม่ได้เพราะโฮสต์เลือกทักษะแรกในระดับแม็กซ์มันจึงเป็นการล็อกไว้ว่านิยายทุกเรื่องที่คุณจะเข้าไปเดินเล่นได้ต้องอยู่ในระดับส่งเสริมทักษะของโฮสต์ให้เปล่งประกาย ห้ามกดทักษะคุณลงเด็ดขาด"

"นี่หมายความว่าฉันเลือกผิดเองงั้นหรือ"

"ตามปกติแล้วไม่ว่าชายหรือหญิงที่ได้มีโอกาสเข้าไปเดินเล่นครั้งแรกล้วนเลือกโฉมงามอ่อนแอทั้งนั้นเพื่อเป็นการสำรวจว่าในนิยายเป็นอย่างไร แล้วค่อยเปลี่ยนในครั้งต่อไป ทว่าคุณเลือกตัวล็อกแต่แรกแล้วยังเลือกไม่เข้าไปในเรื่องที่เคยอ่านอีกด้วยระดับความยากจึงเพิ่มระดับเข้าไปอีก ซึ่งระบบไม่สามารถช่วยเหลือใดในค่าที่ถูกล็อกไว้แล้วได้ แต่ระบบสามารถให้กู้ล่วงหน้าเพิ่มทักษะได้ทุกเวลาและทุกทักษะที่โฮสต์ต้องการยกเว้นการคืนชีพคนที่เสียชีวิตไปแล้วนอกนั่นระบบซัพพอร์ตได้ทุกอย่าง โดยไม่จำกัดระยะเวลาในการจ่ายคืนการกู้"

"ทำไมไม่อธิบายให้ละเอียดทั้งหมดแต่แรกเล่า ถ้ารู้แต่แรกฉันก็ไม่เลือกแบบนี้หรอกเฟ้ย!" พลาดเองโวยมากก็ไม่ได้ จินตกชลงล้มตัวลงกลิ้งไปกลิ้งมาที่พื้นอีกครั้ง

"ระบบแนะนำทุกเรื่องให้โฮสต์รู้ได้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น จนกว่าโฮสต์จะเลื่อนสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงก่อนถึงได้สิทธิ์รู้ทุกอย่างได้ทั้งหมด"

"ผู้เริ่มต้นรู้ได้แค่ขั้นเริ่มงั้นสิ"

"ถูกแล้วเพื่อไม่ให้ผู้เดินเล่นสับสนกับข้อมูลที่มากเกินจำเป็น"

"งั้นไอ้ระดับที่ว่ามันมีอะไรบ้าง ถ้าไม่รู้เลยฉันก็เดินไปอย่างไร้เป้าหมายนะ" จินตกชเลิกกลิ้งเปลี่ยนเป็นนอนคว่ำเหยียดแข้งขา

"ระดับขั้นมีตั้งแต่ ระดับเริ่มต้น ระดับก้าวหน้าขั้นต่ำ ก้าวหน้าขั้นกลาง ก้าวหน้าขั้นสูง ระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นต่ำ เชี่ยวชาญขั้นสูง ระดับควบคุมความเป็นไปขั้นต่ำที่สุด ควบคุมขั้นต่ำ ควบคุมขั้นกลาง ควบคุมขั้นสูง ระดับบัญชาการ ทั้งหมดมีสิบเอ็ดระดับตอนนี้คุณอยู่ที่ ระดับก้าวหน้าขั้นต่ำ"

"แต่ละระดับขั้นมีลายระเอียดเพิ่มไหม"

"มีแต่ตอนนี้คุณยังไม่ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงจนกว่าจะเลื่อนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูง"

"อีกสี่ขั้นเชียวหรือ แต่ละขั้นเลื่อนยากแบบครั้งนี้หรือเปล่า" ท่าทางแสดงออกว่าเหนื่อยมากจริงๆ

"ขึ้นอยู่กับตัวโฮสต์เอง เรื่องที่เพิ่งออกมานั้นคือเรื่องที่ทำให้พื้นฐานทุกอย่างของคุณพัฒนาได้ที่สุดเพื่อหลังจากนี้คุณจะได้รับมือกับทุกการต่อสู้ได้แบบไม่ยากนักอีกต่อไป เพราะทุกเรื่องของโฮสต์จะเข้าไปเดินเล่นคือความยากระดับแม็กซ์ แม็กซีมั่ม และอิคซิด"

ตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศ แล้วเด้งดึ๋งขึ้นจากพื้นราวติดสปริง "เดี๋ยวนะเฮ้ย! ระดับนั้นจะฆ่ากันหรือไง ไม่คิดมีแบบมาร์ชแมลโลว์ แคนดี้ คอททอน ให้บ้างเลยหรือไง!!"

"โฮสต์เลือกล็อกค่าไว้แต่แรกเองระบบไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้"

ย้ำจริงนะนั่น ใช่สิทางนี้เซ่อเอง

จินตกชถอนใจเฮือกยาว "แต่ละระดับมีหลายคนใช่ไหม รวมทั้งฉันอาจเจอ ไม่สิคงได้เจอพวกระดับสูงสุดอันตรายในเรื่องต่อๆ ไปใช่ไหมถึงส่งฉันไปฝึกเดือดมาแบบนั้น" นอนคิดมาพักหนึ่งแล้วพอสรุปได้แบบนั้น

"โฮสต์ปราดเปรื่องที่สุด"

"ไม่ต้องมาแขวะฉัน ไอ้ระบบแก๊งคอลเซนเตอร์!"

"ระบบเปล่า ระบบบริการทุกอย่างด้วยความจริงใจ"

"แล้วมันใครหลอกล่อฉันมาอยู่ตรงนี้"

ระบบเงียบเหมือนตายจากไปเรียบร้อย

"เอาเถอะเลิกนอกเรื่องก่อน ตอนนี้ฉันอยากได้เรื่องไหนที่มันฮิลใจได้บ้างสภาพแดนมารที่เพิ่งเห็นก่อนกลับออกมาแย่ชะมัด ทำไมต้องเขียนให้เลวร้ายแบบนั้นด้วยนะ แล้วเกือบทุกเรื่องก็มาแนวเดียวกันหมด ชาวมารก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันนะเว้ยรักพวกเขาบ้างไม่ได้หรือไงคุณนักเขียนทั้งหลาย ถึงมันเป็นสาเหตุให้ก่อสงครามกับแดนอื่นได้ดีที่สุดแต่อ่อนโยนให้บ้างก็ได้ อินจันสุ่มเรื่องที่มันมีแนวโน้มฮิลใจได้ให้ที" ต่อให้เป็นเรื่องที่มีความยากขั้นแม็กซ์แต่ถ้าให้ความสบายใจได้จะไม่อิดออดล่ะ

"โฮสต์อยากเปลี่ยนสภาพแดนมารบ้างไหม จากแห้งแล้งให้มีความสมบูรณ์สักเจ็ดในสิบส่วนของแดนมาร"

"ทำยังกับเปลี่ยนได้ คนเขียนเขากำหนดมาแล้วแบบนั้น"

"โฮสต์สามารถรับภารกิจตามหาสิ่งของมาเปลี่ยนสภาพแดนมารได้โดยไม่กระทบต่อต้นฉบับเดิม ทว่าทำให้แดนมารในโลกอื่นๆ ดีขึ้นได้ รวมทั้งจะทำให้แนวโน้มการเขียนของนักเขียนเพิ่มพื้นที่สมบูรณ์ให้แดนมารได้อีกด้วย และแน่นอนว่าภารกิจสำเร็จคุณก็ยังคงได้รับรางวัลเช่นเดิม"

"หาสิ่งของ... ไม่ใช่ชิ้นเดียวใช่ไหม?" จินตกชลุกขึ้นนั่งถามเสียงจริงจัง แสดงออกว่ากำลังตั้งใจฟัง

"ถูกแล้ว หามาให้มากที่สุดก็จะเปลี่ยนได้มากที่สุด และการสุ่มนิยายแม้ระดับแม็กซ์แต่การันตีได้ว่าทุกเรื่องมีสิ่งของที่โฮสต์ตามหาอย่างน้อยหนึ่งชิ้นแน่นอน"

"หาอะไร? ต่อชิ้นช่วยแดนมารได้มากแค่ไหน?" ไม่ว่านี่คือการหลอกล่อให้ทำอะไรสักอย่างแต่แรกแล้วหรือไม่เขาก็ยอมกระโดดลงไปด้วยตนเอง

"ของที่ช่วยแดนมารได้คือ แพรร์สโตน (หินอธิษฐาน) มีพลังมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับขนาดของมัน"

ภาพลูกกลมเหมือนคริสตัลใสมีลวดลายคล้ายแผนที่ดวงดาวลอยเด่นภายใน ขนาดหนึ่งนิ้วครึ่งลอยเด่นทอประกายวิววับกลางอากาศตรงหน้าจินตกช

"นี่คือขนาดใหญ่สุด ขนาดเล็กสุดคือหนึ่งเซนติเมตร ทุกชิ้นมีลักษณ์ภายนอกและพลังเหมือนกันต่างกันที่ขนาดเท่านั้น ขอเพียงโฮสต์เก็บรวบรวมมาได้ยิ่งเยอะยิ่งช่วยแดนมารได้มากเท่านั้น"

"รวบรวมให้เยอะเหรอ ทำยังกับมันมีเยอะหาง่ายงั้นแหละ ทั้งที่บอกว่าแต่ละเรื่องมีอย่างน้อยหนึ่งชิ้นเท่านั้นอยู่หยกๆ เดาได้เลยว่ามากสุดคงมีแค่สองชิ้นต่อเรื่องหนึ่ง และส่วนใหญ่มีแค่หนึ่งแล้วยังหายากแบบพลิกทั้งเรื่องหาอีกต่างหาก ถูกไหม" ถ้าหาง่ายคงไม่จัดเป็นภารกิจระดับแม็กซ์หรอก

"โฮสต์เข้าใจได้ถูกต้อง" เสียงตบมือเกรียวกราวดังสนั่น ได้ยินแล้วมุมปากกระตุก

"ปิดเสียงประกอบรสนิยมต่ำนั่นไปเลยนะ ฉันกำลังจริงจัง" เสียงเขียวพร้อมขยับมือเหมือนจะใช้ทักษะถล่มทลายเสียเดี๋ยวนั้น ระบบเงียบกริบทันที "ถ้าฉันรับภารกิจนี้มีข้อควรระวังอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า"

"ทุกเรื่องที่โฮสต์เข้าไปเดินเล่นต่อจากนี้จะเจอกับผู้เดินเล่นคนอื่นซึ่งมีฝีมือสูงทั้งนั้น ผู้เดินเล่นทุกคนปะทะกันได้แล้วชิงเอารางวัลทุกอย่างในคลังที่อีกฝ่ายมีไปได้ แต่ห้าฆ่ากันเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะโดนลงโทษสลายวิญญาณ หรือคือตายในโลกจริงนั่นเอง ทว่าถ้าตายด้วยฝีมือตัวละครในเรื่องแค่ภารกิจล้มเหลวเหมือนเดิม"

"กฎหละหลวมไปนะ ถ้าผู้เดินเล่นสร้างสถานการณ์ให้สิ่งที่อยู่ในเรื่องฆ่าตัวละครล่ะ"

"เรื่องนั้นโฮสต์ไม่ต้องกังวล ต้องชนะด้วยตนเองเท่านั้นถึงชิงของในคลังไปได้ ไม่ว่าวางแผนให้สิ่งที่อยู่ในเรื่องนั้นฆ่าผู้เข้าไปเดินเล่นได้ก็แค่ภารกิจล้มเหลว ไม่สามารถชิงสิ่งใดจากคลังเก็บได้ ถ้าอยากได้ก็มีแค่เอาชนะให้ได้เท่านั้น"

"เข้าใจล่ะ ฉันรับภารกิจนี้" จินตกชฮึดสู้สักครั้ง "พอรับภารกิจนี้แล้วจะมีเปลี่ยนหรือมีภารกิจอื่นแทรกอีกหรือเปล่า"

"มีบ้างเล็กน้อยทว่าไม่ยากล้มเหลวได้ไม่มีบทลงโทษ ถ้าสำเร็จก็ได้รางวัล ส่วนการเก็บแพรร์สโตนเป็นงานหินของจริง ซึ่งไม่มีใครรับทำกันเปอร์เซ็นต์หาเจอต่ำมาก รู้ว่ามีในเรื่องที่เข้าไปแต่หาไม่เจอจนใช้เวลาหมดอายุขัยในเรื่องนั้นแล้ววนกลับเข้าไปใหม่ก็ยังหาไม่เจอก็ได้ ฉะนั้นจึงไม่มีใครเลือกภารกิจนี้เลย" ระบบไม่ได้บอกออกไปว่าหินอธิษฐานนี้ทำให้สิ่งที่ต้องการเป็นจริงได้ทุกอย่างเว้นแค่คนตายคืนชีวิตกับความเป็นอมตะเท่านั้น แน่นอนว่าแท้จริงแล้วไม่ได้ให้เก็บมาช่วยแดนมารเท่านั้นยังมีเรื่องต้องใช้แพรร์สโตนเรื่องอื่นที่ไม่สามารถบอกจินตกชได้ในยามนี้อีกเรื่องด้วย

จินตกชแทบสบถล้านคำ "เปลี่ยนภารกิจเลยเชียว เพิ่งบอกไปหยกๆ ให้อธิบายรายละเอียดครบๆด้วย"

"ไม่สามารถยกเลิกได้เมื่อโฮสต์ตอบตกลงแล้ว" ระบบรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย

"ถ้าทดสอบทักษะสะบั้นสุญญากาศระดับก้าวหน้าแถวนี้คงไม่มีใครซวยหรอกเนอะ" โปรยยิ้มเหี้ยมแบบราชาซอมบี้ให้คะแนนเต็มสิบ

[ขอให้โฮสต์โชคดีในนิยายธีมโลกเวทมนต์]

แสงเจิดจ้าสว่างจนลืมตาไม่ขึ้น แล้วจินตกชก็รู้สึกเหมือนโดนโยนออกไปด้วยความเร็วแสง

"เฮ้ย! ไล่ส่งแบบนี้เลยเหรอ!!"