เรื่องที่ 1 ซอมบี้ที่ดีต้องจับมือเป็น
บทที่ 1
เพื่อนิยายฟรีตลอดชีพ สู้เว้ย!!
ตรงหน้าคือท้องฟ้าสีส้มหมอกควันมืดครึ้มฟุ้งกระจายเต็มไปหมด อากาศที่สูดเข้าไปทำเอาแสบจมูกไม่น้อยแล้วยังเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าชวนวูบอีกต่างหาก ครั้นพอมองไปรอบกายมุมปากกระตุกทันที นอกจากซากผุพังของสิ่งปลูกสร้างยังมีซากซอมบี้กระจายเกลื่อน ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือไว้ ทว่าตรงนี้นอกจากตนเองแล้วไม่มีสิ่งเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
ร่างนี้เป็นคนจัดการหรือเปล่าหว่า รู้สึกว่าไม่ใช่อย่างไรพิกล
"ระบบอยู่หรือไม่?"
'ระบบพร้อมบริการยี่สิบสี่ชั่วโมง'
เสียงตอบกลับแสนร่าเริงชวนต่อยกันสักยกดังเข้ามาในหัวอย่างไว
"คือฉันลืมถามว่าถ้าภารกิจล้มเหลวมีการลงโทษไหม?" ถามแล้วเหลียวมองไปทิศทางหนึ่งซึ่งรู้สึกว่าได้ยินเสียงอะไรสักอย่างไกลๆ
'แน่นอนว่ามี'
"โทษแบบไหน?" เสียงเริ่มใกล้เข้ามาจินตกชหรี่ตามองอย่างตั้งใจ
'ไว้ภารกิจล้มเหลวโฮสต์ก็จะได้รู้เอง ตอนนี้ขอให้สนุกกับโลกนิยายธีมวันสิ้นโลก'
"เดี๋ยวขอถามอีกอย่างก่อน" จินตกชรีบเรียกไว้ก่อนเสียงระบบจะหายไป "ร่างที่ฉันใช้อยู่นี้เป็นตัวละครในเรื่องแต่แรกหรือสร้างเพิ่มเข้ามาใหม่"
'แน่นอนว่าหนึ่งในตัวประกอบเล็กจ้อยในเรื่องแบบผู้เขียนใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่มีแม้แต่ชื่อ'
"เช่นนั้นฉันใช้ชื่อของฉันได้ใช่ไหม?" ต่อให้หน้าทำลายสายตาขั้นแม็กซ์แต่ใช้ชื่อตนเองยังคุ้น เวลาถูกเรียกจะได้ไม่เลิ่กลั่ก
'ได้ตามใจโฮสต์ หากมีข้อสงสัยใดอีกโฮสต์สามารถเรียกระบบได้ทุกเวลา'
จินตกชพยักหน้า "อือ ขอบคุณ"
แค่ช่วงที่คุยกับระบบในหัวก็มีเนื้อเรื่องทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ไหลผ่านตาอย่างรวดเร็ว ความเร็วแบบไม่น่าอ่านทันทว่ากลับได้ข้อมูลทั้งหมดแบบไม่ต้องอ่าน ทำให้จินตกชรู้ล่ะว่า นิยายเรื่องนี้ซอมบี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วน้องๆ ในเรื่องWWZ ทว่าการติดเชื้อนั้นใช้เวลานานถึงห้าวันหลังจากถูกกัด ฉะนั้นจึงมีเวลารักษาถ้ามีวัคซีน และคนที่สามารถวิจัยวัคซีนรักษาให้สำเร็จได้คือ ดร. ซอยล์ ไดเจส นั่นแหละพระเอกที่เธอต้องคุ้มกันไปส่งยังเขตปลอดภัยซึ่งก็คือฐานที่มั่นโคลเทค ฐานที่มั่นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก เพียบพร้อมด้วยทรัพยากร อาวุธ นักรบและผู้คนคุณภาพสูง ส่วนทำไมพ่อคุณมาโชว์ตัวให้ซอมบี้ไล่กรี๊ดนั่นก็ออกมาเก็บทรัพยากรใหม่ๆ ไปวิจัยไงล่ะ ทว่าหนึ่งในผู้คุ้มกันของตนดันถูกฝ่ายอิจฉาตาร้อนจ้างให้หลอกมาเป็นอาหารจานหลักให้ซอมบี้เสียนี่
นักรบที่นี่ทุกคนมีพลังพิเศษมากน้อยแล้วแต่ท่านผู้เขียนจัดให้ แน่นอนว่าร่างตัวประกอบที่ใช้อยู่นี้ต่อให้ก่อนหน้าพลังมีแค่งอช้อน หากแต่ตอนนี้งอเสาไฟฟ้าแรงสูงได้ทั้งต้นล่ะเว้ย
"นายตรงนั้นน่ะ ช่วยด้วย!"
ระหว่างทำความเข้าใจตัวประกอบที่มาสวมร่างอยู่ชั่วคราวสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงไกลๆ เมื่อก่อนหน้าก็วิ่ง เอ่อไม่สิ ขับยานพาหนะรูปร่างคล้ายรถจิ๊ปสีแดงเพลิงคันโตไม่มีล้อดิ่งมาทางที่จินตกชยืนอยู่ ด้วยความเร็วไม่ต่างจากเต่าวิ่งหนีภัยและมีฝุ่นฟุ้งอยู่ไกลๆ เหมือนอะไรฝูงใหญ่ไล่ตามมา
รถสีกระแทกตาเสียขนาดนั้น กลัวคุณซอมทั้งเมืองมองไม่เห็นหรือครับ ว่าแต่ความเร็วรถแบบนั้นอ่อยซอมบี้หรือไงพ่อคุณ
ครั้นคนขับรถมองเห็นคนที่ยืนอยู่ได้ชัดเจนเท้าเหยียบเบรกจนมิด ยานพาหนะทั้งคันแทบพลิกคว่ำจากการเบรกกะทันหันทั้งที่ความเร็วเท่าเต่าคลาน แสดงให้เห็นว่าศูนย์ถ่วงตัวยานพาหะนะใช้ไม่ได้ คนขับหน้าตาตื่นราวเห็นผีหลอกยามกลางวัน แต่ผีจริงก็วิ่งตามรถมาอยู่นี่หว่า
"คือนาย... ยังเป็นคนใช่ไหม?" ถามเสียงสั่นแบบไม่มั่นใจ
จินตกชโคลงหัว "ถามแบบนี้ไม่อยากมีปากไว้กินน้ำพริกแล้วงั้นสิ"
"คนเป็นจริงด้วย ว่าแต่นายมีพวกกี่คน?" คนขับยานพาหนะหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ผมแดง ตาสีน้ำตาลใส่ชุดเครื่องแบบแปลกตาคาดว่าเป็นคนคุ้มกันถอนใจเฮือกใหญ่สายตากวาดมองไปทั่ว
จินตกชพลอยมองไปทั่วด้วยก่อนหันกลับมายังรถคันโต "พวกหรือ ไม่มีหรอก คนเดียวอย่างที่เห็นนี่แหละ"
คนขับรถหน้าถอดสีเพิ่มระดับจากไข่ต้มเป็นกระดาษชำระเนื้อหยาบไร้คนเหลียวแล "หรือนายเหลือตัวคนเดียว โธ่เวรแล้ว! แบบนี้เราหนีพวกมันไม่พ้นแน่ นึกว่ามีคนอื่นอีก ผู้รอดตายคนเดียวแบบนี้จบกัน!"
ก็ไม่รู้ว่าบ่นอะไรหรอกนะ แต่ฟังแล้วคันเท้ายุบยิบ
"ถ้านายยังจอดรถอยู่ตรงนี้คงได้ตายจริงแน่" หน้าต่างในรถด้านหลังคนขับเปิดออก ชายหนุ่มวัยสิบแปดสิบเก้ายื่นหน้าออกมาโวยใส่เจ้าคนขับ "เราไม่มีเวลามาช่วยพวกเหลือเดนหรอกนะ ไปได้แล้ว!" ปรายสายตาสุดดูถูกใส่คนขี้ริ้วนอกรถอย่างเจาะจงตัว
ฉันก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นไม่ใช่หรือ ต้องเหยียดปานนั้นเลย
เจ้าคนขับรถรีบออกตัวทว่ารถยังไม่ทันขยับ ซอมบี้ตนหนึ่งพุ่งมาถึงรถแล้วกระแทกเข้าโครมใหญ่ แรงกระแทกทำเอารถแทบพลิกคว่ำ จากนั้นกองทัพซอมบี้เป็นร้อยก็พุ่งตามเข้าใส่ ต่อให้ตัวถังยานพาหนะคันนั้นแข็งมากเพียงใดโดนกระแทกหลายสิบครั้งเข้าก็ยุบตัวตามมาด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวจะแตกหักเสียเดี๋ยวนั้น ทำคนในรถแตกตื่น
"รีบลงจากรถเร็วเข้า!" คนขับรถพยายามเปิดประตูที่โดนกระแทกบุบหลายรอย
"ลงไปได้โดนซอมบี้กินพอดีสิ!" คนที่มองเหยียดจินตกชเมื่อครู่โวยตอบ
ซอมบี้มากมายไม่ได้ล้อมและจู่โจมแค่รถจิ๊ปแต่มันพุ่งเข้าใส่จินตกชที่ยืนเหวอสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะเพราะเพิ่งเคยเจอซอมบี้ระยะใกล้ชิดแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ทักษะที่ได้รับมาช่วยให้จินตกชขยับร่างการหลบหลีกเขี้ยวเล็บได้อย่างอัตโนมัติ
"เว้ยๆ! ใช้แรงงานกันตั้งแต่วินาทีแรกแบบนี้ ข้ามขั้นไปหน่อยไหม?" ในเมื่อมีทั้งฝีมือและพลังขั้นแม็กซ์ทั้งทียังไม่ได้เริ่มภารกิจจะเดี้ยงได้ยังไง แต่แม่จ๋าของจริงขยับได้ระยะประชิดแบบนี้ น่ากลัวเป็นบ้าเลย!!
สองมือจินตกชคว้าเหล็กแท่งหนึ่งซึ่งมีความยาวกว่าสองเมตรขึ้นมาใช้ต่างไม้พลอง พวกแรกพุ่งเข้ามาสิบตนเหล็กในมือฟาดกวาดขนานพื้นตัดครึ่งตัวได้ทั้งหมดในครั้งเดียวจากนั้นกระโจนออกไป ฟาดตัดคอทีละสิบกว่าตน ตนไหนเข้าในระยะไม่ขาดแค่คอ ยังมีแขนขา ตัว ไหล่ หลัง ครู่เดียวชิ้นส่วนซอมบี้กระจายเกลื่อน ใช่ว่าจินตกชสู้เก่งแต่แรก ที่ทำได้ขนาดนี้เพราะระบบให้มากระทั่งการเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดคล้องกับความสามารถนั่นเอง ฉะนั้นจินตกชถึงแสดงเทพหน้าผีอยู่ต่อหน้าคนพวกนั้นไงล่ะ
เจ้าพวกบนรถยังไม่ได้ก้าวลงจากรถสักก้าวทางนี้ใช้เหล็กแท่งฟาดซอมบี้ร้อยกว่าตนจนเหลือแต่ซากเรียบร้อยแล้ว สร้างอาการอ้าปากค้างจนแมงมุมเข้าไปชักใยให้คนในรถได้ทุกคน
ทักษะสู้กับฝีมือขนาดนี้ ขีปนาวุธเดินได้ชัดๆ เลยนี่หว่า เพราะเป็นโลกซอมบี้หรือไงถึงใส่ทักษะมาเสียขนาดนี้
จินตกชลองเอาแท่งเหล็กผ่าหัวซอมบี้ดูว่ามีผลึกแก้วตามนิยายบอกไว้หรือเปล่า เจ้าพวกนี้มีแค่สมองเละๆ พร้อมกลิ่นอโรมาเธอราพีให้คุณแอบไปคายของเก่า
ต้องพวกระดับสูงสินะถึงมีผลึกแก้วเพิ่มพลังจิตที่ว่า
"นาย... เหลือเชื่อจริงๆ เลย นายเป็นพวกนักรบหรอกหรือ มิน่าถึงมาเดินอยู่คนเดียวได้" เจ้าคนที่เพิ่งใช้สายตาดูถูกไปเมื่อก่อนหน้าลงมาจากรถได้เสียที เจ้าตัวจับจ้องจินตกชอย่างตกตะลึงแล้วเบนหน้าหนีอย่างไว
ทีนี่นักรบคือสรรพนามเรียกพวกฝีมือต่อสู้กับพวกซอมบี้ได้ นักรบทุกคนเป็นที่ต้องการตัวของทุกเขต ยิ่งเขตไหนมีนักรบมากเขตนั้นยิ่งรุ่งเรือง จินตกชพยักหน้าส่งๆ
"นายมีจุดหมายที่ไหนหรือเปล่า ถ้าพวกฉันขอจ้างนายได้ไหม?" เจ้าเด็กวัยสิบเก้าถามพลางหันไปพยักหน้าให้บางคนในรถซึ่งไม่ใช่เจ้าคนขับรถ
"จ้างหรือ นายจะเอาอะไรมาจ้างฉัน?" ในโลกนี้เงินถือว่าเป็นแค่เศษกระดาษ
"สิทธิ์การอยู่อาศัยที่โคลเทคในฐานะพลเมืองชั้นหนึ่ง" น้ำเสียงนั้นทุ้มนุ่มหากแต่แฝงด้วยอำนาจอยู่ในที
มือเรียวสวยดันประตูด้านหลังที่บุบบู้บี้ออกอย่างแรง และตามมาด้วยเจ้าของเสียงซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างราวนายแบบ ขายาว เอวสอบ ผมสีแพตตินั่มบลอนด์ทรงรากไทรรวบไว้เรียบร้อย ดวงตาสีเหล้าองุ่นเยือกเย็นลึกล้ำเกินหยั่ง เขาสวมเสื้อผ้าลำลองแล้วทับด้วยเสื้อตัวยาวสีขาวบ่งบอกว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์แน่ๆ ทว่าออร่าที่แผ่ออกมาส่งให้เขาดูสูงส่งราวราชาสักดินแดนก็ไม่ปาน
โอ้โห หล่อวัวหัวใจวายควายเปลี่ยนสายพันธุ์เลยจ้า
"ดร.ซอยล์ คุณอย่าเพิ่งลงมาสิครับมันอันตราย"
"อย่างไรรถคันนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว จะให้ผมนั่งอุดอู้อยู่ในนั้นไปทำไม" ว่าพลางนวดตามตัว ท่าทางคงโดนกระแทกไปหลายครั้ง "คุณล่ะว่าอย่างไร รับการว่าจ้างนี้ไหม?" ดวงตาสีแดงอมม่วงหันมองจินตกชแล้วสะดุดไปนิดหนึ่งก่อนเนียนเบนสายตาไปด้านข้าง
หน้าตาฉันคุณภาพคับแก้วเลยไหมล่ะ บุญตาชะมัดได้เห็นสีหน้าปุเลี่ยนๆ ของพวกหล่อเทพ
"พวกนายเป็นคนของเขตโคลเทคงั้นหรือ?" จินตกชกวาดสายตาสำรวจทั้งสามคนอย่างไม่กลัวเสียมารยาท ซึ่งการทำแบบนี้เป็นสิ่งปกติไม่ว่าใครก็ย่อมต้องระวังตัวว่าอีกฝ่ายยังเป็นคนปกติอยู่
"ฉัน ซอยล์ ไดเจส เป็นนักวิจัยที่พอมีอิทธิพลในเขตโคลเทคอยู่บ้าง" หนุ่มหล่อทุกองศาตอบเสียงเรียบ แล้วหันมากวาดตาสำรวจจินตกชบ้าง
"ซอยล์ ไดเจส... นายคือคนที่คิดค้นวัคซีนรักษาอาการติดเชื้อระยะแรกให้หายได้นี่นา โอ้คนดัง" จินตกชแสดงท่าทางตกใจได้อย่างสมจริง "คนสำคัญอย่างนายทำไมมาอยู่ข้างนอกแบบมีผู้คุ้มกันแค่สองคนเองล่ะ แล้วยังพาหนะที่ขับเคลื่อนได้ช้ากว่าเวลาฉันเดินเสียอีก"
ผู้คุ้มกันทั้งสองหน้าเจื่อน เจ้าคนขับรถมายิ้มแหยก่อนพูดอย่างเจ็บใจ "ไม่ได้มีแค่ฉันกับไอแลนด์หรอกที่มาคุ้มกันดร. โดนเล่นงานระหว่างทางน่ะสิ อ้อ ฉันชื่อคริสเตนแล้วนาย"
"จินตกช เรียกจินต์ก็ได้" คำเดียวน่าจะเรียกง่ายกว่า เพราะดูจากสีหน้าทั้งสามคงออกเสียงไม่ถูก
ทั้งสามคนพยักหน้า "ที่นายว่ารถคันนี้ช้ากว่านายเดินนั่นก็โดนเล่นตุกติกมา ตอนออกมาจากโคลเทคยังปกติอยู่พอวิ่งมาได้พักใหญ่ก็มีปัญหาอย่างที่นานเห็น เราเลยโดนซอมบี้ไล่ตามมาเยอะแยะหน่วยคุ้มกันคนอื่นถ่วงเวลาให้พวกเราพาดร.หนีมา" ไอแลนด์กัดฟันท่าทางเจ็บใจที่โดนเล่นงานจากคนใน
"การที่ซอมบี้พวกนี้ตามมาถึงนี่ได้นั่นก็หมายความว่าหน่วยคุ้มกันคนอื่นคงไม่รอดแล้ว" คริสเตนเตะเท้าใส่หัวซอมบี้ที่กองอยู่ใกล้ๆ ระบายอารมณ์ หัวนั้นกระเด็นไปไกล และมันก็ไปปลุกความโชคร้ายอีกระลอกให้โผล่ขึ้นมา
ภายใต้กองหักพังที่สุมไว้ด้วยซากสารพัดอย่างขยับไหวรุนแรงแล้วถูกดันสูงขึ้นให้แตกกระจาย ซอมบี้ร่างใหญ่ทะยานออกมาจากกองของผุพังมันลงพื้นโครมใหญ่ทำเอาพื้นตรงนั้นยุบลงไปเล็กน้อย ก่อนส่งเสียงคำรามส่งคลื่นสั่นสะเทือน
แม่เจ้า!! นักกล้ามงั้นเหรอ ไม่เอาแบบนี้สิ พวกกล้ามหนาเกินแบบนี้เลยไปข้างหน้าเลย! จินต์ไม่ชอบพวกเล่นกล้ามที่สุดเลยจ้า!
ซอมบี้กล้ามโตยิ่งกว่านักเพาะกล้ามผิวสีฟ้าซีดทว่าเงาแวบราวทาน้ำมันไว้ กลอกดวงตาอันเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีดำอย่างรวดเร็วราวกำลังประเมินว่าอาหารพร้อมกินคนไหนน่ากินที่สุด แล้วพริบตามันก็เล็งเป้าหมายไปที่หนุ่มหล่อประดุจเทพเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มแล้วพุ่งตัวมาด้วยความเร็วดุจกระสุนออกจากรังเพลิง
โครม!
ซัดเข้าเต็มแรงกับรถทั้งคันทำมันทะลุเข้าไปครึ่งตัว ติดแหง็กดิ้นกระแด่วๆ เพราะขาไม่ถึงพื้น แขนก็ติดกับตัวถังรถ ต่อให้เจ้าซอมบี้เร็วแค่ไหน ปฏิกิริยาตอบสนองของจินตกชดันเร็วกว่าผลักรถทั้งคันเข้าขวาง ไม่รู้ระบบยัดทักษะขั้นแม็กซ์ที่ว่านั้นมันเท่านักรบขั้นไหนของโลกนี้มาให้ แต่มันก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นเยอะว่าคงสามารถคุ้มครองพ่อถั่วเหลืองไปส่งเขตโคลเทคได้แบบครบสามสิบสองแน่นอน
ระบบอยากกรีดร้อง ชื่อพระเอกไม่ได้แปลว่าถั่วเหลืองนะโฮสต์!!
สามหนุ่มผู้มาจากเขตปลอดภัยเกือบได้อ้าปากค้างอย่างตะลึงจากฝีมือหนุ่มหน้าปลาบู่ชนเขื่อนอีกครั้งแน่ะ ดีที่ตั้งสติทันเลยไม่ปล่อยไก่เล้าที่สอง และแวบเดียวไก้เล้าที่สองก็ออกมาเกลื่อนกราดจนได้เมื่อจินต์ใช้แท่งเหล็กที่กลายเป็นเคียวยมทูตในสายตาหนุ่มทั้งสามเก็บซอมบี้ไปร้อยกว่าตนเมื่อก่อนหน้าพาดโครมเข้าที่รถแบบผ่าครึ่งเป็นสองซีกทั้งรถทั้งซอมบี้กล้ามโตในการฟาดครั้งเดียว
อื้อหือนี่แรงคนแน่หรือฟะ อ้อ ลืมไป นักรบที่นี่มีพลังจิตด้วยถึงร่างนี้ไม่มีพลังยกของให้ลอยได้อะไรแบบนั้น แต่พลังกายก๊อดซิล่า เอ๊ย กอริลลาจริงๆ
ผ่าซอมบี้ไปแล้วจินตกชถึงเห็นผลึกกลมๆ เท่าลูกแก้วขนาดสองเซนติเมตรกลิ้งออกมาจากหัวซอมบี้ เจ้าตัวเอาแท่งเหล็กเขี่ยมาดูใกล้ๆ ไม่ได้สนใจสายตาคนใกล้ตัวที่กำลังจ้องผลึกแก้วตาวาววับ จินต์ใช้เท้าเหยียบถูมันกับพื้นเป็นการทำความสะอาดเล็กน้อย
กลิ้งออกมาจากดงสมองเละๆ ใครกล้าหยิบไม่รู้ แต่ฉันหยิบไม่ลงเว้ย
พอโดนเช็ดให้สะอาดด้วยรองเท้าดอกยางรีดน้ำของคนหน้าผี สีสันแท้จริงของผลึกแก้วก็ปรากฏออกมา สีราวเปลวเพลิงของมันเด่นสุดแต้มด้วยอีกหลายสีดูราวโอปอลเพลิงสวยๆ สักเม็ด
"นั่นมันผลึกระดับขุนพลนี่นา" ไอแลนด์ขยับมือราวอยากพุ่งเข้าไปคว้ามาเหลือใจ แต่เกรงใจฝีมือพ่อหนุ่มหน้าสะพรึงเลยได้แค่มอง
"ไม่น่าเชื่อนายล้มซอมบี้ระดับขุนพลได้ง่ายปานนั้น ให้ตายเถอะนายยังไม่สังกัดเขตไหนเลยแน่หรือ?" คริสเตนต้องประเมินคนตรงหน้าใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเบ้หน้า ราวการมองตรงๆ นั้นทำเวลาชีวิตเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
จินตกชไหวไหล่แล้วพูดทีเล่นทีจริง "ฉันเพิ่งเก่งระดับนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเพราะงั้นยังไม่มีที่ไหนเก็บฉันไปเลี้ยงหรอก" ได้รับสายตาไอ้โกหกตอบกับมาสามคู่
"ฝีมือขนาดนี้มันคงมีได้ในสองสามชั่วโมงหรอกนะ" ไอแลนด์รู้สึกเหมือนโดนแกล้งแล้วอารมณ์เสีย
ทั้งที่พูดจริงแต่นั่นแหละใครเชื่อลงกันเหล่า จินตกชก็ไม่คิดอธิบายอะไรเพิ่มทั้งนั้น อย่างไรพูดไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจ "ว่าแต่ผลึกนั่นใครเอาไหม?" ใช้แท่งเหล็กในมือเขี่ยไปทางพ่อถั่วเหลืองที่ยืนจ้องอย่างสนใจมากมายเช่นกัน
"นายไม่เอาหรือ มันช่วยให้พลังจิตพลังกายเพิ่มมากขึ้นได้อีกนะเว้ย ระดับขุนพลรับรองเพิ่มทีหลายระดับแน่" คริสเตนมองตามผลึกที่กลิ้งไปซบเท้าดร.ซอยล์ตาละห้อย
"แค่นี้ฉันก็เทพพอแล้ว ถ้าพวกนายอยากได้ก็เอาไปเลย" จินตกชกวาดตามองไปไกลๆ ราวกำลังตรวจดูว่ายังมีซอมบี้รอดสายตาอยู่ตรงไหนบ้างหรือเปล่า "และตอนนี้ฉันอยากได้ยานพาหนะอะไรก็ได้ที่ใช้เดินทางได้เร็วกว่าเดิน" ต่อให้มั่นใจว่าตัวคนเดียวเอาตัวรอดจนถึงเขตปลอดภัยได้ เพราะภารกิจคือคุ้มครองพระเอกไปส่ง...
จริงด้วยแค่คุ้มครองไม่ได้บอกว่าต้องปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนนี่นา แบบนี้ถ้าพ่อคุณเยินนิด โดนกัดโดนข่วนบ้างก็คงไม่ทำให้ภารกิจล้มเหลว ห้าวันกว่าจะกลายเป็นซอมบี้เอาไปส่งทันอยู่แล้ว
[เตือน!! นี่คือการเตือนความล้มเหลวของภารกิจคือพระเอกตายหรือเปลี่ยนสภาพจนคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้ ฉะนั้นห้ามปล่อยตายและโดนซอมบี้กัดหรือข่วนเด็ดขาด!!]
ระบบกรีดร้องในหัวจินตกชเสียแทบเซวูบที่อยู่ๆ มีเสียงก้องแทบหัวระเบิด
โอเคๆ คุณระบบอินจัน พระเอกคือลูกรักสะบักสะบอมนิดหน่อยแต่รับรองฉันเอาไปส่งแบบไม่เปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่แน่นอน
'อินจัน นั่นมันอะไร อย่าเปลี่ยนชื่อระบบเอาตามใจชอบสิโฮสต์!'
นอกจากเสียงกระฟัดกระเฟียดอันสูงปี๊ดยังให้ความรู้สึกว่ากำลังงอนจนแก้มพองอีกต่างหาก อือนั่นก็มโนเพ้อเจ้อไปนิด
เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้วว่าความปลอดภัยทางกายพระเอกคืออันดับหนึ่ง แต่ความปลอดภัยทางใจไม่รับผิดชอบนะเพราะแค่ใบหน้าฉันก็ทำเขาเบ้หน้าหนีแล้ว
'ถึงได้บอกโฮสต์ไงว่าเลือกให้ดี!'
นี่ดีแล้วๆ อ้าวเงียบ
จินตกชแค่แอบคุยกับระบบในหัวแวบเดียวคริสเตนกับไอแลนด์ก็ช่วยกันรื้อของที่พอใช้ได้ออกมาจากรถมากองที่พื้นเรียบร้อยแล้ว
"เรายังเหลือเสบียงเล็กน้อยถ้ากินอย่างประหยัดคงได้สักสามถึงสี่วัน" ไอแลนด์จับห่อเล็กๆ รวมเป็นกองอย่างตั้งใจไม่ให้มากหรือน้อยต่างกันได้อย่างน่าทึ่ง
"แถวนี้ไม่มียานพาหนะใช้ได้เหลืออยู่แล้วล่ะ" คริสเตนกวาดตาไปทั่วแล้วส่ายหน้า
"นายรู้ได้ไงว่าไม่มี" จินตกชไม่เห็นว่าคริสเตนเดินไปไกลจากตรงนี้สักกี่ก้าว แล้วรู้ได้ไงว่าไม่มีในเมื่อรอบๆ เป็นเมืองร้างขนาดใหญ่
คริสเตนชี้ดวงตาสีน้ำตาลของตน "พลังพิเศษของฉันใช้แสกนผ่านสิ่งกีดขวางได้ แม้เห็นแค่เป็นรูปทรงไม่ลงรายละเอียดแต่แยกได้ว่ายังใช้ได้หรือไม่ได้สบาย" มันคือพลังจิตชนิดหนึ่งในโลกนี้นั่นเอง
"เจ๋งนี่หว่า แล้วนายมองเห็นได้ไกลแค่ไหนล่ะ?" มีเครื่องแสกนเดินได้นี่เองถึงรอดมาถึงตอนนี้ได้ จินตกชทึ่งจากใจของจริงดูดีกว่าอ่านเอาจากตัวหนังสือแบบเทียบกันไม่ติด
"หนึ่งกิโลเมตร"
ดวงตาสีน้ำตาลของจินตกชทอประกายระยับ "ส่วนใหญ่มีพลังแสกนได้แค่สามสี่ร้อยเมตรเท่านั้นนี่หว่า"
คริสเตนยืดอกท่าทางภูมิใจ "นายอย่าได้เข้าใจว่าฉันเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น ฉันเป็นนักรบระดับ A เชียวนะ ไอแลนด์ก็ด้วย" พยักหน้าไปทางเด็กหนุ่มอายุสิบเก้า
"ระดับ A แล้วไง อย่างไรก็เทียบระดับ S อย่างนายไม่ได้อยู่แล้ว" หลังจากแจกแจงทุกอย่างแล้วเขาก็หยิบของที่แบ่งเป็นสี่ส่วนใส่เป้สะพายหลังอย่างเป็นระเบียบ "ฉันก็อยากให้แต่ละคนรับผิดชอบเสบียงส่วนตนเองหรอกนะ แต่ดูแล้วคงไม่ไหว ฉะนั้นฉันรับผิดชอบเอง" แน่ใจได้ว่าไม่ไหวนั่นคงหมายถึงดร.ซอยล์ แม้พ่อคุณสง่างามราวท่านชายผู้สูงศักดิ์ ร่างกายดูแข็งแรงต่างจากพวกใช้แต่สมองทั่วไปทว่าไม่ได้ดูบึกบึนเท่าคนคุ้มกันทั้งสอง แต่ก็ไม่แน่บางทีพ่อคุณอาจซ่อนรูปก็ได้ ในเมื่อกะด้วยสายตาน่าจะสูงกว่าร้อยเก้าสิบ
ถั่วเหลืองที่ต้นสูงเกินแบบนี้น่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้สิ
จินต์พยักหน้าเข้าใจ "จริงสิเขตโคลเทคไกลจากตรงนี้มากไหม ถ้าไม่ไกลเท่าไหร่จะได้เดินไป" ถามแล้วได้สีหน้าเจื่อนจืดจากไอแลนด์กับคริสเตนตอบกลับมา ส่วนดร.ซอยล์ให้ความสนใจรถคันหนึ่งมากกว่า เปิดดูเครื่องยนต์อยู่นี่นา
"จากตรงนี้ก็พันกว่ากิโลเมตรนั่นแหละ"
"เกินไปไหม พวกนายไม่ได้นั่งเครื่องบินออกมาแต่แรกใช่ไหมนั่น?" ได้ยินแล้วจินต์จะเป็นลม
"ทรัพยากรที่ฉันต้องการมันอยู่ไกลเองช่วยไม่ได้นี่นา" ซอยล์ปิดฝากระโปรงรถแล้วหันมาพูดจริงจัง "อีกไม่กี่กิโลก็ถึงบริเวณที่มีทรัพยากรที่ฉันต้องการ ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อนป่านนี้คงกลับใกล้ถึงโคลเทคแล้ว"
"คุณมาตามหาอะไรหรือ?" ในนิยายบอกแค่ว่ามาหาทรัพยากรใหม่แล้วเกิดเรื่องจนเหลือตัวคนเดียว จากนั้นก็หนีตายอย่างยากลำบากถึงสิบวันกว่าจะได้เจอคนของโคลเทคที่มาตามหา สภาพเกือบตายนั่นแหละ ขาดอาหารขาดการพักผ่อน สภาพจิตใจดิ่งสุด
ถึงการช่วยเขาไว้ตอนนี้คงทำเนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วแต่ทำไงได้ล่ะ ระบบส่งมาลงตรงนี้พอดีแบบนี้ให้คิดอย่างไรก็คือต้องการเปลี่ยนเนื้อเรื่องส่วนนี้ ฉะนั้นฉันขอทำภารกิจให้สำเร็จละกันเพื่อผลประโยชน์ แน่นอนว่ายืดอกยอมรับเลยว่าทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนล้วนๆ อย่างไม่อายเลยด้วยในเมื่อมันคือความจริง
"เฟิร์น"
คำสั้นๆ จากปากพ่อถั่วเหลืองสามารถทำสมองจินตกชประมวลผลไม่ถูกไปชั่วขณะ