บทที่ 35 เฮยทั่นก่อหายนะ (1)
เมื่อแสงดาวระยิบระยับโผล่ออกจากกิ่งพลอยใบหยกอีกครั้ง หยางชิ่งอ้าปากเป่าอีกที กลุ่มหมอกดาวที่ลอยออกมาจากกิ่งพลอยใบหยก แทรกซึมเข้ารูจมูกของเหมียวอี้
ขณะที่แสงดาวระยิบระยับแทรกซึมเข้าหัวใจ เหมียวอี้รู้สึกได้ว่าอาการบาดเจ็บภายในถูกเยียวยาอย่างรวดเร็ว
ช่วงที่หยางชิ่งพลิกฝ่ามือ มีแสงอ่อนๆ กระพริบบนแหวนเก็บสมบัติ เขาเก็บสมุนไพรเซียนซิงหัวเข้าไปแล้ว
ฝูงชนในตำหนักใหญ่มองหน้ากันเลิกลั่ก พบว่าหยางชิ่งให้ความสำคัญกับเจ้าเด็กนี่จริงๆ สมุนไพรเซียนซิงหัวมิใช่สิ่งที่ทุกคนจะมีได้ แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งเปิดหนึ่งครั้ง ที่เฟ้นหาออกมาได้ก็ไม่มากเช่นกัน แถมสมุนไพรเซียนใช้ไปหนึ่งครั้งก็หมดไปหนึ่งต้น ล้ำค่ามาก ถ้าอยากได้อีกก็ต้องรออีกหนึ่งพันปีเพื่อให้แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งเปิดอีกครั้ง
บาดแผลเล็กน้อยของเจ้าเด็กนี่ ใช้เวลาพักฟื้นสักหน่อยก็หายแล้ว หยางชิ่งกลับนำสมุนไพรเซียนซึ่งสามารถใช้ไม่เสียดายจริงๆ ที่นำสมุนไพรเซียนที่เก็บไว้ช่วยชีวิตยามจำเป็นมาใช้อย่างไม่เสียดาย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าหยางชิ่งจะรักษาแผลให้เจ้าเด็กนี่ด้วยตัวเอง
ทุกคนนับว่าดูออกแล้ว ว่าหยางชิ่งกำลังซื้อใจคน
แต่ทุกคนทำได้เพียงเก็บคำพูดนี้ไว้ในใจ ไม่มีใครอยากพูดให้ตัวเองเกิดปัญหา
สงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ความชื่นชมที่หยางชิ่งมีต่อเหมียวอี้เกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เล็กน้อย อยากจะเอาคืนให้ชุนเสวี่ย ก็เกรงว่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว
"เหมียวอี้ ข้าเคยรับปากเจ้า..."
พอหยางชิ่งเอ่ยปาก ทุกคนหูตั้งชันขึ้นมาทันที คาดการณ์ว่าคงจะพูดเรื่องให้เหมียวอี้เป็นประมุขถ้ำล่องนิภา สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอารมณ์เสียอย่างมาก
ที่หยางชิ่งกล้าก่อกบฏ สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะกองกำลังที่แข็งแกร่งและฝึกมาดีของเขา ประมุขถ้ำใต้บังคับบัญชาของเขาถูกวางตัวไว้ที่อื่น มีคนจำนวนไม่น้อยมีคุณสมบัติเป็นประมุขขุนเขาได้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเบื้องบนมีหยางชิ่งควบคุมอยู่ หยางชิ่งเองก็มีความสามารถที่จะเป็นประมุขจวน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประมุขหลูอวี้แห่งจวนหนานเสวียนหวาดกลัว
ประมุขถ้ำแต่ละสายของเขาเส้าไท่ที่อยู่ ณ ตรงนั้น นอกจากฉินเวยเวยแล้ว โดยพื้นฐานล้วนมีวรยุทธ์บงกชขาวขั้นแปดขึ้นไปทั้งนั้น อดทนมาถึงขั้นนี้ก็เพื่อเป็นประมุขถ้ำ เหมียวอี้เป็นเพียงนักพรตบงกชขาวขั้นหนึ่งเท่านั้น เพิ่งจะยอมแพ้มาก็จะกลายต้องการเป็นประมุขถ้ำแล้ว ทุกคนย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
ใครจะรู้ หยางชิ่งยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียง 'ปั้ง' ดังสนั่น แซมด้วยเสียงร้องลั่น 'ฮี้ๆ' และมีเสียงดังวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
ทุกคนท่าทางตกใจ หรือว่าประมุขหลูอวี้แห่งจวนหนานเสวียนจะรวบรวมกองกำลังมาโจมตีแล้ว?
หยางชิ่งเป็นผู้นำ แทบจะทุกคนนำอาวุธออกจากแหวนเก็บสมบัติที่กระพริบแสงในมือของตน แล้วก็รีบผลุบออกไปทันที
ชั่วพริบตาเดียว ในตำหนักใหญ่ว่างเปล่าโหรงเหรง เหลือเพียงเหมียวอี้แค่คนเดียว
เหมียวอี้พูดไม่ออกเล็กน้อย การต่อสู้ของวันนี้ ทำให้เขามีไฟปรารถนาจะรีบเพิ่มวรยุทธ์ของตน ดังนั้นเขาจึงอยากเป็นประมุขถ้ำล่องนิภามาก สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อน เพื่อให้ได้ลูกแก้วพลังปรารถนามากขึ้นไงล่ะ
ตาเห็นอยู่กับตาว่าหยางชิ่งกำลังจะเอ่ยปากอยู่แล้วเชียว จู่ๆ เหตุการณ์ก็พลิก ไม่รู้ใครมาขัดจังหวะเรื่องดีๆ ของเขา
"เหมียวอี้! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!"
ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงตะโกนของฉินเวยเวยดังออกมา ทำให้เหมียวอี้ที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นสะดุ้งตกใจ ฝีมือ ทักษะของสตรีนางนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย ไม่รู้ว่าตัวเองไปยั่วโทสะอะไรนางอีก
เพื่อตำแหน่งประมุขถ้ำ ต้องอดกลั้นไว้ก่อน รอให้ตัวเองมีทักษะฝีมือค่อยจัดการนาง เหมียวอี้รีบวิ่งออกไปอย่างเชื่อฟัง
เขาพบว่าบนลานกว้างนอกตำหนักใหญ่ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงล้อมกันอยู่ คนจำนวนมากหันไปมองเขาที่กำลังวิ่งมา บางคนทำหน้าตะลึง บางคนยิ้มมุมปากล้อเลียน ทุกคนแหวกทางเดินให้เหมียวอี้โดยไม่ต้องร้องขอ
เห็นเพียงฉินเวยเวยยืนถือทวนอสรพิษอยู่ กำลังจ้องเหมียวอี้ด้วยสีหน้าเยียบเยือกเย็น และตรงเท้าของนางมีอาชามังกรตัวหนึ่งล้มชักจมกองเลือดอยู่ คาดว่าคงไม่รอดแล้ว พอเหมียวอี้มองก็จำได้เลยว่าเป็นพาหนะของฉินเวยเวย
เหยียนซิวกำลังก้มหัวนอบน้อม ขอโทษฉินเวยเวยไม่หยุด
เหมียวอี้เกาหัว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อครู่ตัวเองเพิ่งอยู่ที่ตำหนักใหญ่ คงไม่ถึงขั้นบอกว่าตนฆ่าสัตว์พาหนะของนางหรอกนะ เหยียนซิวเองก็คงไม่กล้าทำเช่นกัน
"ไม่ทราบว่าท่านประมุขฉินโกรธเคืองข้าด้วยเรื่องอันใด?"
เหมียวอี้มีเริ่มสีหน้าเครียดขรึมขึ้น ถึงแม้วรยุทธ์ขจะต่ำ แต่เขาไม่ใช่คนนิสัยอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในตลาดและปกป้องน้องๆ ทั้งสองจากการรังแกของคนอื่นได้
ฉินเวยเวยแกว่งทวนชี้ไปที่เหยียนซิว พูดอย่างเดือดดาล "ถามไอ้สัตว์นอกคอกของเจ้าดู! "
หัวทวนเกือบแทงถึงหน้าอกของตนเองแล้ว เหยียนซิวค่อยๆ ขยับตัวหนี ข้างหลังเขาก็คือ 'เฮยทั่น' ที่กำลังสั่นหัวส่ายหางอย่างภาคภูมิใจ
เหมียวอี้ยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร จึงถามเหยียนซิว "มันเรื่องอะไรกัน?"
"ข้าเองก็นึกไม่ถึง..." เหยียนซิวเบี่ยงตัว ชี้ไปยัง 'เฮยทั่น' แล้วอธิบาย
พอเหมียวอี้ฟังจบก็ เหงื่อแตกพลั่ก! เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเวยเวยที่อารมณ์เดือดพลุ่งุ่งพล่าน แข้งขาก็อ่อนจนแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่เขากับฉินเวยเวยมาถึง สัตว์พาหนะของทั้งสองก็ถูกเก็บไว้ด้วยกัน เหยียนซิวเป็นผู้เฝ้าคุม 'เฮยทั่น'
แต่เหยียนซิวก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน จู่ๆ 'เฮยทั่น ' ก็จู่โจมใส่สัตว์พาหนะของฉินเวยเวย ชนเข้าไปตรงซี่โครงนิ่มด้านข้างเต็มแรง
ปกติ 'เฮยทั่น' จะขี้เกียจจนกู่ไม่กลับ แต่เวลามันปะทุอารมณ์ขึ้นมา ทุกคนก็ได้เห็นแล้ว อาชามังกรทั่วไปเหมือนจะเทียบไม่ติด ดังนั้น…มันจึงชนสัตว์พาหนะของฉินเวยเวยกระเด็นออกไป
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อลอบจู่โจมสำเร็จ มันก็พุ่งเข้าไปกัดที่จุดสำคัญ...กัดที่คอสัตว์พาหนะของฉินเวยเวยทันที ตะลุมบอนกันอยู่พักหนึ่ง สัตว์พาหนะของฉินเวยเวยก็นอนกลิ้งอยู่ในสภาพยับเยินเช่นนั้น
เหมียวอี้ถือว่าเคยร่วมต่อสู้เคียงข้าง 'เฮยทั่น' อย่างเป็นทางการ เขาพอจะเข้าใจความเจ้าอารมณ์ของมัน จิตอาฆาตของเจ้าสัตว์ตัวนี้รุนแรงไม่ธรรมดา
พอหลัวเจินถูกสังหารไป 'เฮยทั่น' ก็เดือดดาลสุดขีด เหมียวอี้เข้าใจว่ามันอยากล้างแค้นให้หลัวเจิน
ที่เหมียวอี้โดนฉินเวยเวยโจมตีบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าจะนับเป็นสาเหตุการล้างแค้นตอนนี้ได้หรือไม่ เขาคาดว่าเจ้าอาชาตัวนี้ คงยังไม่ผูกพันกับตนถึงขั้นนั้น
แต่เหมียวอี้กล้ารับประกัน ว่าต้องเกี่ยวกับที่ฉินเวยเวยแทงก้น 'เฮยทั่น' แน่ เจ้าตัวนี้มันรู้ว่าสู้ไม่ชนะฉินเวยเวย จึงถือโอกาสที่ฉินเวยเวยไม่อยู่ ลงมือสังหารสัตว์พาหนะของนาง เขาไม่กล้าที่จะพูดเยินยอ 'คุณลักษณะ' ของอาชามังกรตัวนี้เลยจริงๆ
'เฮยทั่น' ดันไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำผิด ยังคงร่าเริงเมื่อเห็นเหมียวอี้ปรากฏตัว มันเข้ามาใกล้แล้วก้มโก่งหัวลง แถมยังพ่นลมหายใจจามใส่อาชามังกรที่ล้มจมกองเลือดอยู่หนึ่งที แสดงท่าทางโอ้อวดภูมิใจ เหมือนมันกำลังบอกว่า 'ข้าทำได้ดีใช่มั้ยล่ะ?'
เหมียวอี้อยากจะบีบคอมันให้ตาย ถ้าเจ้าทำให้ตำแหน่งประมุขถ้ำที่ข้าเสี่ยงชีวิตแลกมาต้องหลุดมือไป คอยดูว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง
"เจ้าเตรียมจะทำยังไงกับมัน? " ฉินเวยเวยยกทวนขึ้นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
"ข้าต้องขอโทษแทนมันด้วย" เหมียวอี้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใครใช้ให้เขาเป็นฝ่ายผิดล่ะ
ฉินเวยเวยยังระงับโทสะไม่ได้ "แค่พูดขอโทษง่ายๆ คำเดียวก็จบแล้วงั้นเหรอ?"
เหมียวอี้กุมหมัดคารวะแล้วตอบว่า "กลับไปข้าจะลงโทษมันแน่นอน"
“อ้อ'” ฉินเวยเวยอุทาน พอมองอาชามังกรตรงเท้าที่ใกล้จะสิ้นใจแล้ว ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า "มันฆ่าสัตว์พาหนะของข้า เจ้าเตรียมจะลงโทษมันแบบไหนล่ะ?"
เหมียวอี้หันไปตบหัว 'เฮยทั่น' หนึ่งที พร้อมทั้งชี้ด่า "ข้าจะลงโทษเจ้า ไม่ให้กินปลากินกุ้งหนึ่งเดือน"
พอพูดจบก็หันกลับไปมองฉินเวยเวย
ฉินเวยเวยรออยู่ตั้งนาน เห็นเขาไม่พูดอะไรต่อ นางหน้าขรึมขึ้นมาทันที พูดจริงจังฟังชัดว่า "นี่คือการลงโทษของเจ้างั้นเหรอ?"
…………………………