webnovel

ปมรัก รอยอดีต โดย ฮาร์โมนิก้า

ชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของเธอในวัยสิบห้าปี ได้พังภินท์ลงเมื่อวันที่เธอและมารดาท้องแก่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คืนวิปโยคในถ้ำมรณะที่คร่าชีวิตมารดาและน้องชายที่ยังไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลก อนาสเตเซีย คิริยาคอส ผู้กลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีธุรกิจเดินเรือของกรีซ กลายเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัว และออกห่างจากบิดา ทุกคนที่รัก รวมถึงกฤช คริสตอฟ อนาโตลาคิส ผู้เป็นทั้งญาติ พี่ชายที่แสนดี และผู้ครอบครองดวงใจของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวราวกับต้องการลงโทษตัวเอง เจ็ดปีต่อมาเธอกลับมายังกรีซอีกครั้ง และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ ชายหนุ่มรูปหล่อปานเทพบุตร ผู้มีเสน่ห์เหลือล้น ทว่าเธอได้พบความจริงหลังการแต่งงานไม่นานว่าเขาไม่ใช่สามีที่ซื่อสัตย์ ที่สำคัญเขาไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอ มากไปกว่าต้องการมีทายาทกับเธอเท่านั้น ในยามที่ลูกชายของเธออายุครบสี่ปี เหตุร้ายต่าง ๆ ได้หวนกลับคืนสู่ชีวิตเธออีกครั้ง บุตรชายที่ถูกจับเรียกค่าไถ่ บิดาผู้เป็นที่พึ่งสำคัญประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ มารดาเลี้ยงผู้ท้องแก่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่หลักฐานต่าง ๆ เริ่มผูกมัดเธอมากขึ้น พร้อมกับเงื่อนงำมากมายซึ่งเชื่อมโยงไปยังสามีของเธอ และราวกับใครบางคนเจตนาทิ้งร่องรอยเศษขนมปังให้เธอตามรอยไปถึงปริศนา ณ ถ้ำมรณะ อนาสเตเซีย ผู้ติดกับดัง และต้องสูญเสียสถานะทางสังคม อิสรภาพ ทรัพย์สิน และบุตรชายสุดที่รัก เธอจะสามารถเอาชนะสามีโฉด และทวงคืนชีวิตของเธอมาจากคนเจ้าเล่ห์เช่นเขาได้อย่างไร นวนิยายรักดราม่า โรแมนติก ฆาตกรรม หักเหลี่ยม เฉือนคมที่ชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ANNIEmalista · Urban
Zu wenig Bewertungen
16 Chs

บทที่ 8 เจ้าแคสซี่แห่งเกาะนักซอส 2

by Harmonica

กระท่อมหลังนั้นตั้งอยู่ที่ท้ายไร่ทางตอนใต้ของเกาะนักซอส บริเวณนั้นเป็นเชิงเขาซึ่งอยู่ติดกับชายทะเล สภาพของกระท่อมยังคงเหมือนเดิมเมื่อครั้งที่อนาสเตเซียเคยมาเคาะประตูเรียกขอความช่วยเหลือ หากแต่ดูเก่าแก่โทรมลงไปบ้างตามกาลเวลา แม้ว่าฟาริสจะคอยซ่อมบำรุงอยู่บ้างตามสภาพ

อนาสเตเซียมองเลยจากกระท่อมหลังนั้นไปยังหน้าผาที่เว้าลึกเข้ามาตรงบริเวณเชิงเขา ต้นมะกอกต้นนั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่เหมือนเมื่อสิบสองปีก่อน หญิงสาวรู้สึกหนาวยะเยือกตลอดไขสันหลัง เมื่อคิดถึงความทรงจำเก่า ๆ อันแสนโหดร้าย ซึ่งเกิดขึ้นที่ถ้ำริมหน้าผาติดกับทะเลนั้น

ตราบจนทุกวันนี้อนาสเตเซียยังคงหวาดกลัวที่จะเดินไปที่แนวป่าละเมาะบริเวณนั้น หรือมองลงไปยังหน้าผาเตี้ย ๆ ซึ่งมีโพรงถ้ำลึกเข้าไปหน้าชายหาดเล็กและแคบ

ความคลั่งของทะเลอย่างผิดปกติในรอบศตวรรษ ประกอบกับความน่ากลัวของลมพายุที่รุนแรงของฝนร้อยปีในคืนนั้น รวมถึงความตายอย่างน่าเวทนาของอแนสซ่ายังคงตามหลอกหลอนเธออยู่แทบทุกขณะจิต แม้ในยามหลับ

เมื่อรถเข้าไปจอดใกล้ ๆ เสียงสุนัขในบ้านหลังนั้นก็เห่าดัง เจ้าดิโน่ซึ่งยังเด็กอยู่เห่ายังไม่เป็นได้แต่ยืนงุนงง ก่อนจะเริ่มกระสับกระส่ายก้าวถอยหน้าถอยหลังด้วยความกังวล

ฟาริสก้าวลงจากรถไปเปิดประตูกระท่อมออก ร่างสีขาวขนปุยของเจ้าแคสซี่ก็พุ่งกระโจนออกมาจากกระท่อม มันกระโดดใส่ฟาริสเป็นเชิงทักทายหนึ่งทีก่อนจะพุ่งเข้าหาแขกที่มาเยือน

เจ้าหมาน้อยวัยขวบเศษที่เพิ่งตกลูกไปเมื่อเกือบสี่เดือนก่อนกลับมาสมบูรณ์แข็งแรง และขนดกหนาน่ารักเหมือนเดิมแล้ว มันวิ่งเข้ามาดมฟุดฟิดที่ขาของจูเลี่ยน กระโดดทักทายอนาสเตเซีย และท้ายที่สุดก็ก้มลงดมเจ้าดิโน่ซึ่งอนาสเตเซียเพิ่งปล่อยลงจากอ้อมแขนให้ยืนตัวงอบนพื้นด้วยความหวาดกลัวเจ้าแคสซี่ที่ตัวโตกว่ามาก

เจ้าดิโน่ยืนฉี่แตกด้วยความตกใจกลัวที่มีหมาตัวโตกว่ามากมาดมฟุดฟิดตามเนื้อตามตัว ส่วนเจ้าแคสซี่เมื่อดมสำรวจเจ้าดิโน่อยู่สักพักก็เริ่มเลียหน้าเลียตาให้อย่างรักใคร่เอ็นดู สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งอนาสเตเซียและฟาริส

ลูกหมาเล็ก ๆ ตัวไล่ ๆ กันกับเจ้าดิโน่วิ่งเตาะแตะตามออกมาหลังจากที่แอบซุ่มยืนทิ้งระยะห่างจากแม่ของมันเพื่อรักษาระยะปลอดภัยไว้ ทั้งหมดเข้ามาดมเจ้าดิโน่กันทีละตัว เจ้าดิโน่ที่กำลังถูกรุมรู้สึกประหม่ากลัวจนยอมนอนหงายท้องปล่อยให้ทั้งเจ้าแคสซี่และลูกหมาอีกสองตัวดมสำรวจจนพอใจ

"จะเลี้ยงไว้เองหมดหรือคะ" อนาสเตเซียถามขึ้นขณะลูบหัวเจ้าแคสซี่เล่น

"ไม่หรอก เลี้ยงเฉพาะเจ้าตัวผู้ไว้ชั่วคราว ตัวเมียนี่ต้องเอาไปให้เจ้าของที่เลี้ยงตัวพ่อเขาตามที่ตกลงกันไว้ก่อนจะเอามาผสม" ฟาริสกล่าว

จูเลียนหลังจากที่ลูบคลำสังเกตสังกาสุนัขเวสต์ไฮแลนด์ไวท์เทอเรียหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าเวสต์ตี้ฝูงนั้นจนพอใจ ก็เริ่มจับคู่ตัวผู้สองตัวไว้ด้วยกัน และจับหางของตัวผู้สองตัวขึ้นมาวัด เด็กชายร้องออกมาอย่างยินดี

"ดิโน่หางสั้นกว่า" เด็กน้อยพูดพลางขยับไปจับหน้าของสองตัววัดเทียบกันอีก "หน้าก็ทู่กว่าด้วย แปลกจังครับแม่ เจ้าดิโน่มีปานที่พุงด้วยล่ะครับ"

คำกล่าวทักโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของจูเลียนสร้างความแปลกใจให้กับอนาสเตเซีย หญิงสาวถามขึ้นอย่างฉงน

"ฟาริส คุณบอกว่าคุณขายลูกหมาไปเมื่อไหร่นะคะ"

"สองเดือนก่อนโน่น ก่อนฉันกับยายเฒ่าจะไปล่องเรือเที่ยวกันราวสองอาทิตย์ ตอนนั้นลูกหมาพวกนี้ยังอายุไม่ถึงสองเดือนดีฟันน้ำนมขึ้นไม่กี่ซี่ ฉันเพิ่งเริ่มให้กินอาหารเม็ดแช่นมนิ่ม ๆ เป็นบางมื้อ"

"ขายให้ใครไปคะ" เธอถาม ไม่สนใจจะซักไซ้ต่อเรื่องอาหาร

"ผู้ชาย หน้าตาหล่อเชียว อายุน่าจะประมาณสามสิบปลาย ยังหล่อเฟี้ยว ไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ไม่เคยเห็น"

"แล้วเขารู้ได้ยังไงคะว่าที่นี่มีลูกหมาเกิดใหม่"

"ตอนนั้นฉันติดป้ายประกาศไว้ที่รั้วด้านหน้าทางเข้ามาในไร่น่ะ แต่มีแค่สามตัว ขายไปตัวหนึ่ง ตัวหนึ่งต้องให้พ่อพันธุ์เขา ก็เลยตัดสินใจเหลือตัวหนึ่งไว้เป็นเพื่อนเจ้าแคสซี่ก่อน โตอีกหน่อยจะเอาไปยกให้หลานเอาไปเลี้ยงที่ไร่องุ่นของเขา"

"ตอนนี้เจ้าตัวนั้นก็คงเกือบสี่เดือนแล้วสิคะ" หญิงสาวถามอีก

"ใช่ เท่ากับเจ้าสองตัวนี่ เอ! เท่ากับเจ้าดิโน่ด้วยสิ" ชายชรากล่าวทักขึ้นมา "แปลกดีเหมือนกัน เจ้าแคสซี่ดูจะเอ็นดูเจ้าดิโน่นี่ดีเหลือเกิน เจ้าสองตัวนี่ก็ดูจะชอบเล่นกับมัน แบบนี้เห็นจะมาเล่นด้วยกันได้บ่อย ๆ หนูอย่าหายหน้าไปนานนะ เพราะถ้าห่างกันนานไปมันจะไม่ยอมเล่นด้วยกันแล้ว"

ฟาริสกำชับ ไม่ทันสังเกตสีหน้าที่แปรเปลี่ยนและเต็มไปด้วยความคับข้องใจของอนาสเตเซีย

"ถ้าเห็นรูปจะพอบอกได้ไหมคะว่าใครที่มาซื้อเจ้าตัวหางสั้นไปน่ะค่ะ"

คำถามที่แทรกขึ้นมาอย่างไม่เกี่ยวข้องของหญิงสาวสร้างความประหลาดใจให้กับชายสูงวัย

"ได้สิ มีอะไรหรืออัณญ่า"

"ฟาริส คุณช่วยดูรูปนี้ทีสิคะ ว่าใช่คนเดียวกับที่มาขอซื้อลูกหมาหรือเปล่า" อนาสเตเซียขอพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเลือกรูปถ่ายคู่ระหว่างเธอกับนิโคลาโยสแล้วยื่นให้ฟาริสดู

ชายแก่ล้วงหยิบแว่นสายตาในกระเป๋าขึ้นมาสวมไว้ก่อนจะรับรูปใบนั้นมาพิจารณา

"ใช่ คนนี้ล่ะ หนูรู้จักเขาด้วยหรือ"

อนาสเตเซียเงียบไปเป็นครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า

"ค่ะ นั่นล่ะนิคกี้ สามีของหนูเอง"

*ธีซุสวีรบุรษกรีกในตำนานเทพกรนัมซึ่งได้อาศัยนางอริแอดเน่บุตรีท้าวไมนอส เจ้าผู้ครองนครบนเกาะครีต ให้ทรยศบิดาของตัวเอง เพื่อหาทางช่วยให้ธีซุสและพรรคพวกรอดตายและหนีออกจากเขาวงกตได้ ต่อมานางอริแอดเน่ลงเรือตามธีซุสออกจากเกาะครีตเพื่อกลับไปยังเอเธนส์ แต่ทั้งคู่ครองรักกันแต่เพียงบนเรือ เมื่อธีซุสและพวกขึ้นฝั่งที่เกาะนักซอสเพื่อพักผ่อน เช้ามืดวันรุ่งขึ้นธีซุสและพวกได้ทอดทิ้งนางอริแอดเน่ไว้แต่ลำพังบนเกาะคนเดียว โดยที่พวกตนออกเรือต่อไปยังเอเธนส์ ต่อมานางอริแอดเน่ผู้โศกเศร้า ได้มาพบรักใหม่กับเทพแบคคัสหรือโอดิซุส เทพเจ้าแห่งความสำราญและเทพแห่งเหล้าองุ่น และได้ครองรักกับเทพแบคคัสตราบจนสิ้นชีวิตของนาง