[ควินซ์]
"กูว่าพรุ่งนี้มึงไม่ต้องไปนวดแผนไทยกับกูแล้ว"
"เดี๋ยวสิ"
"ไปโรงพยาบาลตรวจสมองหน่อยเถอะ ดูท่าจะมีปัญหาแล้ว"
ผมหัวเราะเบาๆ จริงๆ แล้วอยากจะหัวเราะให้ปอดโยกอยู่เหมือนกันนะ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ ให้ไปเป็นแฟนมันเนี่ยนะ ตลกแล้ว มันคงแกล้งผมสินะ
"ไอ้ควินซ์!" นับหนึ่งหันมาถลึงตาใส่ผมเหมือนโกรธ "กูจริงจังอยู่นะ"
"กูก็จริงจังอยู่" ยิ้มอ่อนแล้วยักคิ้ว "จริงจังที่จะพามึงไปตรวจเช็กสมอง" ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นเคาะที่หัวตัวเองเบาๆ
แอบเห็นเส้นเลือดบนขมับของไอ้หนึ่งมันปูดโปนขึ้นมาวับๆ ...ดูเหมือนจะโกรธจริงๆ แล้วแฮะ แต่มันจะโมโหจะโกรธทำไม ในเมื่อมันก็แค่พูดเล่นเอง
"ฮึ่ย" พ่นลมหายใจออกมาอย่างโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากขับรถให้เร็วขึ้นเพื่อระบายความหงุดหงิด "จะกินข้าวร้านไหน!"
อ้าว นี่มันพาลนี่ครับ
"แล้วแต่มึงสิ" ผมไม่อยากเสนอเพราะดูจากอารมณ์ของนับหนึ่งแล้ว พูดอะไรไปคงไม่ถูกใจ
ขอนั่งเงียบๆ ดีกว่า
นับหนึ่งขับรถหน้าบึ้งไปตลอดทางเลย แถมยังขับกวนตีนคันอื่นปาดหน้าไปอีกหลายคันจนผมได้แต่ยิ้มอ่อนส่ายหัวไปมากับการแสดงออกแบบเด็กๆ ของนับหนึ่งและในระหว่างนั้นผมเองก็คุยแชทนัดแนะกับทางร้านนวดแผนไทยจองคิวจองห้องให้เสร็จสรรพ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีจะเห็นว่าเส้นทางที่นับหนึ่งขับมาจะเป็นทางริมแม่น้ำแล้ว อืม แถวนี้มีอยู่สองร้านประจำที่มันชอบมากินข้าว ร้านแรกเป็นร้านบนบกตั้งริมแม่น้ำ ส่วนร้านที่สองจะเป็นล่องเรือไปตามแม่น้ำและนั่งทานอาหารบนดาดฟ้าเรือ แต่ร้านที่สองต้องจองล่วงหน้าและรอบล่องเรือคือหนึ่งทุ่มครึ่งและจะกลับเข้าฝั่งตอนสี่ทุ่มครึ่ง ตอนนี้ใกล้สี่ทุ่มครึ่งแล้วก็คือเรือใกล้เข้าฝั่งและจะปิดร้านปิดครัวแล้ว
สรุปคือวันนี้คงได้ไปกินร้านแรกที่ตั้งอยู่บนบก ร้านนี้วิวสวยอาหารอร่อย
ผมคิดแบบนั้นนะจนตอนที่มาถึงทางแยก ไอ้หนึ่งกลับเลี้ยวไปทางร้านที่สอง... เดี๋ยวๆ มึงจะไปช่วยเขาเก็บร้านรึไง!
"ทำไมมาทางนี้" อดไม่ได้ที่จะถาม
"อยากมา" อ้าว กวนตีนแล้ว
"ร้านมันจะปิดแล้ว" ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเตือนอย่างหวังดี
"กูจะกินร้านนี้และร้านต้องเปิดให้กู" นับหนึ่งว่าหน้าตายและเอาแต่ใจ แววตาดดันเอาเรื่องดูท่าทางยังโกรธผมอยู่แน่ๆ แต่มันจะโกรธทำไมวะ ไม่เข้าใจ
"ร้านมันปิดแล้วหนึ่ง" ผมย้ำ
"ก็กูจะกิน"
เออ แล้วแต่มึงเลยครับ เชิญครับเพื่อน ไม่ขัดครับ
ผมยักไหล่ทำหน้าเมื่อยใส่มันแล้วนั่งเงียบๆ เล่นโทรศัพท์ไป จากนั้นไม่ถึงห้านาทีพวกเราก็มาถึงลานจอดร้านของร้านอาหารที่มีรถจอดเรียงรายเต็มไปหมดพร้อมกับลูกค้าที่เดินออกมาจากร้านอาหาร
มองเลยไปด้านหลังจะเห็นเรือริเวอร์ไซต์จอดเทียบท่าอยู่ อ้อ มันเป็นเรือสำราญที่มีสองชั้น ชั้นบนเป็นพื้นที่ดาดฟ้าและชั้นล่างเป็นห้องแอร์เย็นๆ
นับหนึ่งจอดรถในบริเวณที่ยังว่างและปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยใบหน้านิ่งๆ "ลง"
"มึงคิดจะทำอะไร" ผมถามอย่างระแวงแต่ก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ
"ตามมาเถอะ" นับหนึ่งกดปิดหลังคารถเเละกดล็อกรถ
ผมได้เเต่ถอนหายใจเเละส่ายหัวขณะเดียวกันก็เดินตามหลังร่างสูงไปติดๆ เดินจนมาถึงบริเวณหน้าร้านซึ่งมีพนักงานต้อนรับกำลังยืนส่งลูกค้าอยู่
นับหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาพนักงานด้วยท่าทางอันธพาลไม่น้อย…
"ร้านปิดแล้วครับคุณลูกค้า…" พนักงานหันมาพูดยังไม่ทันจบประโยค
"ขอคุยกับเจ้าของร้าน" พูดตัดบทด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง "ไปเรียกมา"
"คือว่า…" สีหน้าของเด็กพนักงานอึ้งไปเล็กน้อยและจะปฏิเสธ
นับหนึ่งเปิดกระเป๋าเงินเเล้วหยิบเเบงค์เทาออกมาห้าใบ "ไปเรียกมา เร็วๆ"
"…" ผม
รู้แล้วว่ารวย ไอ้เหี้ย
เด็กหนุ่มรับเงินไปแบบมึนๆ งงๆ เเล้วก็ตอบรับเดินนำไปพบเจ้าของร้าน ผมนิ่วหน้าเเล้วคว้าเเขนนับหนึ่งไว้เพื่จะถามให้รู้เรื่องว่าจะทำอะไร
"มึงจะทำอะไร หนึ่ง"
"กินข้าว ล่องเรือ" ตอบหน้าตายสนิท
"แต่ร้านจะปิดแล้ว!" ผมตอกย้ำ "แล้วเรือมันล่องเเค่วันละครั้ง"
"งั้นกูจะจ่ายเพิ่ม เหมาร้าน ล่องเรืออีกรอบ" นับหนึ่งถึงต้นเเขนตัวเองออกจากมือผมเเละเปลี่ยนมาจับมือผมเเทน
ซึ่งมันทำให้ผมเลิ่กลั่กไม่น้อย
"มึงกำลังทำอะไรอยู่กันเเน่" ทำอะไรเอาเเต่ใจเกินไปแล้ว "เหมาเรือทำไม"
นับหนึ่งหันกลับมามองผมเเล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
"เพื่อดินเนอร์กับมึงไง ควินซ์"