ศาลาริมสระบัว
"มาแล้วหรือ? มานี่เร็วเข้า"มู่ฮูหยินกวักมือเรียกลูกสะใภ้ มีสี่สหายวิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง จนนางเกรงว่าลูกสะใภ้จะสะดุดล้มลง ด้านหลังมีสองสาวใช้ตามติดและคอยมองดูทุกย่างก้าวทำให้นางคลายใจไปได้บ้าง
"แล้วอาเหวิน กับอาเฟิ่งเล่า?"มู่ฮูหยินถามหาบุตรชายคนโตและเฟิ่งอิงที่ตนก็รักเสมือนบุตรของตนเช่นกัน ร่างอวบอิ่มเยื้องย่างไม่ช้าไม่เร็วเข้ามายื่นมือออกไปจับมือเรียวขาวของลูกสะใภ้พาเดินเข้ามาในศาลาที่มีมารดาและโฉมสะคราญในอาภรณ์สีโอรสเหมาะสมตัวอย่างยิ่งในสายตาของชิงหลินยืนส่งยิ้มให้อยู่ จึงยิ้มตอบกลับไปด้วยความสุภาพดุจเดียวกับที่ได้รับ แล้วจึงก้มหน้าน้อยๆตอบแม่สามี "เห็นบอกว่ามีเรื่องหารือกับท่านพ่อทั้งสอง ป่านนี้คงอยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ"
"นางก็คือบุตรีท่านอัครเสนาบดีตู้ เจ้าจำนางได้หรือไม่?"มู่ฮูหยินพยักหน้ารับรู้แล้วกล่าวแนะนำหญิงสาวกับลูกสะใภ้
"จำได้เจ้าค่ะ ยินดีนักที่ได้พบอีกครั้งเจ้าค่ะ"ตอบแม่สามีแล้วทักทายโฉมสะคราญด้วยใบหน้ายิ้มละไม เอื้อมมือจับมือเรียวของมากุมไว้
การกระทำที่เป็นกันเองของสตรีที่ตู้เหมยฮวาแอบชื่นชมมานาน สร้างความตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยินดีปลาบปลื้มใจแก่ตู้เหมยฮวายิ่งนัก จนใบหน้างดงามแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย พลางกล่าวเสียงเบาเพราะความประหม่า "เป็นเกียรติเหลือเกิน ฮวาเอ๋อร์ชื่นชมในความกล้าหาญของหลินเจี่ยเจี่ยนับแต่งานชมบุปผาจวนเสนาบดีหานแล้วเจ้าค่ะ"
"คุณหนูกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าแค่ทำในสิ่งที่คิดว่าควรทำเท่านั้นเจ้าค่ะ"ชิงหลินหมายความตามที่กล่าวจริงๆไม่ได้จะถ่อมตัวให้ดูน่านับถือแต่อย่างใด "มีอะไรหรือเจ้าคะ?"เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางอึกอักเกรงอกเกรงใจ ราวกับมีเรื่องหนักใจ
"อา...ข้ายังมีเรื่องต้องหารือกับแม่เจ้า เจ้าสองคนคุยกันตามสบายเถิดนะ"มู่ฮูหยินกล่าวกับลูกสะใภ้แล้วส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ยืนกุมมือกันอยู่
"เจ้าค่ะ"ชิงหลินพยักหน้าเล็กน้อย มองส่งมารดาสามีและมารดาของตนด้วยรอยยิ้ม แล้วหันกลับมากล่าวกับสาวงามที่ดูจะอายุน้อยกว่าหรือสองปีตรงหน้า "เชิญนั่งเจ้าค่ะ"ผายมือเชื้อเชิญส่วนตัวเองเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามมีโต๊ะไม้เนื้อดีสูงราวฟุตเศษกั้นกลางอยู่
บนโต๊ะมีชุดถ้วยชากระเบื้องสีขาวเรียบทว่าหรูหราพร้อมและผลไม้อบแห้งสีสันสดใสชวนให้ลิ้มลองสามสี่อย่างจัดวางอย่างงดงามและประณีตอยู่
ฝ่ายสี่สหายน้อยพอเห็นหลินนั่งลงเรียบร้อยก็ตั้งท่าจะเดินเข้ามาหา แต่ถูกหลินหลินยกมือห้ามเสียก่อน ทำให้สี่สหายน้อยชะงักกึกเอียงหัวมองด้วยความสงสัย
"เช็ดเท้าให้สะอาดก่อน ไม่เช่นนั้นตักนี้คงให้เจ้านั่งไม่ได้"ชิงหลินส่งเสียงเตือนทางจิต สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่เจ้าฟานฟานตัวแสบหัวโจกจอมสร้างเรื่อง
"ฟานฟานรู้ แต่ตรงนี้ไม่เห็นมีผ้าเช็ดเท้า?"เจ้าตัวดีร้องบอกพลางหมุนตัวมองหาผ้า ส่วน ฟงฟงน้อย เป่าเปาน้อยและหมั่นโถวน้อย เลือกที่จะนอนหมอบราบกับพื้นศาลาตรงทางขึ้นอย่างสงบเสงี่ยม
"เสี่ยวอี้ เอาน้ำกับผ้าเช็ดเท้ามาที"
"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"เสี่ยวอี้พอจะเข้าใจจุดประสงค์ของฮูหยินน้อย จึงรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่รอเจ้าฟานฟานตัวดีก็ทิ้งตัวลงนอนหมอบราบกับพื้น เบื้องหน้าสามสหายน้อย ขาทั้งสี่แบะออกด้านข้างวางหัวกับพื้น ดวงตากลมเล็กสีเทาจับจ้องตักนุ่มนิ่มของหลินหลินตาละห้อย อาการคล้ายเห็นนมแพะอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินไม่ได้
คิ้วเรียวงามของตู้เหมยฮวาเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของหญิงสาวที่ตนชื่นชอบกับสี่สหายน้อยน่ารักน่าเอ็นดูแสดงต่อกัน นางได้ยินกิตติศัพท์ถึงความพิเศษที่เป็นหนึ่งหาผู้ใดเสมอเหมือนของนางอยู่อย่างต่อเนื่องจากสาวใช้ แต่ไม่เคยพบเห็นด้วยตาตนเองเช่นนี้มาก่อน ความชื่นชมที่มีอยู่เดิมเพิ่มขึ้นไปอีกหลายส่วนจนกลายเป็นนับถือ หากจะขอร้องให้มาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ไม่ทราบจะเพ้อฝันไปหรือไม่?
พอคิดมาถึงตรงนี้ร่างเล็กอรชรก็ลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา รั้งสายตาเรียวดุจหงส์จากใบหน้าหญิงสาวที่ตนเองอยากให้มาเป็นพี่สาว มองดูสาวใช้สองคนช่วยกันนำเท้าของสี่สหายน้อยจุ่มลงอ่างขนาดย่อมออกแรงขัดถูแล้วเช็ดด้วยผ้านุ่มที่ละตัวจนครบ จากนั้นมุมปากงามสีชมพูระเรื่อก็แย้มยิ้มอ่อนหวาน เมื่อเห็นจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งเดินตรงมาทางที่ตู้เหมยฮวานั่งอยู่ แทนที่จะเดินไปหาเจ้าของ
"ดูท่าเป่าเปาน้อยจะหลงเสน่ห์ความงามของน้องฮวาแล้ว"กล่าวเย้าเสียงกลั้วหัวเราะ ลูบหัวกลมๆเล็กๆโตขึ้นตามวัยของฟานฟานน้อยที่พอขึ้นมาบนตักก็ขดตัวนอนเต็มพื้นที่ จนฟงฟงน้อยกับหมั่นโถวน้อยเบียดขึ้นมาไม่ได้อย่างอ่อนโยน
ตู้เหมยฮวาได้ฟังพลันใบหน้าแดงเรื่อเอียงอาย สองมืออุ้มจิ้งจอกน้อยนามว่า เป่าเปาน้อย ขึ้นมาวางบนตักของตนแก้เขิน "หากไม่รังเกียจ ข้าขอเรียกท่านว่า...พี่สาวจะได้หรือไม่เจ้าคะ?"น้ำเสียงสั่นไหวยามกล่าว
"ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ น้องฮวา"ชิงหลินดึงมือเรียวขาวมากุมไว้บนโต๊ะ ยิ้มกว้างอวดฟันขาวจนเห็นลักยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ รอยยิ้มนั้นทำให้ตู้เหมยฮวาเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนแล้วชะงักเมื่อเห็นสายตาไม่อยากเชื่อของเสี่ยวถิงสาวใช้ ตู้เหมยฮวารีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อรู้ว่าตนทำกิริยาไม่งามไปเสียแล้ว
ห่างออกไปไม่ไกลนักบุรุษหนุ่มสองคน หนึ่งหล่อเหลางดงามราวเทพเซียน อีกหนึ่ง หล่อเหลาคมเข้ม สวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มและสีดำไร้ลวดลาย ช่วยให้ร่างสูงใหญ่ดูสง่างาม เคร่งขรึมแลดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน กำลังจับจ้องเข้าไปในศาลา ที่มีหญิงงามสองนางนั่งอยู่ หนึ่งสายตาเต็มไปด้วยเสน่หารักใคร่ อีกหนึ่งตะลึงมองในรอยยิ้มงดงามก่อนจะยกยิ้มมุมปากขบขันเมื่อเห็นนางยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าครึ่งล่าง
"ท่านมองสตรีนางใดอยู่หรือ? หวังว่าคงไม่ใช่หลินเอ๋อร์ของข้า?"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยกับบุรุษที่ยืนสองมือไพล่หลังอยู่ข้างๆ
"ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร?"เฟิ่งอิงสวนกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าคมเข้มเฉยสนิทไร้อารมณ์ แต่ถ้อยคำกลับยียวนชวนให้คนฟังมีโทสะยิ่งนัก ทำเอาเหล่าผู้ติดตามเหงื่อแตกพลั่กถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิได้นัดหมาย
อา....เหตุใดพวกท่านจึงไม่เห็นใจพวกข้าบ้างเล่า? พากันโอดครวญในใจ
"เอ่อ...ท่านแม่ทัพ นี่ก็ล่วงเข้ายามเซินแล้วขอรับ"จิ๋นอี้อาสาเป็นหน่วยกล้าตายยุติการห้ำหั่นทางสายตาและคำพูดระหว่างพี่ภรรยากับน้องเขย
"ข้ารู้แล้ว"แม่ทัพหนุ่มยอมละสายตามาก่อน ก้าวตรงไปยังศาลาริมสระบัว
เฟิ่งอิงแค่นเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง แล้วก้าวตามไปเพื่อล่ำลาน้องสาวบุญธรรมกลับจวนสกุลชิง
"รบกวนพี่สาวนานแล้ว น้องคงต้องขอลากลับเสียทีเจ้าค่ะ"ตู้เหมยฮวากล่าวเมื่อสายตาเหลือบเห็นท่านแม่ทัพมู่กับคุณชายท่านนั้นเดินตรงมา
"จวนแม่ทัพยินดีต้อนรับน้องฮวาเสมอเจ้าค่ะ"ชิงหลินยิ้มตอบจริงใจนางรู้สึกชอบสาวน้อยคนนี้จริงๆ หน้าตางดงาม วาจาอ่อนหวาน กิริยาอ่อนช้อย ที่สำคัญคือ ทุกคำที่พูดล้วนออกมาจากใจใช่เสแสร้งแกล้งทำหวังผลประโยชน์อย่างที่พบเจอในยุคสมัยนี้
ส่วนที่รู้ได้อย่างไรนั้น ไม่ใช่ความช่างสังเกตของนางคนเดียว แต่ยังได้รับการยืนยันจากปากสี่สหายน้อยครั้งที่หนีออกไปเที่ยวนอกจวนเมื่อเช้านี้ ว่านางใจดีช่วยซื้อนมแพะที่สี่สหายน้อยชื่นชอบให้กินจนอิ่มหนำแล้วยังช่วยพามาส่งถึงที่อีกด้วย "พี่เหวิน พี่ใหญ่"ลุกขึ้นทักทายสามีและพี่ชายบุญธรรม
"ระวังหน่อย"แม่ทัพหนุ่มรีบเข้ามาประคองร่างเล็กและส่งเสียงเข้มกำชับ
"เหมยฮวาคารวะแม่ทัพมู่ คุณชายชิง"ตู้เหมยฮวายอบกายคารวะมู่หลิ่งเหวิน เสร็จก็ค้อมศีรษะพองามให้เฟิ่งอิง ใบหน้างดงามแดงเรื่อยามช้อนสายตาขึ้นสบเข้ากับดวงตาคมเรียวดุที่มองมา
"จริงสิ...พี่ใหญ่"ชิงหลินหันมาทางเฟิ่งอิง
"อะไรรึน้องเล็ก?"เฟิ่งอิงยิ้มบางให้น้องสาวบุญธรรม
"นี่ก็จวนค่ำแล้ว หนทางอันตราย รบกวนพี่ใหญ่ไปส่งน้องฮวากลับจวนท่านอัครเสนาบดีได้รึไม่?"
ตู้เหมยฮวาที่ก้มหน้าต่ำเงยใบหน้างดงามขึ้นมองพี่สาวหมาดๆด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะเหลือบมองบุรุษที่ถูกอ้างถึงแล้วต้องรีบหลบตาก้มหน้าลงดุจเดิม ใบหน้างดงามที่ยังไม่ทันหายแดงเพราะความเขินอายกลับมาแดงระเรื่ออีกครั้งแอบลุ้นให้เขาตอบตกลง
"ได้ เชิญคุณหนูตู้"เฟิ่งอิงตอบรับเสียงเรียบครั้นล่ำลาเรียบร้อยก็เดินนำตู้เหมยฮวาออกไปยังประตูด้านหน้าจวนเพื่อกลับจวนอัครเสนาบดีต่อไป
"หลินเอ๋อร์"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่เพียงลำพัง
"เจ้าคะ?"
"เจ้าคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างไร?"
"อยากช่วยเจ้าค่ะ แต่เกรงว่าจะทำให้พี่เหวินและครอบครัวเดือดร้อน"
"รู้ก็ดีแล้ว พี่สั่งให้จัดที่พักชั่วคราวให้คนเหล่านั้น พรุ่งนี้พี่จะเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทให้ช่วยทูลเรื่องนี้และหาหนทางช่วยเหลือต่อไป"
"แต่ปัญหาเฉพาะหน้ายามนี้คือ ภาวะการขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ ที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน หลินเอ๋อร์พอมีหนทางช่วยอยู่ โดยที่หลินเอ๋อร์ไม่ต้องเดินทางไปให้ลำบาก พี่เหวินเห็นว่าอย่างไร?"
"ใช้ปราณพลังจิต?"
"ถูกต้องเจ้าค่ะ"
"อย่างไร? แล้วจะกระเทือนถึงทายาทที่อยู่ในครรภ์หรือไม่?"แม่ทัพหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงเจือความกังวลใจ
"ไม่หรอกเจ้าค่ะ ว่าแต่ยามนี้ท่านให้พวกเขาพักอยู่ที่ใด?"ชิงหลินรู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีนัก ที่ได้มาพบสามีที่รักและห่วงใยมากถึงเพียงนี้ แม้ตอนแรกจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าก็เถอะ
"ศูนย์สำหรับผู้ลี้ภัยต่างแคว้น ฝ่าบาทโปรดให้จัดตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ตามคำทูลเสนอของท่านพ่อ ที่พบว่ามีผู้ลี้ภัยต่างแคว้นเข้ามาแคว้นฉีของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกรงว่าอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดี ฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุจลาจลได้"อธิบายอย่างใจเย็น หย่อนกายนั่งลงแล้วดึงรวบร่างเล็กมานั่งบนตักแกร่ง ไม่ใส่ใจสายตาบ่าวไพร่และองครักษ์ที่ก้มหน้ารอรับคำสั่งอยู่นอกศาลา
"ปล่อยเจ้าค่ะ ข้านั่งไม่ถนัด"กระซิบเสียงเบา ดวงตากลมโตเหลือบมองบ่าวไพร่ที่ยืนอยู่นอกศาลายังดีที่พวกเขาก้มหน้ากันอยู่จึงค่อยเบาใจหน่อยกระนั้นก็ยังอายอยู่ดี
"อือ...เหตุใดเจ้าชอบขัดใจพี่นัก ภรรยาที่ดีต้องเชื่อฟังสามีมิใช่?"แม่ทัพหนุ่มแย้งเบา สองแขนแกร่งโอบเอวคอดกิ่วประสานมือกันที่หน้าท้องแบนราบ วางคางสากบนไหล่เล็ก หลุบตาลงสูดกลิ่นหอมเฉพาะจากกายนางที่โชยเข้ามาแตะจมูกอย่างไม่รู้เบื่อ
"ข้ารู้...แต่ตามความเห็นข้า เมื่อเห็นสามีกำลังจะกระทำสิ่งที่ไม่ดี หรือไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ภรรยาที่ดีก็ควรช่วยเตือนสติสามี ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนยากจะแก้ไข"แย้งอย่างมีเหตุผล
"หลินหลิน"ฟานฟานน้อยส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ พวกมันยังอยู่ตรงนี้นะ หลินหลินลืมไปแล้วหรือ? มันคิดอย่างน้อยใจ
"มีอะไรหรือฟานฟาน?"
"ฟานฟานง่วงแล้ว หลินหลินพาฟานฟานไปนอนที"เจ้าพยัคฆ์น้อยว่าพลางเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าวางเท้าขวาบนท่อนขานุ่มนิ่ม เงยหัวกลมๆเล็กๆส่งสายตาออดอ้อนซึ่งเป็นการกระทำที่มันคิดว่าน่าเอ็นดูที่สุดในสายตาของหลินหลิน
ฟงฟงน้อย เป่าเปาน้อยและหมั่นโถวน้อยได้แต่มองตาปริบๆไม่เข้าใจ นี่พึ่งจะเข้ายามเซิน อาหารเย็นก็ยังมาไม่ถึงเหตุใดหัวหน้าถึงง่วงนอนเสียแล้วเล่า?
"นมแพะมากเท่าที่ต้องการ"ดวงตาคมทรงเสน่ห์หลุบมองดวงตากลมเล็กสีเทาของเจ้ามารน้อย ส่งเสียงลอยๆทางจิต
เจ้าพยัคฆ์น้อยชะงักกึก เมื่อได้ยินคำว่า นมแพะเท่าที่ต้องการ ภาพนมแพะหอมกรุ่นผุดเข้ามาในหัวกลมๆเล็กๆ จนน้ำลายไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง หยดลงบนหลังเท้าของตนและอาภรณ์ของหลินหลิน
"แลกกับอย่ารบกวนจนกว่าจะถึงอาหารเย็น"แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน
"เฮอะ!"ฟานฟานน้อยดึงเท้ากลับ แค่นเสียงทางจิตออกมาคำหนึ่ง แล้วหมุนตัวไปทางสามสหายน้อยที่ยืนเรียงแถวรออยู่
"หัวหน้า ท่านคุยอันใดกับเหวินเหวินหรือ?"หมั่นโถวน้อยถามทันที
"....เจ้านั่น ขอให้พวกเราไปเดินเล่นที่อื่น จนกว่าจะถึงอาหารเย็น"เจ้าพยัคฆ์ตอบห้วนๆ
"แล้วเจ้ายอม?"ฟงฟงน้อยถามน้องชาย
"..."ฟานฟานน้อยผงกหัวตอบ
"แลกกับสิ่งใด?"เป่าเปาน้อยถามถึงสิ่งแลกเปลี่ยนทันทีด้วยรู้นิสัยของหัวหน้า ว่าหากไม่มีสิ่งใดแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว อย่าหวังว่าจะผละจากโดยง่าย
"นมแพะมากเท่าที่ต้องการ"นั่นอย่างไรเล่าว่าแล้วเชียว สามสหายน้อยลอบถอนใจรู้สึกอับอายแทนกับความเห็นแก่กินของหัวหน้ายิ่งนัก
"อะไร? พวกเจ้าคิดจะคัดค้านการตัดสินใจของข้ารึ?"สามสหายน้อยส่ายหัวเร็วๆอย่างพร้อมเพรียง ด้วยรู้ดีว่าคัดค้านไปก็เท่านั้นอีกอย่างพวกมันก็อยากโตเร็วๆจะได้มีพลังเพิ่มมากขึ้น และคอยดูแลหลินหลินได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย หัวหน้าแก๊งฟานฟงเป่าโถว นามว่า ฟานฟานน้อย ก็หันมาจ้องเขม็งใส่แม่ทัพหนุ่ม เชิดหัวยืดตัวขึ้นตอบรับข้อเสนอทางจิต "เห็นแก่หลินหลิน ข้าจะยอมให้อีกครั้ง"
"คำไหนคำนั้น"แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มตอบกลับทางจิต
"พอกันทั้งท่าน ทั้งเจ้าตัวแสบ"ชิงหลินเอ่ยหลังจากสี่สหายน้อยวิ่งออกไปจากศาลาแล้ว
"หือ?..เจ้ากล้าเทียบพี่กับเจ้ามารน้อยน่าตาย?"แม่ทัพหนุ่มตัพ้อพลางซุกจมูกเข้ากับลำคอระหง
"อุ๊ย...อยู่นิ่งๆได้ไหมเจ้าคะ?ว่าพร้อมกับย่นคอหนี ขนในกายพร้อมใจกันลุกพรึ่บ!กับการหยอกเย้าของสามี
"อา...ยากยิ่งนัก ผู้ใดให้เจ้าหอมกรุ่นไปทั้งตัวเช่นนี้เล่า?"
"หากท่านไม่หยุด ข้าจะหนีไปอยู่กับท่านพญาหงส์เพลิงเสีย...."ได้ผลร่างแกร่งชะงักนิ่ง ต่อมาก็เกิดอาการสั่นเล็กน้อย
"..อุ๊ย..ว้าย..แหก!"ร้องเสียงดังด้วยความตกใจ สองแขนโอบรอบคอเขาอย่างลืมตัว เมื่อถูกอุ้มในท่าเจ้าหญิง ดวงตากลมโตมองใบหน้าเครียดขรึมของสามีก็ได้แต่ร่ำร้องในใจว่า แย่แล้ว! "เอ่อ...พี่เหวิน..."ลองเรียกสามีแต่เขาเพียงหลุบตามองแวบเดียวเท่านั้น ในขณะที่เท้าทั้งสองก็ก้าวฉับๆตรงไปยังเรือนที่พักของตนและนาง "หลินเอ๋อร์พูดเล่นอย่าโกรธได้หรือไม่?"กล่าวพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นมองแต่เขากลับไม่ยอมมองจึงใช้นิ้วมือไล้วนบริเวณอกแกร่งข้างซ้ายผ่านอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มเรียกร้องความสนใจ
แต่แม่ทัพหนุ่มยังคงมองไปข้างหน้าสองเท้าก้าวอย่างมั่นคงหนักแน่น ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สากับการหยอกเย้าของนาง แต่ใครเลยจะรู้ว่านิ้วซุกซนที่ไล้วนแถวยอดอกผ่านอาภรณ์หนา กระตุ้นความปรารถนาของตนได้เป็นอย่างดี จนแทบจะหลุดครางออกมา
"อย่าโกรธเลยนะพี่เหวินคนดี"เริ่มรุกหนักขึ้นกว่าเดิมผละมือจากอกแกร่งแล้วสอดมือเข้าไปตรงสาบเสื้อที่แบะออก สัมผัสผิวเนื้อหนั่นแน่นตึงเปรี๊ยะโดยตรง ช้อนตามองปฏิกิริยาของสามีเห็นยังนิ่ง
"อุ๊ก!..เจ้าโจรราคะน้อย...หยุดมือบัดเดี๋ยวนี้"ร่างแกร่งสะท้านเฮือกขู่เสียงเข้มต่ำและสั่นพร่าเล็กน้อย ดวงตาคมทรงเสน่ห์หลุบมองมือซุกซนที่ยังคงลูบไล้ยอดอกตนไม่หยุดสร้างความเสียวซ่านแก่ร่างแกร่งจนแทบจะทนไม่ได้ ครั้นจะหยุดมือซุกซน มือทั้งสองข้างก็ดันไม่ว่าง กว่าจะถึงเรือนยังเกือบหนึ่งเค่อ หากไม่ปรามนางเห็นทีตนคงแย่
"ไม่หยุด...จนกว่าท่านจะพูดว่า หายโกรธแล้ว"เชิดหน้าตอบยิ้มๆ ดวงตากลมโตมองสบดวงตาคมทรงเสน่ห์อย่างท้าทาย มือน้อยยังคงซุกซนไม่หยุดจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ขาดช่วงและร่างกายกระตุกเกร็งเป็นระยะๆยามที่มือวนไล้ยอดอกของเขา แม้จะรู้ว่าน่าอาย แต่จะเป็นไรไปในเมื่อเขาเป็นสามีของนาง ลวนลามสามีไม่ผิดกฎหมายเสียหน่อย
"ฮึ่ม เจ้านี่มัน..."แม่ทัพหนุ่มสูดลมเข้าแรงแค่นเสียงรอดไรฟันอย่างอับจนถ้อยคำมาแย้งนางได้
"ว่าอย่างไรเจ้าคะ?
"...ได้ พี่หายโกรธเจ้าแล้ว...พอใจหรือไม่?"
"แม่ทัพ พูดคำไหนคำนั้น"
"คำไหนคำนั้น"แม่ทัพหนุ่มถอนใจแรงให้นางได้ยิน แล้วกล่าวย้ำอีกครั้ง
"สามีใครน้า น่ารักจริงเชียว"กล่าวพลางรั้งใบหน้าหล่อเหลาของสามีลงมาแล้วจุมพิตเร็วๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะซุกใบหน้ากับอกแกร่งเอียงอาย
"....เจ้านี่นะ"แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มกล่าวเสียงนุ่ม กระชับร่างเล็กแน่นเข้าความขุ่นเคืองใจมลายหายไปจนสิ้นเพียงจุมพิตเดียวของนาง
ความจริงไม่รู้สึกโกรธเคืองนางจนนิดเดียว กลัว คือคำเดียวที่อยู่ในใจ เพียงแค่นางเอ่ยใจก็คล้ายถูกกระชากอย่างรุนแรงจากมือที่มองไม่เห็น หากมีอันต้องจากกันจริงๆตนไม่ตายหรือ? คิดพลางลอบถอนใจ ดวงตาคมทรงเสน่ห์ปรากฏระลอกคลื่นความหวาดหวั่นใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน