webnovel

1297 ความมุ่งมั่นของเสี่ยวเตี๋ย

ตอนที่ 1297 ความมุ่งมั่นของเสี่ยวเตี๋ย

ในกระท่อม ทั้งสองยังสนทนากันอยู่

“แสดงว่าแบร์รี่กับเสี่ยวเมียวอยู่บนเกาะแห่งเวลา ขณะเสริมสร้างพละกำลังตัวเองด้วยวิธีธรรมดา พวกเขาก็ได้มุ่งสู่ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคตงั้นหรือ” เสี่ยวเตี๋ยถาม

“ใช่” กู่ฉิงซานตอบ

“เจ้ากลับมายังช่วงเวลาที่หุบเหวนิรันดร์และโลกวิญญาณชั่วร้ายเพิ่งเริ่มต่อสู้กัน จนกระทั่งมาที่เมืองแห่งความว่างเปล่าเพื่อหาทางลอบเข้าไปในโลกวิญญาณชั่วร้ายอย่างนั้นสินะ” เสี่ยวเตี๋ยถาม

“ใช่ ไม่มีอะไรปกปิดจากเจ้าได้เลย ยังไงซะ มันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้ เกาะกำลังลอยอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้” กู่ฉิงซานกล่าว

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวด้วยสีหน้ากังวลว่า “หืม คนในโลกวิญญาณชั่วร้ายอยากจัดการกับโลกเก้าร้อยล้านชั้น แบร์รี่และเสี่ยวเมียวจะต้องสู้กับพวกเขาอย่างแน่นอน… แต่พละกำลังของโลกวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไป มันช่างเป็นปัญหาจริง ๆ ”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

เขาผ่อนคลายมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเตี๋ย ทำให้ไม่กล่าวคำโป้ปดสักครั้ง

…อีกฝ่ายถึงขั้นทิ้งสัญลักษณ์แห่งการช่วยชีวิตไว้ให้ อีกทั้งยังเคยช่วยเขาเอาไว้หนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องราวเหล่านี้

เสี่ยวเตี๋ยครุ่นคิดสักพัก จากนั้นสายตาของนางจับจ้องกู่ฉิงซานแล้วถามว่า “เจ้าเติบโตขึ้นมาก แถมยังอยากรับมือกับโลกวิญญาณชั่วร้าย… ข้าลืมถามเจ้าไปเลย เจ้าอยู่ในเมืองแห่งความว่างเปล่าด้วยตัวตนอะไรหรือ”

“ข้าคือนักฆ่าในสมาคมนักฆ่าน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวอย่างเหยียดหยันทันทีว่า “หืม กลายเป็นว่าอยู่กับสมาคมนักฆ่าสินะ องค์กรที่มีชื่อเสียงนั่นน่ะ”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออก

…ชื่อเสียงหอคอยปีศาจของเจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเสียหน่อย

ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เสี่ยวเตี๋ยกล่าวว่า “น่าเสียดาย เจ้าคือเผ่าพันธุ์มนุษย์บริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้น ข้าจะต้องให้เจ้ามาอยู่หอคอยปีศาจในฐานะผู้ช่วยอาจารย์แล้ว ถ้าแบบนี้ คนในโลกวิญญาณชั่วร้ายจะไม่กล้ามายั่วโมโหเจ้า”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้พละกำลังของเจ้าอยู่ระดับไหนหรือ”

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้หรอก ข้าต้องเข้าชั้นเรียนทุกวัน ข้าต้องคอยดูแลเด็ก ดังนั้นพละกำลังของข้าจึงแข็งแกร่งกว่าเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

กู่ฉิงซานยังคงพูดไม่ออก

“…แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพละกำลังหรอก เพราะโลกวิญญาณชั่วร้ายหวาดกลัวที่จะยั่วโมโหพวกข้าอยู่แล้ว” เสี่ยวเตี๋ยกล่าวต่อ

กู่ฉิงซานถึงขั้นสงสัยยิ่งกว่าเดิมก่อนถามว่า “ทำไมล่ะ”

“จ้าวหอคอยของพวกข้าคือผู้กลืนกินความว่างเปล่าเลื่องชื่อ รองจ้าวหอคอยมีชิ้นส่วนโลกวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากอยู่กับมือด้วย” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

กู่ฉิงซานตกตะลึงก่อนพึมพำว่า “หรือว่า… นี่เป็นภัยคุกคาม”

“ใช่ ทันทีที่คนของโลกวิญญาณชั่วร้ายไร้มารยาท จ้าวหอคอยของพวกข้าจะกินชิ้นส่วนของโลกเข้าไป แบบนี้ ต่อให้สักวันเขาจะแสดงความเมตตาจนดึงชิ้นส่วนเหล่านั้นออกมา แต่ชิ้นส่วนเหล่านั้นจะเต็มไปด้วยมลทินชั่วนิรันดร์ พลังไม่สามารถถูกลบล้างได้” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

“ถ้าวิถีวิญญาณชั่วร้ายหลอมรวมกับชิ้นส่วนของโลก มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เสี่ยวเตี๋ยตอบอย่างมีชัยว่า “ทั่วโลกวิญญาณชั่วร้ายจะส่งกลิ่นเหมือนขี้ออกมา โรคระบาดและโรคร้ายจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทั่วโลก สถานการณ์นี้จะไม่ค่อย ๆ หายไปจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งร้อยล้านปี”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออกอีกครั้ง

วิธีกักกันแบบนี้มันช่าง…

ทั้งน่าทึ่งและน่าตกตะลึง

ถ้ามองในมุมของโลกวิญญาณชั่วร้าย…

โลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นขี้ที่อยากพิชิตหวนคืนชาติภพหกวิถี นี่มันเรื่องตลกอะไรไม่ทราบ

ใครจะไปยอมเชื่อฟังพวกเขา

ไม่สงสัยเลยว่าช่วงที่ชายชราเห็นเสี่ยวเตี๋ยตอนที่อยู่ในบาร์ เขาจึงทำได้เพียงขอโทษเท่านั้น

กู่ฉิงซานเอามือทาบอักขระสัมผัสสัญลักษณ์

จะว่าไปแล้ว เขาไม่เคยถูกสังหารอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง

วิญญาณออกจากร่างคือการแกล้งตาย

ตอนเดินทางไปยุคโบราณ หลินซ่อนสามเหรียญเอาไว้ข้างกายเพื่อเตรียมไว้ช่วยตัวเองทุกเมื่อ

เหตุผลที่ทำไมเขาสามารถรอดการต่อสู้หลายครั้งจนถึงที่สุดได้นั้นก็เพราะความตายเป็นตัวกระตุ้นศักยภาพอันมากล้น

นี่คือทางลัดที่แท้จริงสำหรับนักสู้ที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวเตี๋ย ข้ามีบางอย่างจะขอเจ้า”

“อะไรหรือ”

“ช่วยเอาสัญลักษณ์นี้ออกไปที” กู่ฉิงซานตอบ

“หืม เจ้าไม่อยากได้ของมีประโยชน์หรือ” เสี่ยวเตี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้การทำงานของมัน แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้ว… หากข้าสู้กับคนอื่นในอนาคต ข้าจะคิดเสมอว่าตัวเองมีชีวิตสำรองอยู่ ทำให้ไม่สนใจในการต่อสู้” กู่ฉิงซานตอบ

เสี่ยวเตี๋ยเอียงศีรษะขณะมองเขาสักพัก จากนั้นยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใจดีขนาดนี้”

นางยื่นมือออกไปก่อนยกขึ้น ผีเสื้อแวววาวปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วของนาง

“ไป ไปบอกไป่จื๋อว่าครอบครัวของข้าอยู่ที่นี่ ข้าอยากมอบสิ่งนั้นให้ครอบครัว ถามเขาด้วยว่ามันใช้งานได้หรือเปล่า”

ผีเสื้อสยายปีกก่อนบินเข้าไปในความว่างเปล่าแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ

ไม้ชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเสี่ยวเตี๋ย เสียงหยาบกร้านดังมาจากไม้

“ครอบครัวเจ้าหรือ ใช่สามีของเจ้าหรือเปล่า”

“ไม่ใช่” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

เสียงดังกล่าวผ่อนคลายเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นครอบครัวของเจ้า ถ้างั้นก็มอบใบรับรองให้หน่อยแล้วกัน ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกอย่างนะ เสี่ยวเตี๋ย ข้ารักเจ้า ความรักของข้าเหมือนกับหมู่ดาวในวันนั้น…”

“พอน่า” เสี่ยวเตี๋ยขัดเสียงนั่น “ยิ่งหมู่ดาวอยู่ไกลจากข้าเท่าไหร่ เจ้าก็อยู่ไกลจากข้าเท่านั้น”

นางฟาดไม้ใส่อีกฝ่ายโดยตรง

“ก็ได้ ดูท่าใบรับรองน่าจะมอบให้เจ้าได้”

เสี่ยวเตี๋ยหยิบคัมภีร์ออกมาอย่างไม่ใส่ใจ วางไว้บนโต๊ะแล้วผลักไปที่ด้านหน้ากู่ฉิงซาน “ข้าจะเก็บสัญลักษณ์ไว้ แต่เจ้าต้องรับสิ่งนี้ด้วย”

“นี่คืออะไรน่ะ” กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็น

เขามองคัมภีร์ที่เขียนข้อความไร้สาระเอาไว้แถวหนึ่ง

“ใบรับรองของหอคอยปีศาจยามมีปัญหา”

มีคำอธิบายขนาดเล็กอยู่ด้านล่าง

“เจ้าของใบรับรองนี้คือนักเรียนหรือสมาชิกครอบครัวของหอคอยปีศาจ หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น โปรดดูแลทุกคนและมอบความกล้าที่แสนอบอุ่นให้”

กู่ฉิงซานมองใบรับรองนี้ก่อนนึกย้อนกลับไปช้า ๆ

สมควรโดนฟาดแล้วจริง ๆ

แต่ถ้านี่คือทัศนคติจริง ๆ ถ้างั้นก็สามารถอธิบายปัญหาได้

ต้องใช้พละกำลังเท่าไหร่ถึงจะได้รับความกล้าที่แสนอบอุ่นจากอีกฝ่ายหลังจากเกิดปัญหาขึ้น

“…เดี๋ยวนะ รองจ้าวหอคอยของเจ้า… รวบรวมชิ้นส่วนของโลกที่แต่ละองค์กรตั้งอยู่ใช่หรือเปล่า” เขาถาม

“เจ้าฉลาดมาก” เสี่ยวเตี๋ยชม

“แต่บางโลกสมบูรณ์แล้ว มันก็จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าชิ้นส่วนน่ะสิ” กู่ฉิงซานกล่าว

“พวกข้าจะลอบเลือกชิ้นส่วนบางส่วนจากแหล่งกำเนิดโลกที่สมบูรณ์แล้วก่อนนำกลับมา” เสี่ยวเตี๋ยกล่าว

“พละกำลังของหอคอยปีศาจมีมากกว่านั้น แค่กินชิ้นส่วนโลกและทำอะไรแบบนั้นก็ไม่สามารถโน้มน้าวทุกคนได้เสมอไปหรอกนะ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจัง

เสี่ยวเตี๋ยนั่งตัวตรงแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แน่นอน พวกข้าคือสัตว์ประหลาดอันดับต้น ๆ ในวังวนความว่างเปล่า พวกข้าทุกคนเข่นฆ่าทั่วโลกในอดีต แต่ตอนนี้มีหลายคนแก่ชรามากแล้ว เพื่อรุ่นอนาคต ทุกคนจึงร่วมมือกันแล้วก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กในเมืองแห่งความว่างเปล่า… ไม่สิ ต้องเรียกว่าหอคอยปีศาจถึงจะถูก”

“ไม่สู้อีกแล้วหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ข้าก็แก่แล้ว อารมณ์ร้อนก็เบาลงไปมาก ทั่วทุกหนแห่งก็ไม่มีศัตรูอีกต่อไป ขอแค่วันสิ้นโลกยังไม่มาเยือน แค่ทำงานและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็พอ” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

นางยื่นมือออกไปกดหน้าอกกู่ฉิงซานเพื่อนำสัญลักษณ์ออกก่อนเอาเก็บเข้าแขนเสื้อ

“ข้าเอาสัญลักษณ์กลับไปหาลูกก็แล้วกัน ดังนั้นเมื่อเขาไปวังวนความว่างเปล่าเพื่อทำการฝึกฝน ข้าก็จะไม่ต้องกังวลอะไร”

ดวงตาของกู่ฉิงซานขยับ

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านเสียสัญลักษณ์ที่นางให้มา ทำให้ท่านเสียโอกาสฟื้นคืนชีพหลังจากตายไปแล้ว”

กู่ฉิงซานสัมผัสมันเงียบ ๆ ก่อนกล่าวกับตัวเองว่า “อืม ในที่สุดความรู้สึกนี้ก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอย…”

เสี่ยวเตี๋ยชำเลืองมองเขาก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“ในที่สุดข้าก็ไม่ได้มองคนผิดไป… ส่วนเรื่องที่เจ้าจะจัดการกับโลกวิญญาณชั่วร้าย ข้าถึงกับสามารถบอกเจ้าได้แค่ว่าการเข้าโลกดังกล่าวเป็นอะไรที่ยากมาก”

“ข้าเข้าใจ” กู่ฉิงซานกล่าว “ข้ากำลังจะเลื่อนขั้นเป็นระดับ ‘ไร้หนทาง’ ในสมาคมนักฆ่า จากนั้นก็จะไปรับภารกิจลอบสังหารที่โลกวิญญาณชั่วร้าย”

เสี่ยวเตี๋ยส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นไปไม่ได้ สมาคมนักฆ่าจะไม่สามารถทะลวงวิชาป้องกันของเหตุและผลในโลกวิญญาณชั่วร้ายได้ พวกเขาทำได้เพียงรุกรานได้มากสุดหนึ่งชั่วโมง จากนั้นจะถูกบังคับให้เคลื่อนย้ายพริบตาออกมา”

นางกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “โลกวิญญาณชั่วร้ายคือโลกที่พิเศษที่สุด ข้าเดาว่าพวกเขาซ่อนความลับอันน่าทึ่งเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมให้คนนอกทะลวงเข้าอาณาเขตของตัวเอง”

กู่ฉิงซานประหลาดใจ

แค่หนึ่งชั่วโมงงั้นหรือ

ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากทำภารกิจลอบสังหารให้เสร็จสิ้น

อยากจะคิดหาทางอื่นหรือ…

เสี่ยวเตี๋ยยืนขึ้น เดินกลับไปกลับมาในห้องสักพัก จากนั้นพลันนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกู่ฉิงซานแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“เจ้าอยากไปทำอะไรในโลกวิญญาณชั่วร้าย”

“ฆ่าพวกมัน” กู่ฉิงซานตอบ

เสี่ยวเตี๋ยเงียบสักพักก่อนโบกมือเพื่อสร้างกำแพงกั้นเสียงในห้องขึ้นมา

นางคล้ายกับตัดสินใจได้ก่อนกล่าวว่า

“แบร์รี่และเสี่ยวเมียวล้วนเป็นผู้มีพระคุณของข้า เจ้าเองก็เป็นคนดีเหมือนกัน แบบนี้ ข้าต้องหาทางช่วยเจ้าลอบเข้าไปในโลกวิญญาณชั่วร้าย แต่เจ้ายังต้องพยายามอย่างหนักในส่วนตรงนี้ด้วย อย่างน้อยก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขขั้นต่ำ”

กู่ฉิงซานมีกำลังใจขึ้นมาก่อนถามว่า “มีวิธีอะไรหรือ แล้วข้าต้องทำอะไรบ้าง”

เสี่ยวเตี๋ยมองเขาแล้วตอบว่า “เจ้าคือผู้ใช้ดาบและนักฆ่า แถมเจ้าเชี่ยวชาญการทำอาหารกับความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย ข้าจำได้ว่าเจ้าเปลี่ยนตัวตนได้หลายหลากที่โลกลอยฟ้า”

“ใช่” กู่ฉิงซานกล่าว

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน เจ้าต้องไปถึงนักฆ่าระดับเลื่องชื่อภายในหนึ่งเดือน… นี่คือเงื่อนไขขั้นต่ำ”

“หนึ่งเดือนหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวว่า “ใช่ หากเจ้าทำตามเงื่อนไขนี้ได้ แนวทางของข้าก็จะได้ผล ถึงตอนนั้นข้าจะพยายามช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ได้ ข้าจะทำ”

...............................................