webnovel

1282 ผลแห่งร่องรอยชะตากรรม

ตอนที่ 1282 ผลแห่งร่องรอยชะตากรรม

โลกคู่ขนานที่เก้า

“สุสาน วันสิ้นโลก เอาสิ ไปกันเลย” กู่ฉิงซานคนหนึ่งกล่าว

โลกคู่ขนานที่สิบ

“ข้าล่ะอยากเจอความท้าทายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” กู่ฉิงซานอีกคนกล่าว

โลกคู่ขนานที่สิบเอ็ด

“จะว่าไปแล้ว ใครในกลุ่มพวกเราที่ประสบกับสิ่งเหลือเชื่อแบบนั้น” กู่ฉิงซานอีกคนถาม

กู่ฉิงซานจำนวนมากหันศีรษะมามองกู่ฉิงซานดั้งเดิมผู้มาจากสุสานขนาดใหญ่พร้อมกับถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพเอาไว้

“อา เจ้างั้นหรือ” กู่ฉิงซานคนนั้นถาม

“ข้าเอง ทำไมหรือ” กู่ฉิงซานดั้งเดิมถาม

กู่ฉิงซานคนนั้นมองกู่ฉิงซานรอบข้างแล้วกล่าวว่า “เจ้า… ดูแข็งแกร่งที่สุดเลยนะ”

กู่ฉิงซานดั้งเดิมยิ้มแล้วถามกลับว่า “เจ้าอยากไปกับพวกข้าไหมล่ะ”

“แน่นอน”

โลกคู่ขนานที่ยี่สิบเก้า

กลุ่มกู่ฉิงซานยืนอยู่บนหน้าผาขณะล้อมหลุมศพเอาไว้

“ข้า… ตายในโลกนี้งั้นหรือ” กู่ฉิงซานคนหนึ่งพึมพำ

เซี่ยเต้าหลิงตอบว่า “ไม่ใช่ตาย สิ่งที่เจ้าสัมผัสได้คือกลิ่นอายความตายต่างหาก กลิ่นอายความตายนี้มาจากวิถียมโลก ข้าบังเอิญรู้มานิดหน่อยน่ะ”

นางดึงแส้ออกมาก่อนฟาดใส่หลุมศพ

ตูม!

หลุมศพเกิดรอยร้าวจนแยกออก

ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากหลุมศพ

บุหรี่อยู่ในปาก ปากกาอยู่ในมือด้ามหนึ่ง กองกระดาษจดหมายอยู่ในมืออีกข้าง เขากล่าวอย่างหงุดหงิดว่า

“อะไรกัน ทำไมถึงมีคนมารบกวนข้ามากขนาดนี้!!!”

ผ่านไปสักพัก

“นั่นแหละ” กู่ฉิงซานอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“โห… ข้าเต็มใจไป รอข้าก่อน ขอจบย่อหน้าสุดท้ายนี้ก่อน”

เขารีบเขียนย่อหน้าสุดท้ายก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เจ้ากำลังเขียนอะไรน่ะ” กู่ฉิงซานคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซานคนนั้นตอบว่า “ชะตากรรม สิ่งที่ข้าโหลดแตกต่างจากพวกเจ้า มันไม่ใช่ทั้งบัญญัติหรือความโกลาหล แต่เป็นพลังกฎเกณฑ์ดั้งเดิมแห่งชะตากรรมในประตูโลก ความสามารถนี้คือพลังใหม่เอี่ยมที่ข้าได้รับหลังจากทิ้งบัญญัติและความโกลาหล: ผลแห่งร่องรอยชะตากรรม”

“พลังนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง” กู่ฉิงซานคนหนึ่งถาม

“สิ่งที่ข้าเขียนลงไป ตราบที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยชะตากรรมจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน” ชะตากรรมกู่ฉิงซานตอบ

สามารถกำหนดชะตากรรมได้โดยตรงเลยหรือ

นี่มันช่างเหลือเชื่อนัก!

กู่ฉิงซานทุกคนตกตะลึง

กู่ฉิงซานถือปากกาและกระดาษเอาไว้ เขามองรอบข้างแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ช่างน่าสนใจ ในหมู่พวกเจ้า คนที่ถือดาบยาวแปลกประหลาดสองเล่มแข็งแกร่งที่สุด แต่พอมาเจอกับข้าผู้รู้ชะตากรรมมากที่สุด เจ้าก็ไม่เท่าไหร่หรอก”

กู่ฉิงซานผู้ถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพไว้กล่าวว่า “ในกรณีนั้น ช่วยเขียนอะไรแบบนี้ที: ผู้ช่วยเหลือของกู่ฉิงซานจากโลกคู่ขนานประสบความสำเร็จในการป้องกันการบุกทะลวงของวันสิ้นโลกนับไม่ถ้วนในสุสานใหญ่ของถ้ำหมื่นอสูร”

“ได้” ชะตากรรมกู่ฉิงซานกล่าวอย่างเรียบง่าย

ภายใต้สายตาทุกคู่ของกู่ฉิงซาน เขาเขียนบนกระดาษสีขาวอย่างรวดเร็ว “ผู้ช่วยเหลือของกู่ฉิงซานจากโลกคู่ขนานประสบความสำเร็จในการป้องกันการบุกทะลวงของวันสิ้นโลกนับไม่ถ้วนในสุสานใหญ่ของถ้ำหมื่นอสูร”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เสร็จสิ้น แสงและเงาปรากฏขึ้นบนกระดาษจดหมาย

แสงและเงาทั้งหมดมองไม่เห็น มีเพียงแสงและเงาเลือนรางสองแถวบนสุดปรากฏขึ้นจากข้อความ

“เพื่อบรรลุผลแห่งร่องรอยชะตากรรม จะต้องพบเงื่อนไขต่อไปนี้”

“ข้อหนึ่ง ท่านต้องรวบรวมกู่ฉิงซานจากโลกคู่ขนานเจ็ดสิบห้าแห่ง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้”

หลังจากจบแถวข้อความนี้ อีกข้อความเลือนรางขึ้นมา

ชะตากรรมกู่ฉิงซานรับปากกาและกระดาษแล้วอธิบายว่า “เมื่อพวกเราบรรลุเงื่อนไขแรก พวกเราก็จะได้เห็นเงื่อนไขต่อไป”

เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วถือไว้ในมือ จากนั้นเผยรอยยิ้มออกมา “ข้าต้องสู้กับวันสิ้นโลกเมื่อไหร่ ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว”

กู่ฉิงซานผู้ถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพกล่าวอย่างมีความสุข “ดีมาก ด้วยความสามารถนี้ พวกเราจะมีความมั่นใจมากขึ้น”

เขากวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพก่อนพาทุกคนออกจากโลกคู่ขนานใบนี้

โลกคู่ขนานที่สามสิบ

โลกคู่ขนานที่สามสิบเอ็ด

โลกคู่ขนานที่สามสิบสอง

โลกคู่ขนานที่สามสิบเก้า

สมาคมหมัดเหล็กแห่งความยุติธรรม

“นี่ ๆๆ ข้ารู้ว่าเจ้ารีบ ดังนั้นจึงเชื่อได้เพียงตัวเองเท่านั้น แต่แบร์รี่คนนี้กล้าพนันเลยว่าไม่ว่าจะเป็นโลกคู่ขนานใบไหน ข้าก็น่าเชื่อถือที่สุดใช่หรือเปล่า”

หมัดเหล็กแบร์รี่กล่าวอย่างตื่นเต้น

“อา พี่แบร์รี่ เจ้าอยากไปด้วยงั้นเหรอ” กู่ฉิงซานในโลกนี้ถาม

“แน่นอน เรื่องนี้น่าสนใจเหมือนกัน” แบร์รี่กำหมัด

ตอนนี้ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

“ข้าไปด้วย”

เมื่อทุกคนหันมองกลับไปก็เห็นผู้หญิงหูแมวออกมาจากสมาคม

นางปลดกระโปรงสั้นที่เคยสวมในอดีตออกไปนานแล้วก่อนมาสวมชุดต่อสู้รัดรูป

เสี่ยวเมียว

“เชื่อข้า เอาผู้เชี่ยวชาญมิติไปด้วย พวกเจ้าจะได้ทำอะไรง่ายขึ้น” เสี่ยวเมียวกล่าว

พวกกู่ฉิงซานเงียบสักพักก่อนพยักหน้าพร้อมกัน

แบร์รี่เชื่อถือได้และไม่ตายในการต่อสู้ เสี่ยวเมียวคือผู้เชี่ยวชาญมิติ มีความสามารถที่พิเศษและหายาก ทำให้รับมือกับวันสิ้นโลกได้ดี

ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพกู่ฉิงซานกล่าวว่า “ถ้างั้น… ไปด้วยกันเถอะ”

เขาถือดาบก่อนฟันผ่านความว่างเปล่าเพื่อนำทางทุกคน

“ดีล่ะ”

เสียงเลือนรางดังมาจากสมาคม

เมื่อเห็นประกายแสงสีแดง เย่เฟยหลีปรากฏขึ้นในที่ที่ทุกคนไป

แต่เขาไม่ไล่ตาม คนกลุ่มคนนั้นจากไปแล้ว

เย่เฟยหลีลงสู่พื้นก่อนกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “แบร์รี่ เสี่ยวเมียว ฉิงซาน วันนี้วันวางบิลนะ ทำไมพวกเจ้าซ่อนตัวแบบนี้ ข้าจะทำยังไงล่ะ”

โลกคู่ขนานที่สี่สิบห้า

“ข้าขอถามข้อเดียว กู่ฉิงซาน เจ้าเชื่อในตัวข้าหรือเปล่า” จางหยิงห่าวถาม

“แล้วข้าล่ะ ถ้าไม่ได้อยู่โลกเดียวกัน เจ้าจะไม่เชื่อข้างั้นหรือ” เย่เฟยหลีถาม

ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพกู่ฉิงซานมองพวกเขาสองคน

ทั้งสองคนจ้องเขาขณะจับไหล่เอาไว้เพื่อรอคำตอบ

ตอนแรกเริ่มจกาอาจารย์ คราวนี้คนอื่นก็มาพูดประโยคแนวนี้อีกหรือ

“ถ้างั้น ไปกันเถอะ”

กู่ฉิงซานตอบเสียงอ่อนขณะกวัดแกว่งดาบเพื่อเปิดความว่างเปล่า

โลกคู่ขนานที่ห้าสิบเอ็ด

ถ้ำที่ใดสักแห่ง

“โห ช่างเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ข้าถามหน่อย กู่ฉิงซาน เจ้าจะพาข้าไปด้วยหรือเปล่า”

หลินกล่าวอย่างแผ่วเบา

นางยกมือขึ้นขณะหักนิ้วเล็กน้อย

กร็อบแกร็บ!

มีเสียงดังชัดมาจากอากาศ เศษซากมิติสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนเงียบ

ในความเงียบ มีเพียงเสียงชื่นชมของเซี่ยเต้าหลิงเท่านั้น

“การฝึกฝนวิชายุทธ์นับว่าดีมากเลย!”

สีหน้าของหลินขยับขณะจับจ้องเซี่ยเต้าหลิง ร่างของนางค่อย ๆ เปี่ยมด้วยจิตสังหาร

นางถามว่า “กล้าพูดและออกความเห็นกับระดับของข้าเช่นนี้ ขอบังอาจถามได้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร”

“เซี่ยเต้าหลิง กู่ฉิงซานคือศิษย์ของข้า” เซี่ยเต้าหลิงตอบ

หลินผ่อนยคลายร่างกายก่อนก้าวมาข้างหน้าเพื่อคำนับ จากนั้นเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “กลายเป็นว่าท่านคือนักบุญจากสำนักร้อยบุปผา ข้านับถือในตัวท่านมานานมากแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้พบเลย ลืมไป ข้าชื่อหลิน”

ทุกคนนิ่ง

กู่ฉิงซานก้มศีรษะแล้วตวัดดาบ “ถ้างั้น ไปกันเถอะ”

โลกคู่ขนานที่หกสิบเก้า

ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น

เหล่าอสุรากำลังทำศึกใหญ่อยู่!

เปลวเพลิงแห่งสงครามเผาไหม้จากพื้นที่จ้าวโลกไปจนถึงพื้นที่เอกพจน์ มันต่อสู้อย่างหนักหน่วงจนผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนหลบหนีไปในวังวนความว่างเปล่าเพื่อไปให้ไกลจากที่ที่อยู่โดยไม่ข้องเกี่ยวกับอะไรอีก

ในตำแหน่งศูนย์กลางที่สุดของสมรภูมิ ราชาอสุรากู่ฉิงซานถือดาบยาวขณะชี้ไปที่จมูกของทริสเต้

“ข้าบอกว่าข้าอยากให้เจ้าปล่อยเด็กผู้หญิงคนนั้นไป ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดเหมือนกับฆ่าฝูงตั๊กแตนให้ดู” ราชาอสุรากู่ฉิงซานกล่าว

“เจ้าคิดว่าจัดการข้าแล้วจะชนะอย่างนั้นหรือ ข้าขอบอกเลยนะ ชะตากรรมของเด็กผู้หญิงคนนั้นเกินกว่าที่เจ้าจะคาดคิดได้” ทริสเต้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ด้านหลังนาง หมอกสีเทาปกคลุมท้องนภา

ครืนนน!

แรงสั่นสะเทือนและเสียงคำรามไม่มีสิ้นสุดมาจากหมอก

สัตว์ประหลาดจำนวนมากปรากฏขึ้นตัวแล้วตัวเล่า

สัตว์ประหลาดในตำนานจากยุคโกลาหล!

ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสัตว์ประหลาดทั้งคือเทพแห่งความโกลาหลที่มีใบหน้าชายและหญิง

วิญญาณกรีดร้อง

“จุ๊ ๆๆ ราชาเผ่าอสุรา ข้ารู้ว่าเจ้าก็เป็นเทพแห่งความโกลาหลเหมือนกัน แต่พละกำลังของเจ้ายังด้อยกว่าข้านัก” วิญญาณกรีดร้องกล่าวขณะปล่อยจิตสังหาร

ราชาอสุรากู่ฉิงซานชี้ไปข้างหลังเพื่อเป็นสัญญาณว่าให้ทุกคนคุ้มกัน

“ข้าอยากให้เจ้าปล่อยลอร่า” เขากล่าว

วิญญาณกรีดร้องส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ทุกความสามารถของนางคือสมบัติในโลกเก้าร้อยล้านชั้น มันสามารถช่วยเหลือข้าได้มากนัก ข้าไม่มีทางปล่อยมันไปแน่”

ราชาอสุรากู่ฉิงซานยกดาบขึ้น “เป็นเทพแห่งความโกลาหลเหมือนกันแท้ ๆ แต่เจ้ากลับมีจิตสังหารแรงกล้านัก…”

วิญญาณกรีดร้องพลันยิ้มกว้างออกมา “แน่นอ ยุคโกลาหลเพียงต้องการเทพที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น วันนี้ ตอนนี้ ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องหายไปในความว่างเปล่าจนสิ้น”

มันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกำลังจะส่งเสียงกลืนกินวิญญาณออกมา แต่ทันใดนั้น การเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ปรากฏขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม

ดาบยาวสองเล่มปรากฏขึ้น

ความว่างเปล่ามืดมิดถูกแยกออกด้วยดาบยาวสองเล่ม

หลังจากนั้น กู่ฉิงซานหลายสิบคนทะยานออกมาจากความว่างเปล่า กลุ่มคนทรงพลังขนาดใหญ่ อาทิ หลิน แบรรี่ เสี่ยวเมียว จางหยิงห่าว เย่เฟยหลี เซี่ยเต้าหลิง…

วิญญาณกรีดร้องตกตะลึงจนถึงขั้นลืมกรีดร้องออกมา

ราชาอสุรากู่ฉิงซานชำเลืองมองกู่ฉิงซานด้วยความคาดไม่ถึง

“ทำไมเจ้ามาที่นี่ แล้วเจ้าพาคนมาเยอะขนาดนี้เลยหรือ” เขาถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ไม่ใช่สักหน่อย สถานการณ์ในสุสานเร่งด่วนนัก ข้ามาที่นี่เพื่อหาคนไปช่วย”

ราชาอสุรากู่ฉิงซานกล่าวอย่างจนใจว่า “แต่ข้ายังจัดการเรื่องที่นี่ไม่จบเลย”

“โห ยังไม่จบหรือ” กู่ฉิงซานถาม

กู่ฉิงซานทั้งหมดหันศีรษะพร้อมกันไปมองวิญญาณกรีดร้อง

วิญญาณกรีดร้องอดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้

มันพลันพบว่ากู่ฉิงซานเหล่านี้ไม่ใช่ร่างจำแลง

ร่างของกู่ฉิงซานเหล่านี้โหลดบัญญัติไว้มากมาย แถมยังมีกฎเกณฑ์จากพลังอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย

โดยรวมแล้ว

นี่คือกู่ฉิงซานตัวจริง กู่ฉิงซานทุกคนปลดปล่อยพลังอันน่าทึ่งออกมา

วิญญาณกรีดร้องก้าวถอยหลังขณะรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจคิดอะไรออกได้

ตรงกันข้าม กู่ฉิงซานถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ เขาขยับคอแล้วกล่าวว่า “ข้าได้พบศัตรูเก่าแก่อีกแล้ว ทำไมพวกเราไม่มาช่วยกันคลี่คลายเรื่องนี้ให้มันเสร็จโดยไวเลยล่ะ”

ราชาอสุรากู่ฉิงซานกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลว”

วินาทีต่อมา กู่ฉิงซานทุกคนส่งเสียงพร้อมกันว่า “ถ้างั้น ไปพร้อมกันเลย”

“ช้าก่อน! ข้ายังพูดไม่จบเลย!!!”

วิญญาณกรีดร้องพลันตะโกนออกมา

ทุกคนตกตะลึง

วิญญาณกรีดร้องมองราชาอสุรากู่ฉิงซานอีกครั้งก่อนถามเสียงดังว่า “เจ้าเริ่มสงครามนี้เพราะลอร่าหรือ”

ราชาอสุรากู่ฉิงซานพยักหน้า

วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ทำไมเจ้าต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่เล็กจ้อยด้วย ทำไมกันล่ะ ทำไมเจ้าไม่คุยกันดี ๆ เจ้ากับข้าล้วนเป็นเทพแห่งความโกลาหล พวกเราควรคลี่คลายข้อพิพาทผ่านการสนทนาสิ”

ราชาอสุรากู่ฉิงซานตกตะลึงก่อนพึมพำว่า “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดแบบนี้นี่”

“เมื่อครู่แค่ล้อเล่นเอง” วิญญาณกรีดร้องหันศีรษะแล้วกล่าวกับทริสเต้ผู้มาอยู่ด้านหลังอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เร็ว! ไป! พาลอร่ามาที่นี่!”

…………………………………………….