webnovel

1219 เทพพเนจร

ตอนที่ 1219 เทพพเนจร

ทะเลแห่งความตระหนักรู้อันลึกล้ำของกู่ฉิงซาน

วิญญาณของเขาหลอมรวมและก่อตัวขึ้นมา เขายืนอยู่ด้านข้างขณะมองหนึ่งดาบที่ฟาดฟันออกไป

ถึงจะบอกว่าหนึ่งดาบ แต่ที่จริงมันคือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพที่ฟันออกไปพร้อมกัน

ความตั้งใจหลายร้อยล้านปีลอยอยู่บนดาบศักดิ์สิทธิ์ขณะแผ่เสียงเรียกขานแปลกประหลาดออกมา

ในส่วนลึกของปฐพี มีจุดแสงสีขาวน้ำนมละเอียดนับไม่ถ้วนเกาะอยู่ที่ปลายดาบ ด้วยการสะบัดของกู่ฉิงซาน พวกมันรวมตัวกันเป็นอักขระพิเศษ

อักขระจุดกำเนิดโลก!

นี่คือจุดกำเนิดจำนวนมากที่สร้างโลกขึ้นมา ด้วยความลับที่ทุกสิ่งเกิดขึ้นในความโกลาหล รูปทรงของอักขระย่อมถูกเปิดเผยออกมา

หลังจากเจตจำนงของโลกที่แตกสลายทั้งหมดดูดกลืนพลังของวิญญาณกรีดร้องและยุคแห่งความโกลาหลเข้าไป พวกมันถูกขัดเกลาให้กลายเป็นตัวตนดึกดำบรรพ์ดั้งเดิมที่สุดด้วยระบำดาบสังเวยของกู่ฉิงซาน

พวกมันถูกเปลี่ยนเป็นกฎเกณฑ์จำนวนมากด้วยคุณลักษณะแตกต่างกัน

กู่ฉิงซานสะบัดดาบพิภพด้วยมือข้างหนึ่งอย่างไม่ลังเลขณะดึงประกายดาบที่เต็มไปด้วยแสงเย็นเยือกออกมา

เขาตะโกนเสียงดังว่า “ทุกสรรพสิ่งเอ๋ย ด้วยพลังของกฎเกณฑ์โลก จำแสดงผลลัพธ์ออกมา!”

ปฐพีเปิดออก

ร่างของวิญญาณกรีดร้องพุ่งออกจากส่วนลึกของปฐพีก่อนแตกออกเป็นเงาสีเทานับไม่ถ้วน

นี่คือคนที่ตายในการต่อสู้ที่โลกหอคอยเพราะการโจมตีของวิญญาณกรีดร้อง

กู่ฉิงซานจ้องดาบสองเล่มในมือ

หนึ่งดาบเต็มไปด้วยจุดกำเนิดของทุกโลก

หนึ่งดาบวิญญาณของทุกชีวิตในในทุกอาณาจักร

ส่วนตัวเขา ด้วยความมุ่งมั่นนับร้อยล้านปี ทำให้เสร็จสิ้นพิธีรำลึกครั้งสุดท้ายด้วยระบำดาบของทุกสรรพสิ่ง

“ตอนนี้แหละ!”

เสียงผู้หญิงแหบพร่าเร่งเร้า

อย่างไม่ลังเล กู่ฉิงซานยกดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อชี้ไปยังท้องนภา; มืออีกข้างถือดาบพิภพเอาไว้ก่อนท่องคาถา “การย้อนกลับของเหตุและผล การสังเวยแห่งการคืนชีพโลก ร่าย!”

วินาทีต่อมา

บนพื้นที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่แตกสลาย หอคอยทะยานขึ้นจากพื้น นักสู้จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้งในที่ที่พวกเขาตาย พวกเขาทุกคนฟื้นคืนชีพกลับมา

อักขระจุดกำเนิดโลกนับไม่ถ้วนบนดาบศักดิ์สิทธิ์ล้วนหลอมรวมเข้ากันเป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นบอลแสงโปร่งใสที่เต้นอย่างต่อเนื่อง

กู่ฉิงซานกล่าวกับบอลแสงว่า “เพราะการมาถึงของความมุ่งมั่นหลายร้อยล้านปีกับราชามาร กฎเกณฑ์แห่งมิติและเวลาทั้งหมดจึงไม่สามารถเข้ามาได้ชั่วคราว แต่เมื่อการร่ายรำจบลง กฎเกณฑ์แห่งมิติและเวลา รวมถึงชะตากรรมจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป”

“จงเข้ามาอยู่ในวิชาเนตรของข้า นี่คือที่ที่พวกเจ้าสามารถพักผ่อนและเติบโตขึ้นได้อย่างช้าๆ ”

บอลแสงโปร่งใสคล้ายกับมีวิญญาณ หลังจากได้ฟังแล้ว มันชี้เข้าไปในความว่างเปล่าก่อนมีขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งเข้าไปในดวงตาข้างซ้ายของกู่ฉิงซาน

แถวหิ่งห้อยพลันปรากฏขึ้น

“ท่านได้ดูดกลืนโลกใหม่ที่สร้างจากเศษเสี้ยวโลกเข้าไป”

“วิชาโลกของท่านกำลังเปลี่ยนสภาพ…”

ตอนแรกก็คำสาปของเงามังกรฟ้า ตอนนี้ยังวิชาโลกอีก พลังพิเศษของกู่ฉิงซานได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทว่า เขาไม่สามารถดูแลมันได้

เสียงผู้หญิงแหบพร่ากำลังเร่งเขาอย่างรวดเร็ว

“จำเอาไว้ เจ้าได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ เปลี่ยนทุกสรรพสิ่งในอดีต ทำให้ชะตากรรม เวลา มิติและเหตุผลล้วนผิดเพี้ยน”

“โลกใบนี้ไม่สามารถอยู่ในสถานะเดิมได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้น ทันทีที่ผลจากการร่ายรำหายไป มันจะถูกลบล้างโดยพลังแห่งชะตากรรมและกาลอวกาศ”

“ถ้างั้นข้าควรทำยังไง” กู่ฉิงซานถาม

เสียงผู้หญิงตอบว่า “วางใจได้ ข้าจะใช้ดาบเพื่อทุ่มพลังวิญญาณที่เหลืออยู่เพื่อทำให้เจ้าปลอดภัย”

กู่ฉิงซานผ่อนคลาย

ทันใดนั้น เขาพบว่ามือข้างหนึ่งพลันยกขึ้นคว้าดาบเสียงคลื่นในความว่างเปล่า เท้ากระโดดไปมาเพื่อเริ่มระบำดาบในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ชั้นแสงเจิดจ้าค่อยๆ ปรากฏขึ้นในท้องนภาขณะแยกโลกทั้งใบออกจากโลกภายนอก

“ผู้อาวุโส” กู่ฉิงซานรีบพูด

หลังจากนั้น เขาได้ยินเสียงตัวเองกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าใช้ร่างของเจ้าเพื่อทำให้การร่ายรำแห่งความลับนี้สมบูรณ์”

“ข้าจะเปลี่ยนให้โลกใบนี้กลายเป็นเกาะที่ล่องลอยไปตามมิติและเวลา”

“เจ้าจะยังคงตามแม่น้ำแห่งมิติและเวลาสายยาวเพื่อมุ่งสู่อนาคตจนกระทั่งความผันผวนของโชคชะตาและเวลาสงบลงอย่างสมบูรณ์”

ตูม!

โลกหอคอยเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

“ไม่ต้องห่วง โลกได้ออกจากสถานะเดิม กำลังเริ่มล่องลอย” เสียงผู้หญิงกล่าว

สิ้นเสียงของนาง กู่ฉิงซานเห็นแสงและเงาจำนวนมากปรากฏขึ้นในท้องนภา

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในแม่น้ำแห่งมิติและเวลาสายยาว

กู่ฉิงซานเห็นแสงและเงากำลังเตร็ดเตร่อยู่ในพื้นที่จ้าวโลกเพื่อหาโอกาสที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกว่าตัวเองกลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง

“ครั้งนี้เจ้าทำการบูชายัญโลกได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังทำความเข้าใจการร่ายรำขั้นที่สี่ได้ จำให้ดี เจ้าต้องฝึกฝนให้บ่อยเพื่อส่งเสริมระบำสังเวยชีพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เสียงผู้หญิงแหบพร่ากล่าว

“ขอรับ ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชี้แนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

เสียงผู้หญิงแหบพร่ากล่าวว่า “เจ้าทำเองได้ หวังว่าเจ้าจะสามารถมาที่โลกธุลีได้ในสักวัน”

กู่ฉิงซานขยับความคิดแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าเคยไปที่ทางเดินลับจนไปถึงสถานที่ที่ยักษ์แห่งการเริ่มต้นอยู่ในหมู่เมฆ ถ้าเป็นไปได้ ข้าจะไปโลกธุลีเดี๋ยวนี้เลย ท่านคิดเห็นยังไง”

เขาพลันรู้สึกถึงความร้อนแผดเผาบริเวณข้อมือ

เมื่อก้มมองลงไป มันคือเชือกแห่งเมฆาสัญจร

เสียงผู้หญิงแหบพร่ากล่าวอีกครั้งว่า “เชือกแห่งโชคนี้คือกุญแจในการข้ามหมู่เมฆจนไปถึงโลกธุลี จำเอาไว้ เจ้าสามารถพาไปได้มากที่สุดเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนคนนั้นก็ควรเป็นเจ้าของเดิมของเลือกเส้นนี้”

“อีกอย่าง เจ้าอาจจะไม่สามารถเข้าไปได้ในเวลาอันสั้น ข้าจะใช้ความมุ่งมั่นสุดท้ายเพื่อช่วยให้เจ้าแสดงภาพอนาคตในทะเลแห่งความตระหนักรู้เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต”

“จำเอาไว้ อย่าตายเด็ดขาด”

เมื่อสิ้นเสียงดังกล่าว เสียงผู้หญิงไม่ดังขึ้นอีก

นางจากไปแล้ว

กู่ฉิงซานพลันรู้สึกว่าเขากำลังลอยอยู่

เขาก้มมองลงไปก่อนเห็นว่าตัวเองยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาหลับสนิทไม่ขยับไปไหน

นี่คือตัวข้า

กู่ฉิงซานสับสน หน้าต่างระบบเทพสงครามแสดงแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กออกมา

“โปรดทราบ เพราะวิชาอนาคตที่ไม่รู้จัก ทำให้ท่านได้รับผลจากเทพพเนจร”

“เทพพเนจร: วิญญาณจะกลายเป็นแสงและเงา ในภาพมายาอนาคต ท่านสามารถเห็นบางสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่อนข้างมากหรือไม่ก็เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

ถึงแม้คำพูดจะยาวเหยียด แต่กู่ฉิงซานก็เข้าใจ

ใครก็ตามที่เดินทางกลับอดีตจะยังคงมุ่งไปสู่อนาคต ไม่หยุดอยู่กับที่

แสงและเงาตามมา

กู่ฉิงซานเห็นซูเสวี่ยเอ้อร์ก่อน

ซูเสวี่ยเอ้อร์เปลือยเปล่า นอนอยู่ในแทงค์ฝึกฝนที่เต็มไปด้วยของเหลวโปร่งแสง อยู่ในสภาพหลับลึก

นางกำลังวิวัฒนาการ

ขณะกู่ฉิงซานมองดู เงามายาพลันปรากฏขึ้นบนร่างซูเสวี่ยเอ้อร์

วิญญาณของนางพุ่งออกจากร่างขณะมองกู่ฉิงซานด้วยความเขินอาย

นางลอยขึ้นมาขณะกอดแสงและเงาของกู่ฉิงซานเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจุมพิตในอากาศ

“ข้าจะรอเจ้านะ”

นางเปิดปากแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา

แสงและเงาลอยออกไป

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาให้ตอบสนอง เขาเข้าสู่แสงและเงาอีกส่วนในอนาคต

เขาเห็นหุบเหวนิรันดร์ เห็นเทพแห่งชีวิต เห็นราชาภูตผีจากไปด้วยความอับอาย

จากนั้น

ลูกตาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

เทพแห่งชีวิตมีจุดจบอันน่าเศร้า สายเกินกว่าจะหนีออกมาทัน

ลูกตาขนาดใหญ่พลันหันมามองแสงและเงาของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานเพียงมองเห็นสีดำจากลูกตา

แสงและเงาทั้งหมดหายไป วินาทีต่อมา เขาพบว่าตัวเองรวมตัวเป็นแสงและเงาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ภาพใหม่ปรากฏขึ้น

คนของโลกวิญญาณชั่วร้ายหลบหนีออกจากหุบเหวนิรันดร์ขณะเดินทางไปตามโลกเก้าร้อยล้านชั้น

เพราะพลังการต่อสู้ส่วนใหญ่กลับไปยุคอดีตพร้อมกับกู่ฉิงซาน ผู้ฝึกยุทธ์จากวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้จึงแทบไม่ได้รับการต่อต้านใดๆ ไม่เกิดการสูญเสียทั้งสิ้น

ทุกชีวิตถูกสังหารและตกเป็นทาสราวกับหมูและสุนัข

เศษเสี้ยวของหกโลกถูกรวบรวมก่อนนำออกไปโดยวิญญาณชั่วร้าย

ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ราชาภูตผีทั้งสามกำลังลอบสนทนากับผู้คนอยู่

พวกเขาทำข้อตกลงกัน จากนั้นก็ร่ายวิชาพร้อมกันเพื่อคำนวณบางสิ่ง

แสงจากวิชากระจายจกมือของราชาภูตผีตนหนึ่งก่อนรวมตัวเป็นโลกฉากหนึ่งจากอากาศบาง

กู่ฉิงซานมองโลก ช่างรู้สึกว่ามันคุ้นเคยยิ่งนัก

โลกดั้งเดิม

สิ่งที่พวกเขาอยากจะทำกับโลกดั้งเดิมคืออะไรกันแน่

กู่ฉิงซานรู้สึกอึดอัด

ภาพหายไปก่อนรวมตัวอีกครั้ง

โลกอนารยะ

โครงกระดูกสีดำทั้งหมดหายไป

พื้นเต็มไปด้วยมัดกล้ามสีดำที่ดีดดิ้นตลอดเวลา

ซากศพขนาดใหญ่กระอักโลหิตขณะหอบหายใจ

มันกำลังจะตาย

มีเพียงโครงกระดูกที่อยู่ตรงนั้น แต่ครั้งนี้ มัดกล้ามสีดำที่กำลังดีดดิ้นไปมาเติบโตขึ้นมา

น่าแปลก มัดกล้ามสีดำเหล่านี้ไม่คล้ายกับมีร่างกาย แต่มีความคิดเป็นของตัวเอง

ถึงแม้หอกปีศาจแดงจะทรงพลังและเก็บเกี่ยวเนื้อที่ดีดดิ้นไปมาอย่างต่อเนื่อง แต่มันทำได้เพียงป้องกันไม่ให้ศีรษะของซากศพขนาดใหญ่ถูกเนื้อเหล่านั้นบดบังจนมิด

ตอนนี้ ซากศพขนาดใหญ่พลันพบกู่ฉิงซาน

ในบรรดาภาพทั้งหมดที่เกี่ยวกับอนาคต เสียงของมันดังขึ้น “เจ้าถึงกับสามารถมองเห็นอนาคตได้!”

กู่ฉิงซานมองมัน

มีเพียงศีรษะของมันที่ยังเผยออกมา ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยมัดกล้ามสีดำ แม้แต่เสาทองสัมฤทธิ์ก็ไม่เว้น

นี่มันอะไรกันแน่

กู่ฉิงซานรู้สึกขนลุกก่อนเปิดปากว่า “รอก่อนนะ ถ้ากลับอนาคตเมื่อไหร่ ข้าจะช่วยท่าน!”

ซากศพขนาดใหญ่มองเขาด้วยสภาพเหนื่อยล้า ทันใดนั้นก็พลันกล่าวว่า

“ไม่ ไม่ต้องมา ประตูโลกกำลังจะพังแล้ว”

กู่ฉิงซานอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ซากศพขนาดใหญ่กล่าวว่า “มีเพียงความตายอยู่ในอนาคต ไม่มีอะไรเลย”

“จงใช้ชีวิตในอดีต กู่ฉิงซาน อย่ากลับมาอนาคต”

ภาพหายไปก่อนกลับมาเป็นแสงและเงาอีกครั้ง

ภาพสุดท้ายปรากฏขึ้น

เซี่ยเต้าหลิงกำลังมุ่งไปในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดบนมังกรยักษ์

เบื้องหน้านางคือผู้หญิงที่ประดับด้วยแสงดาราไม่มีสิ้นสุด

ผู้หญิงคนนี้เพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ใส่ใจ แต่ด้านหลังของนาง โลกนับไม่ถ้วนกำลังเข้าสู่การถูกทำลายล้าง

ลูกตาของกู่ฉิงซานพลันหดลง

เขาเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน

เรนี่โดล!

คาดไม่ถึง นางถึงกับมาตามหาอาจารย์!

ไม่

ไม่ใช่

ดูจากท่าทางแล้ว นางกำลังถูกอาจารย์ตามหาต่างหาก

หัวใจของกู่ฉิงซานค่อยๆ เต้นแรงขึ้น

เขาเห็นเรนี่โดลมองมาทางเซี่ยเต้าหลิงก่อนกระซิบว่า “หลังจากผ่านมาหลายปี ในที่สุดข้าก็พบเจ้า เอาล่ะ เจ้าควรที่จะถูกทำลายไปตลอดกาล”

นางเอื้อมมือออกไป

“ไม่!” กู่ฉิงซานพลันตะโกนออกมา

ทันใดนั้น แสงและเงาทั้งหมดหายไป

ทุกสิ่งกลายเป็นความมืด ไม่อาจมองเห็นหรือได้กลิ่น

กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นก่อนพลันอ้าปากหอบหายใจ

“ในที่สุดก็ได้สติสักทีนะ ฉิงซาน”

ใครบางคนตบบ่าของเขา

คนนี้คือแบร์รี่

“ใช่ ในที่สุดก็ได้สติสักที”

ร่างอ่อนนุ่มเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา

คนนี้คือแอนนา

“นี่ พวกเราอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ให้ความสนใจเรื่องผลกระทบกันดีกว่า”

“ช่างเถอะ พี่แอนนารอนานแล้ว”

“ราชินีมีเหตุผล”

จางหยิงห่าว ลอร่า เย่เฟยหลี

อีกคนชมว่า “ทำได้ดีมาก ดาบสุดท้ายเหมือนกับตอนที่ข้ามีพละกำลังสมบูรณ์เลย”

โดยไม่ต้องคิดให้มากความ คนนี้คือเหล่าต้า

ไกลออกไป เสียงคนขี้เมาดังขึ้น

“โย่! ผู้ชายมีเสน่ห์ที่สุดในโลกได้สติแล้ว ในเมื่อทุกคนพร้อมหน้ากันแล้ว คืนนี้ไปงานเต้นรำครั้งใหญ่กันเถอะ!”

พวกภูตมาเช่นกัน

กู่ฉิงซานมองทุกคน เห็นสีหน้าอบอุ่นและห่วงใยของพวกเขา

เขาลอบกำหมัด

ส่วนมุมปาก

เผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา

“อา ใครก็ได้เอาขวดสุรามาให้ข้าหน่อย”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายเหมือนอย่างทุกที

สุราแรงกล้ามาถึงในไม่ช้า

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นดื่ม

ขม

แรง

ความร้อนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

“นี่ ดื่มไวเกินไปแล้ว”

แอนนากล่าวอย่างเป็นกังวลขณะรีบตบหลังเขา

“เพื่อฉลอง ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปดื่มตอนเย็น ทุกคนต้องมา” แบร์รี่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ได้!”

ทุกคนยินดีก่อนมารวมตัว

แบร์รี่มองกู่ฉิงซาน

“มีอะไรจะถามหรือเปล่า”

ทุกคนมองกู่ฉิงซานเพื่อดูว่าเขาจะตอบอย่างไร

กู่ฉิงซานเงียบสักพัก

คนพวกนี้

คนน่ารักพวกนี้

อนาคต

อนาคตแบบนั้น…

ไม่!

เขาขอสาบานด้วยดาบตัวเองว่าจะไม่ให้อนาคตแบบนั้นมาถึง

ภายใต้สายตาของทุกคน กู่ฉิงซานเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา

“เรื่องดื่มแบบนี้ ข้าจะไปมีปัญหาได้ยังไง”

………………………………….