webnovel

1205 ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก

`ตอนที่ 1205 ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก

“ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลกคืออะไรหรือ” กู่ฉิงซานถามขณะเดิน

“ข้าไม่รู้ ถึงจะมีชื่อคล้ายกันไม่มาก แต่ทุกชื่อย่อมมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ “ท่านต้องดูโชคชะตาของนางให้ละเอียดก่อนจึงสามารถรู้ความหมายของชื่อนี้ได้”

“หรือก็คือ ข้าต้องหาคำตอบจากนางสินะ”

“ใช่”

กู่ฉิงซานหยุดถามคำถามขณะเดินไปข้างหน้ากับพวกเขาสามคน

ใต้เท้าของเขา หมอกสีเทายังคงปกคลุม

ขั้นบันไดที่เกิดจากชั้นหมอกพาทั้งสี่คนไปสู่ความโกลาหลไม่มีสิ้นสุด

กู่ฉิงซานพบว่าจิตเทพของเขาไม่เกิดผลใดๆ

ไม่มีสิ่งใดสามารถมองเห็นได้ในจุดที่สายตาจับจ้อง

กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง กรุ้งกริ้ง

ขณะเดิน โซ่ตรวนของเย่หรูซีกระทบเข้าหากัน ทำให้เกิดเสียงโลหะ

หลังจากเดินสักพัก นางผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด

“นับจากนี้ไป พวกเราต้องย้ายออกจากโลกที่ข้าอยู่” นางกล่าว

“เจ้าสามารถหนีก่อนได้แท้ๆ ทำไมถึงไม่หนีไปล่ะ” จางหยิงห่าวถาม

เย่หรูซีส่ายหน้าก่อนตอบว่า “ถ้าข้าไป คนธรรมดาจะถูกสัตว์ประหลาดวันสิ้นโลกฆ่าได้ง่ายขึ้น นี่คือสิ่งที่ข้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น”

นางหันศีรษะก่อนชำเลืองมองกู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลี

“ขอบคุณที่ช่วยคลี่คลายวันสิ้นโลก ในที่สุดตอนนี้ข้าก็สามารถไปได้อย่างสบายใจแล้ว” นางกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

“เจ้าไม่ต้องสุภาพก็ได้ ตอนนี้พวกเราเป็นสหายกันแล้ว” จางหยิงห่าวหัวเราะ

เยเฟยหลีพยักหน้าเช่นกัน

“จะว่าไปแล้ว วิหารลับเนี่ยมันเป็นสถานที่แบบไหนหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เย่หรูซีตอบว่า “ใกล้ถึงแล้ว แต่การเข้าวิหารเป็นเพียงก้าวแรก ในท้ายที่สุด มันอยู่ที่ว่าพวกเจ้าเหมาะสมหรือเปล่า”

“เหมาะสมกับอะไร” เย่เฟยหลีถาม

“การรอคอย” เย่หรูซีตอบ

ทันใดนั้นนางหยุดนิ่งก่อนยื่นมือออกไปเพื่อแตะความว่างเปล่าข้างหน้าอย่างแผ่วเบา

หมอกสีเทารอบข้างเลือนรางขณะถอยไปทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว

ประตูทองแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหมู่เมฆค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหมอก

ประตูนี้ไม่อาจรู้ได้ว่าพรมแดนกับความหนาของมันมีแค่ไหน แต่เพียงมองดูมันก็สามารถสัมผัสถึงความผันผวนไม่มีสิ้นสุดและความรู้สึกโบราณได้เป็นอย่างดี

ดูท่าประตูทองแดงขนาดใหญ่นี้จะซ่อนอยู่ในหมอกมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน

ประตูเปิดออก

แสงสีเขียวเลือนรางปกคลุมความว่างเปล่าเอาไว้

“อย่าสัมผัสมัน นี่คือเขตอาคมพิเศษ ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเข้ามาได้”

เย่หรูซีกำลังสนทนากับทั้งสามคน ทันใดนั้น เสียงหวีดแหลมคมปลาบมาจากสถานที่ไกลลิบยิ่ง

ผ่านไปหลายอึดใจ เสียงดังกล่าวเข้าใกล้ทั้งสี่คนแล้ว

สองร่างพลันเคลื่อนลงมายืนอยู่ตรงหน้าทั้งสี่คน

วิญญาณกรีดร้อง ผู้บำเพ็ญเพลิง

พวกมันเต็มไปด้วยบาดแผลและโลหิต เห็นได้ชัดว่าผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา

กลิ่นอายของพวกมันฟื้นฟูจนถึงสภาพสูงสุดนานแล้ว แต่พวกกู่ฉิงซานยังอยู่ในสภาพที่ถูกลดทอนเอาไว้

“พวกเจ้าไปสู้กับอะไรมาน่ะ” กู่ฉิงซานถาม

วิญญาณกรีดร้องยิ้มกว้างก่อนถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะบอกหรือ”

ผู้บำเพ็ญเพลิงกล่าวเช่นกันว่า “เจ้าจะไม่ได้ข้อมูลอะไรจากพวกข้า!”

พวกมันจ้องกู่ฉิงซาน จิตสังหารก่อเกิดขึ้นในใจแต่ยังไม่กล้าลงมือ

พวกเขาถูกส่งเข้าสู่ความโกลาหล ความโกลาหลปกครองทุกสิ่ง ทั้งสองฝั่งไม่มีสิทธิ์สู้กันในช่วงที่สำคัญเช่นนี้

วินาทีต่อมา

ตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว

“โปรดทราบ นี่คือการต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพครั้งสุดท้าย”

แค่เพียงประโยคเดียวก็ดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝั่ง

ทุกคนมองอย่างสนใจ

แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กรีขึ้นมาใหม่

“บัญญัติไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว ท่านจะปลอดภัยชั่วคราว”

“แต่ท่านมาถึงภารกิจสุดท้ายของความโกลาหลแล้ว ท่านจะต้องรับบททดสอบความโกลาหลที่แท้จริงที่นี่”

“ถ้าท่านอยากกลายเป็นเทพที่แท้จริง ท่านต้องสำรวจมันด้วยตัวเอง”

“นับจากนี้ไป ท่านต้องจุดเปลวไฟแห่งเจตจำนงขึ้นมา ใช้ชะตากรรมของตัวเองเป็นฝีเท้า ตามหาเส้นทางพิเศษนั่นเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นเทพ”

“คนที่ประสบความสำเร็จจะกลายเป็นเทพโกลาหลและควบคุมพลังที่แท้จริงของยุคสมัย”

“ไปเสีย”

“วิหารลับแห่งความโกลาหลได้เปิดออกแล้ว”

ตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กทั้งหมดถูกแสดงขึ้นมาก่อนหายไปอย่างช้าๆ จากตรงหน้าพวกเขา

ทันใดนั้น ตัวอักษรขนาดเล็กอีกแถวปรากฏขึ้นมา

“เย่หรูซีคือเทพธรรมชาติแห่งความโกลาหล นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรนอกจากรอดูผลลัพธ์เท่านั้น”

ทุกคนมองเย่หรูซี

“ที่จริง หลังจากเข้าตำหนักลับไปแล้ว ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้ ทุกคนทำได้เพียงค้นหามันด้วยตัวเองเท่านั้น” เย่หรูซีกล่าว

“เจ้ามีประสบการณ์มาก่อนงั้นหรือ” จางหยิงห่าวถาม

ไม่เพียงกู่ฉิงซานและเย่เฟยหลีเท่านั้น วิญญาณกรีดร้องและผู้บำเพ็ญเพลิงที่อยู่ใกล้ๆ ก็เอียงหูเข้ามฟัง

เย่หรูซีส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าก็อยากบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับประสบการณ์ของข้าเหมือนกัน แต่มันคงช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้เพราะสถานการณ์ที่ทุกคนเผชิญมันต่างออกไป”

ทุกคนผิดหวังเล็กน้อย

สีหน้าของเย่หรูซียังคงไม่แปรเปลี่ยน แต่นางพูดกับพวกเขาสามคนอย่างแผ่วเบา

“พวกเจ้าสามคน ฟังนะ มีรูปปั้นในส่วนของเจตจำนงของผู้รอคอย”

“รูปปั้นที่เปล่งประกายนั่น ทันทีที่สัมผัส มันจะปลุกผู้รอคอยขึ้นมา พวกเขาจะทดสอบพวกเจ้า เมื่อพึงพอใจแล้ว พวกเขาจะมอบเมล็ดพันธุ์ของพลังแห่งความโกลาหลให้เพื่อที่พวกเจ้าจะกลายเป็นเทพแห่งความโกลาหลที่คอยสร้างสถานการณ์ให้กับความโกลาหล”

“พวกเจ้าสามารถสัมผัสรูปปั้นที่แตกหักได้เช่นกัน แต่มีความเสี่ยงเพราะผู้รอคอยเหล่านั้นตายแล้ว เมล็ดพันธุ์ของพลังแห่งความโกลาหลจึงถูกแตกหักและเหี่ยวแห้ง ถึงแม้พวกมันจะสามารถมอบพลังหลังจากเก็บไปแล้วได้ ส่วนพวกมันจะช่วยได้ในระยะยาวหรือไม่นั้น ไม่มีใครสามารถบอกได้”

“เมล็ดพันธุ์ของพลังแห่งความโกลาหลหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เย่หรูซีตอบว่า “ใช่ พละกำลังเริ่มจากศูนย์ ระบบพลังพิเศษจะค่อยๆ เติบโต”

กู่ฉิงซานถามทันทีว่า “มันไม่เหมือนกับแม่แบบของบัญญัติกับความโกลาหลหรือ”

“ไม่ นี่ไม่ใช่การโหลดที่ต้องวิวัฒนาการจนเติบโต แต่มันคือสุดยอดพลังที่มาจากการประทานให้ของผู้สร้างความโกลาหล” เย่หรูซีตอบ

ทั้งสามคนกลั้นหายใจ

ผู้สร้างความโกลาหล

“มีผู้สร้างบัญญัติหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถามทันที

“นั่นคือผู้รอคอยคนอื่น พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะไม่ได้ตอบรับการเรียกขานของข้า” เย่หรูซีตอบ

ความคิดของกู่ฉิงซานขยับ เขาพลันกล่าวกับหน้าต่างระบบเทพสงครามว่า “ข้าว่าน่าจะมีเทพพิเศษที่คล้ายกับตัวตนของเย่หรูซีทางฝั่งบัญญัตินะ”

“ใช่” หน้าต่างระบบกล่าว

“เป็นเทพแบบไหนล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“มีชื่อว่าบทเพลงราตรีแห่งยุคนิทรา แต่มันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

กู่ฉิงซานเงียบ

ผู้นำรุ่งอรุณแห่งวันสิ้นโลก

บทเพลงราตรีแห่งยุคนิทรา

ชื่อคือตัวแทนภารกิจ ความสำเร็จ พละกำลังและประสบการณ์ พวกมันข้องเกี่ยวกับกฎเกณฑ์แห่งชะตากรรม ต้องเป็นที่ยอมรับของกฎเกณฑ์บางอย่างจึงสามารถนับว่าเป็นชื่อที่แท้จริงได้

ชื่อเหล่านั้นจะครอบครองพลังในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ใช่สิ่งเรียบง่ายที่จะคุยกันได้สบายๆ

ดังนั้นชื่อจึงสามารถเปิดเผยความลับบางสิ่งได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน

ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงลึกลับบางอย่างระหว่างสองชื่อไปสู่ความโกลาหลและบัญญัติ

สุดท้ายแล้ว…

นอกจากศัตรูแห่งความเป็นความตาย ความสัมพันธ์ระหว่างความโกลาหลและบัญญัติยังจะมีอะไรได้อีก

กู่ฉิงซานครุ่นคิดช้าๆ ขณะคาดเดาคร่าวๆ

ตอนนี้ เย่หรูซียื่นมือออกไปแตะเขตอาคมแสงสีเขียวอย่างแผ่วเบา

นางกระซิบว่า “ผู้รอคอยที่กำลังหลับใหลเอ๋ย ข้านำผู้สืบทอดความโกลาหลมาแล้ว พวกเขากระหายในพละกำลังที่จะทำภารกิจความโกลาหลให้สำเร็จ”

อักขระลึกลับปรากฏขึ้นบนเขตอาคมแสงสีเขียว

วินาทีต่อมา ทุกคนถูกดูดเข้าไป…

………………………………….