webnovel

1182 นักโทษแห่งความโกลาหล!

ตอนที่ 1182 นักโทษแห่งความโกลาหล!

ทะเลสงบ

กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลียืนอยู่บนเรือเป็นเวลานาน

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกสิ่งบนเกาะเป็นไปอย่างปกติ

“นี่ แล้ววันสิ้นโลกล่ะ” จางหยิงห่าวอ้าแขนขณะตะโกนไปทางเกาะร้าง

ไม่มีการเคลื่อนไหวจากบนเกาะ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนสร้างคริสตัลน้ำแข็งบางจากความว่างเปล่า เขาถือมันไว้ในมือก่อนสะบัดนิ้วออกไป

คริสตัลน้ำแข็งหายไปอย่างรวดเร็วก่อนดิ่งลงไปที่ชายหาดของเกาะร้าง

มันกระแทกกับหินที่ไม่ใหญ่เกินไป

ติ๊ง!

เสียงแตกร้าวแจ่มชัดกระจายไปทั่วคริสตัลน้ำแข็ง

คริสตัลน้ำแข็งแตกสลาย

ในเวลาเดียวกัน มีเสียงบีบรัดอย่างรวดเร็วมาจากเกาะร้าง

คลิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทั่วเกาะพลันแตกสลาย

มันไม่แตกสลายเป็นชิ้นจำนวนมากราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่มันหายไปสิ้นในพริบตา

การหายไปนี้เกิดขึ้นในทันทีและรวดเร็วจนเกิดน้ำวนขนาดใหญ่บนทะเลที่เกาะหายไป

น้ำทะเลนับไม่ถ้วนไหลเข้าสู่น้ำวนเพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่างที่หายไปของเกาะ

คลื่นน้ำมาจากไกลๆ

“ตู้ยวี” สองลำถูกกระแสน้ำลากกลับมา มันอยู่นิ่งสักพัก ไม่สามารถไปข้างหน้าต่อได้

เรือไม้ไม่ขยับไปข้างหน้าจนกระทั่งทะเลสงบลงอีกครั้ง

“ข้าไม่เคยเห็นวันสิ้นโลกแบบนี้มาก่อน” จางหยิงห่าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ใช่ อาจจะถูกกระตุ้นด้วยแรงกระแทกหรือไม่ก็เสียง วัตถุทั้งสองกระแทกกันจนเกิดการทำลายทันที จากนั้นขยายไปรอบข้าง ทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นผุยผง” เย่เฟยหลีกล่าวพลางขมวดคิ้ว

เขาไม่สามารถหาได้ว่าจะทำลายวันสิ้นโลกนี้อย่างไร

กู่ฉิงซานหลับตาลงขณะสัมผัสถึงผลกระทบจากแรงกระแทกในความว่างเปล่าก่อนพึมพำว่า “พลังนี้แข็งแกร่งมาก มันสามารถทำลายโลกทั้งใบได้ในพริบตา โชคยังดี มันถูกกักขังไว้บนเกาะร้าง ไม่อย่างนั้น ไม่อยากจินตนาการเลย”

“ด้วยพละกำลังของเจ้าตอนนี้ สามารถขัดขืนวันสิ้นโลกได้หรือเปล่า” จางหยิงห่าวถาม

กู่ฉิงซานรวบรวมพลังของสามมังกรเอาไว้ จากนั้นพึมพำว่า “ถ้าข้าขัดขืนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี อาจจะสามารถต้านทานการโจมตีนั้นได้ แต่ถ้ามันทำลายอย่างต่อเนื่อง ข้าก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

เขาพลันหยุดนิ่ง

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีไม่ถามเช่นกัน

ทั้งสามคนมองไปทางเกาะร้าง

พวกเขาเห็นบางสิ่งที่เลือนรางกำลังขับขานอยู่บนทะเลอันว่างเปล่า

เงาสีดำเลือนรางยืนนิ่งที่ตำแหน่งเดิมของเกาะร้าง

มันกำลังขับขาน

ท่ามกลางเสียงขับขานของมัน ทะเลลดระดับลง

เกาะปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ทว่า เกาะร้างที่ปรากฏในครั้งนี้มีชีวิต

มันเหมือนกับการปลอมแปลงของสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง หลังจากปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มันคืบคลานบนผิวทะเลก่อนหยุดเคลื่อนไหว

ไม่ว่าจะมองยังไง มันคือเกาะ เหมือนกับเกาะก่อนหน้านี้

แต่เงาสีดำไม่สนใจเกาะร้าง มันมองตรงไปทางพวกกู่ฉิงซาน

มันพุ่งตรงมาทางเรือไม้

เปรี้ยะ!

เขตอาคมโปร่งแสงหนาขวางมันไว้

เป็นเขตอาคมของเกาะก่อนหน้านี้!

กู่ฉิงซานเคยกลายเป็นนกเพื่อพยายามบินออกมา ผู้บำเพ็ญเพลิงทำแบบเดียวกัน แต่มันก็กระเด็นกลับมา

เงาดำพยายามอยู่สักพักใหญ่ก่อนพบว่าไม่สามารถออกมาได้ จากนั้นมันจึงอยู่บนเกาะร้าง

มันยังคงขับขานด้วยเสียงหมองหม่นและเหินห่าง

ตอนนี้ เรือไม้ของพวกกู่ฉิงซานค่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากเกาะร้างในที่สุด

ในที่สุดเรือไม้ก็ออกมาได้

บนเรือ ทั้งสามคนไม่พูด

จางหยิงห่าวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วกล่าวว่า “สิ่งนั้นน่ากลัวมาก แค่ได้เห็นมัน ข้าก็รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย”

“เหมือนกัน” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ

เขาร่ายวิชาอย่างไม่ใส่ใจเพื่อทำให้ชั้นเหงื่อเย็นบนร่างแห้ง

เย่เฟยหลีพลันกล่าวว่า “เจ้าบ้านั่นมันอะไร”

“ใครจะรู้ แต่เจ้ายังจำ ‘เกมชีวิตนิรันดร์’ ได้หรือเปล่า ข้าว่าคนที่เป็นประธานใน ‘เกมชีวิตนิรันดร์’ น่าจะเป็นตัวตนระดับเดียวกับเจ้านั่น”

“ถ้างั้นวันสิ้นโลกก็ถูกจัดขึ้นด้วยตัวตนบางอย่างงั้นหรือ” เย่เฟยหลีถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าไม่รู้ ข้าว่ามันคือหนึ่งในรางวัลของความโกลาหลที่ทำให้พวกเราสามารถสังเกตวันสิ้นโลกได้ใกล้ชิดขนาดนี้”

จางหยิงห่าวกล่าวว่า “เจ้าหมายความว่า…”

“ใช่ ในช่วงเวลาปกติ คนที่สามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของวันสิ้นโลกได้คือใคร นอกจาก ‘เกมชีวิตนิรันดร์’ แล้ว ก็ยังมีช่วงเวลาที่เบาบางยิ่งกว่าอีกนับไม่ถ้วน แต่พวกเราไม่เคยเห็นตัวตนที่อยู่เบื้องหลังฉากดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบ” กู่ฉิงซานกล่าว

จางหยิงห่าวกล่าวว่า “ดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เดี๋ยวนะ ข้าว่าเส้นทางที่ความโกลาหลเตรียมเอาไว้ให้พวกเราจะต้องยากมากแน่ๆ พวกเราน่าจะได้รู้ความลับในภายหลัง”

จางหยิงห่าวทำท่าไฮไฟว์แล้วกล่าวว่า “เจ้าจำข้อความแจ้งเตือนในตอนแรกได้หรือเปล่า อย่างน้อยจะมีวันสิ้นโลกหนึ่งอย่างปรากฏขึ้นทุกหนึ่งชั่วโมง ถ้าเป็นตามนั้น พวกเราอาจจะพบกับวันสิ้นโลกหลังจากนั้นในเวลาเดิมก็ได้”

ทันใดนั้น เย่เฟยหลีขัดขึ้น “ถ้าพลังนี้มาที่โลกพวกเราล่ะก็…”

ทั้งสามคนพลันตกอยู่ในความเงียบ

ผ่านไปสักพัก แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาในเวลาเดียวกัน

“นอกความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด”

“หายนะและวันสิ้นโลกทั้งหมดไม่สามารถเข้าสู่ประตูโลกได้”

“แต่มีวันสิ้นโลกประปรายบางส่วนที่สามารถทะลวงความว่างเปล่าไปยังที่ที่พวกเราอยู่ได้”

“วันสิ้นโลกสังหารได้หายไปแล้ว วันสิ้นโลกที่ไม่อาจถูกฆ่าได้ถูกจองจำอยู่ในมิติลับ ส่วนวันสิ้นโลกที่ไม่อาจขัดขืนได้ยังคงทำสิ่งชั่วร้ายอยู่”

“สิ่งที่พวกท่านเห็นคือวันสิ้นโลกอย่างหนึ่ง มันคือนักโทษแห่งความโกลาหล”

เย่เฟยหลีเปิดปากถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “เจ้าสามารถจองจำวันสิ้นโลกได้งั้นหรือ”

ทว่า จางหยิงห่าวคิดไปไกลกว่านั้นก่อนกล่าวกับตัวเองว่า “ในเมื่อความโกลาหลทรงพลังขนาดนี้แล้วพวกมันถึงแก่ความตายได้ยังไงในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งวิญญาณกรีดร้องเริ่มกระจายความโกลาหลใหม่ แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย…”

นักโทษ

กู่ฉิงซานทวนสองคำนี้ซ้ำ

เขารู้สึกเสมอว่าเคยได้ยินคำว่า “นักโทษ” มาจากที่ไหนสักแห่ง

เหมือนว่า…

หลินจะเคยกล่าวถึงมาก่อน

แต่หลินไม่รู้ความลับของนักโทษ

อีกด้าน

เทพแห่งชีวิตยืนอยู่บนเกาะร้างขณะระวังตัวแจ

หลายนาทีผ่านไปนับตั้งแต่เริ่มวันสิ้นโลก

ทว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มันรอและรอจนกระทั่งฟ้ากำลังมืด ในที่สุดมันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ดูท่าจะเป็นวันสิ้นโลกโรคระบาดสำหรับมนุษย์หรือไม่ก็วันสิ้นโลกที่ต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่เป็นจำนวนมากจึงจะถูกกระตุ้น เทพอย่างข้าจึงไม่ได้รับผลอะไร”

“ใช่แล้ว การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพเป็นเพียงการเริ่มต้น พวกเราจะไม่มีทางปล่อยวันสิ้นโลกออกมามากเกินไปในคราวเดียว รวมถึงไม่ปล่อยวันสิ้นโลกที่ทรงพลังเกินไปเพื่อมาทดสอบพวกเรา”

มันก้าวไปข้างหน้า

ก้าวนี้คือจุดเปลี่ยน

เสียงแตกร้าวพลันดังขึ้นทั่วเกาะ

คลิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆ

“แย่แล้ว!”

ใบหน้าของเทพแห่งชีวิตเปลี่ยนไปมาก

มันปล่อยหนวดสีดำทั้งหมดเพื่อห่อหุ้มตัวเองเอาไว้จนเกิดเป็นกำแพงป้องกันสีดำสนิท

เมื่อมันตอบสนอง ทั่วเกาะพลันหายไปจากทะเล

ทุกสิ่งบนเกาะนี้กลายเป็นผุยผง

เหลือเพียงเทพแห่งชีวิตเท่านั้น

“อ้ากกกกกก!”

เทพแห่งชีวิตระเบิดเสียงคำรามเสียดแทงหัวใจออกมา

การโจมตีนั่นน่าสะพรึงจริงๆ ต่อให้มันตอบสนองได้ไวก็ยังรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่

หนวดสีดำจำนวนมากมีโลหิตไหลออกมาจนถึงขนาดฉีกขาด

เทพแห่งชีวิตไม่สนใจหนวดพวกนี้

ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ใช่ นี่มัน… คือสิ่งนั้น!”

“เจ้าวิญญาณกรีดร้องบัดซบ…”

“นักโทษ! นักโทษกำลังมา!”

เทพแห่งชีวิตพึมพำด้วยเสียงติดอ่าง

ทันใดนั้น มีคลื่นเสียงขับขานเลือนรางดังมาจากท้องนภา

ใบหน้าของเทพแห่งชีวิตเผยความบ้าคลั่งออกมา มันอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้ “ข้าอยากมีชีวิต…ข้าต้องมีชีวิต ข้าไม่อยากตาย!”

มันพลันยื่นมือออกไปแล้วแทงหัวใจตัวเอง

หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ถูกมันคว้าเอาไว้

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

หัวใจเต้นด้วยเสียงที่หนักอึ้ง

เทพแห่งชีวิตมองหัวใจดวงนี้ก่อนตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “เทพแห่งความตาย! เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าก่อนตายจะหลอมรวมหัวใจด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเพื่อทำให้ตายได้หนึ่งครั้ง!”

มันบดขยี้หัวใจอย่างรุนแรง

เพียงพริบตา เทพแห่งชีวิตอีกองค์ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“ฮ่าๆๆ ข้ารอดแล้ว! เร็วเข้า! เคลื่อนย้ายพริบตาข้ากลับไป!”

เทพแห่งชีวิตที่แท้จริงหัวเราะออกมา

ลำแสงพุ่งลงมาจากท้องนภาขณะห่อหุ้มมันเอาไว้ก่อนพาออกจากโลกนี้ในทันที

ในหมอก เทพแห่งชีวิตเคลื่อนย้ายพริบตาอย่างต่อเนื่อง

มันเดินทางเป็นระยะเวลายาวนาน ผ่านมิติและเวลาไม่มีสิ้นสุดก่อนจะกลับสู่ที่ที่มันถูกอัญเชิญมา

สมรภูมิระหว่างโลกวิญญาณชั่วร้ายและหุบเหวนิรันดร์

เดิมที มันนำความโกลาหลมาต่อสู้กับหุบเหว

“รอดแล้ว…รอดแล้ว…ในที่สุดข้าก็รอด”

เทพแห่งชีวิตพึมพำอย่างยินดี

มันมองรอบสมรภูมิ

ความโกลาหลทรงพลังจำนวนมากยังยืนอยู่รอบข้างด้วยความเคารพ

“ข้าจากไปนานแค่ไหน” เทพแห่งชีวิตถามอย่างเย็นชา

“นายท่าน ท่านหายไปราวสิบห้านาที” คนของความโกลาหลคนหนึ่งตอบ

“การต่อสู้เป็นยังไงบ้าง”

“ใกล้จบแล้ว หุบเหวไม่ขัดขืน คนในโลกวิญญาณชั่วร้ายบุกไปแนวหน้าแล้ว คนของพวกเราไม่เคลื่อนไหวเพราะยังไม่ได้รับคำสั่งของท่าน”

“อืม”

เทพแห่งชีวิตพยักหน้า

ก่อนมันจะไป โลกวิญญาณชั่วร้ายและความโกลาหลคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ ไม่ช้าพวกมันจะสามารถจัดการหุบเหวได้อยู่หมัด!

จากมุมมองตรงนี้ ทุกสิ่งเป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้

การต่อสู้เพื่อกลายเป็นเทพเป็นเพียงเส้นทางแห่งความตาย ด้วยการปรากฏตัวของนักโทษในตอนแรก เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะเอาชนะ

น่าเสียดายที่ทั้งวิญญาณกรีดร้องและผู้ที่เข้าท้าทายล้วนใช้ชีวิตมาน้อยเกินไปจนไม่รู้ว่านักโทษคืออะไร

พวกมันทั้งหมดจะต้องตาย

คนที่รอดมีเพียงมันเท่านั้น

ขณะที่เทพแห่งชีวิตยินดีอยู่นั้น คนของความโกลาหลสองคนเดินเข้ามารายงาน

“เทพที่แท้จริง ปรมาจารย์ภูตผีจากโลกวิญญาณชั่วร้ายมาเยือนขอรับ”

“โห เชิญเขามา”

“ขอรับ”

ผ่านไปหลายอึดใจ มีเสียงหัวเราะดังขึ้น

“ฮ่าๆๆ เทพแห่งความโกลาหล เจ้าคือพันธมิตรที่พวกข้าจงรักภักดี เจ้ามีส่วนสนับสนุนในชัยชนะของสงคราม”

ปรมาจารย์ภูตผีนำผู้ติดตามหลายสิบตนมาที่นี่

เขาชูมือขึ้นก่อนโยนบางสิ่งมา

เทพแห่งชีวิตรับมาดู มันคือคริสตัลแผ่แสงสีเหลืองสดใสออกมา เต็มไปด้วยตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นมา

นี่มันคริสตัลเทพ!

แม้กระทั่งในโลกเก่า นี่ก็ยังเป็นของดี!

เทพแห่งชีวิตรู้สึกยินดีก่อนถามว่า

“ขอบคุณ ปรมาจารย์ภูตผีจู่ๆ มาเยี่ยมเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือ”

“เรื่องนั้นหรือ ถ้ำหมื่นอสูรฉวยโอกาสจากการโจมตีหุบเหวของพวกเรามาซุ่มโจมตีน่ะ ข้าจึงรีบกลับมารับมือการโจมตีของพวกมัน”

“ถ้ำหมื่นอสูรหรือ” เทพแห่งชีวิตครุ่นคิด

“หนึ่งในหกภพ พละกำลังแข็งแกร่ง พวกมันไม่ได้แย่ไปกว่าพวกเราเลย” ปรมาจารย์ภูตผีตอบ

เทพแห่งชีวิตย่อมเข้าใจ จากนั้นจึงตอบว่า “อ๋อ… จ้าต้องการ…”

“ที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติ เหลือกำลังต่อสู้ไว้ในหุบเหวเพียงเล็กน้อยก็ได้ ข้าอยากให้เจ้านำกลุ่มทัพไปสู้ศึกต่อไปเพื่อที่ข้าจะสามารถกลับไปสู้ในอีกศึกหนึ่งได้” ปรมาจารย์ภูตผีกล่าว

เทพแห่งชีวิตปล่อยกระแสจิตขณะกวาดผ่านตำแหน่งเกือบทุกจุดบนสมรภูมิ

ซากศพของสัตว์ประหลาดหุบเหวอยู่ทุกที่

วิญญาณชั่วร้ายชนะ

แม้กระทั่งในตำแหน่งที่มันอยู่ ความโกลาหลก็เริ่มสงบลงแล้ว

นี่นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เทพแห่งชีวิตลูบคริสตัลในมือพลางครุ่นคิดสักพัก “เอาล่ะ งั้นให้ข้าจัดการเอง”

ปรมาจารย์ภูตผีกล่าวว่า “ขอบคุณมาก ตอนข้าไปฆ่ากลุ่มสัตว์อสูรที่มารุกราน ข้าจะต้องนำข่าวดีกลับมาแน่นอน”

“ปรมาจารย์ภูตผีถ่อมตัวเกินไปแล้ว” เทพแห่งชีวิตหัวเราะ

“เช่นนั้นข้าจะมอบกำลังทหารให้” ปรมาจารย์ภูตผีหัวเราะเช่นกัน

“ขอบคุณ”

ปรมาจารย์ภูตผีถ่ายทอดคำสั่ง

บนสมรภูมิ วิญญาณชั่วร้ายเริ่มถอยอย่างเงียบงัน

เทพแห่งชีวิตบัญชาความโกลาหลก่อนเริ่มยึดครองทั่วสมรภูมิ

ปรมาจารย์ภูตผีแลกเปลี่ยนคำพูดอีกสองสามประโยคกับเทพแห่งชีวิต จากนั้นจึงนำวิญญาณชั่วร้ายถอยออกไปช้าๆ

กลุ่มผู้เกี่ยวข้องติดตามปรมาจารย์ภูตผีไปในกระแสวังวนความว่างเปล่า พวกเขานำกระสวยกระดูกลอยฟ้าออกไปก่อนขึ้นไปนั่งตนแล้วตนเล่า

กระสวยค่อยๆ เร่งความเร็วก่อนบินไปทิศทางตรงข้ามกับสมรภูมิ

เมื่อไปไกลจากระยะการรับรู้ของเทพแห่งชีวิตแล้ว ในที่สุดปรมาจารย์ภูตผีก็ไม่อาจหักห้ามเอาไว้ได้อีกต่อไปก่อนกระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรง

“ท่านปรมาจารย์ภูตผี!”

ผู้ติดตามเข้ามาล้อมเขาทันที

ปรมาจารย์ภูตผีเช็ดโลหิตจากมุมปากก่อนถามเสียงต่ำว่า “อยู่ไกลจากจุดที่สามารถเคลื่อนย้ายพริบตาได้แค่ไหน”

ผู้ติดตามคนหนึ่งตอบว่า “เรียนนายท่าน ยังเหลืออีกหนึ่งหมื่นสามพันไมล์”

ปรมาจารย์ภูตผีอ้าปากก่อนกล่าวว่า “ไม่ต้องสนอะไรแล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถเร่งความเร็วการบินเต็มพิกัดได้ พวกเราต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เร็วเข้า!”

“ขอรับ!”

แสงสีเขียวเย็นเยือกแผ่ออกมาจากกระสวยกระดูก ในเวลาเดียวกัน มีเสียงหึ่งดังขึ้น

มันเริ่มเร่งความเร็วเต็มกำลัง

..............................