webnovel

1171 พลังเหนือธรรมชาติของขุนเขาเซียวหมีกลาย

ตอนที่ 1171 พลังเหนือธรรมชาติของขุนเขาเซียวหมีกลายพันธุ์

เบื้องหน้าขุนเขาเซียวหมี

กู่ฉิงซานลอยอยู่ในอากาศ

จุดแสงสว่างนับไม่ถ้วนลอยออกจากดวงตาข้างซ้ายของเขาขณะหมุนรอบตัวช้าๆ

กู่ฉิงซานสามารถสัมผัสความยินดีและความตื่นเต้นจากจุดแสงสว่างเหล่านี้ได้

“ความหวัง…ของพวกเรา…” โลกกระซิบ

“ถ้าเช่นนั้น จะรออีกไม่ได้แล้ว ไปกันเถอะ”

กู่ฉิงซานหักห้ามความเจ็บปวดคมปลาบในดวงตาเอาไว้ขณะกล่าวเช่นนั้น

สิ้นคำพูดของเขา จุดแสงสว่างทั้งหมดลอยไปไกลถึงภูเขาก่อนเคลื่อนลงมาช้าๆ

หนึ่งอึดใจ

สองอึดใจ

สามอึดใจ

ทันใดนั้น

ขุนเขาเซียวหมีพลันปลดปล่อยแสงเรืองรองบริสุทธิ์ออกมาขณะสาดส่องผ่านความว่างเปล่าไร้พรมแดน

โลกหกใบปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซานชัดเจน

กู่ฉิงซานชำเลืองมองหกโลกก่อนพบว่ากฎเกณฑ์ของหกโลกค่อยๆ พัฒนาขึ้น

นับจากนี้ไป บรรดาผู้ให้กำเนิดเส้นทางชีวิตจะไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว

พวกเขาต้องเริ่มจากโยนตัวเองลงไปในยมโลกก่อนเพื่อกลับชาติมาเกิดจากเส้นทางชีวิตทั้งหมดในยมโลก

นี่คือเส้นทางที่ถูกต้องในการกลับชาติมาเกิด

ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เซียวหมีได้รับพลังจากทุกอาณาจักรขณะเริ่มทำการแก้ไขจุดนี้ก่อน

ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องไปยังสวรรค์

เขาเห็นว่าคนที่ “ถูกแนะนำ” ให้ไปสวรรค์โดยเขาล้วนยุ่งกับการสร้างตำหนักสวรรค์

คนที่สามารถเกิดใหม่ในสวรรค์ได้คือคนที่มีความเพียรความพยายามและความอดทนสูง ความทะเยอทะยานของเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับมนุษย์ธรรมดาได้

เขาเห็นว่าในตำหนักสวรรค์ อากาศเบาบางเกิดขึ้นจากเมฆหมอกขณะแทรกซึมเข้าไปในร่างของคนเหล่านั้นเงียบๆ

พวกเขาเริ่มถูกหล่อเลี้ยงโดยวิญญาณเซียน สักวัน พวกเขาจะแยกออกจากร่างโลกีย์จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงของโลกเซียน จากนั้นจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นเซียน

กระบวนการนี้ยาวนาน แต่ยังไงเสีย พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีรากฐานการฝึกฝนในการใช้ชีวิตบนสวรรค์ก็ได้ แบบนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร

ไม่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องใช้ภัยพิบัตินับไม่ถ้วนถึงจะมีโอกาสกลายเป็นเซียน

กู่ฉิงซานมองดูเงียบๆ สักพัก ทันใดนั้น เขายื่นมือออกไปกุมดวงตาข้างขวา

มืดสนิท

ตาข้างซ้ายมองไม่เห็น

การแบกรับเศษเสี้ยวโลกนับไม่ถ้วนเอาไว้ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงที่ตาข้างซ้าย

กู่ฉิงซานมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม

หลังจากนั้น มีแถวหิ่งห้อยยาวปรากฏขึ้นมา

“คำเตือน ท่านตาบอด”

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความรู้สึกจนใจ

ทันใดนั้น แสงเจิดจ้าทั้งหมดบนขุนเขาเซียวหมีกลับคืนมา

ทุกสิ่งกลับเป็นปกติ

ไป่จั่วปรากฏตัวขึ้นก่อนยิ้มให้กู่ฉิงซาน “พี่กู่ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าต้องพูดอะไร เจ้าคลี่คลายปัญหาเล็กใหญ่ให้กับขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ นับจากนี้ไป พวกข้าก็ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว แค่ต้องใช้ชีวิตให้มั่นคงต่อไปเท่านั้น”

กู่ฉิงซานมองรอยยิ้มสดใสของอีกฝ่ายขณะครุ่นคิดสักพัก จากนั้นกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่นานได้ ไป่จั่ว เจ้าต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่ง หากเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เจ้าอย่าได้คิดเรื่องความมั่นคงในใจเด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ” ไป่จั่วถามด้วยความประหลาดใจ

“เพราะความมั่นคงทั้งหมดในโลกคือภาพมายาที่หายวับไป คือพายุทรายที่ไม่อาจไขว่คว้า คือกำแพงอันตรายที่ไม่สามารถพิงได้” กู่ฉิงซานตอบ

“พี่กู่ ข้าไม่เข้าใจ” ไป่จั่วกล่าว

“ข้าถามเจ้าหน่อย ทำไมขุนเขาถึงเกือบถูกทำลายในตอนแรก ทำไมเจ้าถึงต้องสู้ ทำไมเจ้าถึงกลับมาจากความตายได้” กู่ฉิงซานถาม

เขาถามต่อว่า “ถ้าข้าไม่ก้าวข้ามภัยพิบัติคราวที่แล้ว เมืองมนุษย์ที่อยู่ด้านหลังเจ้าจะมีจุดจบยังไง ครอบครัวและญาติของเจ้าจะรอดจากการโจมตีของกองทัพปีศาจหรือ”

ไป่จั่วครุ่นคิดสักพักก่อนส่ายหน้าช้าๆ

กู่ฉิงซานยื่นนิ้วออกไปเพื่อแตะในอากาศแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “จำเอาไว้ มีเพียงเส้นทางเดียวในโลกเท่านั้น ต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะได้ปกป้องทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างได้”

ท้องนภาเคลือบหลากสีสันทอประกาย

กู่ฉิงซานถูกส่งขึ้นท้องนภาสู่ยอดเขาเซียวหมี

ไป่จั่วยืนอยู่กับที่เป็นเวลานาน

ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์

กู่ฉิงซานเผยร่างช้าๆ ขณะหลับตา

ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ไกลเกินเอื้อมผู้ฝึกยุทธ์และเซียนก็จริง แต่หกโลกกว้างใหญ่ไพศาลจนต้องใช้พละกำลังทั้งหมดในการเดินทางกว่าจะมาถึงยอดเขาได้เร็วขึ้น

หมู่เมฆรอบข้างหายไป

ขณะเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์และปฐพี พลังที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติ

ขณะอยู่บนยอดขุนเขาเซียวหมี กู่ฉิงซานรู้สึกถึงพลังยิ่งใหญ่มองไม่เห็นในท้องนภา

นี่คือพลังของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์!

ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ขอให้กู่ฉิงซานทำสองอย่าง

กู่ฉิงซานทำให้เรียบร้อย

ตอนนี้ ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมที่จะเติมเต็มสัญญาแล้ว

เขาเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

“ท่านช่วยเติมเต็มประชากรให้กับตำหนักสวรรค์ อีกทั้งยังช่วยขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ให้มีพลังโลกมากขึ้น”

“นับจากนี้ไป ขุนเขาเซียวหมีจะกลับสู่สภาพปกติอย่างสมบูรณ์”

“ขุนเขาเซียวหมีจะพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ ‘ขุนเขาส้ม’ ของท่านให้กลายเป็นพลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีที่เหมาะสมกับฉายา ‘ราชาแมว’ ของท่าน”

“พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพของท่าน กำราบมาร · ขุนเขาส้ม กำลังจะวิวัฒนาการ”

“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นคุ้นเคยกับการสื่อสารกับท่านผ่านหอก โปรดถือหอกปีศาจแดงเอาไว้เหมือนคราวที่แล้วเพื่อรอให้ขุนเขาเซียวหมีเชื่อมต่อกับท่าน”

กู่ฉิงซานหยิบหอกปีศาจแดงออกมาก่อนถือไว้ในมือ

เขาเห็นว่าพลังที่มองไม่เห็นพลันเคลื่อนลงมาจากท้องนภาขณะปกคลุมรอบหอกเอาไว้ จากนั้นพุ่งเข้าสู่ร่างของกู่ฉิงซาน

“ฟู่”

กู่ฉิงซานฝืนรับพลังของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

ทันใดนั้น เขาพบว่าในบรรดาพลังที่มองไม่เห็นบนหอก แสงดารามั่นคงค่อยๆ เปล่งออกมา

แถวข้อความปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที

“จิตวิญญาณที่แตกสลายของโลกกำลังให้พรท่าน พวกมันซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่ท่านทำให้”

“พลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีของท่านได้เปลี่ยนไป”

“โปรดรอห้าวินาที การวิวัฒนาการพลังเหนือธรรมชาติของท่านกำลังจะเสร็จสิ้นแล้ว”

“ห้า”

“สี่”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“เสร็จสิ้น”

“พลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพของท่านพัฒนาสู่พลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีแล้ว”

“หมายเหตุพิเศษ เพราะพรของโลก พลังเหนือธรรมชาตินี้จึงกลายพันธุ์”

“ตามชื่อและอุปนิสัยของท่าน ทำให้ได้รับพลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีต่อไปนี้”

“การจุติของจักรพรรดิส้ม (กลายพันธุ์)”

“เมื่อท่านใช้พลังเหนือธรรมชาตินี้ ท่านจะเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิส้มเพื่อได้รับความสามารถต่อไปนี้”

“สกัดพละกำลัง ท่านจะไม่ดูดกลืนพลังวิญญาณดั้งเดิมจากความว่างเปล่าอีกต่อไป แต่จะผ่านการกินและการกลืนกิน พลังวิญญาณดั้งเดิมที่ท่านได้รับจะทวีคูณขึ้น”

“เงาภูตผีแห่งราตรีมายา หลังจากราตรีมาเยือน ท่านสามารถสื่อสารกับวัตถุยอดเยี่ยมเหล่านั้นได้ หลังจากได้รับความยินยอมแล้ว ท่านสามารถหยิบยืมความสามารถบางอย่างจากพวกมันได้คืนละครั้ง”

กู่ฉิงซานมองคำอธิบายของ “เงาภูตผีแห่งราตรีมายา” ในใจพลันรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมา

พลังของขุนเขาเซียวหมี ประกอบกับพรที่ได้รับมาจากโลกที่แตกสลาย ทำให้ได้รับความสามารถนี้มา

กู่ฉิงซานก้มมอง

คนอื่นๆ ยังไปไม่ถึงยอดเขา

ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่บนยอดเขา เขารู้สึกคลั่นเนื้อคลั่นตัวจนอดที่จะปลดปล่อยพลังเหนือธรรมชาติ “การจุติของจักรพรรดิส้ม” ไม่ได้

แมวสีส้มพลันปรากฏขึ้นบนยอดเขา

แมวสีส้มมองหาง ร่างและอุ้งเท้าตัวเองก่อนจับหูและหนวด ดวงตาหรี่ช้าๆ

…นี่หรือจักรพรรดิส้ม

ไม่เห็นจะเปลี่ยนไปเลย

โชคยังดี พลังเหนือธรรมชาติได้เปลี่ยนไปแล้ว

แมวสีส้มมองท้องนภา

ตอนนี้ถึงจะดูหมองหม่น แต่มันเป็นช่วงกลางคืนหลังจากพ้นสายัณห์มาแล้ว

แมวสีส้มกางอุ้งเท้าแล้วตะโกนใส่อากาศว่า “เหมียวๆๆ ”

ไม่ช้า

มีเสียง “ฟิ่วๆ ” ในอากาศ

เหวยจุนตอบรับ!

ด้วยความยินยอมของมัน แมวสีส้มใช้งานพลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมี เงาภูตผีแห่งราตรีมายา ทันที

มันค่อยๆ หลอมรวมกับราตรีก่อนหายไปอย่างสมบูรณ์

แมวสีส้มหมอบกับพื้นขณะมองตัวเอง

มันมองไม่เห็นตัวเอง

แมวสีส้มวิ่งช้าๆ

ที่ที่มันวิ่งผ่าน ไม่หลงเหลือร่องรอย

ดังนั้นจึงไม่มีใครพบว่ามันอยู่ที่ไหน

แมวสีส้มพยักหน้าเล็กน้อย

“หยกไร้ข้อบกพร่อง” ที่หยิบยืมมานี้น่าสนใจนัก

นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างระหว่าง “เงาภูตผีแห่งราตรีมายา” กับ “ร้อยแสงสาดส่อง” ของเหวยจุนอยู่

“ร้อยแสงสาดส่อง” สามารถหยิบยืมพลังของศัตรูได้ แต่ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

“เงาภูตผีแห่งราตรีมายา” หยิบยืมพลังจากวัตถุยอดเยี่ยม สามารถใช้ได้ทุกคืน

แมวสีส้มค่อยๆ เดินรอบยอดเขาขณะประสบกับผลอันยอดเยี่ยมของพลังเหนือธรรมชาติ

ถ้าสามารถกลมกลืนไปกับราตรีได้ หลายสิ่งก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ในรูปแบบการต่อสู้ของเขาด้วย

พลังเหนือธรรมชาติระดับขุนเขาเซียวหมีน่าทึ่งจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้แตกต่างจากพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ แต่มันเป็นพลังเหนือธรรมชาติที่ดีกว่าจริงๆ !

แมวสีส้มก้าวไปข้างหน้าขณะคิดไปมา

ในเวลาเดียวกัน มันพลันหยุดก่อนถอยกลับ

ตอนนี้ แมวสีส้มอยู่หลังเขาตรงหน้าหินที่ขอบผา

มันหันไปมองความว่างเปล่านอกผา

“เหมียว!”

แมวสีส้มส่งเสียงเรียกต่ำ สีหน้าของมันจริงจัง

ตอนนี้ มันพลันพบว่ามีความผันผวนวิญญาณเล็กน้อยอยู่นอกผา!

น่าแปลก นี่คล้ายกับพลังวิญญาณของสำนักร้อยบุปผาเลย…

แมวสีส้มครุ่นคิดสักพักก่อนนึกถึงฉากการก้าวข้ามภัยพิบัติคราวที่แล้วขึ้นมาได้

ตอนนั้นมันออกมาก่อน

อาจารย์พบบางสิ่งที่นี่หรือ

นางรู้ว่าเขาจะต้องมาขุนเขาเซียวหมีเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ ดังนั้นนางจึงทิ้งเบาะแสอะไรเอาไว้หรือเปล่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ แมวสีส้มยื่นอุ้งเท้าออกไปร่ายวิชา

“เหมียว (แสดง) !”

เพียงพริบตา วิชาปลดปล่อยจากกรงเล็บก่อนลอยเหนือผา ทำให้เกิดแสงออร่านับไม่ถ้วน

ออร่าเหล่านี้พัวพันอยู่ในความว่างเปล่า แสดงขั้นบันไดที่นำไปสู่สวรรค์

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าแมวสีส้มอย่างรวดเร็ว

“ท่านพบเส้นทางสู่สวรรค์ของขุนเขาเซียวหมี”

แมวสีส้มลังเลสักพักก่อนยื่นอุ้งเท้าออกไปแล้วก้าวบนขั้นบันไดอย่างระวัง

อุ้งเท้าสัมผัสความว่างเปล่า

แมวสีส้มยื่นอุ้งเท้าออกไปอีกหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถไปถึงขั้นบันไดได้

มันมองขั้นบันไดด้วยความสับสน

ทำไมข้าถึงขึ้นไปไม่ได้

แมวสีส้มครุ่นคิดอยู่นานขณะใช้วิชามากมาย แต่ก็ไม่สามารถก้าวขึ้นขั้นบันไดได้

กลิ่นอายวิชาคงอยู่สักพักก่อนค่อยๆ หายไป

เส้นทางสู่สวรรค์ถูกซ่อนอีกครั้ง ไม่สามารถถูกใครสังเกตเห็นได้อีก

แถวหิ่งห้อยพลันปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านมีสองตัวตนของเทพยมโลก ทำให้ไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้”

..............................