webnovel

1012 ความตายของเหล่าเทพ

ตอนที่ 1012 ความตายของเหล่าเทพ

ประกายสีเงินปกคลุมกู่ฉิงซานจนสิ้น

เขายืนอยู่ในลำแสงไม่ขยับไปไหน ไม่ตอบสนองใดๆ

“เกิดอะไรขึ้น”

ลอร่าถามอย่างวิตก

“มีปัญหาอะไรกับแหวนงั้นหรือ” เย่เฟยหลีหันศีรษะขณะจ้องเชี่ยนหยา

เชี่ยนหยาส่ายหน้าขณะพูดบางสิ่งออกมา

เย่เฟยหลีได้ยินเช่นนี้จึงบอกกับทุกคนว่า “นางบอกว่ากู่ฉิงซานกำลังรับความลับจากอดีต ไม่เป็นไรหรอก”

จางหยิงห่าวจ้องเชี่ยนหยาอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “หึ ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย เจ้าต้องเป็นแหวนวงนี้แน่ๆ”

เหล่าต้าโบกมือก่อนขัดเขา “อย่าห่วงไปเลย”

จางหยิงห่าวมองเขา

เหล่าต้าดูเหนื่อยเล็กน้อย แต่ก็ดูเศร้าจนอธิบายไม่ถูกนิดหน่อยเช่นกัน

“ไม่ต้องห่วง เขาเข้าใจบางสิ่งจริงๆ หากต้องการทำบางสิ่งในโลกอย่างเมืองเรเควี่ยม กระบวนการนี้ก็จำเป็น”

เหล่าต้าเสริมว่า “นี่คือการยอมรับตัวตน”

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราทำได้แค่รองั้นหรือ”

“รอไปก่อน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

หลังจากพูดจบ เหล่าต้ากลับไปนอนบนโซฟา

ทุกคนมองหน้ากัน สายตาจับจ้องกู่ฉิงซานอีกครั้ง

กู่ฉิงซานไม่ขยับ

หากเทียบฉากหลังของความเจิดจ้า เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ใกล้ทุกคนมาก แต่มันช่างดูไกลห่างเหลือเกิน

ทันทีที่แหวนทำงาน

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาได้เข้าสู่ความมืด

ความมืดอันยาวนาน

ทันใดนั้น เสียงอันโอ่อ่าดังขึ้นในหูของเขา

“วันนี้ที่ดวงดาวร่วงหล่น อาณาจักรทวยเทพจะสูญสิ้น”

ความมืดหายไป

กู่ฉิงซานพลันเห็นท้องนภาที่เต็มไปดวงดาวกำลังร่วงหล่นตรงมายังปฐพี

ปฐพีคร่ำครวญ

แม้จะไม่แน่ชัดว่าทำไม แต่กู่ฉิงซานรับรู้ถึงความกลัว

ความหวาดกลัวนี้ไม่ใช่เพราะการร่วงหล่นของดวงดาว แต่เป็นเพราะมีความน่าสะพรึงที่อธิบายไม่ได้อยู่ในปฐพี

ถึงแม้ดวงตาของกู่ฉิงซานจะยังมองไม่เห็น แต่ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจ ทำให้เขาประสบกับความสิ้นหวังและความแตกตื่นที่ทิ่มแทงจนไปถึงกระดูก

ภาพสั่นไหว

กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในตำหนัก ทั่วตำหนักทะยานขึ้นท้องนภาอย่างต่อเนื่องราวกับมีบางสิ่งกำลังไล่หลังมา

ตำหนักเต็มไปด้วยนักรบสวมเกราะ

ผู้ชายสวมมงกุฎนั่งอยู่บนบัลลังก์ก่อนถามว่า “เหลือดวงดาวบนท้องฟ้าอีกกี่ดวง”

ใครบางคนรายงานว่า “นายท่าน ทุกดวงตายหมดแล้ว ทุกดวงตายหมดแล้ว”

“รายงาน”

ร่างหนึ่งเหาะมาจากท้องนภานอกตำหนักก่อนลงสู้พื้นในโถง

ชายคนนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล เขาหอบหายใจขณะกล่าวว่า “ยังมีเทพบางองค์ที่รอดชีวิตอยู่ ข้าเพิ่งเห็นว่าเทพแห่งความรู้อยู่กับตระกูลราชวงศ์ของจักรวรรดิดารา เขาทะลวงผ่านเขตอาคมโลกก่อนหลบหนีจากวังวนความว่างเปล่า”

“วังวนความว่างเปล่า!”

ผู้ชายแข็งแกร่งกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “เทพเป็นแบบนี้ได้ยังไง มีสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงนับไม่ถ้วนอยู่ในวังวนความว่างเปล่าเลยนะ สัตว์ประหลาดบางตัวก็สามารถเล่นงานเทพได้ด้วย!”

ผู้ชายแข็งแกร่งอีกคนกล่าวว่า “ไม่สำคัญหรอก พวกเรายังมีจ้าวหุบเหวนิรันดร์อยู่ คนแรกที่ได้อยู่บนมงกุฎแห่งดวงดาว เขาเต็มใจสละตัวตนในฐานะมนุษย์เพื่อกลายเป็นมารในหุบเหว เขาคือสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุด!”

ทุกคนเงียบ

เมื่อพูดถึงคนคนนั้น ดูท่าอารมณ์ของทุกคนจะซับซ้อนเล็กน้อย

เสียงกรีดร้องพลันดังมาจากข้างนอก

นี่เหมือนกับเป็นสัญญาณ

ความตายเริ่มกระจายออก

เสียงกรีดร้องของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนค่อยๆ กระจายไปในความว่างเปล่า ไม่มีอะไรมาตัดขาดมันไปได้

ผู้ชายสวมมงกุฎถอนหายใจ “แบบนี้เทพแห่งความตายก็พูดถูก อาณาจักรทวยเทพกำลังจะตาย โชคยังดี พวกเราได้รับการปกป้องจากเทพแห่งชีวิต”

เขาก้มศีรษะก่อนหยิบแหวนทองมาอยู่ในมือ

คราวนี้เกิดความเงียบ

ตูม!!!!!!

การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงดังก้องทั่วมิติ

มีความมืดอยู่นอกตำหนัก

กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดผ่านความมืดได้

ร่างชีวิตทั้งหมดกำลังไล่ล่าจากด้านล่างท้องนภาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะไล่ล่าไปในส่วนลึกของท้องนภาด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ ใบหน้าของผู้ชายสวมมงกุฎเปลี่ยนไปมาก เขาตะโกนออกมาว่า “ไม่มีเวลาแล้ว ไปวังวนความว่างเปล่ากันเถอะ!”

เขาสวมแหวนทองบนนิ้ว

แหวนส่องแสงขณะปลดปล่อยแสงสีทองออกมาจนปกคลุมทั่วทั้งตำหนัก

ตำหนักกลายเป็นแสงสีทอง ราวกับได้รับการชี้นำ มันแผดเสียงคำราม พุ่งเข้าใส่หลุมในความว่างเปล่าก่อนหายไปจากโลกนี้ทันที

ในช่วงวินาทีสุดท้าย กู่ฉิงซานมองไปที่ด้านหลังของตำหนัก

เขาเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่กำลังหลบหนีอย่างสิ้นหวังแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ

น่าเสียดาย ความเร็วของพวกเขาช้ากว่าตำหนักเสมอ

ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงตาย

ซากศพทั้งหมดปกคลุมท้องนภาจนมิดก่อนค่อยๆ เกิดเป็นทะเลซากศพ

ภาพกลายเป็นสีดำ

เมื่อหันมาอีกครั้ง

กู่ฉิงซานพบว่าเขายังอยู่ในตำหนักหลังนั้น

เขาเห็นว่าตำหนักตั้งอยู่บนยอดเขาที่ถูกห้อมล้อมด้วยขุนเขา ไม่มีอันตรายอีกต่อไป

เขาเห็นผู้ชายสวมมงกุฎอีกครั้ง

ผู้ชายนั่งสูงอยู่บนบัลลังก์ ร่างเต็มไปด้วยโลหิตและกำลังจะตาย

เขากำลังมองผู้ชายแข็งแกร่งสวมเกราะศึกสามคนที่อยู่ด้านล่าง

“เทพแห่งชีวิตล่วงลับไปในความว่างเปล่า ข้าเองก็จะเข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์”

“พวกเจ้าคือสาวกที่ติดตามเทพและเป็นผู้พิทักษ์ที่จงรักภักดีที่สุดที่อยู่ใต้อาณัติข้า”

“วันนี้ ข้าขอสาบานต่อพวกเจ้าที่อยู่ที่นี่”

“โปรดปกป้องเมืองเรเควี่ยมเพื่อข้าและทำให้แน่ใจว่าสายเลือดราชวงศ์จะยังคงอยู่ต่อไป ตระกูลราชวงศ์จะให้การปกป้องพวกเจ้าเสมอและจะไม่ทำร้ายลูกหลานของพวกเจ้าเด็ดขาด”

เขายกมือขึ้นก่อนโยนบางสิ่งออกไป

แหวนเงินสามวงลอยออกไปตกอยู่ตรงหน้าผู้ชายแข็งแกร่ง

“เวลาของข้ากำลังหมดลงแล้ว”

“ถ้าพวกเจ้าเต็มใจที่จะรักษาคำสาบาน จงสวมแหวนวงนี้เสีย”

ผู้ชายแข็งแกร่งสามคนดูเคร่งขรึม

พวกเขาสามคนมองแหวนก่อนนำมาสวมที่นิ้ว

ผู้ชายสวมมงกุฎมองฉากนี้เงียบๆ ก่อนเผยรอยยิ้มซาบซึ้งออกมาอย่างยากลำบาก

เขานั่งตัวตรงบนบัลลังก์ สูดหายใจครั้งสุดท้ายก่อนก้มศีรษะลงช้าๆ

ภาพเคลื่อนผ่านไป

กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในบ้าน

เขาตกอยู่ในความเงียบอันยาวนาน

ข้อมูลจากสองภาพนั้นมีมากเกินไป เขาต้องการเวลาในการย่อย

ผ่านไปสักพัก

กู่ฉิงซานมองเชี่ยนหยาแล้วถามว่า “อาณาจักรทวยเทพอยู่ที่ไหนหรือ”

เชี่ยนหยากล่าวบางสิ่งออกมา

เย่เฟยหลีฟังก่อนทวนซ้ำว่า “อยู่ท่ามกลางวังวนความว่างเปล่า มันถูกเรียกว่าโลกภายใน”

“ตอนโลกภายในถูกทำลาย ขณะเทพและดวงดาวมากมายล่วงลับ มีเทพเพียงเจ็ดองค์ที่นำพาอาณาจักรรอดจากวันสิ้นโลกอันโหดร้ายนั้นได้”

“ทว่า ในวังวนความว่างเปล่าไม่ได้ปลอดภัย”

“เทพเจ็ดองค์ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักมากมายมาหลายปี ในที่สุดก็ร่วงลับไปทีละองค์”

“แต่เพราะการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งของทวยเทพ สัตว์ประหลาดในความว่างเปล่านี้จึงลดลงไปมากในท้ายที่สุด”

“เทพล่วงรู้โชคชะตาของตัวเองมานานแล้ว พวกเขาจึงลงนามสัญญาสี่เทพโบราณในวังวนความว่างเปล่า สี่เสาหลัก ดิน น้ำ ไฟและลมล้วนอยู่ใกล้อาณาจักรทวยเทพอย่างสมบูรณ์ พวกเขาขอเพียงให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรทวยเทพเจริญเติบโตต่อไป”

“เดิมที อาณาจักรทวยเทพไม่สามารถรอดจากวังวนความว่างเปล่าได้ แต่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเทพ ในที่สุดก็หาทางอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้”

“จนกระทั่งเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน”

“ไพ่ใบหนึ่งปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาเทพของตระกูลราชวงศ์”

“เมื่อไพ่ใบนี้มา คลื่นพลังแรงกล้าพุ่งทะลวงใส่ผนึกของเทพ”

“พลังนี้รบกวนวังวนความว่างเปล่าในบริเวณใกล้เคียง ทำให้บุคคลน่าสะพรึงติดตามพลังนี้มาจนพบเมืองเรเควี่ยม”

“มันคือศัตรูของเทพแห่งชีวิต ตัวตนที่ไม่รู้จักในความว่างเปล่าที่เทียบเท่ากับเทพ มันเคยได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเทพ อาการยังไม่หายดี แต่เมื่อเจ็ดเทพหายไปและสี่เทพผู้ชอบธรรมไม่มีเวลามาจัดการเรื่องของมัน มันจึงลอบปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อหาโอกาสแก้แค้น”

“มันติดตามไพ่ใบนั้นจนมาถึงเมืองเรเควี่ยม”

“เพราะตัวตนบนไพ่ใบนั้นขาดพละกำลัง ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงนี้ได้ ทำให้นางต้องล้มเลิกการใช้ไพ่ก่อนทิ้งโลกพวกเราไว้เพียงลำพัง”

“ไพ่ใบนั้นถูกสัตว์ประหลาดเก็บไป แบ่งออกเป็นสี่ส่วนด้วยพลังที่ยากจะเข้าใจก่อนมอบให้ผู้ทรยศลูกหลานเทพทั้งสี่ที่อพยพมาทำหน้าที่ในฐานะเทพแทน”

“ส่วนตัวตนบนไพ่นั่น ก่อนที่จะไป นางบอกตระกูลราชวงศ์ว่าจะไปโลกเก้าร้อยล้านชั้นเพื่อรอการเกิดใหม่ของคนคนหนึ่ง”

“มีเพียงคนคนนั้นที่สามารถช่วยนางได้”

เมื่อกู่ฉิงซานได้ยินดังนี้ เขาเข้าใจบางอย่างขึ้นมา

เขาพยายามสงบสติตัวเองก่อนถามว่า “นางได้บอกชื่อหรือเปล่า”

“บอก”

“นางเคยถูกเรียกว่าเทพวารี แต่เพื่อแยกตัวเองออกจากสี่เทพผู้ชอบธรรม เพื่อให้ซ่อนอยู่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นได้แนบเนียนขึ้น นางเปลี่ยนชื่อตัวเอง”

“ชื่อของนางคือเฮยไห่”

………………………………….