webnovel

0890 การต่อสู้ในวันสิ้นโลกของชายคนหนึ่ง (ตอนสาม)

ตอนที่ 890 การต่อสู้ในวันสิ้นโลกของชายคนหนึ่ง (ตอนสาม)

ในบรรดาผู้มีอำนาจ คนที่อยู่ในสถานการณ์อับอายที่สุดคือสังฆราชจากวิหารแห่งความตาย

อย่างไรเสีย แอนนาคือลูกน้องของเขา เป็นบุคคลที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในวิหารแห่งความตาย

ถ้าแอนนาสร้างปัญหาจริง เช่นนั้นทั้งวิหารแห่งความตายจะต้องเจอการชำระล้างครั้งใหญ่

“เจ้าไม่ต้องมามองข้าเลย” สังฆราชจากวิหารแห่งความตายกล่าว “ข้าคือผู้จงรักภักดีต่อเทพ ไม่มีวันปกป้องคนของตัวเองอย่างแน่นอน”

“จริงหรือ ทำไมพวกเราไม่เรียกเจตจำนงของเทพออกมาตอนนี้เลยล่ะ คิดว่าไง”

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับมองเขาพร้อมกับยิ้มให้

สังฆราชต้องทนทุกข์กับวิหารแห่งความตายเมื่อไม่สามารถก้าวขึ้นสู่สถานะสูงส่งได้ ดังนั้นทันทีที่ได้อำนาจมา เขาจะข้องเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เป็นของวิหารแห่งความตาย

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายไร้สีหน้าขณะกล่าวอย่างเฉยชาว่า “จะอย่างไรก็ช่าง ข้าไม่สนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่โปรดจำเอาไว้อย่างหนึ่ง… ถ้าแอนนาเป็นคนดีขึ้นมา เช่นนั้นการลงโทษฐานรบกวนเทพโดยไม่ได้รับอนุญาตจะตกที่เจ้าเพียงคนเดียว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของสังฆราชจากวิหารแห่งความลับแข็งทื่อ

ผู้ที่เคยวางแผนเห็นด้วยกับเขาต่างปิดปาก

ในหลายปีที่ผ่านมา ร่างวิญญาณของเทพจะไม่ปรากฏโดยง่าย แต่ทุกครั้งที่ปรากฏ มันมีจิตสังหารที่โหดเหี้ยมและแรงกล้า

หากเรียกมาแล้วไม่สามารถหาข่าวที่ดีมีค่ามาให้ได้ เช่นนั้นจุดจบก็คงน่าสังเวชนัก

ผู้มีอำนาจในสองวิหารได้รับ “บทลงโทษของเทพ” มาแล้ว หลังจากผ่านการทรมานทั้งหมดมา แม้แต่วิญญาณก็ไม่เหลือ

ดังนั้นทันทีที่สังฆราชจากวิหารแห่งความตายพูดเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

ไม่ว่าสังฆราชจากวิหารแห่งความลับจะเกลียดวิหารแห่งความตายมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเอาชีวิตมาเดิมพัน

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับไม่กล้ายอมรับเรื่องนี้ แต่กลับกล่าวหาว่า “เหอะ รากฐานของวิหารแห่งความตายมันเน่าเฟะไปแล้ว ข้าว่าคงมีบางสิ่งผิดปกติกับแอนนาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ทำไมนางถึงโกรธจนต้องลงมือฆ่าเลยล่ะ”

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายมองด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าต้องรับผิดชอบกับคำพูดด้วย ตอนยังมีชีวิต เจ้าเป็นมนุษย์ เมื่อตายไป ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีเอง”

“ข้าไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนกันน่ะสิ” สังฆราชจากวิหารแห่งความลับปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมา

“เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนเลิกเถียงกันสักที”

“ทำแบบนี้จะรบกวนเทพได้โดยง่าย พวกเจ้าไม่คิดที่จะมีชีวิตต่อกันแล้วหรือ”

“หุบปาก มาดูความจริงของเรื่องนี้ก่อน”

ผู้มีอำนาจอีกหลายคนพูดขึ้นคนแล้วคนเล่า

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับยอมรับทันทีที่เห็นเช่นนั้น ไม่ยืนกรานที่จะเรียกเจตจำนงของเทพออกมาอีก

แต่เขาเตรียมการแล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า

“ท่านหญิง ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านทำหน่อย”

ทุกคนหันสายตามาทางเขา

พวกเขาเห็นผู้หญิงในชุดคลุมสีเทายืนขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่”

นางคือจ้าววิหารแห่งมิติและเวลา

“มันเป็นงาน ข้าอยากขอให้ท่านตามหาความจริง เกี่ยวกับผู้หญิงที่ทรยศต่อเทพ นี่คือเรื่องใหญ่ จะปล่อยผ่านไม่ได้” สังฆราชจากวิหารแห่งความลับยืนกราน

ทุกคนโน้มน้าวให้หญิงสาวชุดคลุมสีเทาลองทำดูเช่นกัน

ทุกคนให้ความเคารพนาง

ยังไงเสีย ทุกเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับมิติและเวลาไม่สามารถแทรกแซงได้ด้วยวิชาและความลับธรรมดา

คนที่สามารถเชี่ยวชาญพลังแห่งมิติและเวลาได้หายากมาก

ความสามารถของจ้าววิหารคนนี้ยอดเยี่ยมมากในบรรดาความสามารถมิติและเวลาทั้งหมด แม้กระทั่งเทพก็ยังคาดหวังในตัวนางไว้สูงและไม่เต็มใจที่จะลงโทษเมื่อนางทำผิดพลาด

นี่คือคนเดียวในบรรดาเจ็ดวิหารที่ต้องอดทนต่อความโปรดปรานจากเทพเป็นเวลานาน

หญิงสาวในชุดคลุมสีเทามองสังฆราชจากวิหารแห่งความตาย

เมื่อสังฆราชจากวิหารแห่งความตายมองท่าทีของคนเหล่านี้ เขาพลันเข้าใจว่าคราวนี้ตัวเองตกเป็นเป้าเข้าแล้ว

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับวางแผนไว้นานแล้ว ครั้งนี้ไม่สามารถหยุดยั้งได้

หากคัดค้าน นั่นเท่ากับพิสูจน์ว่าแอนนามีปัญหาจริงไม่ใช่หรือ

ยิ่งกว่านั้น มันจะทำให้ทั้งวิหารแห่งความตายมีปัญหาหรือเปล่า

สังฆราชลังเลสักพัก แต่ก็พยักหน้าอย่างจนใจ

ถ้าแอนนามีปัญหาจริง เขาก็ไม่สามารถปกป้องแอนนาได้

น่าเสียดาย ทั้งที่เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมแท้ๆ …

สังฆราชรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ

หญิงสาวชุดคลุมสีเทาไม่ลังเลอีกต่อไป นางเดินตรงไปที่แท่นซ่อมแซมจักรกลขณะมองอย่างละเอียด

แท่นซ่อมแซมจักรกลถูกเผาจนกลายเป็นวัตถุแตกหักที่ปกคลุมด้วยฝุ่นสีดำ อุปกรณ์และชิ้นส่วนจำนวนมากที่เดิมถูกวางไว้ได้รับความเสียหาย พื้นที่พิเศษจำนวนมากใต้โต๊ะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าแอนนาใส่บางสิ่งไว้ตรงนี้” หญิงสาวชุดคลุมสีเทาถาม

ผู้ศรัทธาหลายคนมองหน้ากันก่อนพยักหน้า

ผู้นำกลุ่มกล่าวว่า “ข้าเห็นนางนั่งยองๆ เหมือนกับใส่บางสิ่งเข้าไป พอรู้ว่าพวกข้ามา นางก็ยืนขึ้นและรีบปกปิดทันที”

“…ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องใช้พลังเพื่อทำแบบนี้”

หญิงสาวชุดคลุมสีเทาหันไปมองผู้มีอำนาจแล้วกล่าวต่อว่า “วิชามิติและเวลานี้จะกินแรงข้ามาก ข้าจะเข้าสู่วิหารแห่งมิติและเวลาเพื่อหลับใหล ระหว่างนั้น หากมีใครกล้าเคลื่อนไหวในวิหารล่ะก็ ข้าตื่นเมื่อไหร่จะรายงานให้เทพทราบเพื่อขอให้ทำการลงโทษ”

ทุกคนเพียงแสดงความเห็นออกมาคนแล้วคนเล่า เป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะไม่ยั่วยุวิหารแห่งมิติและเวลา

…อีกฝ่ายใช้ความพยายามของตัวเองเพื่อทำเรื่องนี้ ไม่มีใครสามารถทำได้

ถ้ามีใครบางคนแอบลอบก่อเรื่องในอนาคต อีกฝ่ายสามารถขอให้เทพทำการลงโทษได้

ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับนาง

ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเจตจำนงของเทพตอนนี้

หญิงสาวชุดคลุมสีเทากล่าวอีกครั้งว่า “หลังจากข้าหลับแล้ว คาร์ดินัลซูเสวี่ยเอ้อร์จะรับหน้าที่ดูแลวิหารชั่วคราว”

“ขอรับ” สองผู้ติดตามนางขานรับ

เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวชุดคลุมสีเทาหันหน้ามายังแท่นซ่อมแซมจักรกล

นางวางมือบนแท่นซ่อมแซมจักรกลอย่างแผ่วเบา ร่ายวิชาด้วยเสียงชวนให้เคลิบเคลิ้ม

“เวลาคือความยืนยาวของชีวิต มันคือคู่สัญญาของข้า”

“ความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ในเวลาจะปรากฏขึ้นอีกครั้งตราบที่เวลาตอบรับการเรียกขานของข้า”

“จงมา ทำให้ทุกสิ่งย้อนกลับไปช่วงที่แอนนาใส่ของเข้าไป!”

เพียงพริบตา แท่นซ่อมแซมจักรกลทั้งหมดกลับมาเหมือนใหม่อย่างสมบูรณ์

…ไม่ มันไม่ได้ดูใหม่ แค่กลับสู่ช่วงที่เคยเป็นในอดีต

ภาพอันน่าอัศจรรย์นี้ทำให้คนที่อยู่ที่นี่ตกตะลึงมาก

“พบอะไรหรือเปล่า”

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายถามอย่างสงบ

“ใช่แล้ว ที่จุดเวลานั้น แอนนาใส่บางสิ่งไว้ที่นี่” หญิงสาวชุดคลุมสีเทาคร่ำครวญ ในที่สุดก็กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ

หัวใจของสังฆราชพลันดิ่งวูบ

นี่คือประโยคสุดท้าย เกรงว่าหลังจากวันนี้ไป ทั่ววิหารแห่งความตายจะถูกชำระล้าง ผู้ศรัทธานับไม่ถ้วนจะตาย

แม้กระทั่งพวกกึ่งเทพเหล่านั้นที่เป็นมิตรกับแอนนาก็คงจบไม่สวยเช่นกัน

หญิงสาวในชุดคลุมสีเทายกมือขึ้นเล็กน้อยในความว่างเปล่า

ชิ้นส่วนทั้งหมดของแท่นซ่อมแซมจักรกลกระเด็นออกมา

“อา ข้าเห็นแล้ว น่าจะเป็นสิ่งนี้แหละ”

ด้วยการเคลื่อนไหวของหญิงสาวชุดคลุมสีเทา สิ่งหนึ่งตกมาอยู่ในมือของนางอย่างมั่นคง

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับยืนขึ้นอย่างเดือดดาล หัวเราะด้วยท่วงท่าชั่วร้ายแล้วตะโกนว่า “ฮ่าๆ ข้านึกแล้ว! นี่คือหลักฐานชั้นดีที่พิสูจน์ว่าวิหารแห่งความตายก่อการกบฏ ตอนนี้พวกเราควรเรียกเทพมาได้แล้ว!”

ผู้มีอำนาจคนอื่นพยักหน้าคนแล้วคนเล่าเช่นกันขณะสนทนา

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายนั่งอยู่กับที่ไม่พูดไม่จา ใบหน้าเดือดดาลเล็กน้อย

ทว่า ไม่มีใครสังเกตว่าสีหน้าของหญิงสาวชุดคลุมสีเทาแปลกประหลาดเล็กน้อย

“หุบปาก! ข้ามีบางอย่างอยากจะถามเสียหน่อย” นางกล่าว

ทุกคนมองนาง

หญิงสาวชุดคลุมสีเทามองสิ่งนั้นอย่างละเอียด จากนั้นมองผู้ติดตามที่ไปหาตัวแอนนาแล้วถามว่า “ตอนนั้น เจ้าเห็นแอนนานั่งยองๆ อยู่หลังแท่นซ่อมแซม นางยืนขึ้นแล้วรีบปกปิดจนกระทั่งถูกพวกเจ้าพบใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว ท่านผู้สูงศักดิ์!” ผู้ศรัทธาหลายคนตอบอย่างตื่นเต้น

หลักฐานหนักแน่นดั่งขุนเขา ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ อนาคตย่อมสดใส พวกเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไร

สีหน้าของหญิงสาวในชุดคลุมสีเทาบอบบางไม่ยิ่งขึ้น

นางเปิดกล่องใส่ของ อ่านคำแนะนำอีกครั้ง จากนั้นมองของอย่างละเอียด

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับหักห้ามใจไม่ได้อีกต่อไปก่อนตะโกนอีกครั้งว่า “ข้าอยากเรียกเทพให้มาดูกับตาตัวเอง!”

เขามองไปที่สังฆราชจากวิหารแห่งความตายอย่างมีชัยก่อนเริ่มร่ายคาถา

หญิงสาวชุดคลุมสีเทาชำเลืองมองเขาแล้วกล่าวช้าๆ ว่า “ถ้าเจ้าอยากตายด้วยมือของเทพละก็ข้าจะไม่ห้าม”

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับหยุดเรียกทันที

เขาสามารถมาอยู่ตำแหน่งอย่างวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แน่นอนว่าเขาได้ยินความนัยที่ต่างออกไปจากคำพูดดังกล่าว

“ท่านหมายความว่าอย่างไร…”

เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

วิชาถูกเขาขัดเอง พลังย้อนกลับจึงทำให้หน้าอกเจ็บแปลบ แต่เขาอดใจรอที่จะล่วงรู้คำตอบไม่ได้แล้ว

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายเงยหน้าขึ้นเช่นกันขณะเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

หรือสถานการณ์จะพลิก

หญิงสาวชุดคลุมสีเทามองผู้มีอำนาจก่อนโบกมือเรียกมหาปุโรหิตจากวิหารแห่งชีวิต

“เกิดอะไรขึ้น”

มหาปุโรหิตถามด้วยความสงสัย

“ลองดูนี่สิ… มีแค่เจ้ากับข้าที่เคยศึกษาตัวอักษรของโลกดิน เจ้าเป็นผู้หญิงเช่นกัน ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดเหมือนกันกับข้า”

มหาปุโรหิตยืนขึ้น เดินมาข้างหน้า หยิบสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายไป

นางผงะไปชั่วครู่

“แอนนานั่งยองๆ อยู่หลังแท่นซ่อมแซม…”

นางพึมพำก่อนเข้าใจอย่างรวดเร็ว

คาดไม่ถึงว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้

นางและหญิงสาวชุดคลุมสีเทามองหน้ากัน จากนั้นในเวลาเดียวกัน พวกนางมองสังฆราชจากวิหารแห่งความตาย

มหาปุโรหิตคร่ำครวญก่อนถามว่า “นายท่าน ขอถามตามตรงเลยว่าแอนนา… แต่งงานแล้วหรือยัง?”

สังฆราชสงสัยกับคำถามดังกล่าวแต่ยังตอบว่า “ยัง”

“แล้วเรื่องอื้อฉาวล่ะ”

สังฆราชยักไหล่แล้วตอบว่า “นางคืออัจฉริยะดาวเด่นในบรรดาเจ็ดวิหาร หากจะมีเรื่องอื้อฉาวอะไร ข้าเชื่อว่าท่านหญิงทั้งสองจะต้องรู้ก่อนข้าอย่างแน่นอน”

มหาปุโรหิตและหญิงสาวชุดคลุมสีเทาครุ่นคิดพร้อมกัน

“สถานการณ์มันเป็นเช่นไรหรือ” สังฆราชจากวิหารแห่งความลับอดที่จะถามไม่ได้

…ทุกสิ่งดูต่างจากที่เขาคิดเอาไว้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หญิงสาวชุดคลุมสีเทาเขินอายเล็กน้อย “นี่คือผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยี ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ก็ไม่ต้องใช้พลังวิเศษใดๆ ประสิทธิผลดีเยี่ยมและง่ายต่อการใช้… การทำงานก็… เออ ไว้ตรวจว่าตัวเองท้องหรือเปล่า”

การตีความของมหาปุโรหิตกลับเป็นอีกแบบ

นางพูดอย่างไม่ปิดบังว่า “จากคำอธิบายของผู้ศรัทธาจำนวนมาก ที่แอนนานั่งยองๆ อาจจะเพราะถอดกางเกงอยู่เพื่อเตรียมทดสอบว่าตัวเองท้องหรือเปล่า จากนั้นพวกเจ้าก็บุกเข้ามา”

หญิงสาวชุดคลุมสีเทาเข้าร่วมบทสนทนาก่อนแสดงจุดยืน “ถ้าข้าถูกขัดขวางในสถานการณ์เช่นนั้นก่อนจะต้องหนีเพราะโดนไฟเผาด้วยความอับอาย เกรงว่าข้าจะทำสิ่งที่ไร้เหตุผลเพราะความโกรธเช่นกัน”

นี่เห็นได้ชัดว่าในฐานะผู้หญิง นางอยู่ข้างแอนนา

มหาปุโรหิตครุ่นคิด “ในตอนนั้น โลกไม่สามารถยับยั้งพลังอันยิ่งใหญ่ได้ แอนนาต้องกลัวว่าคนอื่นจะใช้พลังแปลกประหลาดทั้งหลายเพื่อมาตรวจสอบสถานการณ์ของนางแน่ๆ ”

“พวกผู้หญิงน่ะกลัวเรื่องแบบนี้มากและไม่อยากให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”

หญิงสาวชุดคลุมสีเทากล่าวต่ออย่างเห็นด้วยว่า “มันเกี่ยวกับชื่อเสียงนาง เรื่องนี้ควรจะทำในสถานที่รกร้างเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของคนอื่น จากนั้นทำความเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง”

มหาปุโรหิตกล่าวต่อว่า “ต่อให้หลีกเลี่ยงดีแค่ไหน แต่เมื่อถอดกางเกงออกมา จู่ๆ ก็โดนใครที่ไหนไม่รู้บุกเข้ามาพร้อมยิงคำถามกับจุดไฟเผา… ถ้าเป็นข้าก็อาจจะฆ่าคนพวกนั้นทิ้งหมด ทำแบบนั้นอารมณ์ถึงจะสงบลงได้”

หลังจากสองสาวพูดจบ ทั่วห้องลับเงียบสงัด

บรรยากาศพลันเงียบงัน

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

คนที่จ้องแอนนาและรับหน้าที่สืบสวนสถานการณ์ของนางถึงกับอึ้งกิมกี่

หลังจากเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาถึงกับส่งกำลังคนไปมากมาย แต่ผลลัพธ์ดันออกมาเป็นแบบนี้เสียได้

…แบบนี้ยังจะมีทางรอดอีกหรือ

ด้วยความคิดนี้ พวกเขาพลันสั่นสะท้าน เหงื่อเย็นชั้นแล้วชั้นเล่าก่อตัวขึ้นมา

สังฆราชจากวิหารแห่งความตายหัวเราะก่อนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณที่ระแวดระวังเรื่องข่าวอื้อฉาวของพวกข้าวิหารแห่งความตาย เจ้าถึงกับพยายามเชื้อเชิญให้จ้าววิหารแห่งมิติและเวลามาช่วย ไม่เว้นแม้กระทั่งจะเชิญให้เทพมาฟังด้วยกัน”

เขาตบบ่าสังฆราชจากวิหารแห่งความลับแล้วกล่าวด้วยความรักว่า “หรือจะให้ข้าเรียกเจตจำนงของเทพเพื่อรายงานเรื่องเหล่านี้ที่เจ้าทำดีล่ะ แบบนั้นจะเป็นการพิสูจน์ว่านอกจากเจ้าจะดูแลวิหารได้อีกแล้ว เรื่องข่าวกรองก็ยังพิถีพิถันและโดดเด่นอีกด้วย”

สังฆราชจากวิหารแห่งความลับอยากพูดอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายเจ็บแค้น แต่ปากของเขาอ้าโดยที่ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา

………………………………