webnovel

0614 การตัดสินใจของกู่ฉิงซาน

ตอนที่ 614 การตัดสินใจของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานนั่งกินเค้กกับลอร่า

แต่กินไปได้แค่คำเล็กๆ เท่านั้น ลอร่าก็ต้องหยุดมือลง

เธอกวาดสายตาอ่านสิ่งที่อยู่บนโต๊ะสักพัก ก่อนจะยื่นสำเนาข้อมูลให้แก่กู่ฉิงซาน

“สำเนาข้อมูล? มันทำไมหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ลองอ่านดูสิ ตรงข้างบนมีบอกเอาไว้ด้วยว่าสมาคมกำปั้นเหล็กของเจ้าก็มาเข้าร่วมสงครามด้วยเช่นกัน” ลอร่ากล่าว

“สมาคมกำปั้นเหล็กก็มาด้วย?” กู่ฉิงซานถามย้ำ

“ใช่ อันที่จริงแล้วกำปั้นเหล็กแบรี่กับเสี่ยวเหมียวเดินทางมาที่นี่เพื่อค้นหาร่องรอยของเจ้า ทว่าผลลัพธ์คือไม่พบกับเจ้า แต่ดันบังเอิญไปพบกับกองทัพมารที่กำลังรวมตัวกันอยู่พอดี”

“ดังนั้นจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น”

กู่ฉิงซานพอฟังมาถึงจุดนี้ เขาก็วางเค้กลง

“พวกเขามาตามหากระหม่อมอย่างงั้นหรือ?” เขาถามซ้ำ

“ใช่ พวกเขาเรียกระดมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาเพื่อช่วยเจ้า แต่พวกเขาดันไปพบกับกองทัพมารเข้าเสียก่อน สงครามที่เกิดจากเหตุบังเอิญจึงปะทุขึ้นอย่างไม่คาดคิด” ลอร่ากล่าว

กู่ฉิงซานตกใจ

เขาค่อยๆ ลดขวดไวน์ในมือลง

ในเวลานั้นเอง ทริสเต้ที่ได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้ จู่ๆ ประกายแห่งความชัยชนะในหัวใจของเธอก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง

“ใช่! ต่อให้พวกเจ้าเอาชนะเชื้อไฟได้แล้วมันอย่างไร?” เธอตะโกนออกมา

ฝูงชนต่างหันไปมองทริสเต้

เห็นแค่เพียงทริสเต้ที่กำลังเผยสีหน้ายิ้มเยาะ “หากกระทั่งจอมมารที่แท้จริงก็ยังเข้าร่วมสงคราม ฉะนั้นอีกไม่นานที่นี่ก็คงจะถูกโจมตีและโดนยึดครองไป กลุ่มของแบรี่ไม่สามารถต้านทานมารที่แท้จริงได้หรอก!”

เธอหันไปพูดกับกู่ฉิงซาน “เจ้าเป็นคนของสมาคมกำปั้นเหล็กสินะ? ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”

“แสดงความยินดีกับผม?” กู่ฉิงซานสงสัย

“ถูกต้อง” ทริสเต้หัวเราะคิกคัก “เพราะหลังจากวันนี้ไป ในสมาคมจะเหลือเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ และนั่นจะทำให้เจ้าได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าของโลกในมิติอนันต์ไปโดยปริยาย!”

“ขณะที่ระบบของราชามารจะครอบคลุมไปตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น ฮ่าๆๆ!”

ทริสเต้หัวเราะคลั่ง

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

อีเลียกับลอร่าหันมามองกันและกัน

ก่อนที่ทั้งสองจะเบนสายตาไปยังกู่ฉิงซานในเวลาเดียวกัน

ดูเหมือนว่านี่จะกลายเป็นปฏิกิริยาจากจิตใต้สำนึกของพวกเธอที่ต้องการคำตอบจากเขาไปโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

กู่ฉิงซานค่อยๆ ลุกขึ้น

การแสดงออกที่ดูผ่อนคลายบนสีหน้าของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์

หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู่ฉิงซานก็เอ่ยปากออกมา “อีเลีย ผมขอถามหน่อยจะได้ไหม ว่าจอมมารที่แท้จริงปกติแล้วเข้าร่วมในการต่อสู้บ่อยหรือไม่?”

อีเลียตอบ “แทบจะไม่เลย มันเคยปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่สามารถยึดครองดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูได้ครั้งหนึ่งเท่านั้น”

“แล้วในช่วงอดีตที่ผ่านมา เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ที่มารที่แท้จริงจะมาเข้าร่วมสงครามขนาดใหญ่แบบนี้?”

“ไม่เลย มันน้อยมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนทรงอำนาจในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นจะคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของพวกมันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการจะลงมือทำอะไรก็เป็นการยากนัก”

“แล้วถ้าอธิบายเป็นในแง่ของความแข็งแกร่งล่ะ ผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ก็ถ้าในสนามรบมีเพียงมารที่แท้จริง และจอมมารมิได้ปรากฏกาย สมดุลของทั้งสองฝ่ายคงจะเท่าเทียมกัน แต่หากจอมมารที่แท้จริงก้าวเข้าสู่สนามรบ การต่อสู้จะทวีความรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด และผลลัพธ์ก็ยากที่จะคาดเดา”

กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ ปากเอ่ยพึมพำ “แสดงว่าสิ่งที่ต้องสูญเสียไปในสงครามขนาดใหญ่คงสาหัสนัก หากไม่ได้รับประโยชน์มากกว่าโทษ พวกมันคงไม่คิดออกหน้าอย่างง่ายดาย”

“ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าเป้าหมายของจอมมารที่แท้จริงคืออะไร?”

เขามองไปยังฝูงชนและเอ่ยถาม

ทหารพิทักษ์ต่างจมลงสู่ห้วงความคิด ความรู้สึกอันยากจะอธิบายปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขา...นี่กู่ฉิงซานที่เป็นนักกลยุทธ์กำลังเอ่ยถามพวกเขาอยู่อย่างงั้นหรือ? แต่พวกเขาเป็นเพียงแค่ทหารพิทักษ์เองนะ คงไม่อาจตอบคำถามนี้ได้หรอก

ดวงตาของลอร่าเปล่งประกายขึ้นอย่างกะทันหัน “ไม่ใช่ว่าเป้าหมายของมันคือตัวระบบหรอกหรือ?”

อีเลียคิดและกล่าว “เป็นอย่างที่ลอร่าบอก ระบบเป็นคำตอบเดียวเท่านั้นสำหรับคำถามนี้”

แต่แล้วทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน และบังเกิดความเข้าใจบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดๆ ออกมา

จริงสิ! คำตอบมันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ปฏิวัติ’ เท่านั้น!

บางทีมารที่แท้จริงอาจจะมีวิธีที่สามารถรับรู้ได้ว่าระบบของราชามารกำลังวิวัฒนาการขึ้นเป็นปฏิวัติอยู่ก็ได้

และพวกมันต้องการระบบ!

กู่ฉิงซานเดินไปทางทริสเต้ และสำรวจอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง

เชื้อไฟถูกนำมายังอัลเบอัสโดยเธอ ดังนั้นทริสเต้จึงสมควรที่จะเป็นคนที่รู้เรื่องราวภายในมากที่สุด!

กู่ฉิงซานหันไปถามลอร่า “ทริสเต้ถูกผนึกโดยสมบูรณ์เลยใช่หรือไม่?”

“วางใจเถอะ เถาวัลย์ของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์เป็นดาวข่มของวิหคหนาม ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณหรือความแข็งแกร่งทั้งหมดของเธอ ล้วนถูกรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ผนึกเอาไว้แล้ว” ลอร่ากล่าว

“งั้นก็ดี”

กู่ฉิงซานโล่งใจ และค่อยๆ ยื่นมือไปทางทริสเต้อย่างช้าๆ

“นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร!”  ทริสเต้แม้ภายนอกจะแสดงท่าทีแข็งกร้าว ทว่าภายในใจของเธอกลับรู้สึกหวาดหวั่น

คนอื่นต่างก็พากันมองมายังฉากนี้ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

นั่นสินะ ทริสเต้นับว่าเป็นหญิงงามอย่างแท้จริง เธอเปรียบดั่งสัญลักษณ์ที่แสนสง่างามของวิหคหนาม ทว่าสุดท้ายเธอก็หันไปพึ่งพามาร มิใช่คนดี

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงงามร้ายกาจแต่ไร้ซึ่งพลัง กู่ฉิงซานตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ?

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่ยื่นมือออกไปคว้าจับเสื้อของทริสเต้ และใช้มือปาดๆ ขยี้มันอย่างรวดเร็ว

ครีมเค้กที่เลอะอยู่บนมือของเขาถูกเช็ดออกไป

“…” ทุกคน

“ช่างไร้ยางอาย! หยาบคายที่สุด! หากข้าไม่ตาย อย่าหวังเลยว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป!” ทริสเต้ราวกับถูกดูหมิ่นครั้งใหญ่ เธอกัดฟันสบถออกมา

“จะว่าแบบนั้นมันก็ไม่ถูกนะ อันที่จริงแล้ว ผมทำแบบนี้เพราะกำลังให้เกียรติคุณต่างหาก” กู่ฉิงซานกล่าว

แล้วเขาก็วางมือที่สะอาดลงบนหน้าผากของทริสเต้

“อย่ากังวลไปเลย ผมจะรีบทำให้มันจบลงเร็วๆ” เขาปลอบ

พลังวิญญาณเริ่มถูกกระตุ้น ขับเคลื่อนวิชาลับ

เปิดใช้งาน เทคนิคค้นวิญญาณ!

เนื่องจากพลังทั้งหมดของทริสเต้ถูกผนึกโดยรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ ส่งผลให้ขณะนี้เธอเป็นเพียงคนสามัญธรรมดาทั่วไป มิอาจต้านทานเทคนิคค้นวิญญาณของกู่ฉิงซานลงได้

ไม่กี่นาทีต่อมา กู่ฉิงซานก็ได้รับคำตอบที่เขาต้องการ

‘จอมมารที่แท้จริง’

เป็นมารที่ทรงอำนาจมากที่สุด มันได้แยกส่วนหนึ่งของระบบหลักที่อยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู ประกอบกันเป็นเชื้อไฟ และมอบให้แก่ทริสเต้

อันที่จริงแล้วความตั้งใจดั้งเดิมของจอมมารที่แท้จริงก็คือ การใช้งานเชื้อไฟเพื่อยึดอัลเบอัส แล้วจากนั้นก็วิวัฒนาการมันไปเป็นต้นกำเนิด เพื่อรวบรวมโลกหลายสิบชั้นไว้ในครอบครอง

นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง

กู่ฉิงซานถอนหายใจเบาๆ

แต่น่าเสียดาย ที่ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่จอมมารที่แท้จริง กลับไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเชื้อไฟจะวิวัฒนาการไปได้ไกลกว่านั้น

ไม่มีใครรู้ว่าโลกที่พระราชินีมอบให้แก่ทริสเต้ แท้จริงแล้วจะมีวัตถุที่เหล่าทวยเทพทิ้งเอาไว้ข้างหลังหลงเหลืออยู่

เกรงว่าตรงจุดนี้ พระราชินีหนามเองก็คงจะไม่ทราบเช่นกัน

เชื้อไฟได้วิวัฒนาการเป็นต้นกำเนิด

และต้นกำเนิดก็ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของวัตถุของเหล่าทวยเทพอย่างรวดเร็ว

มันจึงพยายามที่จะได้รับวัตถุที่ถูกทิ้งไว้โดยทวยเทพ เพื่อวิวัฒนาการไปสู่ปฏิวัติ

ตรงจุดนี้เองที่ทำให้สถานการณ์มันแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง

เพราะแม้กระทั่งระบบหลักในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู ก็ยังสูงกว่า ปฏิวัติเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น

ดังนั้น หากสามารถนำเอาปฏิวัติกลับคืนไปยังดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูได้ ระบบหลักก็มีโอกาสที่จะวิวัฒนาการไปอีกขั้นในทันที!

ด้วยเหตุนี้เอง มารที่แท้จริงจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะกระโจนเข้าสู่สนามรบ!

สงครามขั้นแตกหักของโลกเก้าร้อยล้านชั้นจึงเริ่มต้นขึ้น

กู่ฉิงซานผละมือของเขา และมองไปทางลอร่า

“ลอร่า”

“ทำไมหรือกู่ฉิงซาน?”

“ในฐานะกษัตริย์แห่งหนาม ท่านสมควรที่จะส่งทหารไปยังแนวหน้า”

“หืม?”

ลอร่าช็อก เธอคิดตามไม่ทันถึงประโยคที่เกิดขึ้น

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ระบบของราชามารได้ถูกทำลายลงไปแล้วโดยสมบูรณ์ ดังนั้นหากท่านในฐานะกษัตริย์แห่งหนามสั่งทหารหนามและนำทัพลงต่อกรกับมารที่แท้จริงด้วยตนเอง อิทธิพลของท่านจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า” ลอร่ารับคำ

อย่างไรก็ตาม อีเลียแทรกตัวเข้ามาเถียงทันที “ฝ่าบาทยังเยาว์วัยอยู่เลย และความสามารถในด้านการต่อสู้ก็ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ปล่อยให้ข้าเป็นคนนำทัพออกไปสู้เองจะดีกว่า”

“ไม่ได้ ปล่อยให้ลอร่าไปนั่นแหละถึงจะดี”

ถึงจะดีงั้นหรือ?

อีเลียจ้องกู่ฉิงซานด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวต่อ “เพราะสงครามใกล้จะจบลงแล้ว ดังนั้นการปรากฏตัวของกษัตริย์ย่อมเป็นการสร้างความประทับใจเล็กๆ น้อยได้เป็นอย่างดี”

“เอ๊ะ? สงครามใกล้จะจบลงแล้ว?”

คราวนี้ทั้งลอร่าทั้งอีเลียต่างอุทานออกมาพร้อมกัน

“ใช่ เพราะในทุกๆ สองชั่วโมง จอมมารที่แท้จริงจะสามารถเข้าสู่สถานะรับรู้ถึงตัวของระบบได้ และตอนนี้จากในครั้งล่าสุด เวลาก็ได้ผ่านพ้นไปกว่าหนึ่งชั่วโมง สี่สิบนาทีแล้ว”

“อีกยี่สิบนาที เขาจะค้นพบว่าปฏิวัติได้ถูกทำลายลงไปแล้ว”

“แบบนั้นมันจะไม่โกรธหรือ?”

“ต้องโกรธแน่นอน”

“ถ้าโกรธ สงครามก็ยิ่งต้องทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นสิ”

“ไม่หรอก จะไม่เกิดการบุกโจมตีอีกต่อไป เพราะสงครามมีเพียงการสูญเสีย หากไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทนกลับมา ใครเล่าจะยอมโยนตนเองลงในโคลนตมเช่นนี้?”

“เราพอจะนึกภาพที่เจ้าอธิบายออกมาแล้ว”

ลอร่าตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกล่าว

“ถ้าอย่างงั้น จริงๆ แล้วเรามีความคิดดีๆ อยู่อย่างหนึ่ง”

“ความคิดอะไร?”

“อย่างที่เจ้ารู้ ว่าเราสามารถปลุกพรสวรรค์ขึ้นมาได้ถึงสามชนิด หนึ่งในนั้นคือที่ลี้ภัยแห่งหมื่นโลกา และอีกหนึ่งที่เจ้ายังไม่รู้ มันถูกเรียกว่า เจตจำนงแห่งกษัตริย์ ซึ่งมันเป็นพลังที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันพอดิบพอดี”

“เจตจำนงแห่งกษัตริย์? ถ้าอย่างนั้นท่านตั้งใจจะใช้มันทำอะไร?”

“เราต้องการที่จะใช้มันร่วมมือกับรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม”

..................................................