ตอนที่ 605 ดาบ
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นระรัว
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เกราะเทพเปิดใช้งาน ‘คำบัญชาเทพ’ นั่นหมายความว่าเขากำลังจะตาย!
เวลาหยุดลงอย่างกะทันหัน
ร่างของมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และหยุดนิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
นี่คือมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้ายกันกับมนุษย์
นอกเหนือไปจากแขนขาและกรงเล็บที่แข็งแกร่งและหางยาวเฟื้อยแล้ว ในส่วนที่เหลือล้วนคล้ายคลึงกันกับมนุษย์เป็นอย่างมาก
แต่ที่สำคัญก็คือไม่ทราบเลยว่ามันสามารถทำได้อย่างไร โดยที่กู่ฉิงซานไม่ทันตระหนักรู้ตัวใดๆ จู่ๆ มันก็ได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาเสียแล้ว
กรงเล็บอันแหลมคมของมัน อยู่ห่างจากดวงตาของกู่ฉิงซานไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร
กู่ฉิงซานไม่มีเวลาเพียงพอแม้แต่จะสูดหายใจ
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
เขาแทบจะลืมหายใจ และกระแทกดาบพิภพสวนกลับเข้าใส่อย่างรวดเร็ว!
โจมตีสิบสองเท่าของเทคนิคลับกลืนกินหวนกลับ ผสมผสานไปกับน้ำหนักแปดสิบหกจุดสามสิบเจ็ดล้านจินของดาบพิภพ และรังสีดาบของกู่ฉิงซานที่สำแดงออกมาอย่างเต็มกำลัง สะบั้นลงตรงคออ่อนนุ่มของมอนสเตอร์
ด้วยดาบนี้ เขาจะต้องแยกหัวออกจากตัวของมันให้จงได้!
ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียง ‘เคร้ง’ เท่านั้น
ดาบพิภพถูกขัดขวางไว้โดยผิวหนังของมอนสเตอร์
ปรากฏให้เห็นแค่เพียงรอยสีขาวจางๆ ขึ้นบนลำคอของมอนสเตอร์ประหลาด
‘เคร้ง!’
และเสียงหนักทึบอีกหนึ่งดังขึ้น
นั่นคือเสียงของเทคนิคลับกลืนกินหวนกลับ ร่างเงาดาบได้ปรากฏขึ้นเบื้องหลังมอนสเตอร์ และฟาดโจมตีด้วยอำนาจเดียวกันออกมา
แต่กลับยังคงไร้ประโยชน์!
เห็นแค่เพียงร่องรอยจางๆ สีขาวถูกทิ้งไว้บนหลังคอของมอนสเตอร์เท่านั้น
สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนกลับกลาย
แม้กระทั่งสกิลดาบที่ถูกเสริมแกร่งจนอำนาจทำลายเพิ่มพูนขึ้นถึงขีดสุด แถมยังฟาดลงตรงตำแหน่งสำคัญของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายกลับไม่แม้แต่จะสามารถเจาะเข้าไปในตัวของมันได้!
พลังป้องกันระดับนี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ในขณะเดียวกันแรงกดดันของมอนสเตอร์ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าด้วยการโจมตีของเขา จะไปกระตุ้นให้พลังป้องกันที่ทรงประสิทธิภาพบางอย่างจากในร่างของมอนสเตอร์จนมันตื่นขึ้น
ณ เวลานี้ สองลมหายใจได้ผ่านพ้นไปแล้วอย่างเงียบๆ
เหลืออีกหนึ่งลมหายใจ ทุกสิ่งอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
และด้วยความสามารถในการโจมตีของมอนสเตอร์ตนนี้ ที่เพียงการโจมตีเดียว ก็สามารถบีบบังคับให้กู่ฉิงซานตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังได้
ฉะนั้น หากสกิลตัดขาดเวลาหายไปแล้วล่ะก็…
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ดาบพิภพก็เปล่งเสียงดังขึ้นทันใด “กู่ฉิงซาน เจ้าช่วยมอบพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมดให้แก่ข้าหน่อยสิ”
“ไม่ขัดข้อง!”
กู่ฉิงซานตอบรับอย่างไม่ลังเล
แต่เดิม เขามีแต้มพลังวิญญาณอยู่กว่าครึ่งล้าน แต่หลังจากที่ใช้ออกด้วยข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความขมขื่นออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในตอนนี้มันเหลืออยู่แค่สามแสนเท่านั้น
ทว่าเวลานี้ เขาเลือกที่จะอัดฉีดแต้มพลังวิญญาณทั้งหมดสามแสนลงไปในดาบพิภพอย่างไม่ลังเล!
เปรี้ยง!
ดาบพิภพสั่นไหวอย่างรุนแรง
อักษรรูนลึกลับผุดขึ้นมาตามใบดาบ
กลิ่นอายที่ฟุ้งไปด้วยอำนาจโบราณอันยิ่งใหญ่ ท่วมท้นออกมาจากตัวดาบอย่างต่อเนื่อง
ดาบพิภพส่งเสียงหอนออกมาไม่หยุดยั้ง ฟังแลคล้ายเสียงร่ำไห้ของภูตผีนับไม่ถ้วน
บัดนี้ มันได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบอีกเล่มหนึ่งโดยสมบูรณ์!
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นรูปร่างที่แท้จริงของดาบพิภพ!
“มาลองกันอีกครั้ง!”
เสียงหนักแน่นของดาบพิภพดังขึ้น
“ว๊าก!”
กู่ฉิงซานตะคอกสุดเสียง กระตุ้นเทคนิคลับ ตัดสะบั้นลงบนลำคอของมอนสเตอร์อีกครั้ง
และคราวนี้เงาดาบมิได้ถูกหยุดลง มันถูกเหวี่ยงตัดผ่าน กระแทกเข้ากับอากาศอีกฟากฝั่งหนึ่งโดยสมบูรณ์
ฉัวะ!
หัวกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้า
คราวนี้ … เขาสามารถแยกหัวของมันออกจากลำตัวได้สำเร็จ!
ในเวลาเดียวกัน สามลมหายใจก็สิ้นสุดลง และตัดขาดเวลาได้สลายไป
ร่างของมอนสเตอร์ร่วงแหมะลงกับพื้น
ฝนเลือดสาดกระเซ็นออกมา แต่ก็ถูกแรงลมจากดาบที่ฟาดออกพัดปลิวหายไป
โลกทั้งใบกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ปรากฏการณ์ทั้งหมดบนดาบพิภพได้สลายไป
กู่ฉิงซานอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วง ทั้งคนทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน
เขาได้เคยข้ามผ่านสถานการณ์ที่อันตรายร้ายแรงมามากมาย
แต่สถานการณ์เกือบตายในครั้งนี้ แม้ตามโชคชะตาดั้งเดิมเขาจะได้ตายไปแล้วก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาพบเจออะไรแบบนี้
“ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ นะดาบพิภพ” กู่ฉิงซานกล่าว
ทว่าดาบพิภพกลับไม่ตอบสนอง
กู่ฉิงซานก้มลงมองดาบในมือตน
เห็นแค่เพียงปรากฏการณ์ทั้งหลาย หายไปแล้วจากดาบพิภพ แต่กลับปรากฏถึงรอยแตกร้าวที่กำลังคดเคี้ยว ยืดยาวขึ้นตามตัวดาบแทน
ไม่นานนัก รอยร้าวก็ลากยาวไปทั่วดาบ และตลอดทั้งดาบก็กลายเป็นสีเทาแห่งความตาย
เสียงแผ่วเบาของดาบพิภพดังขึ้น
“ข้าได้รับบาดเจ็บร้ายแรงนักจากการใช้ออกอย่างเต็มกำลัง มิอาจคงสติอยู่ได้อีกต่อไป จำต้องจมลงสู่การหลับลึก”
“จดจำคำของข้าให้ดี จงไปตามหาตัวหลิงเอ๋อ นางรู้ว่าสมควรจะต้องทำอย่างไร”
ดาบพิภพกล่าวประโยคนี้จบ มันก็ไม่เปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลย
กู่ฉิงซานค่อยๆ ถือดาบยาวด้วยสองมืออย่างนุ่มนวล
แต่กลับเห็นถึงเศษซากบนตัวดาบจำนวนมากที่หลุดลอกออก ทั้งๆ ที่ตนเองเคลื่อนไหวแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่งผลให้ตนตนเองมิกล้าเคลื่อนกายอีกต่อไป เพราะเกรงว่าตลอดทั้งตัวดาบพิภพจะแตกสลายลง
และหากเป็นในกรณีที่ตัวดาบถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ เขาก็คงจะไม่สามารถช่วยดาบพิภพได้อีกเลย
“ดาบพิภพ…”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
เขาหยิบเอากล่องหยกวิญญาณยาวออกมาอย่างระมัดระวัง และค่อยๆ วางดาบพิภพเก็บใส่ลงในมัน
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของดาบพิภพแล้ว เขาคงทำได้เพียงแค่ต้องกลับไปหาอาจารย์เท่านั้น
ในช่วงเวลานั้นเอง เสียงตื่นตระหนกก็ดังออกมาจากเกล็ดเกราะรบที่ลอยอยู่
“เร็วเข้า! ดาบของเจ้าน่ะไม่ช้าก็เร็วย่อมสามารถซ่อมแซมมันได้ แต่ตอนนี้พวกเราจะต้องเร่งจัดการกับร่างศพนี้กันก่อน!”
ร่างใหญ่กล่าวอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซาน “มันตายไปแล้ว ยังจะต้องจัดการอะไรกับมันอีกล่ะ?”
เขามองดูร่างศพของมอนสเตอร์ด้วยความงงงวย
หากไม่ใช่สถานการณ์อันตรายจนเกินไป กู่ฉิงซานเองก็ไม่ต้องการที่จะไปยุ่งอะไรกับมันอีก
เดิมที เขาต้องการจะถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงได้รู้จักชื่อของตนเองด้วยซ้ำ
กู่ฉิงซานมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาไม่เคยพบเจอกับมอนสเตอร์ตัวนี้มาก่อนไม่ว่าจะในชีวิตก่อนหน้าหรือว่าในชีวิตนี้
แต่อีกฝ่ายกลับรู้จักเขา
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
ร่างใหญ่ได้กล่าวเอาไว้ว่า ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดมีลักษณะตรงกันกับมอนสเตอร์ตนนี้เลย
ซึ่งนั่นแสดงว่ามันไม่ได้มาจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น
แต่...มันกลับรู้จักเขา
กู่ฉิงซานตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว
มอนสเตอร์ตัวนี้ช่างเต็มไปด้วยความลึกลับที่ไม่รู้จัก และไม่สามารถที่จะคาดเดาได้
เสียงของร่างใหญ่ดังขึ้น “หากศพของมันไม่ถูกกำจัดทิ้ง ข้าเกรงว่ามันอาจจะเป็นการดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักมาอีกก็ได้”
“ท่านแน่ใจหรือ?”
“มีหลายวิธีที่จะสามารถหาสถานที่ตั้งของศพได้ ดังนั้นสิ่งที่สมควรทำก็คือ กำจัดมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าให้มีร่องรอยอะไรหลงเหลือ!”
ระหว่างกล่าว เห็นแค่เพียงหัวของมอนสเตอร์ที่เริ่มขยับไหว
ตามด้วยแสงสีขาวน้ำนมที่บินออกมาจากช่วงคอที่ถูกตัดขาดของมัน กลับเข้าไปสู่ร่างกาย
หลังจากนั้น หัวของมันก็ค่อยๆ ลอยขึ้น ลอยไปตามทิศทางของเส้นแสงสีขาวน้ำนมที่เชื่อมกับร่างกายเมื่อครู่
“ช่างดื้อด้านนัก แต่คิดหรือว่าข้าจะยอมเจ้า?” ร่างใหญ่กล่าว
มองไปยังเกล็ดเกราะรบหลายชิ้นที่หลุดออกมาเกราะรบสีดำ และเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นการโจมตีต่างๆ นานา ระเบิดเข้าใส่หัวมอนสเตอร์
ทว่ามันไร้ประโยชน์
หัวมอนสเตอร์ยังคงไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ มันยังคงลอยตรงไปยังร่างกายของตนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ร่างใหญ่เริ่มตื่นตระหนก เขาตะโกน “เจ้าไม่มีวิธีที่จะหยุดเทคนิคฟื้นคืนชีพนี้ได้เลยหรือ!”
กู่ฉิงซาน “ก็หากท่านยังทำไม่ได้ แล้วข้าจะไปทำได้ได้อย่างไร!?”
ในยามวิกฤต จู่ๆ ประกายความคิดหนึ่งก็วาบผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา
กู่ฉิงซานเรียกดาบขุนเขาเทวะหกโลกาออกมา
ดาบยาวโบกสะบัด ตัดสะบั้นเส้นแสงสีน้ำนมขาวที่เชื่อมต่อระหว่างร่างกายกับหัวของมอนสเตอร์ออกทันที
พลังศักดิ์สิทธิ์ แหกกฎ!
หัวของมอนสเตอร์ร่วงตกลง กลิ้งไปกับพื้นอีกครั้ง
มันเบิกตากว้าง และมองไปยังกู่ฉิงซาน สื่อความหมายอันลึกลับออกมา
กู่ฉิงซานก็จ้องสบตากับมันเช่นกัน
“ช่างน่าสงสาร…” มอนสเตอร์กล่าว
สิ้นประโยคสั้นๆ นี้ มันก็หลับตาลง และไร้ซึ่งชีวิตอีกต่อไป
น่าสงสาร?
ฉันหรือ?
กู่ฉิงซานนิ่งค้างไป
ร่างใหญ่โวยวายราวกับคนบ้า “ทำได้ดีมาก! โชคยังดีที่บัดนี้มันมิได้อยู่ในเสาทองแดงอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงพอที่จะสามารถลงมือจัดการกับศพได้”
พร้อมกันกับคำพูดของเขา เห็นแค่เพียงตรงเกราะรบสีดำบนร่างใหญ่ หลายร้อยเกล็ดสีดำหลุดลอกออก และบินออกมา
เกล็ดสีดำบินออกมา และประกบลงบนซากศพของมอนสเตอร์
พริบตานั้นเกล็ดดำก็กลายสภาพเป็นหมอกเขียวน่าหวาดผวา ห่อหุ้มร่างศพโดยสมบูรณ์
เฝ้ารอสักพักหมอกเขียวก็กระจายหายไป แต่ตัวศพกลับยังปลอดภัยดีอยู่ในสภาพเดิม
เกล็ดสีดำรอบสองจึงหลุดลอกออกมาอีกครั้ง พวกมันแปรสภาพเป็นลาวาเหลว ทั้งหมดผลุบเข้าไปร่างศพของมอนสเตอร์
ทว่าไร้ประโยชน์ ร่างศพของมอนสเตอร์ก็ยังไม่ถูกเผาไหม้
เกล็ดสีดำรอบสามจึงหลุดลอกออกมาอีกครั้ง และคราวนี้มันกลายสภาพเป็นหลากชนิดของสัตว์ป่าดุร้าย ร่วมมือกันช่วยกัดกินลงบนร่างศพซ้ำๆ
เกล็ดสีดำรอบสี่หลุดลอกออกมา และกลายเป็นค้อนยักษ์ ทุบตอกศพด้วยเจตนาร้าย
เกล็ดสีดำรอบที่ห้าหลุดลอกออกมา แยกออกเป็นร่างคนตัวเล็กๆ หลายคน แต่ละคนถือเครื่องมือที่แตกต่างกัน และเริ่มทำการผ่าแยกศพ
เกล็ดสีดำรอบที่หก
รอบที่เจ็ด…
เทคนิคมนตราอันไร้ที่สิ้นสุด มนตร์แล้วมนตร์เล่าถูกสำแดงออกมาจากเกล็ดสีดำอย่างต่อเนื่อง
ทว่าร่างศพของมอนสเตอร์กลับยังไม่มีทีท่าว่าจะถูกทำลายลงเลย
“บ้าจริง! บัดซบเอ๊ย! พวกเราต้องเร่งมือแล้ว”
เสียงของร่างใหญ่เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมกันกับเสียงของมัน เกล็ดเกราะรบสีดำก็ผุดออกมาจากเกราะรบมากขึ้น
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สุดท้าย เกล็ดดำรอบที่สามร้อยเก้าสิบแปดก็หลุดออกมา และกลายสภาพเป็นมดเงินหลายพันตัว
มดเงินเริ่มที่จะทำการกัดแทะร่างศพของมอนสเตอร์
ในขณะที่พวกมันกำลังกัดแทะศพ ร่างของมอนสเตอร์ก็ค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว
“แบบนั้นแหละ ดีมาก!” ร่างใหญ่อุทาน
หลังจากผ่านไปหลายสิบลมหายใจ ร่างศพของมอนสเตอร์ก็หายไป
มดเงินคืบคลานไปมาบนตำแหน่งที่ร่างศพเคยนอนอยู่ ไม่ยอมเคลื่อนย้ายไกลออกไปไหน
“เอาล่ะ แค่นี้ก็น่าจะพอใจท่านแล้วนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ยังก่อน รอดูซักนาทีจึงจะเห็นผลลัพธ์” ร่างใหญ่กล่าว
ทั้งสองจึงเฝ้ารออยู่พักหนึ่ง
ทันใดนั้นเอง มดทุกตัวก็เปิดทางออก
ปรากฏถึงร่างโครงกระดูกสีดำผุดขึ้นมาจากพื้นดิน และเดินกะเผลกๆ ไกลออกไปอย่างไร้สตินึกคิด
“จบเสียที!”
ร่างใหญ่ถอนหายใจ
ฟังจากน้ำเสียงดูก็รู้ว่าโล่งอก
กู่ฉิงซานมองตามร่างโครงกระดูกสีดำไป
เห็นแค่เพียงตัวมันเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับโครงกระดูกสีดำตนอื่นๆ อีกหลายพันหลายหมื่นที่กำลังเดินอยู่ ทั้งหมดเหมือนกัน ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปเลย
“เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าแท้จริงแล้วทะเลร่างโครงกระดูกเหล่านี้…”
“ใช่ อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ พวกมันเหล่านี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นพวกที่ต้องการจะกัดกินร่างของข้า ข้าจึงปล่อยให้พวกมันตายโดยไม่คิดโจมตี แต่คราวนี้ที่เจอกับมอนสเตอร์ตัวนั้น ไม่ลงมือไม่ได้จริงๆ”
“สรุปแล้วมอนสเตอร์นั่นเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้”
“แต่ท่านบอกว่ามันไม่ได้อยู่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น”
“ไม่ได้อยู่อย่างแน่นอน”
“ว่าแต่ทำไมมันถึงได้รู้ชื่อของข้า?”
“ตรงจุดนี้เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะมันมีเทคนิคมนตราหรือความสามารถอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้ทราบถึงชื่อจริงของบุคคลตรงหน้าได้ ตัวอย่างเช่นสกิล สอดแนมมิติ ทำนายฝัน พยากรณ์ความตาย ทิ่มนามธรรม ฯลฯ เทคนิคมนตราเหล่านี้มันมีอยู่มากมายเกินไป เจ้าไม่จำเป็นต้องมาสงสัยในปัญหานี้หรอก”
กู่ฉิงซานเงียบงันไปเป็นเวลานาน
“ไม่เกี่ยวกันกับพวกเทคนิคมนตราหรอก เพราะข้ากลับรู้สึกว่ามันรู้จักกับข้าจริงๆ…” เขากล่าวอย่าง
...............................................