webnovel

0545 โดนหลอก

ตอนที่ 545 โดนหลอก!

อีกด้านหนึ่ง

ภายในโลกสมบัติของทริสเต้

กู่ฉิงซานโอบลอร่า ควบม้าทมิฬวิ่งไปตลอดเส้นทาง

 ด้วยพละกำลังขาของปีกแห่งแดนชำระล้าง พวกเขาจึงสามารถข้ามผ่านภูเขาหิมะแต่ละลูกมาได้อย่างง่ายดาย และมาถึงเป้าหมายในที่สุด

 เบื้องหน้าของทั้งสอง คือภูเขาสูงตระหง่านที่สุดท่ามกลางภูเขาทั้งมวล

เนื่องจากตลอดทั้งลูกของมันโปร่งใส เลยส่งผลให้สามารถมองเห็นถึงสถานการณ์ภายในภูเขาน้ำแข็ง ผ่านชั้นผิวของมันได้อย่างชัดเจน

ผิวน้ำแข็งมีสีฟ้าจางๆ สามารถมองทะลุเข้าไป มีน้ำใสๆ ไหลวนอยู่ภายใน ขณะเดียวกันก็มีฟองอากาศเป็นลูกๆ ลอยไปมาอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง และเนื่องจากมันโปร่งใส่ ผิวน้ำแข็งลูกนี้จึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงก้อนเมฆบนท้องฟ้า ผสานไปกับวิวทิวทัศน์โดยรอบ ยามเมื่อสองฉากนี้ผสมรวมกัน ช่างให้ความรู้สึกคล้ายกับตกอยู่ในห้วงฝัน

ลอร่าปีนกลับขึ้นมาบนไหล่เพื่อชมทิวทัศน์ แล้วปรบมือของเธอ “มันสวยจัง เราชอบภูเขาลูกนี้มากเลย” 

“ไปกันเถอะ”

“ไปสิ”

พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าต่อ ทว่าม้าทมิฬกลับหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน

ดวงตาของมันจ้องเขม็งเข้าไปภายในภูเขาน้ำแข็งชนิดหัวชนฝา

อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ของมันก็มิได้ถูกตำหนิหรือถามไถ่ถึงเหตุผลใดๆ จากทั้งกู่ฉิงซานหรือลอร่า

เพราะกระทั่งพวกเขาเอง ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มิอาจเอ่ยปากออกมาได้

เห็นแค่เพียงเงาขนาดยักษ์ที่ปรากฏขึ้นภายในภูเขาน้ำแข็ง

เงาดำนี้มีความกว้างหลายสิบเมตร และยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร มันผลุบขึ้นมาจากเบื้องล่างของภูเขาน้ำแข็ง และแหวกว่ายขึ้นไปยังส่วนบนของตัวภูเขา

แม้ว่าชั้นผิวน้ำแข็งเกือบจะโปร่งใส แต่กระแสน้ำในก็ยังคงเชี่ยวกราก ผสมผสานไปกับแสงและเงาของฟองน้ำที่ผุดขึ้นมา ส่งผลให้หากมองจากภายนอก จะไม่สามารถสังเกตถึงลักษณะของร่างเงาใหญ่ได้ชัดเจนนัก

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะอยู่ห่างจากชั้นน้ำแข็ง และเฝ้ามองดูร่างที่ใหญ่โตและเลือนรางนี้จากภายนอก มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดเกรง

เพราะนี่คือสัญชาติของสิ่งมีชีวิต ตราบใดที่คุณพบเผชิญกับตัวตนที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าชนิดเทียบไม่ติด ภายในจิตใจก็จะบังเกิดความรู้สึกวิตก ก้มหัวให้แก่อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

เพราะความแตกต่างระหว่างทั้งสองมันมีมากจนเกินไป เปรียบดั่งช้างกับมด ดังนั้นจึงย่อมเป็นธรรมดาที่จะเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในจิตใจ

แต่กู่ฉิงซานก็ได้สติกลับคืนอย่างรวดเร็ว เขาทดลองจุ่มมือเข้าไปในชั้นน้ำแข็ง เพื่อดูว่าร่างเลือนรางนี้เป็นมอนสเตอร์ชนิดอะไร

แต่ทันทีที่เขาสัมผัสมัน…เพี๊ยะ! มือของเขาก็ดีดกลับทันควัน ถูกปฏิเสธโดยตรงจากผิวชั้นนอกสุดของมัน

ดูเหมือนว่าจะมีพลังแปลกๆ คอยปกคลุมตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็งที่สูงตระหง่านนี้ 

กู่ฉิงซานมองไปยังส่วนยอดของภูเขา

สิ่งปลูกสร้างที่งดงามตระการตา เพียงเฝ้ามองก็รู้สึกเคารพศรัทธาตั้งอยู่ที่นั่น

นี่คงจะเป็นวิหารที่ว่าสินะ?

เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำอธิบายของเชื้อไฟ

‘ภายนอกทุ่งน้ำแข็งนี้ มีวิหารอันวิจิตรงดงามอยู่’

‘ในสมัยโบราณอันไกลโพ้น เทพบรรพกาลยังคงสถิตอยู่ในโลกใบนี้ และพวกเขาก็ได้สร้างวิหารดังกล่าวขึ้น เพื่อเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตทั้งมวลที่เกิดจากน้ำมือของพวกเขา’

‘คุณจะต้องไปที่นั่น และทำพิธีของเทพบรรพกาลให้สำเร็จลุล่วง’

กู่ฉิงซานหายเข้าไปในความคิด

ฉะนั้นร่างที่เลือนรางเมื่อครู่นี้ ก็สมควรที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพในยุคโบราณอันไกลโพ้นสินะ?

และการที่มันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางวันเดือนปีที่ผ่านพ้น เนิ่นนานมาจนถึงปัจจุบันได้ เกรงว่าหากต้องรับมือกับมัน คงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

หนึ่งคน หนึ่งวิหค หนึ่งม้า นิ่งงัน ต่างจมลงสู่ความเงียบ

เฝ้ารอจนกระทั่งมอนสเตอร์ยักษ์ว่ายผ่านไปไกล พวกตนจึงค่อยผ่อนคลายลง

“นั่นมันคืออะไรเหรอ?” ลอร่าถามขึ้นเบาๆ

“ไม่รู้สิ คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างในโลกใบนี้ล่ะมั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว

ทว่าจู่ๆ ความคิดน่ากลัว ก็พลันผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา

อะไร?

เมื่อกี้ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกแบบนั้นออกมากัน?

กู่ฉิงซานพยายามที่จะเค้นสมองคิดถึงมันอีกครั้ง แต่เขากลับพบว่าตนมิอาจนึกถึงความคิดที่ว่านั่นได้

เหมือนกับว่าความคิดนั้นปรากฏขึ้น และหายไปทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้เลย

ร่างของกู่ฉิงซานเริ่มสั่นสะท้าน ราวกับว่าตนกำลังถูกกัดกร่อนด้วยความเย็นยะเยือกบางอย่าง

ลอร่าเงยหน้าขึ้น มองไปยังยอดสุดของภูเขาสูงตระหง่าน ปากเอ่ยไม่เห็นด้วย “มันสูงเกินไป เราไม่อยากจะขึ้นไปข้างบนเลย”

หลังจากที่เห็นมอนสเตอร์และตระหนักถึงความสูงเบื้องบน เธอก็ไม่มีความคิดว่าภูเขาน้ำแข็งเบื้องหน้ามันงดงามอีกต่อไป

“กระหม่อมก็ไม่ต้องการที่จะขึ้นไปเช่นกัน” กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องไป”

ลอร่าพอได้ฟังก็นิ่งไป ไม่เอ่ยปากตอบโต้อยู่สักพักหนึ่ง

นั่นสิ พวกเราอุตส่าห์มากันจนถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าจะต้องเผชิญกับอะไร แต่จะมาหยุดเอากลางทางได้อย่างไร?

แค่เพราะกลัวความสูงกับมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ เลยยอมแพ้เรื่องที่จะต่อสู้กับทริสเต้แล้วอย่างงั้นหรือ?

ระหว่างที่ตนมายังอัลเบอัส สมาชิกครอบครัวทั้งหมดถูกสังหารลงด้วยน้ำมือของทริสเต้ นี่คือความเจ็บปวดและเกลียดชังที่มิอาจลบล้างได้ตลอดไป

อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะเจ็บปวด และทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่หากเทียบเปรียบกับความตายแล้ว มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด!

ดวงตาของลอร่าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

“กู่ฉิงซาน”

“หืม?”

“ในช่วงเวลาที่เจ้าข้ามผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มันยากลำบากหรือไม่?”

 “ถ้าเรื่องนี้ มันก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ”

“อัลเบอัสจะจัดงานเลี้ยงเป็นเวลากว่าสามวันสามคืน เพื่อฉลองการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเรา แต่เราไม่คาดคิดเลยว่าวัยผู้ใหญ่จะเป็นเช่นนี้”

กู่ฉิงซานเงียบไป

หากอ้างอิงในแง่การนับปีของมนุษย์ ลอร่าจะมีอายุเพียงแค่เจ็ดขวดเท่านั้น

อายุเจ็ดขวบ นี่ยังจะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ได้หรือ?

กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความทรงจำที่ยาวนาน

ในตอนที่เขาอายุได้เจ็ดขวบ เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ด้วยเงินจากกองทุนสงเคราะห์เพียงอย่างเดียว ตนจึงไปรับจ้างช่วยล้างจานและทำความสะอาดร้านอาหารที่อยู่ในสลัม

แต่แน่นอน ว่าสิ่งตอบแทนจากการช่วยเหลือที่ว่าน่ะไม่ใช่เงิน

ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวก็คือ เขาสามารถกินอาหารได้สองมื้อต่อวันแบบฟรีๆ

และโชคยังดีที่การศึกษาภาครัฐนั้นอนุญาตให้เขาสามารถทำงานได้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นในขณะเรียนไปในแต่ละวัน เขาก็ทำงานไปด้วย ในที่สุดก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น

กล่าวได้หากผู้อื่นมิเคยพบเจอเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันมาก่อน ก็คงจะไม่สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญได้

จนกระทั่งเมื่ออายุสิบสามปี กู่ฉิงซานก็สามารถปรุงอาหารได้อร่อย จนเจ้าของร้านเอ่ยปากชมในที่สุด

และนับตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของเขาจึงค่อยๆ ดีขึ้นอย่างช้าๆ

กู่ฉิงซานถอนหายใจ

เขาวางลอร่าลงจากไหล่ และโอบเธอไว้ในอ้อมแขน

อายุเจ็ดขวบ...

แต่เด็กสาวตัวน้อยๆ คนนี้ ต้องกลายเป็นกำพร้าเสียแล้ว

แถมเธอยังเป็นสายเลือดสุดท้ายของราชวงศ์วิหคหนามอีก

หนทางอนาคตเบื้องหน้าของเธอ คงมิแคล้วยากลำบากยิ่งกว่าตัวเขาอย่างแน่นอน

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ฝ่าบาท ชีวิตของผู้ใหญ่มักจะเป็นไปด้วยความเหนื่อยล้าและยากลำบากแบบนี้แหละ กระหม่อมหวังว่าพระองค์จะสามารถมีกำลังใจมากขึ้นนะ”

“มีกำลังใจมากขึ้น?”

“ใช่ เพราะถ้าไม่มีใจสู้เลย โชคชะตาก็จะเข้าครอบงำ และมันจะกลายเป็นผู้ลิขิตชีวิตของท่านไปในที่สุด”

“…เราไม่ต้องการแบบนั้น”

ลอร่าฝังหัวของเธอลงในอ้อมแขนของเขา ปากเอ่ยกระซิบเบาๆ

“พวกเราจะต้องปีนภูเขาลูกนี้ขึ้นไป” กู่ฉิงซานกล่าว “เราจะต้องไม่หลบสายตาจากมัน และจากนั้นพวกเราสองคนก็จะสามารถต่อกรกับทริสเต้ได้อย่างแน่นอน”

ลอร่าจิกริมฝีปากตัวเอง และสูดหายใจเข้าลึกๆ

เธอเปล่งเสียงหนักแน่น “พวกเราจะต้องโค่นเธอลงให้จงได้!”

“ยอดเยี่ยม นับว่าเป็นแรงใจที่ดี เอาล่ะ พวกเราก็ไปกันเถอะ”

 “ไปกัน!”

ทั้งสองกำลังจะเริ่มไปต่อ แต่จู่ๆ กู่ฉิงซานกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน

เพราะภายในชั้นภูเขาน้ำแข็ง ที่เดิมทีฟุ้งไปด้วยน้ำสีฟ้าใส บัดนี้พลันกลับกลายเป็นสีแดงเลือด

วู้ม!

 เสียงคำรามสะท้านสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลกกังวานขึ้นมาจากส่วนลึกเบื้องล่าง ราวกับว่ามันเป็นเสียงคำรามของผืนโลก

ลอร่าหดตัวลงในอ้อมแขนของกู่ฉิงซานด้วยความหวาดกลัว

กู่ฉิงซานหรี่ตาลง เพ่งสมาธิเงี่ยหูคอยรับฟังเสียงคำรามอย่างเงียบๆ

 ฟังจากเสียงคำราม เขาสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์บางอย่าง

มันคล้ายกับความโศกเศร้า แต่ขณะเดียวกันก็เจ็บปวด

ยิ่งไปกว่านั้น คือสิ้นหวัง

เสียงคำรามค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่ก็ผลุบออกมาจากใต้ภูเขาน้ำแข็ง

มันปรากฏขึ้นจากภายใน และลอยไปตามกระแสน้ำ ขึ้นสู่วิหารบนยอดเขา

ทว่าตลอดทั้งกระบวนการ เงาอันมหึมานี้มิได้ขยับกายเคลื่อนไหวและไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลย

 เหมือนกับว่ามันจะตายไปแล้ว

เมื่อเงาดำมหึมานี้ผ่านหน้ากู่ฉิงซานไป เขาก็เห็นถึงดวงตาคู่หนึ่ง

มันเป็นดวงตาที่มีขนาดใหญ่โต แต่กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและรวดร้าว

“สิ่งมีชีวิตที่มีห้วงอารมณ์อย่างงั้นเหรอ…” กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ

รอบๆ เงาดำ น้ำสีฟ้าอ่อนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือด

เลือดที่ว่านั่น เกิดจากบาดแผลบนตัวของมอนสเตอร์

มันกระจายตัวออกไป จนเมฆเบื้องบนที่สะท้อนแสงและเงาลงมากลายเป็นสีแดงเลือด กระทั่งกระแสน้ำภายใน และร่างของกู่ฉิงซานที่สะท้อนจากภายนอกก็ไม่แตกต่างกัน

กู่ฉิงซานไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ เขาเฝ้ามองเงามืดจนกระทั่งมันหายไปจากสายตา

มอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่นี้ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นกัน

และนั่นคือตัวที่สอง

“มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อยู่ในโลกใบนี้…ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกสร้างขึ้นโดยทวยเทพ ในยุคโบราณ…” ลอร่างึมงำ

ในฐานะที่เป็นเจ้าหญิงหนาม เธอจึงมีความรอบรู้มากเป็นธรรมดา

กู่ฉิงซานรับฟังอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้นเอง ความคิดที่ปะปนไปกับความหนาวเย็นในอากาศก็เสียดแทงเข้ามาในหัวใจของเขา

และครั้งนี้ กู่ฉิงซานสามารถคว้ามันเอาไว้ได้ มิปล่อยให้หลุดรอดไปดั่งคราวก่อน

สิ่งมีชีวิต…

สิ่งมีชีวิต!!!

 แผ่นหลังของกู่ฉิงซานเริ่มผุดเหงื่อเย็นออกมา ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงันไม่ไหวติง

“เป็นอะไรไปเหรอ?” ลอร่ามองเขา เอ่ยถามด้วยความกังวล

“พอดีว่ากระหม่อมพึ่งจะเข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาน่ะ”

กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก และพยายามบีบบังคับตนให้สงบลง

ในสายตาของเขา บนหน้าต่างระบบเทพสงครามกำลังกะพริบไหวอย่างบ้าคลั่ง

บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนหน้าต่างระบบ

“คุณได้ตระหนักถึงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว”

“คุณได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้”

“คุณได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้บางอย่าง”

ในเวลาเดียวกัน หน้าต่างระบบเทพสงครามก็ได้ค้นพบถึงเงื่อนงำบางอย่างเช่นกัน

“โปรดช่วยบอกระบบเทพสงครามด้วย ว่าสิ่งที่คุณค้นพบคืออะไร?”

กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านบรรทัดแสงตัวอักษรบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

เขาถอนหายใจลึก และตอบกลับผ่านทางความคิด “เชื้อไฟกำลังหลอกพวกเรา ฉันสงสัยว่ามันน่าจะยกระดับเสร็จสิ้นลงแล้ว และตอนนี้ ในที่สุดมันก็ได้กลายเป็น ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์: ต้นกำเนิด’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”

…………………………………..........