webnovel

0520 เวลาที่พลาดไป

ตอนที่ 520 เวลาที่พลาดไป

ด้วยการบอกเล่าของฉานนู่ ไก่ใหญ่ก็ค่อยๆ เข้าใจถึงเหตุผลในที่สุด

“กุ๊กๆๆ เจ้าทะเลเลือดถึงจะดูเป็นคนธรรมดา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้รับลูกศิษย์ที่ดีแบบนี้” ไก่ใหญ่หัวเราะ

“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”

“แน่นอน นี่มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นอกจากนี้ฉันเองก็ยังเป็นหนี้กำปั้นเหล็กแบรี่อยู่พอดีเหมือนกัน”

“แต่ฉันจะไม่ช่วยเจ้าเด็กกู่มากเกินควรนะขอบอกเอาไว้ก่อน เพราะในอนาคต เขาจะต้องเป็นคนกวดขันภรรยาให้อยู่ในโอวาทด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะเข้าไปวุ่นวายได้”

ไก่ใหญ่เอ่ยหยันกู่ฉิงซาน ขณะเดียวกันมันก็ยื่นคมแหลมของจะงอยปากออกไป แล้วเจาะเข้าใส่อุปสรรค

ปัง!

การโจมตีของมันสัมผัสเข้ากับอุปสรรค รังสีแสงสีเลือดไหลย้อนกลับราวกับน้ำตาที่หวนคืนสู่ฟากฟ้า

ไก่ใหญ่กรีดร้องออกมา ทั้งตนทั้งร่างของมันถูกผลักกระเด็นออกไปไกลกว่าหลายสิบเมตร

ขณะที่อุปสรรคขวางกั้นสีเลือดดูจะยังคงไร้ซึ่งร่องรอยขีดข่วนใดๆ

“ … ” ฉานนู่

“ … ” ไก่ใหญ่

“บ๊ะ! ฉันไม่เชื่อหรอก!” ไก่ผุดลุกขึ้นด้วยความโกรธ และเริ่มรวบรวมกำลัง

มันสงบใจลง สองขาจิกแน่นลงบนพื้น พยายามควบคุมสมดุลให้ดีที่สุด และพรวด!เข้าหาอุปสรรคสีเลือด โฉบเข้าจิกกัดด้วยเจตนาร้าย!

มันทั้งจิกทั้งใช้ปีกตบเข้าใส่อุปสรรคเลือด ขณะเดียวกันก็ตะโกนโวยวายไปด้วย

เสียงดุเดือดก้องกังวานไปตลอดทั้งเมือง

“กุ๊กๆ!”

ปัง!

“ป๊อกๆ”

ปัง!

“กะต๊าก!”

ปัง!

ฉานนู่ที่คอยเฝ้ามองอยู่จำต้องอุดหูตัวเอง และถอยกลับเข้าไปภายในอุปสรรค

“นายน้อย ชายคนนั้นคือใครกันแน่?” ฉานนู่เอ่ยถามอย่างเงียบๆ

“เจ้าไม่อยากรู้หรอก” กู่ฉิงซานตอบ

หลังจากนั้นหลายลมหายใจ ไก่ใหญ่ก็ประสบความสำเร็จในที่สุด!

อุปสรรคกีดขวางสีเลือดระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เศษของมันฟุ้งกระจายราวกับเม็ดทับทิม ก่อนจะทยอยกันร่วงตกลงสู่พื้น

เศษอันงดงามเหล่านี้แปรสภาพเป็นอักษรรูนลึกลับ และหายไปอย่างเงียบๆ ในความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้นจากเตียง ก้าวเดินออกจากห้อง

“ขอบคุณมากจริงๆ” เขากล่าวด้วยความจริงใจ “ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ ผมคงไม่เลือกที่จะไปรบกวน ปลุกคุณขึ้นมาในเวลาแบบนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นายก็รู้นี่ คนอ่อนแออย่างเจ้าทะเลเลือดน่ะ สำหรับฉันแล้วไม่นับว่าเป็นสิ่งใดหรอก!” ไก่พูดพลางหอบหายใจ

มันซ่อนปีกครึ่งหนึ่งที่ไหม้เกรียมเอาไว้ด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้กู่ฉิงซานกับฉานนู่เห็น

กู่ฉิงซานได้กลิ่นเนื้อไก่ย่างหอมตลบอบอวล เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแตะท้อง และหันไปพูดกับไก่ใหญ่ว่า “ถ้ากลับมาผมจะขอเลี้ยงข้าวคุณ แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน เพราะต้องรีบไปตอบรับคำเรียกขานของวิหคหนามทันที”

ขณะกล่าว เขาก็หยิบแผ่นป้ายทองคำออกมา และเตรียมที่จะออกจากรีสอร์ตของอัลเบอัส

“หือ? เมื่อกี้พูดว่าการเรียกขานของวิหคหนามใช่หรือเปล่า?”

ไก่ใหญ่คว้าจับตัวเขา

“ใช่แล้วครับ มันทำไมงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามแปลกๆ

“ นายพลาดเวลาไปซะแล้วล่ะ แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้น่ะ พึ่งจะทำการเรียกขานเสร็จ และตอบรับทุกคนเข้าสู่ปีกของเธอ นำพาพวกเขาไปช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

กู่ฉิงซานแข็งค้าง

อะไรนะ?

เรียบร้อยแล้ว?

“เสียใจด้วยนะ แต่ดูเหมือนนายจะมาไม่ทันการเรียกขานของวิหคหนามในครั้งนี้ซะแล้วล่ะ” ไก่ใหญ่กล่าว

กู่ฉิงซานพยายามพูดอย่างสงบสติอารมณ์ “นี่มันไม่ถูกต้อง ผมจำได้ว่าการเรียกจานจะดำเนินต่อไปกว่าเจ็ดวันเจ็ดคืน แต่ทำไมจู่ๆ ถึงมาหยุดเอาดื้อๆ แบบนี้?”

“นั่นก็เพราะมีคนตอบรับคำเรียกขานของเธอมากเกินไป ทริสเต้จึงหยุดเรียกเพราะคิดว่าจำนวนคนน่า จะเพียงพอแล้ว หากมากไปกว่านี้ เกรงว่ามันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ให้กับเธอเสียเปล่าๆ”

“ … ” กู่ฉิงซาน

นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ

ถ้าหากเขาไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกของวิหคหนามได้ เขาก็จะไม่ได้รับฟังก์ชันใหม่ของ หน้าต่างระบบเทพสงคราม!

ถ้าหากเขาไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกของวิหคนาม เขาก็จะไม่ได้ไปช่วยซูเซี่ยเอ๋อ!

แล้วซูเซี่ยเอ๋อก็จะต้องแบกรับอันตรายเอาไว้บนสองไหล่น้อยๆ ของตนเพียงลำพัง ขณะที่เขาทำได้แค่เฝ้าดูอย่างนั้นหรือ?

ต้องไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด!

กู่ฉิงซานใคร่ครวญอยู่ครู่จึงเอ่ยถาม “นี่ พี่ชายไก่”

“ได้โปรดเรียกฉันว่าลูกพี่ไก่”

“ลูกพี่ไก่ พอจะมีวิธีอะไรที่จะให้ผมได้ติดต่อกับแสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้บ้างไหม? ผมจะไปขอร้องเธอเป็นการส่วนตัว หวังว่าเธอจะปล่อยให้ผมเข้าสู่โลกของเธอได้”

ไก่ใหญ่เผยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย

“เอ่อ...พอดีว่าถ้าเป็นตัวฉันล่ะก็คงไม่ได้ เพราะฉันไม่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา”

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”

“เพราะพวกมารยาทหรือพิธีกรรมเกี่ยวกับวิหคหนามน่ะมันยุ่งยากและซับซ้อนเกินไป ฉันมันพวกใจร้อน ไม่สามารถอดทนกับทัศนคติของพวกเขาได้หรอก”

“ไม่มีวิธีอื่นๆ อีกแล้วเลยเหรอ?”

“ …นายเป็นสมาชิกของสมาคมกำปั้นเหล็ก และบังเอิญว่าฉันก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรี่ แถมนายยังเป็นเด็กฉลาด ดังนั้นฉันจะขอลองคิดดูอีกครั้งนะ”

ไก่ใหญ่จมลงสู่ห้วงความคิด

มันเดินวนกลับไปกลับมา

กู่ฉิงซานยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่คิดรบกวนใดๆ

หลังจากผ่านไปสักพัก ไก่ใหญ่ก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน

มันหมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว จ้องมองกู่ฉิงซานและกล่าว “ฉันพอจะรู้จักคนที่ทำแบบนั้นได้อยู่ แต่นายจะสามารถทำให้คนๆ ประทับใจจนเลือกที่จะช่วยเหลือได้หรือเปล่า นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนายเอง”

“คนๆ นั้นคือใครกันครับ?”

“นายเคยเจอมาก่อนแล้วไง”

“ผมน่ะเหรอเคยเจอกันแล้ว?”

“ใช่ พวกเราทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อวาน ฉันคิดว่านายควรจะนำของขวัญดีๆ ที่เหมาะสมไปมอบให้เธอด้วยนะ เพราะท้ายที่สุดนี้ อย่างไรเธอก็เป็นถึงหญิงที่มีเกียรติ”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ภายในป่านอกตัวเมืองเล็กๆ

กู่ฉิงซานกับไก่ใหญ่ยืนอยู่หน้าต้นไม้สูงตระหง่าน

ไก่ใหญ่ดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย มันเอ่ยปากออกมา “เจ้าเด็กกู่ นายรู้ไหมว่าการเคาะประตูห้องของผู้หญิง ที่อยู่คนเดียวในช่วงเวลาเที่ยงคืนมันไม่สุภาพ เว้นเสียแต่ว่านายจะมีเหตุผลที่ดีมากพอที่จะทำมัน”

กู่ฉิงซานตอบรับ “คุณมั่นใจได้เลย ผมเตรียมมาพร้อมแล้ว”

“แน่ใจนะ?”

ไก่ใหญ่ผ่อนลมหายใจยาว และเริ่มเคาะลงบนต้นไม้

เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูร้อนใจดังขึ้น “มีเรื่องอะไรกัน? ฉันกำลังยุ่งอยู่นะ”

“พอดีว่าเจ้าเด็กกู่บอกว่ามีของขวัญจะมอบให้แด่คุณน่ะ” ขณะกล่าว ไก่ใหญ่ก็เผลอถอยไปหลบหลังกู่ฉิงซานโดยไม่รู้ตัว

มันพยักหน้าให้กู่ฉิงซานจากด้านหลัง ส่งสัญญาณให้เขาอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ของขวัญงั้นเหรอ?” เสียงของผู้หญิงสูงขึ้นเล็กน้อย

กู่ฉิงซานกลั้วลำคอตนและกล่าว “ใช่แล้วครับ หลังจากที่ได้พบกับผู้หญิงที่มีเกียรติและน่าเคารพ เช่นคุณเมื่อวันก่อน ผมก็เลยเกิดความคิดนี้ขึ้นมา”

“ความคิดอะไรกัน?”

“ผมรู้สึกว่าผมมีสมบัติบางสิ่งบางอย่างที่เก็บไว้มาเป็นเวลานาน และถึงแม้มันแทบจะไม่ตรงกับลักษณะของคุณเลยก็ตามที แต่หลังจากที่ได้ลองขบคิดมาหลายชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุดว่าจะมอบมันให้กับคุณเป็นของขวัญ”

“ของขวัญ… ”

เสียงของผู้หญิงเหมือนกำลังใคร่ครวญ น้ำเสียงที่แฝงมาดูจะไม่ร้อนใจเหมือนก่อนหน้านี้ ตรงกันข้าม มันกลับค่อนข้างฟังดูอยากรู้อยากเห็น

“ก็ได้ เข้ามาสิ”

ด้วยประโยคนี้ ประตูก็ปรากฏขึ้นกลางลำต้นไม้สูงตระหง่าน

ประตูเปิดออกโดยอัตโนมัติ และบันไดไม้ที่คดเคี้ยวก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

“ไปกันเถอะ จะเป็นการดีที่สุดถ้าของขวัญที่นายเตรียมมามันถูกใจเธอ ไม่งั้นฉันนี่แหละจะเผ่นออกไปก่อนเลยเป็นคนแรก” ไก่ใหญ่ลดเสียงของเขาลง

“เข้าใจแล้ว เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย”

กู่ฉิงซานพูดเสียงแข็ง

ตอนนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถึง ‘รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง’

พวกเขาเดินขึ้นบันไดยาวไปจนถึงส่วนของต้นไม้

แล้วก็ได้พบกับหญิงงามไม้สลักที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก เธอกำลังเพลิดเพลินไปกับแสงดาวยามค่ำคืน

“น่าแปลกจริงๆ ที่แสงดาวนิรันดร์หลายดวงกำลังมืดดับลง นี่มันเป็นปรากฏการณ์ยากจะพบเห็นจริงๆ”

หญิงงามไม้สลักรำพึง

การแสดงออกทางสีหน้าของเธอแลดูแปรปรวนและสับสน

เมื่อกู่ฉิงซานกับไก่ใหญ่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เธอก็หันมาให้ความสนใจกับทั้งสอง

“เด็กชายจากสมาคมกำปั้นเหล็ก ถ้านับตั้งแต่ที่พวกเราพบเจอกัน ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปนะสำหรับการให้ของขวัญ มีเรื่องด่วนอะไรถึงได้รีบมาปรึกษาเรากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้หรือ?” หญิงงามไม้สลักถามจี้ตรงจุด

“คุณผู้หญิง พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นกันตั้งแต่ทีแรก แต่สิ่งที่ผมต้องการจะพูดก็คือถ้าของขวัญของผมไม่อาจทำให้คุณพอใจได้ ก็ขอให้คุณโปรดยกโทษให้กับการเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวในยามวิกาลในคราวนี้ด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว

หญิงงามไม้สลักรับฟังคำพูดของเขาอย่างเงียบๆ และพยักหน้าเล็กน้อย “อื้ม ดูเหมือนว่าเจ้าหนูเช่นเจ้าก็จะยังพอมีมารยาทอยู่บ้างเหมือนกันนี่”

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบเอากล่องที่ทั้งหมดทำจากหยกวิญญาณออกมา

แต่ขณะเดียวกัน จดหมายฉบับหนึ่งก็ติดออกมากับตัวกล่องหยกวิญญาณเช่นกัน

‘เอ๋? จดหมายนี่มันอะไรกัน?’

กู่ฉิงซานลอบประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันนับว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กู่ฉิงซานจึงไม่อยากให้จดหมายนี้มารบกวนสมาธิเขา ดังนั้นจึงยัดมันเก็บกลับคืนไปก่อนชั่วคราว

เขาค่อยๆ วางกล่องหยกวิญญาณลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา

นี่คือกล่องสมบัติที่แกะสลักจากหยกวิญญาณที่มีคุณภาพสูงสุด ภายนอกของมันสลักไปด้วยลวดลายของดอกไม้อันประณีต ดูไม่แตกต่างไปจากของจริง

หยกวิญญาณเช่นนี้ ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ มันคือสมบัติที่มีราคาสูงจนมิอาจประเมินได้

แต่กู่ฉิงซานกลับใช้มันเป็นเพียงแค่กล่องเก็บของ

หญิงงามไม้สลักเลิกคิ้วสูงขึ้นด้วยความประหลาดใจ

กล่องเก็บของชิ้นนี้ แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็งดงามและมีรสนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว

มองไปยังกล่องหยกวิญญาณ หญิงงามไม้สลักก็เผยท่าทีสนใจเล็กๆน้อยๆออกมา

“แล้วสิ่งที่อยู่ภายในคืออะไร?”

เธอไม่รีบร้อนที่จะเปิดมัน แต่กลับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแทน

ดูเหมือนว่า เธอจะสนุกกับการคาดเดาว่าของขวัญน่ะคือสิ่งใดซะมากกว่า

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาที่จะมามัวเล่นไปกับเธอ ดังนั้นเขาจึงกล่าวบอกไปตรงๆ “มันคือปีกภูติสีชมพูรุ่นลิมิเต็ดของอาณาจักรภูติที่เป็นที่นิยมเมื่อหนึ่งพันปีก่อน และเช่นเดียวกัน อีกชิ้นคือบิกินี่สีชมพูที่มีการจำกัดขายเพียงสิบตัวเท่านั้นในปีเดียวกัน”

พอได้รับคำตอบมาง่ายๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงงามไม้สลักก็หุบลง

เธอเปิดกล่องหยก

แล้วก็พบกับสองวัตถุสีชมพูสองชิ้นถูกวางเอาไว้อย่างประณีตในกล่องหยก

ปีกสีชมพูเปล่งแสงอันนุ่มนวลออกมา หนุนเสริมให้ปีกที่บางเบาราวกับผ้าคลุมหน้าดูเด่นชัดขึ้น

ขณะที่บิกินี่สีชมพูลอยตัวขึ้น แขวนเด่นอยู่บนอากาศ

มันเลื่อนสายตามองหญิงงามไม้สลักทันที

“เป็นเกียรติยิ่งนัก ที่ได้พบกับท่านหญิงที่มีเกียรติ สง่างาม และทรงเสน่ห์ ตัวฉันคือบิกินี่ระดับเพชรรุ่นลิมิเต็ด ยินดีที่ได้รู้จัก” บิกินี่กล่าวด้วยความสุภาพ

หญิงงามไม้สลักจ้องมองไปยังบิกินี่และปีกอีกครั้ง

นี่มันเป็นสไตล์ของเมื่อหนึ่งพันปีก่อนจริงๆ

สิ่งของเมื่อหนึ่งพันปีที่ผ่านมา ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยลำดับชั้น นับว่าเป็นเรื่องยากนักที่จะยังถูกเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์

อย่าพึ่งเคลิ้มไปสิ!

มันไม่ควรจะง่ายดายเช่นนั้น!

เมื่อเร็วๆ นี้ โลกแฟชั่นก็เริ่มกลับมานิยมแฟชั่นสไตล์ย้อนยุคอยู่เหมือนกัน ดังนั้นของขวัญพวกนี้อาจจะเป็นของเลียนแบบก็ได้

หญิงงามไม้สลักค่อยๆ ยกมือขึ้นทาบหน้าอก และกล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ “เราเคยได้ยินมาว่า สิ่งของทุกชิ้นมักจะมีเลขประจำตัว”

“ใช่แล้วล่ะ มันคือสัญลักษณ์ขนาดเล็กที่ได้ระบุตัวตนของพวกเรานั่นเอง”

บิกินี่แสดงบรรทัดอักขระพิเศษบนตัวของมัน

ขณะที่ปีกสีชมพูก็เช่นกัน

หญิงงามไม้สลักสามารถระบุถึงตัวอักษรเหล่านี้ได้ในทันที ใบหน้าของเธอเริ่มผุดรอยยิ้มแย้มขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่มีใครสามารถเลียนแบบโลโก้พิเศษของภูติได้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่พวกเขาผลิตขึ้นมาเองจริงๆ”

หญิงงามไม้สลักตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงเอ่ยถาม “แต่สิ่งทอของภูติน่ะมีความละเอียดอ่อนนัก เมื่อมันได้รับการตรวจสอบ มันจะถูกทำลายลงทันที ดังนั้นตัวเราจึงไม่คิดจะทำมัน แต่จะเอ่ยถามแทน”

“คุณหญิง เชิญถามมาได้เลย” บิกินี่ชมพูกล่าว

หญิงงามไม้สลัก “ในความเป็นจริงแล้วตัวเราเพียงแค่กังวลเล็กน้อยเรื่องที่ว่าพวกเจ้าเคยผ่านมือคนอื่นมาก่อน แม้ว่าจะเป็นคอลเลกชันแฟชั่นที่มีค่าก็ตามที ดังนั้นเราเลยอยากจะถามว่า พวกเจ้าไม่เคยให้ผู้ใดสวมใส่ใช่หรือไม่?”

“เรื่องนี้”

ปีกสีชมพูกำลังจะกล่าว แต่มันก็ถูกแตะเบาๆ โดยบิกินี่เสียก่อน

บิกินี่ “ในเมื่อถามมาเช่นนี้ ฉันก็ต้องขอถามกลับไปก่อนว่า หากท่านได้พบเจอกับสิ่งที่ไร้ราคา สกปรกมือสอง แล้วท่านจะทำอย่างไรกับมัน?”

“ไม่หรอก พวกเจ้าเป็นสิ่งล้ำค่าที่ควรแก่การถือครอง ดังนั้นตัวเราจะไม่ทำอะไรแบบนั้นกับพวกเจ้า แต่ก็เฉพาะกับชุดสะสมเท่านั้น ส่วนคนที่เคยสวมใส่พวกเจ้ามาก่อนตัวเราจะไปฆ่ามันซะ!”

เวลานิ่งค้างไปชั่วขณะ

กู่ฉิงซานเกือบจะเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเขา

ก็เจ้าสองสิ่งนี้…เป็นตัวเขานี่แหละที่เคยใช้มันมาก่อน

“ดังนั้น โปรดให้คำตอบแก่เราด้วย” หญิงงามไม้สลักกล่าว

“ท่านสามารถมั่นใจได้ ว่าไม่มีใครเคยใช้พวกเรามาก่อน”

“ใช่ ตอนนี้พวกเราอยากจะสัมผัสกายเนื้อจะแย่อยู่แล้ว! เพราะพวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะรู้สึกอย่างไร!”

บิกินี่กับปีกช่วยกันโกหกอย่างรวดเร็ว

…………………………………..........