ตอนที่ 380 พลังเหนือธรรมชาติ
กู่ฉิงซานอ่านประโยคบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บังเกิดความรู้สึกประหลาดใจในหัวใจของเขา
ในช่วงชีวิตที่สอง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ลี้ลับ’ นี้
เห็นแค่เพียงบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ระบบกำลังตีความหมายและเพิ่มคำอธิบายของความลี้ลับนี้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดมา ระบบไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลย
“ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต คุณจะได้เรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่างของแต่ละองค์ประกอบขั้นพื้นฐานของการดำรงอยู่ต่างๆ และจะได้รับความสามารถในการปรับตัวเองให้เป็นชนิดเดียวกันกับการดำรงอยู่นั้นได้”
“คำอธิบาย คุณต้องได้รับส่วนประกอบของการดำรงอยู่ชนิดนั้น เพื่อแยกแยะลักษณะ และกฎเกณฑ์ในตัวมันเสียก่อน คุณจึงจะสามารถอำพรางปลอมตัวเป็นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ได้”
“โปรดทราบ”
“โปรดทราบ”
“เนื่องด้วยระบบเทพสงครามมีความพิเศษและเป็นเอกเทศ ดังนั้นคุณจึงได้รับสองตัวเลือกสำหรับการฝึกฝนวิชาลี้ลับนี้”
“หนึ่ง ฝึกฝนวิชาลับนี้โดยใช้ ‘พลังวิญญาณ’ เป็นพื้นฐาน หลังใช้งาน ผู้เล่นก็จะมีลักษณะการดำรงอยู่ รูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายและความผันผวนของพลังวิญญาณก็จะคล้ายคลึงกัน โดยที่สิ่งมีชีวิตนั้นๆ จะไม่สามารถแยกแยกออกได้ว่าคุณเป็นสิ่งมีชีวิตคนละประเภท”
“สอง ฝึกฝนวิชาลับนี้โดยใช้ ‘แต้มพลังวิญญาณ’ เป็นพื้นฐาน ผู้เล่นจะกลายเป็นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตที่ตนเลือกเป็นเวลาชั่วคราว”
“คำเตือน ชนิดของสิ่งมีชีวิตที่อ้างอิงถึง ‘จะต้องมีจิตวิญญาณ’”
“คำเตือน คุณจะต้องทำการเลือกทันที เพื่อกำหนด ‘ต้นกำเนิด’ของพลังของวิชาลี้ลับนี้”
“คำเตือน เมื่อคุณเลือกต้นกำเนิดของพลังขั้นพื้นฐานนี้แล้ว คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้”
หลังจากที่อ่านเสร็จ กู่ฉิงซานก็ลังเลไปชั่วขณะ
หากกล่าวโดยทั่วไปแล้ว โดยทั่วไปแล้วนั้น การอำพรางปลอมตัวโดยเลือกที่จะใช้ต้นกำเนิดเป็น ‘พลังวิญญาณ’ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
แต่กู่ฉิงซานกลับคิดลึกเข้าไปมากยิ่งกว่านั้น จินตนาการเลยเถิดไปไกล
เขาเอ่ยถาม “ระบบ ถ้าตามคำอธิบาย หมายความว่าฉันจะกลายเป็นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตประเภทนั้นไปเลยถูกต้องไหม? ”
“ใช่ คุณจะกลายเป็นการดำรงอยู่ชนิดนั้นชั่วคราว” ระบบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ระบบอธิบายต่อ ซึ่งนับว่าน้อยครั้งนักที่มันจะใส่ใจแบบนี้ “วิชาลี้ลับนี้ แต่เดิมอยู่ในมือของสิ่งมีชีวิตเฉพาะเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น และแม้กระทั่งการดำรงอยู่แบบเฉพาะอย่างพวกมัน ก็ยังเลือกที่จะใช้ ‘พลังวิญญาณ’ เป็นต้นกำเนิดพื้นฐานในการเรียนรู้วิชาลี้ลับนี้”
“เพราะแต้มพลังวิญญาณน่ะ มันไม่ได้เป็นเพียงพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังบริสุทธิ์ที่มาจากต้นกำเนิดของโลกอันหาได้ยากยิ่งอีกด้วย”
“ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าในโลกทั้งสิบจึงไม่มีใครล่วงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คุณต้องรู้นะว่ามีเพียงการใช้ ‘แต้มพลังวิญญาณ’ เป็นต้นกำเนิดพลังขั้นพื้นฐานเท่านั้น จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการเรียนรู้วิชาลับนี้”
“และตัวระบบเอง ก็ขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ ‘แต้มพลังวิญญาณ’ ในการเรียนนี้วิชาลี้ลับนี้”
กู่ฉิงซานพยักหน้า เพราะนี่ก็สอดคล้องกับความคิดของตัวเองอยู่แล้วเหมือนกัน
“ฉันขอเลือกใช้แต้มพลังวิญญาณเป็นพลังพื้นฐาน” เขากล่าว
ระบบตอบกลับ “วิชาลี้ลับนี้ กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งลึกลับล้ำค่ายิ่ง มันซ่อนอยู่ในส่วนลึกของกฎเกณฑ์แห่งโลก หากต้องการเรียนรู้วิชานี้ จำเป็นต้องจ่ายสองพันแต้มพลังวิญญาณ”
เยอะโคตร!
กู่ฉิงซานสูดลมหายใจเย็นเยียบ สุดท้ายจึงกัดฟันกล่าวว่า “ฉันยอมจ่าย”
“ได้รับสองพันแต้มพลังวิญญาณแล้ว พลังวิญญาณคงเหลือสองพันหนึ่งร้อยต่อสามร้อย”
“ทำการเรียนรู้วิชานี้ด้วยแต้มพลังวิญญาณ”
อักษรรูนอันลึกลับได้เปล่งแสงออกมา ทันใดนั้นจู่ๆ มันก็แตกกระจายเป็นจุดแสงดาวเล็กๆ ระยิบระยับ
แสงดาวระยิบรายล้อมรอบตัวกู่ฉิงซานอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ผลุบเข้าไปในหน้าผากของเขาโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานหลับตา และรับรู้ถึงมันอย่างเงียบๆ
นี่เป็นวิชาที่ประกอบไปด้วยความลี้ลับมากมายนับไม่ถ้วนจากต้นกำเนิดของโลก เพียงแค่ปิดตาลงและตระหนักถึงมันอย่างเงียบๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่ง
เจ้าสิ่งนี้ นับว่าเป็นพื้นฐาน เป็นองค์ความรู้ เป็นภูมิปัญญาขนาดใหญ่ที่ช่วยให้เข้าใจโลกได้โดยแท้!
กู่ฉิงซานตระหนักรู้ถึงวิธีการฝึกฝนและพลังของมันอย่างลึกซึ้ง
แถมยังได้เพิ่มพูนความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพลังวิญญาณและกฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งหมด
ทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และโลก กฎแห่งชีวิตและความตายล้วนผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา
ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็บังเกิดความรู้แจ้ง
แม้ตอนนี้ตนจะอยู่ในร่างจิต ทว่าโดยไม่รู้ตัว เขาก็ได้ยกระดับขึ้นมาสู่ขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายแล้ว!
เพียงบังเกิดความรู้แจ้งถึงวิชาลับนี้ ก็กลับสามารถยกระดับขึ้นไปอีกขั้นได้ในทันที!
กู่ฉิงซานค่อนข้างที่จะตกตะลึง
เขาทำการตระหนักถึงวิชานี้อย่างเงียบๆ แต่แล้วในระหว่างนั้นเอง ร่างใหญ่ก็เอ่ยขัดขึ้นมา
“เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ ฉะนั้นจึงน่าจะสามารถเรียนรู้วิชานี้ได้โดยการใช้พลังวิญญาณได้ และหากสามารถใช้มันอำพรางตัวเองได้ บางทีเจ้าอาจจะมีโอกาสรอดมากขึ้นในปรภพ”
กู่ฉิงซานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง นี่ร่างใหญ่ ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าตัวเขาน่ะมี ‘แต้มพลังวิญญาณ’ และเลือกที่จะเรียนรู้วิชาลี้ลับนี้ด้วยแต้มพลังวิญญาณแล้ว
“ขอบพระคุณท่านมาก ข้ารู้ว่านี่มันเป็นสิ่งมีค่า ฉะนั้นข้าจักจดจำน้ำใจในครานี้เอาไว้”
หนึ่งกำปั้นประสานหนึ่งฝ่ามือ โค้งคารวะไปทางอีกฝ่าย
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า แต่ข้าหวังว่าหลังจากนี้ไปเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น และมาช่วยเหลือข้าให้ออกไปจากที่นี่” ร่างใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คำถามสุดท้าย หากข้าไม่สามารถหาปรภพที่เชื่อมต่อกันกับโลกของข้าได้ แล้วข้าสมควรจะทำเช่นไรดี?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างร้อนรน
ร่างใหญ่กล่าว “ไม่ว่าปรภพจะวุ่นวายแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่จะสูญเสียการเชื่อมต่อระหว่างโลกจริงของเจ้าไปโดยสมบูรณ์ มันสมควรที่จะมีแรงฉุดหรือเหนี่ยวนำอยู่”
กู่ฉิงซานกล่าว “แต่พลังที่ว่านั่นได้หายไปแล้ว”
ร่างใหญ่ตอบกลับ “ในโลก การเชื่อมต่อดังกล่าวอาจจะถูกวิธีการบางอย่างบดบังเอาไว้ชั่วคราว แต่สำหรับภายในมิติที่ว่างเปล่าแล้ว พลังของหกวิถีนั้นจะมิอาจถูกปกคลุมได้ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องตั้งใจสัมผัสถึงมันในมิติที่ว่างเปล่าอย่างช้าๆ ด้วยตนเอง”
“มีเพียงเจ้าที่จะรู้สึกได้ถึงแรงดึงเล็กน้อยผ่านมิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกราก และจงตามแรงนั้นไปจนถึงทางเข้าปรภพ จากนั้นเจ้าก็จะพบกับถ้ำใหญ่อันมืดมิด”
“จงตรวจสอบให้มั่นใจว่ามันคือถ้ำมืด มิใช่เส้นทางอื่น เพราะหากหลงไปยังเส้นทางอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กับปรภพแล้ว เจ้าจะมิอาจกลับมาได้อีกเลย”
กู่ฉิงซานจดจำคำพูดของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน
เขาพยักหน้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า “เช่นนั้นคงต้องร่ำลากันแล้ว หากข้าไม่ตายไปเสียก่อน วันหนึ่งข้าจักต้องมาช่วยท่านอย่างแน่นอน”
ร่างใหญ่กล่าวขึ้นในทันใด “เจ้าจะต้องแกร่งขึ้นโดยเร็วไว เพราะช่วงนี้ ข้าสัมผัสได้ถึงมอนสเตอร์ที่น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่ามอนสเตอร์ใดๆ ทั้งหมดทั้งมวลกำลังค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา มุ่งหน้าตรงมายังโลกที่ข้าถูกคุมขังอยู่อย่างช้าๆ”
กู่ฉิงซานแข็งค้างไป
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูสิ้นหวังออกมาจากปากของร่างใหญ่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อีกฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือตนเองมามากมาย
แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายกำลังจะตกอยู่ในอันตราย
กู่ฉิงซานเริ่มกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
เขาเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ด้วยระดับความแข็งแกร่งของข้า จะสามารถรับมือกับมอนสเตอร์ที่ท่านว่าได้หรือไม่”
“หรือมีวิธีอื่นใดอีกที่ข้าจะช่วยท่านได้?”
ร่างใหญ่ถอนหายใจ “ข้าก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะข้าเองก็ไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ตัวนั้นเช่นกัน”
กู่ฉิงซานเงียบไป
“ขอท่านวางใจเถอะ ข้าจะรีบแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะมาช่วยท่านให้เร็วยิ่งขึ้น” เขากล่าวอย่างหนักแน่น
ร่างใหญ่ไม่ตอบ แต่กู่ฉิงซานรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ข้าหวังว่าเราจะยังสามารถพบกันได้อีกครั้ง” ร่างใหญ่กล่าวออกมาในที่สุด
วู้ม!
บังเกิดแรงฉุดดึงมหาศาล
กู่ฉิงซานถูกลากออกมาจากโลกของร่างใหญ่ที่มีอายุยืนยาวกว่าหนึ่งแสนปี
เขาบินกลับไปเป็นกระแสแสง
และครั้งนี้ เขาถูกส่งกลับไปด้วยความเร็วกว่าในครั้งที่เดินทางมา
ภูมิทัศน์ที่แปลกประหลาดโดยรอบ เวลานี้เขากลับเห็นพวกมันเป็นแค่เพียงเส้นแสงที่วิ่งผ่านไปเท่านั้น
เกือบจะในทันที กู่ฉิงซานก็กลับเข้ามาสู่มิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกรากอีกครั้ง
กู่ฉิงซานไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะจีบสองมือออกด้วยวิชาลับอีกครา
ในความว่างเปล่าบังเกิดรูที่แยกออก
เขาก้าวเข้าไป ผุดออกมาตกลงในห้องนั่งเล่นของห้องพักบนวิลล่า
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยู ทั้งสองนั่งประกบซ้ายขวาข้างกายเขา
ทั้งสองกำลังเฝ้าปกป้องร่างมนุษย์ของกู่ฉิงซานอย่างจริงจัง
กู่ฉิงซานพุ่งเข้าไปในร่างกายมนุษย์ของตนเองจากเบื้องบน
เขาลืมตาขึ้น
และทั้งสองก็ตระหนักถึงมันได้ในทันที
กู่ฉิงซานกล่าวประโยคหนึ่ง “ช่วยปกป้องฉันอีกสักพักนะ”
เขาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก และทั้งคนทั้งร่างก็เข้าสู่สภาวะควบรวมกับขอบเขตใหม่ทันที
หลังจากที่เขาได้เรียนรู้ ‘ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต’ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกยุทธ สกิลดาบ และโลกทั้งใบก็แตกต่างไปจากเดิม
นี่คือการระเหิดทางปัญญา และโดยอาศัยความรู้ความเข้าใจเพียงอย่างเดียว เขาจะไม่สามารถยับยั้งการเปลี่ยนแปลงจากก้าวสู่เทพขั้นกลาง มายังขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายได้
กู่ฉิงซานหลับตาลง หมุนวนพลังวิญญาณไปทั่วร่างกาย และทำการควบรวมเข้ากับขอบเขตใหม่อย่างระมัดระวัง
ช่วงแรกของการยกระดับไปยังก้าวสู่เทพขั้นปลาย ความผันผวนทางพลังวิญญาณจะขึ้นๆ ลงๆ และกระจัดกระจายไม่คงที่
ดังนั้น กู่ฉิงซานจึงต้องระมัดระวังและมุ่งพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับพื้นฐานวรยุทธใหม่ของเขานี้โดยเร็วที่สุด
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาควบรวมเข้ากับพื้นฐานวรยุทธได้จนเสร็จสมบูรณ์ ก็กล่าวได้ว่าตัวเขาได้พร้อมที่ทำการทะลวงในครั้งต่อไป เพื่อก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตที่สูงกว่าได้ทุกเมื่อ
นั่นคือขอบเขตประทับเทพ!
ขอบเขตที่ผู้เล่นในชีวิตก่อนหน้าต่างเฝ้าแสวงหามาตลอดชีวิต
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ และกู่ฉิงซานก็ลืมตาขึ้นได้ในที่สุด
“เป็นอย่างไรบ้าง นายยังสบายดีหรือเปล่า?”
“ทางปรภพล่ะว่าไง?”
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเปิดปากถามขึ้นพร้อมกัน
“พอดีมีบางอย่างเกิดขึ้นนิดหน่อยน่ะ ฉันเลยยังไม่ได้ไปที่ปรภพ”
กู่ฉิงซานคว้าเม็ดยารวบรวมวิญญาณทรงเมล็ดข้าวขึ้นมา และโยนมันเข้าไปเคี้ยวในปาก
สองมือของเขาจีบออกด้วยวิชาลับอีกที ใช้ออกด้วยทั้งสองเทคนิคลับอีกครั้ง
“แต่ครั้งนี้ ฉันจะต้องไปจริงๆ แล้วนะ”
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเหลือบมองกันวูบหนึ่ง และพยักหน้าพร้อมกัน
แล้วจิตของกู่ฉิงซานก็ผุดลุกออกจากร่างตนเอง บินเข้าสู่ความว่างเปล่าที่เปิดออกกลางอากาศและหายลับไป
…………………………………………….