webnovel

0373 เลือดหยดแรก

ตอนที่ 373 เลือดหยดแรก

 

ณ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์

พื้นที่แห่งนี้คือจุดที่มีการแพร่กระจายของนรกเยือกแข็งรุนแรงที่สุด

แม้ว่ามอนสเตอร์จำนวนมากจะถูกกวาดล้างออกไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าหิมะและน้ำแข็งก็ยังคงอยู่

สภาพภูมิอากาศค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ

ช่วงเวลากลางค่ำ

ภายในสลัม

บรรดาผู้คนได้จมลงสู่ห้วงนิทรากันหมดแล้ว

น้ำฝนและลูกเห็บเย็นเยียบยังคงโปรยปรายอยู่ทั่วฟ้า สายลมหนาวพัดโชยเสียดสีกับอากาศส่งเสียงหวีดหวิว ขณะพัดผ่านถนนที่ไร้ผู้คน

และเนื่องด้วยบนตัวถนนที่ลื่นและยากต่อการเดินทางเช่นนี้ ทำให้แทบจะไม่มีใครเลือกที่จะใช้รถสัญจรไปมาเลย

กล่าวได้ว่าหากมีใครที่ไหนคิดจะหาเหยื่อกรรโชกทรัพย์ พวกเขาก็คงจะต้องกินแห้วไปตามระเบียบ

เหล่าสมาชิกแก๊งทั้งหมดจึงล้มเลิกความพยายาม ถอนตัวกลับไปอยู่กันตามไนต์คลับ กาสิโน และบาร์ เพื่อดื่มเหล้ามอมตัวเองให้เมามาย

ทันใดนั้นเอง ณ สุดปลายทางเดินของสลัม จู่ๆ ก็ปรากฏเงาของเครื่องจักรที่มีลักษณะคล้ายตู้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

มันดูคล้ายกับเป็นตู้เครื่องดื่มขายน้ำอัตโนมัติ…หรือไม่ก็เครื่องเล่นเกมขนาดใหญ่

ตลอดทั้งตัวตู้เป็นสีดำสนิททั้งหมด แต่ทว่ากลับมีตัวเลข ‘หนึ่ง’ ขนาดใหญ่ขีดเขียนเอาไว้อยู่ด้านข้าง

เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนานั่นเอง

เมื่อปรากฏตัวขึ้น มันก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงลักษณะของตัวเองไปเล็กน้อย

บังเกิดชั้นกระจกแก้วที่โปร่งใสขึ้นบนส่วนหน้าของตัวเครื่องจักร พร้อมด้วยอุปกรณ์ทำความร้อน และอาหารอุ่นใส่กล่องที่พร้อมรับประทานถูกวางเอาไว้เบื้องหลังกระจกใส

สำหรับคนยากจนที่กำลังหิวโหยแถมยังอยู่ท่ามกลางหิมะแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันเปรียบดั่งของขวัญจากสวรรค์

ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มีกลุ่มคนจรจัดและคนยากจนกว่าสองกลุ่มได้พยายามที่จะทุบตีมันอย่างรุนแรง เพื่อที่จะทำลายชั้นกระจกใสและหยิบฉวยเอาอาหารที่อยู่ภายในออกมา

ทว่าช่างน่าแปลกนัก ที่ตัวตู้กลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

แต่กลับเป็นคนจรจัดเสียเองดันเป็นฝ่ายล้มลงนอนกองอยู่กับพื้น ส่งเสียงครวญครางออกมาไม่หยุด

และในระหว่างที่พวกเขากำลังช่วยกันทำลายมันนั้นเอง กลุ่มเด็กที่มีช่วงวัยไม่ถึงครึ่งของผู้ใหญ่ต่างก็กำลังแอบเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ

“ดูนั่นสิ พวกเขาไม่สามารถทำลายตู้อาหารนั่นได้ล่ะ” เด็กคนหนึ่งพูดขึ้น

“ฉันเห็นแล้ว รอพวกเขาไปกันก่อน แล้วเดี๋ยวพวกเราก็ค่อยไปลองดูกันบ้าง เผื่อว่าจะโชคดีมีอะไรตกถึงท้องสำหรับคืนวันนี้” เด็กอีกคนพูดต่อ

หลังจากที่เฝ้ารอจนกระทั่งพวกใหญ่ยอมแพ้และจากไป พวกเด็กๆ จึงออกมาจากที่ซ่อน และเดินมาล้อมตู้สีดำท่ามกลางความมืดมิด

จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากทุบทำลายทันที!

ทว่ากลับช่างน่าฉงนนัก เพราะเมื่อใดก็ตามที่เด็กๆ หวดการโจมตีอย่างรุนแรงออกไป พวกเขาก็จะต้องประสบพบเจอกับความเจ็บปวดเช่นเดียวกันกับที่ตนกระทำออกมาแทน

หลังจากนั้นไม่นานนัก พวกเด็กๆ ก็ตกอยู่ในสภาพไม่แตกต่างไปจากกลุ่มคนจรจัดและยากไร้ก่อนหน้านี้ ที่ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หอบหายใจหนักหน่วงอยู่กับพื้น

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากลับยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิมไม่ปรากฏกระทั่งริ้วรอยให้เห็น

“ให้ตายสิ! ทนทายาดชะมัด เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่เนี่ย?”

เด็กชายอายุน้อยใช้มือลูบๆ ท้องที่กำลังร้องโครกคราก ปากเอ่ยกล่าวด้วยความขมขื่น

แต่เหล่าบรรดาเด็กๆ ที่สมรู้ร่วมคิดกับเขาดันไม่มีใครตอบกลับมาเลย เพราะแต่ละคนมัวแต่ให้ความสนใจกับความเจ็บปวดของตัวเอง

ทันใดนั้น เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาก็ส่งเสียงดังขึ้น

“แม้ว่าพวกนายจะเป็นฝ่ายที่หยาบคายก่อน แต่กระผมอยากจะบอกว่าการพิพากษาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และกระผมต้องการที่จะถามคำถามกับพวกนาย”

ขณะที่มันกล่าว เสียงเพลงกวนๆ ก็ดังขึ้น

“เทพวิญญาณแห่งปรภพน่ะเป็นผู้ที่มีเมตตา ดังนั้นท่านจึงสร้างกระผมขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง”

“ใช่แล้วล่ะ! กระผมคือสุดยอดเครื่องจักรที่ใช้มอบความบันเทิงให้แด่เทพวิญญาณ!”

“กระผมคือ เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาอันแสนเลือดเย็น!”

เงียบ…

เด็กๆ ต่างอึ้งทึ่ง มิอาจเอ่ยคำใด ทำได้เพียงหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ

ตู้อาหารสามารถพูดได้เฉยเลย!

แถมเห็นได้ชัดว่าเสียงของมันแตกต่างไปจากเสียงอิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆ ไป

ราวกับว่ามันมีสตินึกคิดที่เป็นอิสระเลย

ในค่ำคืนที่มืดมิด ดันปรากฏสิ่งที่ยากจะอธิบายเช่นนี้ขึ้น

นี่มันน่าอยู่นา...ชักจะท่าไม่ดีแล้ว!

เด็กๆ ในสลัมพยายามลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พวกเขาช่วยพยุงกันและกัน แต่ก็ยังส่งเสียงร้องโอดครวญอยู่เป็นระยะ

ด้วยสัญชาตญาณของเด็ก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เวลาพบเจออะไรแปลกๆ แบบนี้ ก็สมควรที่จะอยู่ห่างมันไว้ก่อนจะดีที่สุด

เด็กๆ ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และช่วยกันพยุงเพื่อนๆ ในกลุ่มรีบจากไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือเด็กชายอีกคนหนึ่งที่อยู่รั้งท้าย และในหัวใจของเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ปากเอ่ยตะโกนใส่ตู้ตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง “แกน่ะ ไหนบอกว่าตัวเองคือความเมตตาของเทพไง ถ้าเมตตาจริงก็ต้องมอบของในตู้มาสิ เอาอาหารมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!” 

“ต้องขออภัยด้วย” เสียงเครื่องจักรพิพากษาดังก้อง “อาหารฟรีๆ น่ะไม่มีในโลกใบนี้หรอก”

ให้ตายเถอะ!

เด็กชายตัวเล็กกัดฟันและเอ่ยถาม “ถ้างั้นไอ้ตู้เฮงซวยอย่างแกมันทำอะไรได้บ้างกัน?”

“เยอะแยะเลยล่ะ! ไม่ว่าจะเป็น สนับสนุนความยุติธรรม! พิพากษาความชั่วร้าย! ตราบใดที่นายมีความปรารถนาเช่นนี้ กระผมจะสามารถทำให้นายได้ตามที่ต้องการเลยนะ!” เครื่องจักรกล่าว

เด็กชายพอได้ฟังก็นิ่งค้างไป

เขาพึ่งจะอายุได้เพียงสิบเอ็ดขวบในปีนี้ แต่ครอบครัวของเขากลับไม่มีเงินมากพอที่จะมอบมันให้เขาไปใช้เรียนรู้ทักษะหรือวิชาที่จะใช้ปูทางไปสู่อนาคตอันสดใสของตนเองได้

ในบ้านของเขา ตอนนี้ก็เหลือเพียงคุณยายป่วยหนักที่นอนติดเตียงและถูกทิ้งเอาไว้ที่บ้านเท่านั้น

ดังนั้น เด็กน้อยคนนี้เลยจำเป็นต้องออกเดินเตร่ไปตามท้องถนน เพื่อพบปะและทำความรู้จักกับคนประเภทเดียวกัน แล้วร่วมมือกันลักขโมย...นี่แหละแหล่งที่มารายได้ของเขา

“ถ้าอย่างงั้น แกกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงสินะใช่ไหม” เด็กชายตัวน้อยกล่าวสรุป

“ในคำพูดของนายมันก็ยังไม่ถูกต้องทั้งหมดนะ อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าตัวกระผมสามารถนับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ลงโทษต่างหาก!” เครื่องจักรกล่าว

เพื่อนๆ ของเด็กหนุ่มเดินกลับมา และพยายามที่จะฉุดดึงตัวเขาออกไป

แต่เด็กชายคนนั้นกลับตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ขี้โม้เถอะ! ถ้าแกเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ลงโทษจริงๆ ถ้าอย่างงั้นแกก็ต้องสามารถฆ่าเจ้าแม็กซ์ได้ด้วยสิ!”

แม็กซ์คือหัวหน้าแก๊งนังเลงในละแวกนี้

ทุกๆ การค้าขายยาเสพติด การค้ามนุษย์ การปล้นและฆาตกรรม และแย่งชิงตลาดการค้า ทั้งหมดจะมีเขาเป็นผู้ตัดสินใจ และคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

และพ่อแม่ของเด็กกลุ่มนี้ก็ได้รับความเดือดร้อนจากเจ้าหมอนี่เหมือนกัน บางคนถึงขั้นต้องจ่ายราคาออกไปด้วยชีวิตเลยก็มี

เด็กชายตัวเล็กตรงหน้าคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นกำพร้าไป

พ่อของเด็กน้อยเป็นคนที่ดีมีความซื่อสัตย์ จึงไม่ยอมอ่อนข้อให้ต่อแม็กซ์ สุดท้ายจึงถูกฆ่าตายไป ส่วนแม่ของเขาก็ถูกแม็กซ์จับตัวไปขาย ถึงไม่ตายก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน

“กระผมไม่สามารถสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างลวกๆ โดยไร้ซึ่งการวินิจฉัยได้”

เด็กน้อยพอได้ยินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ไม่ฆ่า…ผู้บริสุทธิ์สินะ…”

“ฮะฮ่าๆๆ แม็กซ์น่ะเหรอผู้บริสุทธิ์? นี่นับว่าเป็นเรื่องตลกไร้สาระที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาเลยในปีนี้!”

“เจ้าเครื่องจักรนี่ สงสัยจะมีอะไรผิดปกติกับในส่วนตั้งค่าความฉลาดของมันเสียแล้วล่ะมั้ง”

ความผิดหวังอันล้ำลึกฉายออกมาในแววตาของเด็กน้อย

“แต่!” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาเอ่ยต่อ “ถ้านายยินดีที่จะนำเขาเข้ารับการทดสอบและหลังจากที่ทดสอบแล้วว่าเขาคือคนชั่วร้ายจริงๆ กระผมจะหาวิธีฆ่าเขาให้เอง” 

“นายต้องการจะให้กระผมตัดสินเขารึเปล่าล่ะ?”

“แน่นอนว่าต้องการ!” เด็กน้อยตะโกนออกมา

คราวนี้เพื่อนของเขาก็ตะโกนออกมาด้วยเช่นกัน “ต้องการสิ! ต้องการมากๆ เลย!”

“งั้นก็ดี เช่นนั้นกรุณาบริจาคเลือดของพวกนายด้วย” เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนากล่าว

บังเกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ

เครื่องจักรพิพากษาเห็นบรรยากาศไม่ดี จึงอธิบายเสริมว่า “เลือดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงน่ะจะถูกปนเปื้อนด้วย ‘พลังแห่งความปรารถนา’ และมีเพียงพลังแห่งความปรารถนาเท่านั้นที่จะสามารถขับเคลื่อนตัวเราที่เป็นเครื่องจักรได้”

“นี่ๆ ไปกันเถอะ เจ้าตู้นี้มันชักจะแปลกเกินไปแล้วนะ” เพื่อนของเด็กน้อยกล่าว

พวกเขาฉุดลากเด็กน้อยออกมา และรีบพากันออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ความเงียบกลับคืนสู่มุมถนนอีกครั้ง

แต่ทว่าไม่นานนัก

เด็กชายตัวเล็กคนเดิมก็เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาอีกครั้ง

เขาปาดน้ำฝนบนใบหน้าและเอ่ยถามว่า “จะสามารถทำการพิพากษาคนชั่วได้จริงๆ น่ะเหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ ตราบใดที่นายบริจาคเลือดให้กระผมน่ะนะ”

“ต้องการเท่าไหร่?”

“กระผมขอเดาว่านายกำลังจะต้องรับมือกับคนที่ชั่วร้าย ดังนั้นการพิพากษาในครั้งนี้สมควรจะจัดให้มันอลังการขั้นสุดยอด”

“แล้วต้องการเลือดเท่าไหร่?”

“ก็อย่างที่กระผมได้บอกไปแล้วว่ามันจำเป็นต้องใช้พลังแห่งความปรารถนาจำนวนหนึ่ง นั่นหมายความว่าจะต้องใช้เลือดพอสมควร เพราะในเลือดแต่ละหยดน่ะจะมีพลังแห่งความปรารถนาผสมอยู่ประปรายเท่านั้น”

“ก็แล้วมันเท่าไหร่กัน!” ร่างกายของเด็กน้อยสั่นไหว ในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา

ท่ามกลางชะตากรรมอันน่าสังเวชและมืดมิด หากได้พบพานเพียงแสงสลัวของความหวัง ต่อให้มันจะฟังดูเป็นเพียงเรื่องตลกไร้สาระก็ตาม แต่เขาก็เต็มใจที่จะลองมัน

เครื่องจักรพิพากษากวาดรังสีแสงผ่านไปทั่วร่างของเด็กน้อย

ผ่านไปนาน เครื่องจักรก็พ่นลมหายใจออกมา

“เนื่องจากนายเป็นลูกค้ารายแรกของโลก ฉะนั้นกระผมจะลดปริมาณเลือดที่ต้องการให้ก็แล้วกัน…เอาเป็นแค่หยดเดียวก็พอแล้ว” มันกล่าว

เด็กชายตัวเล็กถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันยินดีที่จะบริจาคเลือดให้!”

“สหายน้อย นายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ตัวนิดเดียวทว่าหาญกล้าที่จะต่อกรกับความชั่วร้าย…เอาล่ะ รีบยื่นฝ่ามือของนายเข้าไปในพื้นที่สีดำทางซ้ายมือของกระผมเสียสิ”

“แบบนี้เหรอ?”

“ถูกต้อง…แบบนั้นแหละ เอาล่ะพอได้แล้ว”

“เข้าใจแล้ว”

เด็กชายหดมือของเขากลับมาทันที และก้มหน้าลงสำรวจมันอย่างรอบคอบ

เอ๋? ไม่มีบาดแผลเลยนี่นา

แถมเมื่อกี้นี้ ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วย

ดูเหมือนว่าเจ้าตู้ประหลาดนี่จะต้องการแค่เลือดหยดเดียวจริงๆ

มันไม่ได้เจ็บปวดเลย แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ที่หิวโหยมาตลอดทั้งวันก็ยังสามารถทนไหว

ทันใดนั้นเอง เครื่องจักรพิพากษาความปรารถนาก็พลันบังเกิดเสียงร้องที่ไม่สม่ำเสมอดังกังวานขึ้น

“โอ้ว! ในที่สุดกระผมก็ได้รับเลือดหยดแรกแล้ว!” มันตะโกนด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

“ลูกค้าที่เคารพ โปรดเอ่ยนามของคนบาปที่ต้องการจะให้กระผมทำการพิพากษาด้วย”

เด็กชายตะโกนด้วยความคาดหวัง “แม็กซ์! บอสสูงสุดของแก๊ง แม็กซ๊!”

ทันใดนั้นเสียงจากเครื่องพิพากษาก็ดังออกมาประโยคหนึ่ง

“การพิพากษากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

น้ำเสียงของมันดูขึงขังและเคร่งขรึม

“เนื่องจากนี่เป็นการพิพากษา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ”

“ขั้นแรก ทำการค้นหาวิธีการพิพากษาที่เหมาะสมกับโลกใบนี้”

“ค้นพบวิธีการพิพากษาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลกใบนี้แล้ว”

“มันคือการพิพากษาไปพร้อมๆ กับดำเนินการถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งโลก”

“ขั้นต่อไป เริ่มทำการคัดเลือกผู้พิพากษาของโลกใบนี้”

“ค้นพบผู้พิพากษาที่เหมาะสมและน่าสะพรึงที่สุดในโลกใบนี้แล้ว”

“ขอเชิญ ‘เพชฌฆาตตัวตลก’ ขึ้นมารับหน้าที่ผู้พิพากษา จากนั้นก็จะเริ่มทำการพิจารณาคดีได้!”

“ทำการจ่ายราคาค่ารับเชิญที่เหมาะสม”

“เพชฌฆาตตัวตลกได้ตอบตกลงแล้ว”

“การพิพากษาพิจารณาคดีได้เริ่มขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!”

และสมองควอนตัมตลอดทั่วทุกมุมโลกก็พลันส่องสว่างขึ้น

ฉากนี้ มิแตกต่างไปจากในตอนที่เพชฌฆาตตัวตลกได้ทำการพิพากษาแชมเปี้ยนส์แห่งชีวิตนิรันดร์เลย หลังจากที่ห่างหายไปนาน ในที่สุดมันก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกคนอีกครา

รอยยิ้มเย็นชาของหน้ากากตัวตลก เกราะรบสีดำหมึก พร้อมด้วยคู่ปีกแสงสีทมิฬที่อยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างอันแสนคุ้นเคยได้เผยโฉมออกมาอีกครั้ง

เพชฌฆาตตัวตลกผุดออกมาจากความมืดมิด พร้อมกับกระบอกแสงสปอตไลท์ที่ส่องตกลงมากระทบตัวของมัน

เพชฌฆาตตัวตลกยกมือขึ้นทาบปากแลคล้ายกับกำลังอุทานตกใจ ตามด้วยเสียงบางเบาราวกระซิบที่เปล่งออกมา “อุต๊ะ! ดูเหมือนว่าผมจะได้งานใหม่เสียแล้ว”

ท่าทีการแสดงออกของมันดูประหม่าและตื่นเต้น มันสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ สักพัก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

แล้วจู่ๆ มันก็หยิบกระดาษที่ดูเหี่ยวย่นขึ้นมา ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ากระดาษแผ่นนี้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหน 

เพชฌฆาตตัวตลกเปล่งเสียงกังวานภายใต้หน้ากากที่แขวนไว้ซึ่งรอยยิ้มแข็งค้างออกมา “เอาล่ะ แขกผู้มีเกียรติของเราในคืนนี้ก็คือ...แม็กซ์ แม็กซ์จากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ล่ะทุกๆ คน!”

ว่าจบ ตัวตลกก็เริ่มปรบมือรัวๆ อย่างจริงจัง

แล้วทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา ทั้งสองยืนอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางแสงสปอตไลท์ ขณะที่บริเวณโดยรอบนั้นมีเพียงความมืดมิด

ชายคนนี้ตัดผมทรงเปิดข้างและปล่อยผมส่วนบนไว้ให้ยาว แต่เขาทาเจลและหวีมันย้อนม้วนกลับขึ้นไปบนหัวลากยาวไปจนถึงแผ่นหลัง มีร่างกายใหญ่โต บนตัวสวมเสื้อกั๊กสีดำ จมูกงองุ้มราวกับตะขอ มีเคราดกดำ ในมือถือแก้วไวน์ และเขาผู้นี้ก็คือ

บอสสูงสุดของแก๊ง แม็กซ์

ทันทีที่แม็กซ์ปรากฏตัวขึ้น เจ้าตัวก็ชะงักไปด้วยความตกใจ

“เพชฌฆาตตัวตลก…” เขามองไปทางตัวตลก กระทั่งน้ำลายยังเหนียวหนืด ฝืนกล้ำกลืนลงลำคออย่างยากลำบาก

แม็กซ์ยกมือขึ้น แล้วล้วงเข้าไปบริเวณอกใต้เสื้อกั๊กของตัวเอง คว้าจับเอาบางสิ่งไว้ในมือของเขา

แต่ในวินาทีต่อมา ดูเหมือนเขาจะทันตระหนักได้ว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับอยู่สิ่งใด

มือของเขาแข็งค้างไปทั้งๆ อย่างงั้น ขณะที่บนใบหน้ากำลังฝืนยิ้มออกมา “คุณต้องการอะไรอย่างงั้นเหรอ?”

เพชฌฆาตตัวตลกคว้าจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ และชูมันขึ้น พร้อมกับโบกไปมาด้วยความตื่นเต้น

เพชฌฆาตตัวตลกกล่าว “ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยนะ! อันที่จริงแล้วผมต้องการที่จะสนทนากับคุณอยู่หรอก แต่เวลาถ่ายทอดสดของเรามันมีจำกัดเนี่ยสิ แถมยังไม่มีตัวแทนโฆษณาคนไหนให้การสนับสนุนพวกเราอีกด้วย! น่าเศร้าใจจริงๆ! ฉะนั้น! ตอนนี้พวกเราก็มาเริ่มการพิพากษากันเลยจะดีกว่า”

“ช่วงชีวิตอันแสนวิเศษกำลังจะถูกฉายออกไปแล้วนะ! ทุกคนเชิญรับชมได้!”

และภาพก็ถูกสลับเปลี่ยนไป

ทุกสิ่ง ทุกการกระทำอันชั่วร้ายในระหว่างช่วงชีวิตของแม็กซ์ได้ปรากฏขึ้นบนจออีกครั้ง

ต่อสู้ ปล้นฆ่า ค้ามนุษย์ทั้งเด็กและผู้หญิง เก็บค่าคุ้มครอง ค้ายาเสพติด เปิดบ่อนกาสิโนผิดกฎหมาย คดโกง และฆ่าล้างครอบครัวผู้อื่น

มันเป็นฉากอันโหดร้าย อาชญากรรมอันสุดแสนจะชั่วช้ากำลังปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

แม้แต่ละฉากกินเวลาไปไม่กี่วินาที แต่มันก็สามารถอธิบายถึงจุดเริ่มไปจนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดของอาชญากรรมได้

และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีภาพบนจอม่านแสงก็หายไปโดยสมบูรณ์

เพชฌฆาตตัวตลกกับแม็กซ์ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคน

เพชฌฆาตตัวตลกผละมือออกจากแขนของอีกฝ่ายและกล่าวว่า “หากอ้างอิงตามอาชญากรรมของมิสเตอร์แม็กซ์แล้ว ผมว่าผมพอจะมีวิธีการลงโทษแบบคลาสสิคที่เหมาะสมกับการกระทำของเขาอยู่นะ”

ว่าจบ ท่ามกลางความมืดมิดที่รายล้อม จู่ๆ ก็ผุดเชือกห้าเส้นพุ่งออกมา

เชือกทั้งห้าพุ่งเข้ารัดพันสองแขน สองขา และหนึ่งลำคอของแม็กซ์

และผูกปมเป็นเงื่อนตายที่มิอาจแก้ออกได้อย่างรวดเร็ว

สายของเชือกทอดยาวออกไปจมหายอยู่ในความมืดมิด

“บัดซบ! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันวะ!” แม็กซ์พยายามขัดขืนดิ้นรน

ทว่ายิ่งเขาดิ้นเท่าไหร่ เชือกก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งรัดพัสตร์แน่นมากขึ้นเท่านั้น

จนในที่สุด เชือกก็รัดแน่นจนแม็กซ์แทบจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป

ร่างอันใหญ่โตของเขาถูกดึงขึงจนตึง แขนข้าอ้าออกไปคนละทิศละทาง

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนแล้วนะ!” เพชฌฆาตตัวตลกกล่าว

“กรุณาเริ่มทำการโหวตด้วย”

“หากเห็นด้วยว่าแม็กซ์สมควรตาย ได้โปรดจ่ายเลือดลงหนึ่งหยดเพื่อโหวตให้เขาตาย”

“โอ้ๆ ใช่ๆ แน่นอนว่าคนหนึ่งย่อมสามารถโหวตได้มากกว่าหนึ่งหยดนะ…ก็ร่างกายของคนเราน่ะมันมีเลือดอยู่ตั้งมากมายนี่นาถูกไหม?”

ทันทีที่เสียงของเพชฌฆาตตัวตลกตกลง หมายเลขสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของแม็กซ์

ด้านล่างของหมายเลขสีแดงคือ นาฬิกาจับเวลาที่ยังไม่ได้เริ่มเดิน

เพชฌฆาตตัวตลกอธิบายว่า “ทุกๆ หนึ่งแต้มของหมายเลขสีแดงที่เพิ่มขึ้น นั่นจะหมายถึงเลือดหนึ่งหยดที่ผู้โหวตบริจาคมาเพื่อหวังว่าจะให้มิสเตอร์แม็กซ์คนนี้ตายลง”

“ภายในเวลาสามนาที ถ้าหากว่าตัวเลขสีแดงเพิ่มสูงขึ้นถึงหนึ่งล้านแล้วล่ะก็ แม็กซ์ก็จะได้รับการลงโทษฉบับคลาสสิค ถูกดึงกระชากแยกร่างออกเป็นส่วนๆ!”

“เอาล่ะ! ทำการนับถอยหลังได้!”

สิ้นเสียง นาฬิกาจับเวลาก็เริ่มนับถอยหลังทันที

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เพชฌฆาตตัวตลกอธิบายหรอก เพราะเบื้องหน้าทุกคน มันปรากฏข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาก่อนแล้ว

“คุณยินดีที่จะพิพากษาการตายบอสสูงสุดของแก๊ง แม็กซ์ โดยการบริจาคเลือดหรือไม่?”

บางคนรู้สึกระแวงและตื่นกลัว จึงไม่ได้ทำการตัดสินใจตอบอะไรกลับไป

อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่มิได้คิดเช่นนั้น

ชีวิตของแม็กซ์น่ะเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และอาชญากรรมนับไม่ถ้วนที่เขาก่อขึ้น มันได้สร้างความไม่พอใจให้แก่คนธรรมดาที่ได้เห็น ทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยความโกรธ

มีผู้คนมากมายทั้งที่รู้จักเขาและไม่ได้รู้จักเขาทำการจ่ายหยดเลือดลงไปเพื่อโหวตให้เขาต้องตาย

ทั่วทุกมุมโลก

“บ๊ะ! ไอ้ขยะฝอยนี่มันตัวบัดซบโดยแท้!”

“อาวุโส โปรดสงบใจลงก่อนอย่าพึ่งวู่วามตอบอะไรกลับไปนะ มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้”

“สงบใจอะไร! ฉันมีชีวิตอยู่มาจนปูนนี้แล้ว ต่อให้เพชฌฆาตตัวตลกมันจะหลอกฆ่าฉัน ฉันก็ไม่สนใจหรอก”

“ฉันต้องการที่จะบริจาคเลือดเพื่อทำการโหวต!”

ในสถานที่อื่นๆ

สามีได้กระตุ้นเตือนภรรยาว่า “ที่รัก ใจเย็นๆ ก่อนนะ อย่าไปตอบอะไรเจ้าเพชฌฆาตตัวตลกเลย มันคือสัตว์ประหลาดที่แสนจะโหดร้ายนะ จำไม่ได้เหรอ?”

ภรรยาของเขาที่สองตาแดงเรื่อตอบปัด “ผายลมเถอะ! ที่โหดร้ายน่ะมันเจ้าแม็กซ์ที่น่ารังเกียจนี่ต่างหาก มันทั้งฆ่า ทั้งปล้นคนยากจนมากมาย ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันจะหยดเลือดโหวต!”‘

ว่าจบ เธอก็หยดเลือดหยดหนึ่งลงไป

แต่พอคิดเกี่ยวกับมัน ก็ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงไม่พอใจนัก

เธอเอ่ยถามบรรทัดตัวอักษรที่ลอยอยู่กลางอากาศว่า “ถ้าฉันต้องการที่จะบริจาคมากกว่านี้ มันก็ได้ใช่ไหม?”

ทันใดนั้นบรรทัดใหม่ก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ทันที “แน่นอน คุณสามารถบริจาคให้ได้มากตามที่คุณต้องการ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอบริจาคอีกสิบหยด!”

ณ พระราชวังฟูซี

“ฝ่าบาท นี่มันดูจะอันตรายไปหน่อย กระหม่อมว่า...” รัฐมนตรีคนหนึ่งพยายามท้วงติง

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็พอจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพชฌฆาตตัวตลกมาบ้าง สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้มันน่าสนใจไม่เลว ขอให้ข้าได้ลองเถอะ”

“ข้าขอบริจาคเลือดยี่สิบหยด โหวตว่าต้องการให้แม็กซ์ตาย”

สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าพูดราวกับว่าเธอพึ่งได้ค้นพบของเล่นชิ้นใหม่

ณ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์

แก๊งของแม็กซ์ในกาสิโน

อีกคนที่เหมือนจะเป็นบอสเอ่ยปากขึ้น “ตั้งแต่ที่แม็กซ์มันได้ขึ้นเป็นบอสสูงสุด มันก็กดขี่พวกเรามาโดยตลอด พวกแกทุกคนจงทำการบริจาคเลือดเสีย แน่นอนว่าการกระทำในครั้งนี้จะเป็นความลับ ไม่ถูกแพร่งพรายออกไป”

“แต่บอส พี่ไม่กลัวว่านี่มันจะเป็นกับดักเหรอ?” หนึ่งในลูกน้องเอ่ยถาม

“โลกมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะมีอะไรน่ากลัวอีก? เพชฌฆาตตัวตลกน่ะถึงจะน่ากลัว แต่มันก็ไม่คิดลงมือกับพลเรือนทั่วไปหรอก แกอย่ากังวลเรื่องนี้ไปเลย”

สิ้นเสียง บอสของแก๊งก็หยดเลือดลงไป

“พวกแกก็ด้วย อย่ามัวชักช้า”

“รับทราบแล้ว!”

ขณะนี้ คนที่รู้จักแม็กซ์และไม่เคยรู้จักแม็กซ์มาก่อนก็ได้เลือกทำการพิพากษาเขาแล้ว

ไม่ต้องกล่าวถึงผู้คนทั้งสลัม แต่ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เกลียดชังในตัวของแม็กซ์

หลายคนทำการเลือกที่จะจ่ายหยดเลือด

และตัวเลขสีแดงก็เริ่มขยับขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเพียงยี่สิบวินาที หยดเลือดก็ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็วจนมันครบหนึ่งล้านหยดแล้ว!

ทว่านี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น

หลังจากที่ผู้คนพบว่าการบริจาคเลือดมันมิได้ส่งผลกระทบต่อตัวเอง

ผู้ชมมากมายก็เริ่มที่จะก้าวเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้

ตัวเลขที่แสดงถึงการเพิ่มจำนวนขึ้นของหยดเลือดพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

และสามนาทีก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างฉับไว

เวลาได้หมดลงแล้ว

“หยดเลือดหนึ่งล้านหยดถูกเติมจนเต็มในเวลายี่สิบวินาที”

“และในเวลาสามนาที หยดเลือดกว่าแปดสิบเก้าล้านหยดก็ถูกเติมเต็มเข้ามาอย่างรวดเร็ว”

“นี่ช่างเป็นฉากที่น่าประทับใจจริงๆ ที่ทุกคนมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการตายของผู้อื่นแบบนี้” เพชฌฆาตตัวตลกถอนหายใจออกมา

“มิสเตอร์แม็กซ์ ต้องขอบอกว่าคุณได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจริงๆ และคงจะรู้แล้วสินะ…ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”

“โปรดเพลิดเพลินไปกับมัน ส่วนกระผมจะขอดูอยู่เงียบๆ ไม่รบกวนอะไรคุณอีกแล้ว”

หลังจากกล่าวจบ เพชฌฆาตตัวตลกก็วูบหายเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดทันที

หลงเหลือเพียงแม็กซ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ท่ามกลางสปอตไลท์

และทันใดนั้น เชือกที่พันรอบแขน ขา และลำคอของเขาก็ถูกกระชากอย่างรวดเร็ว!

ในวินาทีต่อมา แรงดึงอันมหาศาลก็ได้ฉุดลากเชือกจากทุกทิศทางจนมันแกว่งไปมา ขณะที่ห้วงอารมณ์ของบรรดาผู้ชมที่กำลังเฝ้ามองต่างก็หนักอึ้ง

“อะ อา อ๊าก”

แม็กซ์กรีดร้องด้วยออกมาด้วยกระแสเสียงอันน่าหวาดผวา

มันจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะกระชากศีรษะ แขน และขาของมนุษย์ออก ยิ่งการลงโทษอย่างช้าๆ เช่นนี้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

มันคือความเจ็บปวดอันแสนจะทุกข์ทรมานที่นักโทษมิอาจจะสามารถจินตนาการได้!

จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานมากกว่าสิบวินาที แต่สุดท้ายแล้ว

โผล๊ะ!

เลือดไหลทะลักออกมาราวกับน้ำพุ

เชือกทั้งห้าเส้นวูบหายกลับเข้าไปในความมืดมิด 

บัดนี้ท่ามกลางแสงสปอตไลท์

ไร้ซึ่งหัว แขน และขา ทั้งหมดทั้งมวลถูกลากหายไปในความมืดมิดโดยสิ้นเชิง!

หลงเหลือเพียงส่วนลำตัวที่นอนจมแอ่งเลือด

“การพิพากษาคดีครั้งแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว” เครื่องพิพากษาความปรารถนากล่าว

“การทดสอบนี้มีค่าใช้จ่ายเป็นหนึ่งล้านพลังความปรารถนา ซึ่งส่วนเกินที่เหลือคือตัวเลขหลักมงคลที่มีอยู่ราวๆ กว่าแปดสิบแปดล้าน!”

“เนื่องจากได้รับพลังแห่งความปรารถนาส่วนเกินมามากเกินไป เครื่องจักรจึงจะนำมันมาใช้เปลี่ยนแปลงมรดกที่แม็กซ์ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง”

“ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาจะถูกแปลงออกเป็นแต้มเครดิต และแจกจ่ายให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเขาตามระดับความร้ายแรงที่โดนกระทำ”

“การพิพากษานี้ได้เสร็จสิ้นลงโดยสมบูรณ์แล้ว กรุณาอย่าได้ลืมติดตามรับชมการพิจารณาคดีในครั้งต่อไปด้วย”

แล้วจอม่านแสงทั้งหมดก็ถูกปิดลงโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ฉายภาพตลอดทั้งโลกกลับคืนสู่สภาพปกติ

การพิพากษาได้สิ้นสุดลงแล้ว

เด็กชายตัวเล็กยังคงยืนอยู่เบื้องหน้าเครื่องจักรพิพากษา

“แม็กซ์ตายลงไปแล้วจริงๆ เหรอ?” เขาเอ่ยถาม

“ก็ใช่น่ะสิ แถมเขายังได้ถูกส่งไปรายงานตัวในนรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยนะ” เครื่องจักรพิพากษาตอบ

“นี่คือเรื่องจริงใช่ไหม? มันไม่ได้เป็นความฝันสินะ?” เด็กน้อยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความฝัน และกระผมได้ทำการแปลงแต้มเครดิต และนำไปฝากไว้ในธนาคารของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ของนายกับแม่นายแล้วนะ ส่วนรหัสผ่านก็คือ ‘เลขแปด แปดตัว’ อย่างไรล่ะ!”

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุดแล้วนะ สหายตัวน้อย นายลองหันหลังกลับไปสิ”

และเด็กน้อยก็ทำตามคำพูดของเขาอย่างว่าง่าย

แล้วก็บังเกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้น! เพราะเบื้องหลังของเขา กลับปรากฏร่างแม่ของเด็กน้อยกำลังยืนอยู่ เธอปาดน้ำตา ขณะเดียวกันก็กำลังมองมายังเขาด้วยความอ่อนโยน

“แม่!”

เด็กตัวน้อยถลาพุ่งเข้าสู่โอบกอดมารดาของตน…

…………………………………………….