ตอนที่ 336 ดาบพิภพและเช่าหยิน
ด้วยมนตราของหกธรรมพิทักษ์ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็หวีดลั่นออกมาจากดาบน้ำแข็ง
ในเสี้ยววินาที เสียงคร่ำครวญนับร้อยพันก็เงียบลงในฉับพลัน
เมื่อหกธรรมพิทักษ์จางหายไป ดาบน้ำแข็งก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลย
ท่าทีการแสดงออกของโครงกระดูกชุดคลุมดำแปรเปลี่ยนไป เขาเอ่ยเสียงหม่นทะมึนว่า “กล้าทำร้ายดาบของข้า! ดูเหมือนว่าคงต้องใช้เวลามากขึ้นสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะจิตวิญญาณอันน่าอร่อยของเจ้าจะช่วยชดเชยมันให้แก้ข้าเอง”
สองมือของร่างโครงกระดูกประสานเข้าหากัน
พร้อมกับการเคลื่อนไหวนี้ ทุกสรรพสิ่งตลอดทั้งสวรรค์และโลกพลันเงียบสงัดลง
เมฆมืดมนราวกับก้อนตะกั่วที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าบริเวณรอบชานเมืองหายไปชั่วขณะหนึ่ง
และถูกแทนที่ด้วยเมฆหมอกสีเหลืองเทาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
มันจะต้องมีบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะมันถึงขั้นแทรกแซงความเป็นจริง และทำให้เกิดวิสัยทัศน์เช่นนี้ขึ้นมาได้
กู่ฉิงซานเพิ่มความระมัดระวังขึ้น
เห็นแค่เพียงโครงกระดูกในชุดคลุมดำผละสองมือที่ประกบแนบชิดของมันออก
ตามด้วยหยดน้ำหยดหนึ่งลอยนิ่งอยู่ในมือของมัน
หยดน้ำสีเหลืองเข้มปลดปล่อยหมอกหนาออกมา การดำรงอยู่ของมันส่งผลให้ผู้คนที่พบเห็นบังเกิดความหวาดกลัวอันยากจะอธิบายขึ้นในจิตใจ
โครงกระดูกชุดคลุมดำถือหยดน้ำนี้อย่างระมัดระวัง
“ข้าจำต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งพันปี จึงจะได้รับมันมา!”
โครงกระดูกอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความภาคภูมิอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ตลอดทั้งปรภพ ไม่มีคนตายคนใดเลยที่ได้รับหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนเช่นเดียวกับข้า”
โครงกระดูกสีดำกล่าว ขณะเดียวกันหมอกละอองน้ำเยือกแข็งอันไร้ที่สิ้นสุดเบื้องหลังเขาก็เริ่มควบแน่น รวมตัวกันเป็นแม่น้ำสายใหญ่
มันใช้พลังอำนาจของธาตุน้ำในธาตุทั้งห้า เพื่อสร้างแม่น้ำสายใหญ่ให้ตัดผ่านท้องฟ้าเลยโดยตรง
โครงกระดูกชุดคลุมดำหยดน้ำในมือของมันลงไปในแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
เพียงพรึบเดียว ตลอดทั้งแม่น้ำก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหม่น
แม่น้ำสายนี้ แม้จะดูเหมือนกับสายธารแห่งการหลงเลือนอยู่นิดหน่อย แต่หากสังเกตดูดีๆ แล้ว จะพบว่ามันอ่อนแอกว่ามาก
ในชั่วเวลานั้นเอง กู่งฉิงซานเริ่มบงการสองดาบให้เคลื่อนไหวไปพร้อมกัน
ดาบเช่าหยินดูเหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
ขณะที่ดาบพิภพเปล่งเสียงออกมา “จงระวัง! ทุกสรรพชีวิตที่สัมผัสกับสายธารแห่งการหลงเลือนจะสูญสิ้นซึ่งความทรงจำ นี่คือกฎหลักแห่งหกวิถี!”
กล่าวได้ว่าหากคุณสูญสิ้นความทรงจำทั้งหมด คุณก็จะกลายเป็นคนโง่เง่า มีกำลังแต่ไร้ซึ่งปัญญา!
หากเป็นในกรณีนั้น เพียงแค่โครงกระดูกในชุดคลุมดำควงดาบของมันวาดออกไปเบาๆ มันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวชีวิตของกู่ฉิงซานและจิตวิญญาณของไปได้อย่างง่ายดาย
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มหนักอึ้ง เขาตอบรับ “เข้าใจแล้ว”
และนี่ก็เป็นชั่วเวลาเดียวกันกับที่โครงกระดูกเริ่มขยับนิ้วของมัน
แม่น้ำสีเหลืองหม่นโถมเข้าโอบล้อมรอบตัวมันทันที
นี่คือการก่อปราการป้องกันโดยใช้น้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน กล่าวได้ว่าบัดนี้ โครงกระดูกชุดคลุมดำได้อยู่ในตำแหน่งที่คงกระพันอย่างแท้จริงแล้ว
โครงกระดูกเอ่ยปากอย่างตื่นเต้นและคลุ้มคลั่ง “นี่คือกระบวนท่าสังหารที่ข้าจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับโลกของเจ้า...ในเมื่อได้รู้แล้วก็จงตายซะ!”
มันโบกมือออกไป
และแม่น้ำเหลืองก็โน้มตัวลง หมายจะซัดสาดเข้าใส่กู่ฉิงซานโดยตรง
กู่ฉิงซานถอนฝีเท้าถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว
โครงกระดูกชุดคลุมดำหัวเราะและกล่าว “คั่กๆ หนีไปก็เท่านั้น มันไร้ประโยชน์! เพราะความเร็วของแม่น้ำสายนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าดาบบินของเจ้าเลย!”
แต่กู่ฉิงซานก็ยังคงถอยต่อไป และเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ดาบเช่าหยินก็ส่งเสียงหอนออกมาอย่างฉับพลัน
“ให้จับเจ้า? นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?”
กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความสงสัย
ในโลกเทวะ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ ‘จิตสื่อถึงกัน’
‘จิตสื่อถึงกัน’ จะช่วยให้เข้าใจถึงความหมายที่จิตอาร์ติแฟคต้องการจะสื่อได้
และตั้งแต่นั้นมา กู่ฉิงซานก็สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ดาบเช่าหยินต้องการจะสื่อได้
เว้นไว้แต่เพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ของดาบเช่าหยิน ‘ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม’ เท่านั้น
เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ กู่ฉิงซานกลับไม่อาจเข้าใจถึงความหมายที่ดาบเช่าหยินพยายามจะสื่อได้เลย
แต่ตอนนี้ ในเมื่อดาบเช่าหยินเร่งเร้าเขา กระตือรือร้นที่จะต่อสู้ กู่ฉิงซานจึงคว้าจับด้ามดาบของมันตามคำร้องขอ
ในเวลาเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก็บังเกิดบรรทัดเส้นแสงตัวอักษรเด้งเตือนขึ้นมาในทันใด
“ดาบเช่าหยินร้องขอที่จะใช้แต้มพลังวิญญาณของคุณ ปริมาณที่ร้องขอคือ: หนึ่งร้อยแต้ม”
“คุณจะอนุญาตให้มันใช้แต้มพลังวิญญาณของคุณหรือไม่?”
นี่มันเหมือนกับก่อนหน้านี้เลย
ในคราวของจักรพรรดิฟูซีตอนที่บดขยี้ลูกประคำจนหมอกละอองน้ำท่วมท้นไปทั่วฟ้า
ดาบเช่าหยินก็ร้องขอแต้มพลังวิญญาณของกู่ฉิงซาน เพื่อช่วยให้เขาหลบเลี่ยงผลกระทบจากการถูกน้ำท่วมโถมเข้าใส่โดยตรง
ในเวลานั้นดาบเช่าหยินได้ร้องขอสิบแต้มพลังวิญญาณ
แต่ในขณะนี้ มันกำลังร้องขอหนึ่งร้อยแต้มพลังวิญญาณ!
อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานก็กล่าวออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ฉันอนุญาต!”
บรรทัดเส้นแสงใหม่ปรากฏขึ้นมาทันที
“ดาบเช่าหยินได้รับหนึ่งร้อยแต้มพลังวิญญาณ”
บังเกิดลมที่มองไม่เห็นคดเคี้ยวไปมารอบตัวกู่ฉิงซาน และขยายไปยังดาบเช่าหยิน
ปลายดาบอันแหลมคมของเช่าหยินสั่นไหวเล็กน้อย
ราวกับว่ามันกำลังเตรียมพร้อมที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่าง
แม่น้ำเหลืองเคลื่อนตัวเข้ามาและเกือบจะไล่ตามความเร็วในการถอยหนีของกู่ฉิงซานได้ทันแล้ว
แม่น้ำกำลังจะโถมเข้ากลืนกินตัวเขาในอีกไม่ช้า
ลมหนาวพัดปลิวไหวจนร่างของกู่ฉิงซานส่ายไปมา
เขาจึงจำต้องเร่งล่าถอยเต็มกำลังอีกครั้ง
โครงกระดูกชุดคลุมดำยกสองแขนขึ้นกอดอก เอียงศีรษะเล็กน้อย
มองไปยังฉากที่กำลังปรากฏขึ้นนี้ ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกเพลิดเพลินไม่น้อย
ทันใดนั้น โครงกระดูกก็ชูสองมือขึ้นสูง
พร้อมด้วยแม่น้ำทั้งสายที่ลุกฮือขึ้น ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นขนาดมหึมา ท่วมท้นไปทั่วผืนฟ้า บดบังไปทั่วผืนดิน
“ตายซะ!” โครงกระดูกตะคอกคำหนึ่ง
และคลื่นมหึมาก็โถมลงไปเบื้องหน้า
แต่จู่ๆดาบเช่าหยินก็ระเบิดเสียงหอนอึกทึกอย่างรุนแรงไปทางคลื่นมหึมาในทันใด
ซึ่งการกระทำนี้ กู่ฉิงซานเข้าใจความหมายของมันในทันทีว่าหมายถึงอะไร
เขาขบฟันแน่น จี้ปลายแหลมดาบเช่าหยินชี้ไปทางคลื่นมหึมา
เพราะเวลานี้ มันก้าวเข้าสู่ช่วงวินาทีสุดท้ายแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง
ตอนนี้เขาทำได้เพียงเชื่อมั่นในดาบของตนเอง!
กู่ฉิงซานไม่มีเวลามากพอที่จะใช้สมองขบคิดอีกต่อไป บัดนี้คลื่นมหึมาครอบคลุมไปทั่วผืนฟ้า บดบังแสงอาทิตย์จนทำให้บริเวณตลอดทั้งเขตชานเมืองจมลงสู่ความมืดมิด
‘ปัง!’
คลื่นมหึมาซัดเข้าใส่ปลายดาบของดาบเช่าหยินก่อนเป็นจุดแรก
จากนั้นก็โถมเข้าหากู่ฉิงซาน
ไม่สิ มันไม่ได้โถมเข้าใส่เขาแล้ว
ในเสี้ยววินาที แม่น้ำที่โถมกระหน่ำก็จมหายเข้าไปในปลายดาบเช่าหยิน และหายวับไปมิอาจมองเห็นได้อีกเลย
ตลอดทั้งวิสัยทัศน์ทั่วท้องฟ้า มันโล่งโจ้ง หายไปไม่มีหลงเหลือ
เมฆสีตะกั่วปรากฏขึ้นอีกครั้ง และฝนเย็นฉ่ำก็ร่วงโรยลงอีกครา
ตัวกู่ฉิงซานยังคงตื่นตะลึง ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงัน ยังอยู่ในท่าทางชี้ปลายดาบเช่าหยินออกไป
“…” โครงกระดูกชุดคลุมดำ
“…” กู่ฉิงซาน
ดาบเช่าหยินเด้งออกจากมือของกู่ฉิงซาน
และมันก็เริ่มกระโดดไปมาในอากาศอีกครั้ง
จากนั้นมันก็ร่ายรำอย่างต่อเนื่องและเป็นจังหวะ
ความหนักอึ้งในจิตของกู่ฉิงซานลดฮวบลง เขาเอ่ยถามเสียงแผ่ว “นี่มันอย่างไรกันแน่?”
ดาบเช่าหยินร่ายรำ ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีเวียนว่ายฉวัดเฉวียน เปล่งเสียงหอนด้วยความตื่นเต้น
ของรัก! ของรัก! ของรัก! ของรัก!
ของรักของข้า!
นี่คือความหมายที่มันสื่อออกมา
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงความปีติยินดีของดาบเช่าหยิน
จะบอกว่า...มันได้ดื่มกินแม่น้ำนั่นไปใช่ไหม?
กู่ฉิงซานลอบคิดอย่างลับๆ
และอย่าลืมนะว่าในคลื่นมหึมาเมื่อครู่ มันมีหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนผสมอยู่ด้วย
หยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน มันมีพลังของกฎหลักแห่งหกวิถี เป็นสมบัติล้ำค่า!
มองไปยังท่าทีการแสดงออกที่หนักอึ้งและหาได้ยากยิ่งของโครงกระดูกชุดคลุมดำ ที่มันพึ่งเอ่ยปากบอกออกมาด้วยตนเองว่าช่างยากเย็นเพียงใดกว่าจะได้รับหยดน้ำจากสายธารแห่งการหลงเลือนมาสักหยด
แต่ดาบเช่าหยินกลับวิ่งราวมันไปต่อหน้าต่อตาเขาในพริบตา
เพียงพริบตาเท่านั้น...
โครงกระดูกราวกับตื่นจากฝัน มันร่ำร้องตะโกนออกไปว่า “หยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนของข้าอยู่ที่ไหน เอามันกลับคืนมาเดี๋ยวนี้!”
กู่ฉิงซานยืดอกขึ้น เปล่งวาจาหนักแน่นเฉียบขาด “สายธงสายธารที่ไหนกัน ผมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมันมาก่อนนะ?”
“นั่นเป็นสมบัติที่ข้าใช้เวลากว่าหนึ่งพันปีจึงจะได้รับมา!” ร่างโครงกระดูกกล่าว ฟันแต่ละซี่ของมันกระทบกันกึกๆ “เจ้าตัวดี! ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายอย่างไร้ดินกลบฝัง!”
มันเหลือบสายตามองลงมายังดาบน้ำแข็ง ปากอ้าขยับคำรามเสียงต่ำ “ปีศาจกระดูกแห่งความขุ่นแค้น”
บังเกิดหมอกสีขาวเย็นฉ่ำพรั่งพรูออกมาจากดาบน้ำแข็ง
ปัง!
ปัง!
ร่างโครงกระดูกนับสิบที่สวมใส่เสื้อเกราะและมงกุฎถูกแบ่งแยกออกเป็นสองแถว ทยอยกันปรากฏออกมาจากหมอกสีขาว
ปราณสีดำนับไม่ถ้วน ควบแน่นหลอมรวมตัวกันแลคล้ายร่างเงาของอสุรกาย ส่งเสียงหอนโหยขึ้นข้างกายของเหล่าปีศาจกระดูก
โครงกระดูกชุดคลุมดำเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “นี่มิใช่สิ่งที่เหมือนกับร่างโคลน! แต่ทุกตนล้วนคือจักรพรรดิแห่งฟูซีที่ตรากตรำข้ามผ่านการต่อสู้มาแล้วอย่างเข้มข้น!“
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความบีบบังคับ “หากรู้ถึงขีดจำกัดตนก็จงเร่งคืนหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนมา ถ้าเป็นในกรณีนั้น ข้าจะยังพอใจดีปล่อยให้ศพเจ้าอยู่ในสภาพครบสามสิบสอง”
นี่คือไพ่ที่ทรงพลังที่สุดในมือของโครงกระดูกชุดคลุมดำ ในอดีตที่ผ่านมา มอนสเตอร์เหล่านี้ช่วยเขาร่วมต่อสู้กับทุกสิ่งในนรกเยือกแข็ง
“พวกเจ้าทั้งหมด จงไปสังหารเขาให้ข้า แล้วจากนั้นพวกเราก็จะไปลิ้มชิมรสอาหารแสนอร่อยในเมืองกัน ข้าต้องการจิตวิญญาณของคนเป็นทั้งหมด!” โครงกระดูกในชุดคลุมดำคำราม
“วิญญาณ...จิตวิญญาณ...” ปีศาจกระดูกแห่งความขุ่นแค้นเปล่งเสียงตะโกนแหบแห้งออกมาพร้อมกัน
กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังปีศาจกระดูกแห่งความขุ่นแค้น ทั้งยี่สิบตน
อาวุธในมือของแต่ละตนแตกต่างกันออกไป
ทว่าแน่นอน พวกมันล้วนแล้วแต่มีพลังอันทรงพลานุภาพ
เบื้องหลังปีศาจกระดูกแห่งความขุ่นแค้นเหล่านี้ โครงกระดูกชุดคลุมดำกำลังถือดาบน้ำแข็ง คอยเฝ้ามองหาโอกาสลอบโจมตีเขาอยู่เสมอ
พวกมันต้องการที่จะเริ่มต้นจากที่นี่ ฆ่าสังหารตัวกู่ฉิงซาน จากนั้นก็ตามต่อด้วยล้างบางเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองหลวง และลากยาวไปตลอดทั้งรัฐบาลกลาง!
ยี่สิบโครงกระดูกเปล่งเสียงหอนออกมาพร้อมกัน
ปีศาจกระดูกแห่งความขุ่นแค้นตัวหนึ่งหายวับไปจากสายตา และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน!
มันควงขวานยักษ์สับ!อย่างแรงลงแสกหน้าเขา
กู่ฉิงซานคว้าดาบเช่าหยิน ฟาดออกไปเผชิญหน้า สองอาวุธปะทะกันครั้งหนึ่ง ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างแยกออกจากกัน
ต่อด้วยดาบยาวที่จ้วงออกไป วิ่งผ่านลำคอของปีศาจกระดูก
แต่ปลายคมดาบกลับถูกหมอกดำปรากฏขึ้นมาครอบคลุม และดีดตัวมันเด้งออกจากคอปีศาจกระดูก
หัวของปีศาจกระดูกยังคงอยู่ในสภาพดีดังเดิม...ราวกับว่าเมื่อครู่มิได้เกิดสิ่งใดขึ้น
มันเปล่งเสียงคำราม และง้างขวานหมายจะสับแยกร่างของกู่ฉิงซานอีกครั้ง
กู่ฉิงซานกวาดสายตาไปรอบๆ แต่กลับเห็นแค่เพียงฝูงปีศาจกระดูกกำลังพุ่งตรงเข้ามาหา
เขารีบบินหลบฉากออกไปอย่างรวดเร็ว
“ปีศาจกระดูกจัดอยู่ในประเภทสิ่งมีชีวิตในตำนาน ‘คนเป็น’ไม่อาจเอาโค่นล้มพวกมันลงได้” โครงกระดูกในชุดคลุมดำกัดฟันกล่าว “ข้าจะปล่อยให้พวกมันสับเจ้าทั้งเป็น และค่อยๆ ควานหาหยดน้ำแห่งการหลงเลือนของข้าอีกครั้ง”
กู่ฉิงซานล่าถอยกลับมา ขณะเดียวกันในสมองก็ขบคิดหาวิธีจัดการกับมัน
และคำกล่าวของโครงกระดูกชุดคลุมดำ นั่นคือเบาะแส!
“คนเป็นไม่อาจโค่นล้มสิ่งมีชีวิตในตำนานได้อย่างนั้นสินะ?”
หากแต่ละคมดาบของเขาไม่อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บได้ งั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือ
ขณะที่เขากำลังขบคิดเกี่ยวกับมัน ในวิสัยทัศน์ก็พลันปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยเล็กๆ ขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ดาบพิภพร้องขอที่จะใช้แต้มพลังวิญญาณของคุณ ปริมาณที่ร้องขอคือ: สิบแต้มต่อวินาที”
“เพราะคุณเป็นเจ้าของที่ดาบพิภพได้ให้การยอมรับ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ใช้กระบวนการดึงแต้มพลังวิญญาณของคุณโดยพลการ หากยอมรับตามคำร้องขอ ชีวิตของคุณจะได้รับการคุ้มครองโดยมัน”
“คุณเห็นด้วยหรือไม่?”
กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านและบ่นพึมพำ “คราวนี้กลับเป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ดาบพิภพเปล่งเสียงหนักแน่นดั่งขุนเขา “เจ้ามอนสเตอร์พวกนี้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน แต่ก็แค่เพียงระดับต่ำสุด ดังนั้นมันคงจะดีกว่าหากเจ้าปล่อยแต้มพลังวิญญาณออกมาให้ข้าได้ ‘สื่อสาร’ กับพวกมัน”
“เจ้าต้องการที่จะสื่อสารกับพวกมันเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ดาบพิภพเปล่งเสียงฮึมฮำ “ถูกต้อง หากพวกมันเป็นเพียงแค่ ‘คนตาย’ การปล่อยให้เจ้ารับมือก็ไม่นับว่าเป็นอะไร แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานแล้วล่ะก็ คงต้องปล่อยให้ถึงมือข้า”
อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานก็พลันจดจำได้ถึงคำอธิบายของดาบพิภพ
“ดาบพิภพ น้ำหนักราวแปดสิบหกล้านจิน มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์: สามารถควบคุมและแบกรับน้ำหนักของตนเองได้”
“นี่คือดาบจากสมัยโบราณกาลอันไกลโพ้น ที่ยอมเสียสละให้แก่สวรรค์และโลก และมันสามารถสื่อสารกับเหล่าเทพวิญญาณได้”
และก่อนหน้านี้มันก็พึ่งได้ ‘สื่อสาร’ กับผู้คุมวิญญาณจากปรภพ
ยี่สิบปีศาจกระดูกถลาลงมา
กู่ฉิงซานยังคงบินล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
โครงกระดูกชุดคลุมดำหัวเราะ “ข้าจำต้องจ่ายออกด้วยเวลานานนับหลายร้อยหลายพันปี หมดความพยายามไปมาก ที่จะเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานอย่างปีศาจกระดูก...พวกมันทุกตนล้วนเปรียบดั่งสมบัติอันเลอค่าของข้า”
กู่ฉิงซานละความสนใจจากคำกล่าวของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง เขาเบนสายตามองไปยังแต้มพลังวิญญาณจากบันทึกการต่อสู้ของตน
“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือ: 4891.6/300”
ดาบเช่าหยินใช้แต้มพลังวิญญาณไปหนึ่งร้อยแต้ม
แต่หลังจากสังหารร่างโคลนไปเป็นจำนวนมาก กู่ฉิงซานกลับได้รับแต้มพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมาเพียงเกือบสองแต้มเท่านั้น...
ทว่าตอนนี้มันคงสายเกินไปแล้วที่จะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู่ฉิงซานเปล่งเสียงออกไปโดยตรง “ฉันเห็นด้วยที่จะจ่ายแต้มพลังวิญญาณ”
แถบตัวเลขปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที
มันคอยบอกถึงแต้มพลังวิญญาณของเขาที่หายไปอย่างต่อเนื่องในอัตราสิบแต้มต่อวินาที
“ด้วยแต้มพลังวิญญาณของเจ้า ข้าก็จะสามารถใช้ออกด้วยพลังอำนาจของข้าได้!” ดาบพิภพเปล่งเสียงฮึมฮำฉวัดเฉวียน
“แล้วสิ่งที่ข้าควรจะทำล่ะ?” กู่ฉิงซานตะโกนถาม
“ก็ทำอย่างที่เจ้ามักจะเคยทำนั่นแหละ” ดาบพิภพกล่าว
กู่ฉิงซานหยุดยืนอยู่กลางเวหา เขาปลดปล่อยเจตนาฆ่าและหันกลับมาโต้กลับ!
โครงกระดูกชุดคลุมดำที่กำลังเฝ้ามองดูเหตุการณ์จากระยะไกล เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย มันก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานน่ะ มนุษย์ไม่สามารถทำอะไรได้หรอก!”
ปีศาจกระดูกง้างอาวุธขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรู
กู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนเป็นรังสีดาบสีขาวนวลดั่งดวงจันทร์ขนาดยักษ์ พุ่งถลาเข้าใส่กลุ่มปีศาจกระดูก
รังสีดาบและอาวุธของปีศาจกระดูกปะทะเข้าหากัน
เห็นแค่เพียงรังสีดาบที่เปล่งปลั่งพร่างพราวข้ามผ่านไปทั่วผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ สยายแสงลอยออกไปไกลแสนไกล
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรังสีดาบของผู้ฝึกดาบ เหล่าปีศาจกระดูกก็ราวกับไร้ตัวตน เป็นเพียงอากาศธาตุ พวกมันถูกพุ่งตัดผ่านไป ทำไม่ได้แม้กระทั่งจะป้องกัน
แล้วทันใดนั้นเอง เหล่าปีศาจกระดูกทั้งหมดก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนด้วยความหวาดกลัวออกมา
พวกมันยืนแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ตลอดทั้งร่างกายเริ่มพ่นหมอกสีขาวออกมาก่อนจะร่วงลง
รังสีดาบสีจันทร์นวลเด่นก็หายไปด้วยเช่นกัน พร้อมกับกู่ฉิงซานและดาบพิภพที่ปรากฏตัวขึ้น
สายลมพัดปลิวไสว
ยี่สิบปีศาจกระดูกที่สวมมงกุฎกลายเป็นเถ้าถ่าน ลอยกระจายไปตามสายลม
ทิ้งไว้เพียงแค่จุดแสงสว่างวาววับนับไม่ถ้วนไว้เบื้องหลัง ร่ายรำอยู่ในอากาศรอบใบดาบพิภพอย่างเงียบๆ
และจุดแสงส่องสว่างทั้งหมด ครึ่งหนึ่งค่อยๆ จมลงไปในดาบพิภพ อีกครึ่งหนึ่งเจาะเข้าไปในหน้าผากของกู่ฉิงซาน
ดาบพิภพเปล่งเสียงร้องอันน่ารื่นรมย์ออกมา
“การสื่อสารจบลงแล้ว” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“น่าทึ่งจริงๆ...” กู่ฉิงซานงึมงำ
“กระทั่งสิ่งมีชีวิตในตำนานระดับต่ำก็ไม่นับว่าเป็นเช่นไร มันเป็นเรื่องยากที่จะหยุดยั้งเจ้ากับข้าหากเราร่วมมือกัน” ดาบพิภพกล่าวเสียงต่ำ
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม การจ่ายแต้มพลังวิญญาณออกไปได้หยุดลง
การต่อสู้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงแล้วใช้ระยะเวลาไปห้าวินาที ดังนั้นแต้มพลังวิญญาณที่จ่ายไปคือห้าสิบแต้ม
หลายบรรทัดแสงตัวอักษรปรากฏขึ้น
“คุณและดาบพิภพได้แบ่งปันรางวัลเท่าๆ กัน”
“คุณได้รับแต้มพลังวิญญาณหนึ่งร้อยแต้ม”
“แต้มพลังวิญญาณคงเหลือ: 4941.6 /300”
นี่นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
อย่างไรก็ตามปีศาจกระดูกเป็นถึงชนิดสิ่งมีชีวิตในตำนาน แล้วมันจะให้แต้มพลังวิญญาณน้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?
ราวกับคาดเดาสิ่งที่กู่ฉิงซานกำลังคิดได้ ระบบเทพสงครามเปล่งเสียงอธิบายออกมา “มอนสเตอร์เหล่านี้ แม้ว่าจะมีพลังอำนาจของ ‘แมวสามขา’ อยู่บ้าง แต่มันก็มีสถานะต้อยต่ำที่สุดในสิ่งมีชีวิตระดับตำนาน ดังนั้นมันจึงไม่สมควรที่จะถูกนับรวมเป็นสิ่งมีชีวิตระดับตำนานได้”
บังเกิดความเงียบสงัดขึ้นโดยรอบ
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขาจึงเงยหน้ามองไปทางโครงกระดูกชุดคลุมดำ
เขากวาดจิตสัมผัสเทวะไปยังมัน และค้นพบว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายไม่แม้กระทั่งจะขยับกายเคลื่อนไหว
เห็นแค่เพียงโครงกระดูกในชุดคลุมดำยืนนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับตอไม้
มันไม่เคลื่อนไหว เหมือนกับไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ผ่านไปนาน โครงกระดูกก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นอย่างช้าๆ ชี้นิ้วที่สั่นกึกๆ ไปทางกู่ฉิงซาน “ปีศาจกระดูกของข้า...เอาพวกมันคืนมานะ...”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเฉียบขาด “ขอโทษที ปีศาจกระด่งกระดูกที่ไหนกัน ผมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมันมาก่อนนะ?”
ทั้งตนทั้งร่างโครงกระดูกชุดคลุมดำพลันสั่นสะท้าน
มันสั่นไหวอยู่ท่ามกลางสายฝน ปล่อยให้สายฝนเย็นฉ่ำ ปะทะเข้ากลับกะโหลกที่ร้อนรุ่มจนแทบจะลุกไหม้จนเปียกโชกอยู่พักใหญ่
………………..………………..