webnovel

0299 สงบเพื่อตนเอง

ตอนที่ 299 สงบเพื่อตนเอง 

สมองควอนตัมของเย่เฟย์หยูในอ้อมแขนสว่างขึ้น 

ตามด้วยเสียงของเทพธิดากงเจิ้งที่เปล่งออกมา “มิสเตอร์เย่เฟย์หยู ในเมื่อการแก้แค้นบรรลุผลแล้ว กรุณาเร่งหลบหนีออกไปโดยเร็วเถอะ” 

เย่เฟย์หยูข่มระงับอารมณ์ตน แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า 

ด้วยสายตาของเขา ย่อมเป็นธรรมดาที่จะสามารถมองเห็นถึงคนสามคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่เบื้องบน 

แต่ละคนล้วนแผ่กลิ่นอายพลังอำนาจอันยอดเยี่ยมออกมาจากร่างกายตน 

“สองต่อหนึ่ง? ผมจะต้องไปช่วยเขา” เย่เฟย์หยูเตรียมทะยานขึ้นไปในทันที 

“นั่นไม่จำเป็นหรอกมิสเตอร์เย่เฟย์หยู คนเหล่านั้นเป็นคนรู้จักเก่าแก่กันของใต้เท้ากู่ฉิงซาน เขาไม่ได้ต้องการจะสู้กับอีกฝ่าย หลังจากที่คุณจากไปแล้ว เขาก็จะจากไปทันทีเช่นกัน” 

‘นี่เขาถึงขั้นยอมเป็นเป้าดึงดูดทั้งสองตัวตนอันทรงพลังและขีปนาวุธต่างๆ มากมาย เพียงเพื่อถ่วงเวลาให้ฉันแก้แค้นอย่างนั้นหรือนี่?’ 

เย่เฟย์หยูได้สติกลับคืนมาในทันที 

เขายืนขึ้นจากเวที แล้วหันไปมองรอบๆ 

บอดี้การ์ดหลายคนได้รับบาดเจ็บโดยฝีมือเขา ทั้งหมดกำลังนอนร้องครวญครางบนพื้นด้วยความเจ็บปวด 

ส่วนเหล่ามืออาชีพที่แข็งแกร่ง ก็ล้วนแล้วแต่ถูกเลือดสังหารกดทับแนบติดลงกับพื้น มิอาจต่อต้านขัดขืนได้ 

ไกลออกไป เต็มไปด้วยผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่กำลังรัวชัตเตอร์อยู่ 

เย่เฟย์หยูปรบสองมือเข้าหากัน 

เปรี้ยง! 

ทุกอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ทั้งหมดถูกระเบิดในพริบตา แตกออกเป็นชิ้นๆ 

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ 

เย่เฟย์หยูสะบัดสองมือที่เกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดออก และแนบมันขนานกับหน้าอกตน 

เข็มเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเลือดสังหารพุ่งออกมาจากเหล่าบอดี้การ์ดที่นอนครวญครางอยู่บนพื้นดิน บินกลับมาตกอยู่ในมือของเขา 

เลือดสังหารละลายหลอมรวมกัน ก่อให้เกิดกิ่งก้านเปลวเพลิงสีเลือดที่ลุกไหม้ 

และเพียงแค่กำมือ เลือดสังหารที่ลุกไหม้ก็สลายหายไป 

เย่เฟย์หยูมิได้คิดสังหารผู้คนพวกนั้น 

เขากางคู่ปีกหนามออก งอเข่าเล็กน้อย และบรึ้ม! บินขึ้นไปบนท้องฟ้า 

เส้นแสงสีเลือดตัดผ่านชั้นอากาศ พริบตาเดียวก็หายลับไปสุดขอบฟ้า 

สูงขึ้นไป ณ ท้องฟ้าเบื้องบน 

กู่ฉิงซานสามารถสังเกตเห็นถึงฉากนี้ได้อย่างชัดเจน 

เขาปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมา กวาดมันลงไป และพบว่าผู้คนหลายพันคนทั่วบริเวณนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เสียชีวิตลง 

ซึ่งนั่นคือเป้าหมายในการแก้แค้นของเย่เฟย์หยูที่เพิ่งจากไป 

เบื้องหลังหน้ากากตัวตลก กู่ฉิงซานได้ผุดยิ้มออกมา 

ตอนนี้เย่เฟย์หยูสามารถควบคุมแรงปรารถนาที่จะฆ่าสังหารได้เป็นอย่างดี 

ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าอยากจะเป็นคนปกติหรอกเหรอ? 

แม้จะยังไม่ทันได้รู้ตัว แต่เย่เฟย์หยูก็ได้มาถึงช่วงเวลาที่สุกงอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

กู่ฉิงซานเบนสายตากลับมามองสองนายพลที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้ง 

เทพนักสู้คือคนรู้จักเก่าแก่ของเขา ส่วนจ้าวสมุทร แม้จะยังไม่เคยสนทนากัน แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังเป็นบุคคลของรัฐบาลกลาง 

เพราะฉะนั้นไม่สู้ดีกว่า เผ่นเลยก็แล้วกัน 

ทันใดนั้นคู่ปีกแสงสีดำก็กางออก กู่ฉิงซานเตรียมพร้อมที่จะจากไปทันที 

ไม่สิ ถ้าหนีไปดื้อๆ แบบนี้ สองนายพลจะต้องไล่ตามเขามาแน่ๆ ถ้าอย่างนั้น... 

กู่ฉิงซานกลืนน้ำลาย ก่อนจะชูกำปั้นไปยังอีกฝ่าย และกล่าว “ก็อย่างที่บอกไปว่าที่ตรงนี้มันมุมดี และผมก็แค่ใช้มันพักเท้าเฉยๆ ฉะนั้น เหล่ามนุษย์ทั้งสองที่ทรงพลังเอ๋ย เอาไว้หากพวกคุณต้องการ ครั้งต่อไปพวกเราค่อยมาซัดกันให้เต็มที่ไปเลย ตกลงไหม” 

“สำหรับตอนนี้…ผมมีบางเรื่องที่จะต้องจัดการ ลาก่อน” 

“แกทำลายยานรบประจัญบานของพวกเรา แล้วคิดจะจากไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?” เทพนักสู้ซางซ่งหยางถลึงตาใส่เขาและกล่าว 

ตัวตลกเอ่ยปากพูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “เรื่องที่ว่านั่น มันก็แค่ของชิ้นหนึ่งที่ร่วงตกลงจากท้องฟ้าแรงไปหน่อยก็เท่านั้นเอง อีกอย่างคุณเป็นคนสั่งเองนะ เพราะฉะนั้นคุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ” 

“ไร้สาระ!” 

จ้าวสมุทรแสยะยิ้ม เขาวาดมือทอประกายเงาแสงสีน้ำเงินออกมา 

ดูเหมือนว่าเขาคิดจะลงมืออย่างเต็มกำลัง ทุ่มออกไปในคราเดียว! 

เห็นแค่เพียงแสงสีน้ำเงินที่ปรากฏขึ้น มันสาดแสงแปรสภาพรูปทรงเป็นฉลามหัวบาตร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากธาตุน้ำ! 

นี่คือไพ่ตายของจ้าวสมุทร ‘จ้าวฉลาม!’ 

กล่าวกันว่าหากคุณถูกกัดกินโดยฉลามหัวบาตรตัวนี้ คุณจะถูกส่งลงไปยังก้นมหาสมุทรทันที 

หากเหล่ามืออาชีพทั่วไปถูกโจมตีด้วยเทคนิคนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องตกตายเนื่องจากถูกบดขยี้เป็นผุยผงด้วยแรงดันมหาศาลของน้ำทะเลอันไพศาล ไม่มีกระทั่งช่วงเวลาให้คิดต่อต้าน 

แต่หากเป็นมืออาชีพที่ทรงพลัง แม้เจ้าตัวจะยังคงสามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้ท่ามกลางก้นบึ้งมหาสมุทร แต่สุดท้ายจ้าวสมุทรก็จะไปปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา และโถมพลานุภาพอันรุนแรงยิ่งกว่าในยามที่อยู่บนบกเข้าโจมตีใส่อยู่ดี 

นั่นเพราะท้องทะเลคือบ้านของเขา ดังนั้นประสิทธิภาพในการโจมตีย่อมมากกว่าในยามอยู่บนบกหรือท้องฟ้า! 

แม้กระทั่งอสูรแห่งท้องทะเล ก็ไม่สามารถต่อสู้กับจ้าวสมุทรได้! 

ฉลามหัวบาตรวูบไหวเป็นภาพติดตา มันอ้าปากงับกัดลงบนตัวตลก 

ส่วนตัวตลก แม้มันจะยังคงยืนแบกดาบเอาไว้อยู่ตรงนั้นก็จริง ทว่ามันกลับไม่มีความตั้งใจใดๆ ที่จะต่อต้านขัดขืนเลย 

เมื่อเห็นว่าฉลามหัวบาตรสามารถกัดมันได้แล้วแน่ๆ 

จ้าวสมุทรก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น เตรียมชูขึ้นฉลองชัยชนะ 

ทว่าจู่ๆ ก็ราวกับมีดอกไม้ปริศนาเบ่งบานขึ้นเบื้องหน้าของเขา จากนั้นฉลามหัวบาตรก็พุ่งผ่านตัวตลกซะเฉยๆ และบินไกลออกไป 

แม้ตัวตลกดูเหมือนว่าจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว จะเห็นว่ามันเคลื่อนกายเข้ามาเบื้องหน้าพวกเขาเล็กน้อย 

ราวกับว่า…เจ้าตัวตลกจู่ๆ ก็แลกเปลี่ยนตำแหน่งกับฉลามหัวบาตรอย่างกะทันหัน? 

“นี่มันเป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!” จ้าวสมุรหลี่ตงหยวนเสียความมั่นใจจนแทบจะพูดไม่ออก

“นั่นคงจะเป็นเทคนิคเทียนซวนประเภทมิติ แถมยังเป็นชนิดที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย” เทพนักสู้ซางซ่งหยางกล่าวเสียงหม่น 

ในหัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง 

หากตัวตลกสามารถสลับตำแหน่งกับอะไรก็ได้…นั่นหมายความว่า การโจมตีเจ้าตัวตลกด้วยธาตุทั้งห้านับว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย 

มีเพียงแค่การต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น! 

แต่เมื่อเทพนักสู้เพียงขยับกาย ก้าวไปได้เพียงครึ่งก้าว จ้าวสมุทรก็วูบผ่านหน้าเขา คิดหมายเป็นผู้เดินเกมเปิดฉากลงมือเสียก่อน 

“ฮ่า!” 

สองมือของจ้าวสมุทรกางออก พร้อมด้วยแสงสีน้ำเงินที่วิ่งวนเป็นวงกลมในมือ พรวดกระแทกเข้าใส่ตัวตลกโดยตรง 

“ระวังตัวด้วยนะ!” เทพนักสู้กล่าวเตือนเพราะเกรงว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตามมา 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมืออาชีพสุดแกร่งในระยะประชิด ตัวตลกก็เริ่มที่จะวาดดาบยาวสวนออกไป 

ด้วยคมดาบนี้ ย่อมสามารถปัดป้องการโจมตีของตัวตนระดับนายพลได้อย่างสมบูรณ์ 

เทพนักสู้ได้เห็นถึงพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของมันมาก่อนแล้ว เขาจึงเผลอลังเลเล็กน้อย ทั้งคนทั้งร่างชะงักงัน ส่งผลให้มิอาจทันได้เข้าไปช่วยสหายโจมตีอีกฝ่าย 

แต่ดูเหมือนว่าจ้าวสมุทรจะไม่ทันคิดถึงจุดนั้น 

กู่ฉิงซานลังเลอยู่เพียงครู่ 

ก่อนจะพลิกดาบพิภพกลับ หันสันดาบออกสู่ภายนอก 

พร้อมกับร่างของจ้าวสมุทรที่ถูกฟาดเปรี้ยง! อย่างอ่อนโยนโดยดาบพิภพ 

แม้จะเป็นการฟาดอย่างอ่อนโยน ทว่าร่างของคนที่ถูกทุบกลับแลคล้ายดาวตก…ปลิวหายไปไกลยังทิศทางตำแหน่งที่ตั้งของทะเลเหลือง 

แน่นอนว่ากู่ฉิงซานมิได้ตบส่งเขากระเด็นไปยังตำแหน่งนั้นแบบส่งๆ เพราะอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของเทพธิดากงเจิ้ง ที่นั่นกำลังจะมีอสูรแห่งท้องทะเลมาถึงในไม่ช้า 

ดังนั้นเมื่อจ้าวสมุทรปลิวไปถึง เขาก็จะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ที่เหมาะสม และสมควรที่จะกระทำอย่างทันท่วงที 

อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานก็ยังคงเกิดข้อสงสัยบางอย่างขึ้นในจิตใจ 

แม้ความแข็งแกร่งของจ้าวสมุทรจะนับว่าไม่เลวร้าย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมสังเกตเห็นและคิดตามถึงความรุนแรงของกระบวนท่าที่กู่ฉิงซานได้แสดงออกมาเลย 

กล่าวได้ว่านี่มันไม่ใช่ลักษณะของคนที่แข็งแกร่ง 

ทั้งๆ เจ้าสมุทรนั้นเป็นถึงตัวตนที่แข็งแกร่ง เขาต่อสู้มาตลอดชีวิต แล้วทำไมถึงได้พลาดท่ากับกลยุทธ์ระดับต่ำแบบนี้ได้? 

กู่ฉิงซานขบคิดอย่างเงียบๆ 

อีกด้านหนึ่ง ซางซ่งหยางกลับเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เขาไม่เคยแสดงออกมาก่อน 

“สกิลดาบระดับนี้มัน…” 

เขาบังเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ขึ้นภายในจิตใจราวๆ เจ็ดถึงแปดชุด ทว่ากลับไม่มีชุดใดที่จะสามารถรอดพ้นดาบเมื่อครู่นี้ไปได้เลย 

มันเป็นกระบวนท่าดาบที่ไร้ซึ่งช่องโหว่ 

อย่างไรก็ตาม หากดูจากลักษณะท่าทีที่แสดงออกของตัวตลกแล้ว ก็พอจะบอกได้ว่ามันสามารถใช้ออกด้วยกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ ทำร้ายศัตรูได้อย่างง่ายดาย 

แต่มันกลับเลือกที่จะห่อหุ้มพลังอำนาจอันมหาศาลที่ว่านั่นเอาไว้ แล้วระเบิดมันเข้าใส่จ้าวสมุทรจนปลิวออกไปเท่านั้น 

ส่งผลให้จ้าวสมุทรไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บใดๆ

สกิลดาบเช่นนี้ กระทั่งตัวเขาเองที่มีชีวิตอยู่มายาวนานหลายปี มันก็ยังนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากยิ่งและไม่เคยพบเจอมาก่อน 

หากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ จะพบว่าความแข็งแกร่งของตัวตลกตรงหน้า มันได้ทะลุเหนือล้ำยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของเทพนักสู้ไปแล้ว 

โยนดาบเพียงครั้งเดียว กลับสามารถทำลายล้างเรือรบประจัญบานลงได้ 

ใช้เทคนิคจากธาตุทั้งห้าโจมตีเข้าใส่ก็ไม่ได้ 

ครอบครองสกิลดาบอันไร้ที่เปรียบ 

แล้วเจ้าตัวตลกนี่มันยังมีไม้เด็ดอะไรซ่อนอยู่อีกไหมนะ? 

“จริงๆ แล้วแกมาจากที่ไหนกันแน่?” 

ซางซ่งหยางทนไม่ไหว ต้องเอ่ยถามออกมา 

หากตัวตลกมีเจตนาฆ่า เมื่อครู่นี้ เกรงว่าจ้าวสมุทรคงจะจบชีวิตตัวเองลงไปแล้ว 

ดังนั้นเทพนักสู้จึงยังไม่พร้อมที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อเสี่ยงชีวิต 

“เป็นคำถามที่ดี!” กู่ฉิงซานเอ่ยสรรเสริญ 

เขาขบคิดก่อนจะตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบเอาหนังสือเล่มเล็กๆ ออกมา 

นี่คือเทคนิคฝึกยุทธสำหรับนักสู้หวูเต๋าและเป็นเทคนิคฝึกยุทธที่นับว่าสอดคล้องกับสายนี้มากที่สุดแล้ว 

นักสู้หวูเต๋า หากฝึกฝนตามกฎนี้ เขาจะสามารถก้าวข้ามผ่านขั้นปราณปรับแต่ง ไปจนถึงขั้นก่อกำเนิด ได้อย่างไม่มีปัญหา 

และหนังสือเล่มนี้มิได้เป็นของมรดกของนิกายร้อยบุปผา แต่เป็นวิชาที่แพร่หลายไปทั่วโลก ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงสามารถมอบมันให้แก่อีกฝ่ายได้อย่างเต็มใจ 

เดิมทีเขาเตรียมเจ้าสิ่งนี้ไว้ให้แก่ซางหยิงฮ่าว ว่าจะให้ฝากส่งต่อไปมอบแก่เทพนักสู้หลังจากที่เขาได้กลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าซางหยิงฮ่าวจะกำลังวุ่นๆ อยู่ ยุ่งจนไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ 

แต่ตอนนี้ เขาสามารถมอบมันให้แก่อีกฝ่ายได้ด้วยตัวเองแล้ว 

ในชีวิตก่อนหน้า เขาปลีกตัวออกจากรัฐบาลกลางไปตั้งแต่ช่วงต้นๆ 

และช่วงเวลานั้น เขาก็เอาแต่แช่อยู่ในเกม แทบจะไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวภายนอกเลย 

แต่ทว่าการเสียสละของเทพนักสู้นั้นเป็นข่าวใหญ่มาก ใหญ่โตจนเรื่องมาถึงหูของเขา 

กล่าวกันว่า เนื่องเพราะรัฐบาลกลางเกิดการขัดแย้งภายในทางการเมือง 

เทพนักสู้จึงถูกส่งตัวไปยังแนวหน้า เพื่อต่อสู้กับเผ่ามาร 

โดยที่ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ 

เทพนักสู้ถูกบีบบังคับให้ต่อสู้กับเผ่ามารทรงพลังหลายตน และในที่สุดก็พ่ายแพ้และสิ้นใจลง 

ตลอดทั้งชีวิตของเทพนักสู้ เขาบากบั่นทำงานอย่างหนักเพื่อรัฐบาลกลาง ทว่าสุดท้ายกลับจบชีวิตลงในที่รกร้างอย่างน่าเศร้า 

และนี่คือหนึ่งในเรื่องราวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เหล่ามืออาชีพต่างพากันถอนหายใจด้วยความสลด 

แต่ในชีวิตนี้ หากเขาสามารถครอบครองเทคนิคฝึกยุทธนักสู้หวูเต๋าแล้วละก็ ซางซ่งหยางจะต้องได้พบกับโชคชะตาที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน 

กู่ฉิงซานโยนหนังสือเล่มนี้ออกไป 

และซางซ่งหยางก็คว้ารับมัน

เขามิได้เปิดอ่าน แต่เลือกที่จะถามออกมาแทน “นี่มันอะไร?” 

“วิชาฝึกฝนของนักสู้ในโลกของผม ลองดูมันแล้วคุณจะรู้เอง” กู่ฉิงซานกล่าว 

“แล้วทำไมถึงต้องให้มันกับฉัน?” ซางซ่งหยางเอ่ยถาม 

กู่ฉิงซานจ้องมองดูซางซ่งหยาง ในสมองขบคิดว่าอีกฝ่ายช่างเป็นคนตรงไปตรงมา กล้าหาญ และเกลียดชังความชั่วร้าย ขนาดเขาหยิบยื่นของดีๆ ที่สำหรับโลกใบนี้เรียกได้ว่าล้ำค่าให้ อีกฝ่ายก็ยังไม่คิดจะเปิดดูมันในทันทีด้วยซ้ำ 

แม้กระทั่งในการเลือกตั้งทั่วไปของรัฐบาลกลาง เสียงสนับสนุนที่เรียกร้องให้เทพนักสู้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีก็ยังมีสูงมาก 

นอกเหนือไปจากเก้าตระกูลใหญ่ ทุกคนต่างต้องพากันยกนิ้วโป้งให้แก่เขา 

บางที นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เขาถูกระบุว่าเป็นตัวสร้างปัญหาจนถูกส่งออกไปตายก็ได้ 

กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ความสงบสุขนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะนายพลดั่งเช่นคุณ ดังนั้นตัวนายพลเช่นคุณก็สมควรที่จะได้รับมันเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขดั่งที่ทำเพื่อคนอื่นบ้างเช่นกัน ” 

ว่าจบ เขาก็หันหลังกลับ พุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

........................................