webnovel

0258 ปลาที่ยังรอดชีวิต

ตอนที่ 258 ปลาที่ยังรอดชีวิต

ในถ้ำลาวาแห่งนี้ ปรากฏทางแยกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากมิใช่เพราะสองดาบยาวคอยนำทาง กู่ฉิงซานคิดว่าตนเองคงมิอาจมาได้ไกลขนาดนี้อย่างแน่นอน

พวกเขาเหินเวหา ข้ามผ่านสายธารลาวา จนผ่านไปหลายชั่วยาม

แต่แล้วจู่ๆ อากาศก็เริ่มเหนียวหนืดและเดือดพล่าน อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานจึงต้องปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาครอบคลุม เพื่อแยกตัวเขาออกจากสภาพแวดล้อมภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็ปรากฏกลิ่นอายอันคลุมเครือขึ้น มันช่วยแจ้งเตือนให้กู่ฉิงซานเพิ่มความระมัดระวังตัวโดยอัตโนมัติ

“นี่มันความผันผวนทางพลังวิญญาณ?…แถมยังเป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่เสียด้วย…”

คิ้วของเขาเลิกสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สถานที่แบบนี้จะมีคลื่นความผันผวนทางพลังวิญญาณอยู่ด้วย

ตั้งแต่ที่เข้ามาสู่โลกเทวะ นอกเหนือจากเผ่ามารแล้ว เขายังไม่เคยพบเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกเลย

ในครั้งแรกที่กู่ฉิงซานได้ย่างกรายเข้ามา เขาพบเจอกับศพของผู้ฝึกยุทธระดับขอบเขตประทับเทพหลายสิบศพ แต่ในเวลานี้ เขากลับยังไม่พบเจออะไรเลย

ตามคำวินิจฉัยของสามปราชญ์ เผ่ามนุษย์บนโลกเทวะใบนี้ น่าจะสูญสิ้นไปหมดแล้วด้วยน้ำมือของเผ่ามาร

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ กู่ฉิงซานกลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันเจือจาง พลังที่มิใช่ของเผ่ามาร...

นี่มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากผิวพื้นดิน ท่ามกลางถ้ำลาวาที่เต็มไปด้วยถ้ำที่แตกแขนงออกไปนับไม่ถ้วน มันจึงแทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยที่จะพบกับสิ่งมีชีวิตที่นี่

ดาบพิภพตกลงมาในมือ กู่ฉิงซานค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

เบื้องหน้าเป็นปากถ้ำลาวา และดาบยาวทั้งสองก็หยุดลงในที่สุด

กู่ฉิงซานบินเข้าไปหยุดใกล้ๆ และก้มมองลงไป ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็พลันแหบแห้ง “นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

มองไปยังภายนอกของปล่องถ้ำ มันคือหน้าผา…หน้าผาอันกว้างใหญ่อีกแล้ว!

อย่างไรก็ตามเบื้องล่างของหน้าผานี้มิได้มีลาวาไหลวนอยู่ดั่งเช่นทุกครั้ง

แต่มันกลับเป็นทะเลสาบที่แห้งแล้ง

และตรงใจกลางทะเลสาบ ยังมีหลุมขนาดเล็กที่มีขนาดพอๆ กับปากชามข้าวหลงเหลืออยู่

แถมยังปรากฏพลังงานวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ กระจัดกระจายออกมาจนเห็นเป็นหมอกสีขาวขึ้นมาจากหลุมที่ว่านั่น

สองดาบยาวโฉบไปในอากาศ และร่อนลงไปภายในทันที

กู่ฉิงซานเห็นแบบนั้น ก็เคลื่อนกายตามติดพวกมัน และทิ้งตัวลงไป

ทันทีที่เท้าสัมผัสลงกับพื้น กู่ฉิงซานก็ก้าวยาวๆ ตรงไปยังหลุมที่ว่านั่น

หลุมที่ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงรูแคบๆ ที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำตื้นๆ ชั้นหนึ่ง

และมีปลาตัวเล็กๆ อยู่ภายในน้ำ มันกำลังลอยแบบทิ้งตัวอยู่อย่างเฉื่อยชา

กู่ฉิงซานที่กำลังจ้องมองดูฉากนี้ กล่าวได้ว่าพลันลืมเลือนทุกสิ่งอย่างไปสิ้นแล้ว

สิ่งมีชีวิตในโลกเทวะที่ซึ่งน่าจะสูญพันธุ์ไปจนหมดสิ้นแล้ว แท้จริงกลับยังมีปลาตัวเล็กๆ ที่หลบซ่อนอยู่ลึกลงมาใต้พิภพเช่นนี้?

ที่นี่เต็มไปด้วยพลังงานวิญญาณมากมายเหลือคณา ชัดเจนว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้และออกผลบนพื้นดินผลิบาน

แม้ว่าโดยรอบจะแห้งสนิทแล้วจากอุณหภูมิอันร้อนระอุที่ระเหยมันออกไป จนกระทั่งหลงเหลือเพียงหลุมแอ่งน้ำขนาดเท่าปากชามข้าว แต่เจ้าปลาตัวนี้กลับยังคงมีชีวิตอยู่

นี่มันนับว่าเป็นปาฏิหาริย์แห่งชีวิตโดยแท้

มันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตสุดท้ายบนโลกใบนี้เลยก็ได้

เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานจึงตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบเอาใบหลิงฉวนออกมาทันที

นี่คือของสะสมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอาณาจักรร้อยบุปผา ใบหลิงฉวน ในวันว่าง กู่ฉิงซานมักจะใช้ใบหลิงฉวนที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำอันสดชื่น คั้นมันออกมาทำชาดื่มกิน

ยามเมื่อใบหลิงฉวนถูกหยิบออกมา ไอน้ำเย็นฉ่ำก็เติมเต็มอากาศในบริเวณใกล้เคียงจนบังเกิดความสดชื่นไปทั่ว

ปลาตัวเล็กที่เซื่องซึมเมื่อสังเกตเห็นได้ถึงอากาศที่เย็นขึ้น ทันใดนั้นร่างกายมันก็ส่ายไปมา ก่อนจะกระโดดออกมาจากน้ำและมองไปยังใบหลิงฉวน

บังเกิดความปรารถนาขึ้นในแววตาของมัน เจ้าปลาจับจ้องมาด้วยความหวัง

สองดาบยาวผงกด้ามดาบลงโดยพร้อมเพรียง ราวกับจะสื่อเป็นนัยว่าจงรีบเข้าไปสิ

ปลาตัวเล็กเบนสายตามามองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานกล่าว “มาเถอะ”

และปลาตัวเล็กก็กระโดดเข้าไปในใบหลิงฉวนทันที

มันแหวกว่ายอย่างอิสระในใบหลิงฉวน ท่าทีเซื่องซึมเฉื่อยชาบัดนี้แลดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

สองดาบยาวลอยนิ่ง และจ้องมองไปยังฉากนี้นิ่งเงียบไม่ไหวติง

ทันใดนั้นปลาตัวเล็กก็กระโดดขึ้นมาจากน้ำ ลอยขึ้นมาเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน ก่อนจะแตะลงบนหน้าผากของเขาสามครั้ง

และในทุกๆ คราที่มันแตะ ใจกลางระหว่างสองคิ้วของกู่ฉิงซานก็เริ่มปรากฏจุดแต้มที่ส่องสว่างขึ้น

เมื่อปลาน้อยแตะครบสามครั้ง บนหน้าผากของกู่ฉิงซานก็ปรากฏสามรังสีแสงที่สาดประกายเรืองรอง

รังสีแสงค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน และผลุบลงไปในหน้าผากของเขา

หลังจากแตะจนครบ ปลาเล็กก็ผินตัวกลับลงไปในน้ำ และเพลิดเพลินไปกับน้ำเย็นสบายต่อ

สัมผัสอันเย็นฉ่ำแทรกเข้ามา กู่ฉิงซานรู้สึกว่าทั้งร่างกายปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏหลายบรรทัดตัวอักษรขึ้นมาทันที

“ระบบไม่ได้ให้รางวัลใดๆ แต่คุณกลับได้รับรางวัลใหม่ที่ไม่รู้จัก”

“คุณได้รับไข่มุกวิญญาณปลามังกร”

“ไข่มุกวิญญาณปลามังกร...จะสามารถรักษาบาดแผลของจิตเทวะได้ในระยะเวลาสั้นๆ”

นี่มันมิใช่เป็นแค่เพียงสิ่งที่ดี แต่ยังเป็นของหายากอีกด้วย!

สัมผัสถึงความเย็นสบายในหน้าผากของเขา กู่ฉิงซานก้มลงมองปลาเล็กด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“ขอบพระคุณมาก” เขากล่าว

ปลากระโดดผุดขึ้นมาจากน้ำ และดำลงไป มันทำเช่นนี้อยู่หลายครั้งหลายครา

ดูเหมือนว่า มันกำลังจะสื่อว่านี่คือสิ่งตอบแทนสำหรับใบหลิงฉวน

กู่ฉิงซานพยักหน้า และหันไปกล่าวกับปลาเล็กและสองดาบ “ในเมื่อพวกท่านทั้งหมดไม่เป็นอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”

แต่ใครจะรู้ สองดาบกลับบินมาว่ายวนรอบกายเขาอีกครั้ง

“…ว่าไงนะ ยังมีเรื่องอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”

“เข้าใจแล้ว เชิญพวกท่านนำทางไปได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

และด้วยเหตุนี้ สองดาบยาวก็ลอยนำหน้ากู่ฉิงซาน ขณะที่ตรงกลาง ก็มีปลาเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยใบหลิงฉวน เหินอากาศมุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า

เบื้องล่างของหน้าผา นอกเหนือไปจากหลุมที่กู่ฉิงซานใช้ใบหลิงฉวน บัดนี้เริ่มบังเกิดธารลาวาไหลหยดย้อยลงมานับไม่ถ้วน

ไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาได้จากไป ลาวาสีแดงอันร้อนแรงก็ค่อยๆ ไหลลงมา และกลบกลืนผืนดินที่แห้งแล้งอย่างช้าๆ...

ใต้พิภพค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยลาวา

หลุมขนาดเท่าปากชามข้าวที่แต่เดิมอุดมไปด้วยพลังงานวิญญาณ บัดนี้หมดซึ่งอำนาจที่จะต้านทานความร้อน มันถูกโถมกลืนโดยลาวาอย่างรวดเร็ว หายวับไปไร้ซึ่งร่องรอยของพลังวิญญาณที่หลงเหลืออยู่อีกเลย

หลังจากที่ปลาตัวเล็กได้จากไป ทุกสิ่งอย่างก็แห้งเหือดและสลายไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ กู่ฉิงซานพร้อมด้วยสองดาบกับอีกหนึ่งปลา ได้ออกเดินทางมาไกลแล้ว

พวกเขาปีนเข้าไปในปากถ้ำลาวาอีกแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงระยะเวลาเดินทางที่ยาวนานอีกครั้ง

หลังจากผ่านพ้นไปหลายชั่วยาม บรรยากาศร้อนๆ ก็ค่อยๆ จางหายไป

ความรู้สึกเย็นสบายค่อยๆ แพร่กระจายไปรอบๆ ในขณะที่พวกเขายังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

“อากาศเย็น?” คิ้วของกู่ฉิงซานขมวดเข้าหากัน

จะไปมีความเย็นในสถานที่ลึกลงมาใต้พิภพเบื้องล่างเช่นนี้ได้อย่างไร?

เพียงแค่เริ่มขบคิด สองดาบก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าปากทางออกถ้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กู่ฉิงซานก้าวออกไปข้างหน้า หยุดอยู่หน้าปากถ้ำและมองลอดออกไป

แล้วเขาก็พบเจอกับหน้าผาสูงชันอีกครั้ง

ซึ่งตรงจุดนี้นับว่าแตกต่างจากจุดก่อนหน้าอย่างแท้จริง

เพราะภายนอกปากถ้ำ คือหุบเหวลึกอันเย็นเยียบ ก้นบึ้งของมันมืดมิดราวกับไร้ที่สิ้นสุด

ไม่ว่าจะเงยหน้าขึ้นในมุมสูง หรือก้มหน้าลงในมุมต่ำ วิสัยทัศน์ในทุกๆ ที่ในสายตาของเขาล้วนดำมืด

กู่ฉิงซานมองไม่เห็นอะไรเลย แม้กระทั่งปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งใด

ไม่นานนัก เขาก็ตบลงบนถุงสัมภาระแล้วหยิบขวดหยกออกมา จากนั้นก็โยนมันลงไปท่ามกลางความมืดมิด

ในพริบตาเดียว ขวดหยกก็พลันแหลกเป็นเม็ดทราย และกระจัดกระจายร่วงหล่นลงไปในเหวลึก

กู่ฉิงซานชะงักงัน

อำนาจอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ช่างคล้ายคลึงกับการควบแน่นของรังสีดาบที่ได้มาถึงขีดสุดแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ข้างกายเขา สองดาบยาวบินระบำไปมาในอากาศ ทำท่าทีและส่งสัญญาณสื่อสารบางอย่างออกมาอย่างต่อเนื่อง

“หากเข้าไปใกล้จะต้องตาย? ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ข้ามไปทางนั้นอย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าว

แต่แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “ยังไงก็เถอะ ตกลงว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่กันแน่?”

สองดาบขูดขีดบนผนังลาวา เซาะหินออกและเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายใน

มันคือดิสค่ายกลขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับหนาเตอะ แถมยังแลดูเก่าคร่ำครึมากอีกด้วย

ที่นี่ดูท่าว่าจะแยกการรับรู้ทางจิตสัมผัสเทวะออกไปโดยสิ้นเชิง หากมิใช่เพราะสองดาบ กู่ฉิงซานก็คงจะไม่รู้ว่ามีดิสก์ค่ายกลซ่อนอยู่ที่นี่

สองดาบค่อยๆ ปัดเศษสิ่งสกปรกออกมาจากมันอย่างระมัดระวัง

ส่วนปลาเล็กก็ค่อยๆ แกว่งหางของมันอย่างช้าๆ และใช้กระแสน้ำชะล้างดิสก์ค่ายกลจนสะอาด

จากนั้นกระแสน้ำที่ชะล้างก็แปรสภาพกลายเป็นฝ่ามือ มันคว้าจับดิสก์ค่ายกล และค่อยๆ ยื่นมายังเบื้องหน้าของกู่ฉิงซานอย่างอ่อนโยน

“ให้ข้าใช้ดิสก์ค่ายกลเคลื่อนย้าย?…จากนั้นก็ให้กลับมาอีกครั้งในยามที่ข้าแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่านี้อย่างนั้นหรือ?”

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

สองดาบและหนึ่งปลาพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง

พวกเขาจ้องมองลึกเข้าไปในแววตากู่ฉิงซาน จากนั้นก็บินเข้าไปสู่หุบเหวอันมืดมิด

แล้วก็หายวับไป

กู่ฉิงซานถือดิสก์ค่ายกล และมองไปยังบรรทัดตัวอักษรที่ล่องลอยอยู่บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ภารกิจที่สอง สกัดพลังศักดิ์สิทธิ์แก่นทองคำ...ความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น...เสร็จสิ้นลงแล้ว”

“หากคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ภารกิจที่สามก็จะยังไม่ยินยอมปรากฏออกมา และจะใช้ผลลัพธ์ของสองภารกิจก่อนหน้า ในการประเมินการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์ในรอบสุดท้ายแทนที่”

กู่ฉิงซานอ่านข้อความเหล่านี้ ทั้งคนทั้งร่างนิ่งเงียบเป็นเวลานาน

“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เสียงหนักแน่นของดาบพิภพดังขึ้น

“โอ้ มิมีอันใดดอก ข้าเพียงขบคิดต้องการที่จะรู้ว่า จะต้องทำเช่นไรจึงจะสามารถช่วยชีวิตท่านอาจารย์ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“เพื่อที่จะช่วยชีวิตหลิงเอ๋อ เจ้าจำต้องมีพื้นฐานวรยุทธที่สูงยิ่งกว่าปัจจุบัน เวลานี้นี่ยังมิใช่สิ่งที่เจ้าสมควรเก็บมาพิจารณา” ดาบพิภพกล่าว

......................................................