ตอนที่ 196 รองเท้าตัวตลก
บนเฉินเตี้ยนเฮ่า ซางหยิงฮ่าวที่กำลังมองไปบนจอม่านแสง ถึงกับผิวปาก ‘วิ้ว’ ออกมา
“นับตั้งแต่เริ่มลงมือจนทุกอย่างจบลง เขาใช้เวลาไปเพียงแค่สองวินาทีเท่านั้นเอง นี่มันนับว่าเป็นศิลปะโดยแท้” เขายกมือขึ้นลูบคาง ปากเอ่ยชื่นชม
“ศิลปะ? การฆ่าคนที่แม้กระทั่งคิ้วก็ยังไม่ทันขยับนี่เรียกว่าศิลปะอย่างนั้นเหรอ?”เหลียวฮังกล่าว
“แล้วคุณจะให้เรียกว่ามันอะไรล่ะ?”
“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นการตัดผลไม้มากกว่า แกก็เห็นนี่ ดาบนั่นวาบผ่าน ตามด้วยน้ำผลไม้สีแดงที่ทะลักล้นออกมา” สีหน้าของเหลียวฮังค่อนข้างตื่นเต้น
“…ฉันว่าตัวฉันที่เป็นหัวหน้านักฆ่านี่หนักแล้วนะ แต่คุณนั่นแหละที่หนักยิ่งกว่า อย่างกะคนบ้าโดยแท้”
“ขอแก้ไขนะ ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่คนบ้า”
แต่แล้วจู่ๆ เหลียวฮังก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาชี้ไปบนจอม่านแสงและเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเด็กนั่นล่ะ? ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนั่นทำอะไรมาก่อน?”
“ก็…คงเป็นนักเรียนล่ะมั้ง ไม่สิได้ข่าวว่าถูกเชิญไปเป็นศาสตราจารย์นี่นา แต่อย่างไรก็เถอะ ฉันไม่เคยเห็นเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชั้นเรียนเลย” ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ กู่ฉิงซาน คือผู้นำสูงสุดแห่งรัฐบาลกลาง” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น
เหลียวฮังกับซางหยิงฮ่าวหันมามองหน้ากันวูบหนึ่ง และยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบเรียนรู้เทคนิคการแฮ็กเพื่อเอาอย่างเจ้าหนูนั่นให้ได้ซะแล้ว…” เหลียวฮังพึมพำเสียงต่ำ
กลับมาทางฝั่งหอยุทธ
ติ๊ง!
“การฆ่าประสบความสำเร็จ ได้รับพลังวิญญาณสิบแต้ม แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน สิบ”
กู่ฉิงซานมองไปยังแต้มพลังวิญญาณที่เพิ่มเข้าไปในระบบ ห้วงอารมณ์แปรเปลี่ยนเป็นมีความสุข
เขาสะบัดเลือดที่ติดอยู่บนใบดาบและกล่าวว่า “ขอโทษที ดูเหมือนว่าประสาทหูของนายคงอดวิวัฒนาการซะแล้วในครั้งนี้”
เย่เฟย์หยูที่อยู่อีกด้านนิ่งอึ้งไปนาน ก่อนที่เขาจะเริ่มตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ในสายตาของเขา เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่วาดดาบออกไป ชายนักฆ่าฉีกมิติหนีหาย แต่ตัวกู่ฉิงซานก็หายตัวติดตามไปพร้อมๆ กับอีกฝ่ายเช่นกัน
เมื่อชายคนนั้นปรากฏตัวไปอีกตำแหน่งหนึ่ง กู่ฉิงซานก็เป็นวิญญาณตามติด ไปปรากฏตัวในจุดนั้นด้วย ขณะที่ดาบยาวในมือยังคงถูกหวดฟาดออกไปดังเดิม
เมื่อชายนักฆ่าเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ฉีกมิติหนี หายวับไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งอีกครั้ง
และกู่ฉิงซานก็หายวับไป ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอีกฝ่ายดังเดิม พร้อมกับคมดาบที่ยังคงวาดอยู่ และวาดผ่านคอของอีกฝ่ายไปในที่สุด
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเย่เฟย์หยูก็ยังไม่ทันจะได้ตอบสนอง
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็เอ่ยปากออกมาด้วยดวงตาขุ่นเขียว “ฉันก็ลืมไปซะสนิทเลย ว่าเจ้าหมอนั่นมันลื่นเป็นปลาไหล เผลอนิดเดียวก็หลุดมือไปซะแล้ว”
“นี่...ฉันให้นาย” กู่ฉิงซานโยนหัวที่พึ่งถูกฟันขาดไปให้เย่เฟย์หยูและหันหลังเดินจากไป
“นั่นนายจะไปที่ไหน?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถาม
“ไปเปิดสมองควอนตัมดูนายถ่ายทอดสด” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไว้หลังจากนี้ นายจะต้องช่วยฉันจัดการเรื่องประสาทหูด้วยนะ” เย่เฟย์หยูตะโกนข้ามหลังเขา
กู่ฉิงซานโบกมือโดยมิได้หันกลับไปมอง และหายตัวไปหลบอยู่ในมุมถนนมุมหนึ่ง
ตั้งแต่ที่เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ครั้งล่าสุดจบลง ผู้คนนับไม่ถ้วนในโลก ต่างก็กำลังเฝ้ารอคอยถึงผลลัพธ์ในครั้งนี้
บางคนถึงขั้นวางสมองควอนตัมส่วนบุคคลเอาไว้บนโต๊ะ เพื่อเฝ้ารอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
หนึ่งนาทีผ่านไป สองนาทีก็ผ่านไป
แต่สมองควอนตัมยังคงนิ่งเงียบ
ผู้คนถอนหายใจออกมาโดยพร้อมเพรียง
ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ จะมีบางคนได้รับชีวิตนิรันดร์ไปครอบครองแล้วจริงๆ
แถมยังไม่มีใครสามารถหาตัวเขาได้ และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ได้แอบเพลิดเพลินกับชีวิตอมตะอย่างลับๆ...
ในระหว่างที่ผู้คนกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่นั้นเอง จู่ๆ สมองควอนตัมก็สาดแสงขึ้นอย่างฉับพลัน
สมองควอนตัมทั่วโลก ฉายภาพขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
พร้อมกับใบหน้าของเพชฌฆาตตัวตลกที่ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง
เขาอุ้มร่างที่หลงเหลือเพียงโครงกระดูกในท่าเจ้าหญิง ขณะที่วางหัวกะโหลกที่พึ่งถูกตัดสะบั้นลงในอ้อมอกของร่างโครงกระดูกไร้หัว
กระดูกสีเทาอ่อนควบคู่ไปกับรองเท้าบูตสีดำ นี่มันอุปกรณ์ที่พวกเขาคุ้นเคย ทว่าบัดนี้กายเนื้อของเจ้าของได้หายไป
ภาพอันน่าสะพรึงนี้ทำให้หลายคนถึงขั้นกลั้นหายใจ
เพชฌฆาตตัวตลกเริ่มเอ่ยปาก
“สวัสดีขอรับทุกท่าน กระผมคนเดิม ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพวกท่านนั่นเอง วันนี้ก็เป็นอีกเช่นเคยที่กระผมได้มาเก็บเกี่ยวชีวิตของผู้ที่ทำให้ทุกท่านเกิดความหวาดกลัว”
“ทุกท่านสามารถเรียกกระผมว่า เพชฌฆาตตัวตลก”
“ดูเหมือนว่า กระผมจะเคยบอกไปแล้วนะ ว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ โชคชะตาของเขาจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”
เพชฌฆาตตัวตลกก้มลงมองหัวกะโหลกที่ถูกสะบั้นในอ้อมแขน ค่อยๆ สะอื้นร่ำไห้อย่างช้าๆ
มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “แล้วทำไม ทำไม...ทำไมกัน ทำไมคุณไม่เชื่อฟัง และซุกซนเข้าไปร่วมเล่นเกมนี้”
ทันทีที่กล่าวจบ สองมือของมันก็คว้าจับและชูรองเท้าสีดำขึ้นไปบนท้องฟ้า ห้อยร่างโครงกระดูกไร้หัวที่สวมใส่รองเท้าคว่ำลงกับพื้น จากนั้นก็เขย่าๆ อย่างแรง
ชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างโครงกระดูกไร้หัวกระจัดกระจายเป็นหลายส่วน ทั้งหมดร่วงหล่นลงสู่พื้น
หลงเหลือทิ้งไว้เพียงคู่รองเท้าบูตที่ยังคงอยู่ในมือของตัวตลก
ตัวตลกหันไปมองรอบๆ ด้วยรอยยิ้มเย็นชาแข็งค้าง
ในที่สุดมันก็ก้มลงมองบนมือของตนและเอ่ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ? นี่มันอะไรกัน จู่ๆ กระผมก็มีรองเท้าบูตคู่นี้ได้อย่างไร”
มันยกรองเท้ายื่นเข้าไปใกล้กับตัวกล้อง ให้ทุกคนได้เห็นถึงรายละเอียดของรองเท้า
“อืม...ช่างเป็นคู่รองเท้าที่งดงาม…”
ตัวตลกเอ่ยด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข ขณะที่มันกำลังเริ่มสวมใส่รองเท้าบูตลงในเท้าของตนด้วยท่าทีงุ่มง่าม
และเท้าของมันที่กำลังสวมใส่ เห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนเท้าของเกราะรบต่อสู้ แต่ใครจะรู้ รองเท้าบูตสีดำกลับขยายใหญ่ขึ้นโดยอัตโนมัติ และสวมครอบเท้าของเขาได้โดยง่าย
“ใช้ได้ๆ”
ตัวตลกเอ่ยด้วยความพึงพอใจ มันลองใช้รองเท้านั้นนั่งๆ เดินๆ อยู่กลางอากาศ
ตัวตลกจ้องมองไปยังจอม่านแสง ลดเสียงลงจนกลายเป็นกระซิบ “ได้ยินมาว่ารองเท้าบูตคู่นี้สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของมันได้ เรามาพิสูจน์ดูกันว่ามันจะเป็นจริงดังที่ว่าหรือไม่?”
ตัวตลกเหยียดแขนออก ยื่นมือชี้ลงไปยังรองเท้าบูตที่สวมและกล่าว
“เปลี่ยนเป็นสีแดงให้กระผมหน่อยซิ”
และรองเท้าบูตก็กลายเป็นสีแดง
“ไม่ๆ ไม่เอาละ กระผมไม่ต้องการแค่สีแดง แต่ขอมีสีเหลืองด้วย”
แล้วรองเท้าบูตสีแดงก็แปรสภาพกลายเป็นสีแดงสลับเหลืองในทันที
“กระผมต้องการให้รองเท้าเปลี่ยนรูปทรงเป็นปลายแหลม”
หัวรองเท้าที่ทู่มน ในที่สุดก็เปลี่ยนรูปทรงเป็นหัวยาวแหลม…แหลมจนเกินกว่าจะใช้งานได้จริง
เพชฌฆาตตัวตลกยกมือทั้งสองขึ้นมากุมปาก แสร้งแสดงละครด้วยท่าทีแปลกใจ
ทันใดนั้นเอง มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ปากเอ่ยกล่าวด้วยความปีติยินดี “มีคนเข้าร่วมในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ นั่นเลยเป็นเหตุให้กระผมได้รับรองเท้าบูตคู่นี้มา!”
มันยกเท้าของตนขึ้น เพื่อที่จะให้ผู้คนสามารถมองเห็นรองเท้าที่สวมใส่อยู่ได้อย่างเต็มตา
“เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ แกเห็นรึเปล่า?”
“เกมสวมหน้ากากบ้าบออะไร นั่นแกคิดจะเปิดงานแฟนซีรึไง สุดท้ายทุกอย่างที่แกทำมันก็ไร้ค่า!”
ตัวตลกหัวร่องอหงาย
ในขณะนี้ เศษเสี้ยวในจิตใจที่คิดจะเสี่ยงโชคของทุกผู้คนก็แตกสลายลง
ผู้คนจำนวนมาก เดิมก็มิใช่ตัวโง่งมอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงบังเกิดความคิดกันไปต่างๆ นานา
เกมแห่งชีวิตนิรันดร์แม้จะลงมือเปลี่ยนกฎ ช่วยปกปิดสถานะของผู้เล่นอย่างเข้มงวดแล้วก็ตามที แต่สุดท้ายคนชนะก็มิอาจรอดพ้นเงื้อมมือของตัวตลกไปได้
เดิมในตอนแรก พวกเขาคิดว่าบางทีตัวตลกคงอาจจะใช้เพียงแค่โครงกระดูกเพื่อข่มขวัญให้ทุกคนหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังคู่รองเท้าบูตที่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือคุณสมบัติก็ไม่แตกต่างไปจากรางวัลของแชมป์เปี้ยน โครงกระดูกที่ตัวตลกทิ้งขว้างลงมาอย่างไม่ไยดี คงไม่แคล้วเป็นกระดูกของแชมป์เปี้ยนเป็นแน่
นรกเถอะ เห็นได้ชัดว่า แม้จะปกปิดตัวตนด้วยหน้ากากแล้วก็ตามที สุดท้ายเพชฌฆาตตัวตลก ก็ยังไล่ตามมาฆ่าสังหารได้อยู่ดี
นี่มันชักจะแปลกเกินไปแล้ว
มันไม่สามารถอธิบายได้เลย
มองไปยังจอม่านแสง เพชฌฆาตตัวตลกเริ่มเอ่ยปากอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “รองเท้านี่ดีมากก็จริง แต่กระผมก็ยังหวังว่าจะได้รับอุปกรณ์สวมใส่มากยิ่งขึ้นกว่านี้”
“บางทีหลายๆ ท่านยังอาจจะเต็มใจเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งถัดไปอยู่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น พอชนะกลับมา ก็ช่วยเอาอุปกรณ์ดีๆ อย่างเจ้ารองเท้าบูตคู่นี้กลับมาให้หน่อยจะได้ไหม?”
“แม้จุดจบของท่านจะไม่แตกต่างไปจากแชมป์เปี้ยนคนนี้ แต่โปรดมั่นใจได้เลยว่า กระผมจะเก็บรักษา รางวัลที่ท่านแลกมาด้วยหยาดโลหิต เอาไว้ให้เอง!”
สิ้นประโยคดังกล่าว เพชฌฆาตตัวตลกก็หัวเราะร่า ย่ำเท้าจนพื้นปริร้าว ทะยานตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า หายลึกเข้าไปในชั้นเมฆ
กระทั่งร่างของตัวตลกหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ สมองควอนตัมที่ส่องสว่างทั่วโลกก็ดับลง
ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันหวนคืนกลับมาอีกครั้ง
มนุษย์แต่ละคนมีปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกันออกไป
ชายคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองสมองควอนตัมของตนเอง ถอนหายใจ และเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ลืมมันเถอะ ชีวิตนิรันดร์อะไรนั่นมันก็เป็นแค่กับดักไว้ใช้ล่อลวงผู้คนเท่านั้นแหละ ผมจะไม่เข้าร่วมเล่นเกมนี้เด็ดขาด”
ภรรยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ร่ำไห้น้ำตาหยดลงมาเป็นสาย โผเข้าโอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน “ใช่แล้ว พวกเราไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปหรอก ขอเพียงแค่คุณและฉันยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
ชายคนนั้นลูบหลังภรรยาเบาๆ เพียงแต่ตัวเขากลับไม่รู้สึกผ่อนคลายลงเลย
เขาเอ่ยพึมพำ “ที่รัก คุณมั่นใจเถอะ เจ้าปีศาจนั่นมันน่าหวาดกลัวเกินไป ผมขอเป็นคนปกติดีกว่า ผมยอมแพ้แล้ว”
‘ใครมันจะไปยอมแพ้ง่ายๆ กันล่ะยัยบ้า บางที แค่บางทีนะ...นี่อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวงที่ทำออกมาได้อย่างแนบเนียนก็เป็นได้…’
............................................................