webnovel

0174 ยากระตุ้น

ตอนที่ 174 ยากระตุ้น 

“หวังไว้ไม่น้อยอย่างงั้นเหรอครับ?” กู่ฉิงซานเอ่ยทวนด้วยความสงสัย 

“ก็ถ้าเป็นในการพูดถึงในแง่การเมืองล่ะนะ ตอนที่ฉันยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ฉันสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่เมื่อเป็นแล้ว มันมักจะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องจนเกินควร เรื่องของประชาชนจะถูกผลักดันให้ตกไปเป็นเรื่องรอง แต่ละพรรคจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น หากอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งทางการเมือง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เขาอภิปราย ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ก็ต้องต่อต้านเอาไว้ก่อน แถมยังมีข้อจำกัดอีกหลายอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่พอได้มองไปยังเธอแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำมันกำลังมอบความหวังให้กับฉัน” 

“ช่างน่าละอายนัก ที่ฉันไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น” 

การสนทนาดูเหมือนจะนอกเรื่องไป ประธานาธิบดีจึงเปลี่ยนประเด็น “อันที่จริงแล้วมีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการจะถามความเห็นของเธอน่ะ” 

“ถ้าผมสามารถช่วยได้ ก็ยินดีครับ” 

“ฉันต้องการจะเปิดสิทธิ์ในการใช้สูตรผสานยีนน่ะ” ประธานาธิบดีกล่าว ขณะเดียวกันก็เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของกู่ฉิงซาน 

“ท่านกำลังหมายถึง การสร้างยากระตุ้นเพื่อปลุกพลังให้กลายเป็นนักสู้หวูเต๋าใช่ไหมครับ? อาจพูดได้ว่านั่นเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดไม่เลวเลย” กู่ฉิงซานพยักหน้ากล่าว 

“นี่เธอเห็นด้วยจริงๆ งั้นเหรอ?” 

“แน่นอนอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว “ทุกคนสมควรที่จะมีโอกาสได้รับการยกระดับประสิทธิภาพของยีน และมันจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนได้ก้าวขึ้นสู่ระดับมืออาชีพอีกด้วย” 

“หากใช้ยากระตุ้นนักสู้หวูเต๋ากับคนธรรมดา อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถกลายมาเป็นนักสู้หวูเต๋าระดับหนึ่งดาวได้ นั่นหมายความว่า ในยามที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผีดิบกินคน โอกาสรอดชีวิตของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นการใช้ยานับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากทีเดียว” 

ประธานาธิบดีกล่าว “แต่ผู้คนจำนวนมาก...เธอก็รู้ว่าฉันกำลังหมายถึงใคร พวกเขากังวลว่าการผสานยีนจะส่งผลให้โครงสร้างทางสังคมเกิดความวุ่นวายขึ้น ผู้คนธรรมดาลุกฮือขึ้นต่อต้านชนชั้นสูง และสุดท้ายกฎหมายก็อาจจะกลายเป็นเพียงแค่กระดาษแผ่นหนึ่ง” 

กู่ฉิงซาน “ทางจักรวรรดิฟูซีน่ะมีจำนวนมืออาชีพมากกว่าพวกเราถึงสามเท่า และจักรวรรดิก็มีแต่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น ไม่เห็นจะมีเหตุการณ์หรือความวุ่นวายใดๆ ขึ้นในประเทศของพวกเขาเลย” 

เขากล่าวต่อ “ในแง่สูตรการผสานยีน พวกเราเองก็มียากระตุ้นปลุกพลังของนักสู้หวูเต๋า ฟูซีก็มียากระตุ้นปลุกพลังของผู้ใช้ธาตุทั้งห้า ขณะที่ทางจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์โอลันก้ามียาที่ใช้กระตุ้นปลุกพลังของเทคนิคเทียนซวน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ต่อให้ผู้คนของพวกเราทั้งหมดได้ทำการฉีดยาผสานยีนเข้าไป ความแข็งแกร่งโดยรวมรายบุคคลก็ยังไม่ โดดเด่นไปกว่าสามประเทศที่กล่าวมาอยู่ดี” 

“แล้วทำไมพวกเราถึงไม่สมควรที่จะทำมันล่ะครับ?” กู่ฉิงซานสรุป 

“ฟังจากที่พูด สิ่งที่เธอจะสื่อก็คือ เธอสนับสนุนฉันให้ทำเรื่องนี้ใช่ไหม?” ประธานาธิบดีถามยืนยัน 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าผมต้องสนับสนุน เวลานี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก นี่จะเป็นสิ่งที่ดีต่อพลเมืองของรัฐบาลกลาง เพียงแต่พวกเก้าตระกูลใหญ่อาจจะไม่พอใจก็เท่านั้นเอง” 

“เรื่องพวกเขาน่ะช่างมันเถอะ” ประธานาธิบดียิ้มอย่างมีความสุข “เมื่อไม่นานมานี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างประเทศ และเรื่องนี้จะถูกยกเป็นประเด็นโดยเฉพาะ ในช่วงเวลานั้นผู้นำของแต่ละรัฐก็จะมาด้วยนะ” 

“โห?” กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกสนใจ เขากล่าว “ประเทศอื่นๆ ก็ต้องการที่จะทำการผสานยีนด้วยอย่างงั้นหรือครับ” 

“ใช่แล้วล่ะ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันต้องการให้เธอไปเข้าร่วมประชุมด้วยนะ” 

“ผมน่ะเหรอ!?” กู่ฉิงซานตกใจ 

“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้เรื่องของผู้ประดิษฐ์เพลิงนางฟ้าน่ะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เรื่องของการค้นพบไวรัสผีดิบนักฆ่าก็เช่นกัน ชื่อของเธอในฐานะนักวิทยาศาสตร์ตอนนี้น่ะดังระเบิดแล้ว แม้กระทั่งในระดับนานาชาติ คำพูดและการกระทำของเธอก็ยังมีอิทธิพลไม่น้อยเลยทีเดียว” ประธานาธิบดีกล่าว 

“ในฐานะที่เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าจะให้เธอเอ่ยปาก ดีกว่าให้กลุ่มนักการเมืองที่แค่พูด ทุกผู้คนก็จะมัวแต่ไปให้ความสนใจว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องที่กล่าวบ้าง” 

“นี่ท่านคิดแบบนั้นจริงๆ น่ะเหรอ?” 

“จริงสิ โดยเฉพาะผู้นำของสาธารณรัฐฟูซี เขาน่ะเป็นคนที่จริงจังกับทุกสิ่งที่จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ให้กับรัฐของตนเองได้ โดยที่เขาไม่สนใจเลยว่าคนที่พูดจะเป็นใคร หากมันก่อประโยชน์ เขาก็ยินดีที่จะรับฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว” ประธานาธิบดีกล่าว 

“ถ้าเธอได้รับการสนับสนุนจากเขาแล้วล่ะก็ หลายๆ เรื่องที่เธออยากจะทำต่อจากนี้ไป มันจะง่ายดายยิ่งกว่าที่เธอจะจินตนาการได้เลยเชียวล่ะ” 

กู่ฉิงซานคิดไตร่ตรอง ก่อนจะพยักหน้า “ถ้าอย่างงั้นก็ตกลงครับ ผมจะให้เทพธิดากงเจิ้งช่วยจดจำเวลาและสถานที่เอาไว้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมจะให้เธอเป็นคนแจ้งเตือนเอง…ได้ยินแล้วใช่ไหม” 

“ได้ยินแล้ว ทำการบันทึกเรียบร้อย” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว 

ประธานาธิบดีลุกขึ้น เอื้อมมือออกไปและกล่าว “ขอบคุณมากนะ สำหรับความช่วยเหลือของเธอ” 

กู่ฉิงซานผุดลุก ยื่นมือไปเชคแฮนด์อีกฝ่ายและกล่าว “เป็นเกียรติมากครับ” 

ประธานาธิบดีเดินไปส่งกู่ฉิงซานที่ประตู ทั้งสองเดินไปพลางพูดคุยไปพลาง เผลอแปปเดียวพวกเขาก็หายลับไปจากโถงทางเดินแล้ว 

เมื่อทั้งสองเดินหายไปจากสายตา ผู้ช่วยประธานาธิบดีก็แอบลอบเข้ามาในสำนักงานที่ทั้งสองพึ่งได้นั่งพูดคุยกันเมื่อครู่อย่างลับๆ 

เขาเป็นผู้ติดตามที่ภักดีที่สุดของประธานาธิบดี ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง เขาก็อยู่เคียงข้างท่านประธานาธิบดีมาโดยตลอด คอยจัดการธุระกงการต่างๆ ให้ จนได้ชื่อว่าเป็นมือขวาของประธานาธิบดี 

ทุกคนต่างก็ไว้ใจเขา 

เขาจ้องมองไปยังยังประตูทางเข้า และหยิบเอาขวดแก้วขนาดเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว 

จุกแก้วถูกดึงออกอย่างเร่งรีบ และของเหลวสีเหลืองในขวดแก้วก็ถูกเทลงบนถ้วยชาของประธานาธิบดีอย่างรวดเร็ว 

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่มีใครโผล่มา 

เขาถอนหายใจโล่งอก กระชับเนกไทบนคอเสื้อ เก็บขวดแก้วลงในกระเป๋าและเดินออกจากประตูไป 

...

หนึ่งชั่วโมงต่อมา กู่ฉิงซานก็มาถึงที่อยู่ของซางหยิงฮ่าว 

ที่นี่คือวิลล่าที่ถูกสร้างขึ้นบนเนินสูงในภูเขาลูกหนึ่ง มันเป็นเพียงบ้านเดี่ยวโดดๆ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดอีก 

ภายในวิลล่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม้กระทั่งเวทีมวย 

ซางหยิงฮ่าวได้รับข่าวการมาเยือนของกู่ฉิงซานผ่านทางเทพธิดากงเจิ้งเรียบร้อยแล้ว เขากำลังยืนรออยู่หน้าทางเข้า 

“นายนี่มันจริงๆ เลยนะ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนกับผีดิบนักฆ่า ส่วนตัวเองก็วิ่งหนีไปที่ไหนก็ไม่รู้อย่างมีความสุข” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยปากอย่างไม่พอใจ 

“ฉันต้องขอโทษจริงๆ พอดีว่าฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่ามากในตอนนั้นที่ต้องจัดการน่ะ” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่พวกเนายเข้ากันได้ดีไหม?” 

“ฉันก็อยากจะบอกว่าเย่เฟย์หยูมันก็นิสัยดีไม่เลวอยู่หรอกนะ แต่ที่เป็นตัวปัญหาน่ะ เจ้าหมอนั่นต่างหาก” ซางหยิงฮ่าวยกนิ้วโป้ง เสยชี้ไปยังเบื้องหลังเขา 

กู่ฉิงซานมองข้ามอีกฝ่าย สายตาสาดส่องเข้าไปในประตู 

มองไปยังเหลียวฮังที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา มือข้างหนึ่งถือท่อยาสูบ อีกข้างหนึ่งถือขวดเบียร์ สายตากำลังจดจ้องไปบนจอม่านแสงอย่างเคร่งขรึม 

บนจอม่านแสง เป็นละครที่ถูกแสดงโดยไอดอลยอดนิยมในปีนี้ 

“อืม...ดูเด็กสาวคนนี้สิ รูปร่างหน้าตาดีจริงๆ ฉันจะต้องหาโอกาส กระโดดเข้าไปคว้าตัวเธอ แล้วจัดการปล้ำ บังคับให้มาเป็นของฉันให้ได้เลย” ในปากเขาเอ่ยงึมงำ 

กู่ฉิงซานตบไหล่ของซางหยิงฮ่าวและกล่าว “ก็แค่ตาแก่บ้ากาม แต่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเขาน่ะสุดยอดมาก นายไม่จำเป็นต้องใส่ใจเกี่ยวกับเขามากมายนักหรอก” 

“เอางั้นก็ได้” ซางหยิงฮ่าวกล่าว “แต่ในเมื่อฉันช่วยนายจัดการเรื่องของผีดิบนักฆ่าตนแรกของโลกแล้ว ต่อไปก็ถึงตานายที่จะต้องช่วยฉันบ้างล่ะ” 

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ฉันได้เผลอไปทำสิ่งหนึ่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน” ซางหยิงฮ่าวกล่าว 

“เล่าต่อสิ” 

“…มันค่อนข้างพูดยากน่ะ” ซางหยิงฮ่าวจู่ๆ ก็มีท่าทีเหนียมอาย 

“ไม่พูดใช่ไหม งั้นฉันไปละ” กู่ฉิงซานปลีกตัวเดินเข้าไปในห้อง 

“เดี๋ยว เดี๋ยว พูดแล้ว ฉันพูดแล้วก็ได้” ซางหยิงฮ่าวรีบรั้งตัวกู่ฉิงซานไว้และกล่าว 

“เข้าเรื่องเลยนะ นายก็รู้ใช่ไหมถึงเทคนิคเทียนซวนของฉัน เจ้าแมวดำน่ะ” 

“ใช่ฉันรู้ มันมีความสามารถในการค้นหาที่ยอดเยี่ยม” 

“นั่นแหละ พอดีว่าบังเอิญมันเกิดสถานการณ์บางอย่างขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้น่ะ พวกตาแก่ในตระกูลซาง ดันมากังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาส่วนตัวของฉัน พวกเขาบอกว่าให้ฉันหาเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีได้แล้วน่ะสิ” 

“อืม แล้วมันทำไมเหรอ?” 

“ช่วงนั้นฉันรู้สึกเบื่อๆ ก็เลยเรียกเจ้าแมวดำออกมา” 

กู่ฉิงซานกล่าวออกไปโดยไม่คาดคิด “เดี๋ยวนะ นายกำลังจะบอกว่านายได้ใช้แมวดำช่วยค้นหาเมียตัวเองอย่างงั้นเหรอ?” 

“ใช่ มันก็เป็นแค่งานอดิเรกแก้เบื่อน่ะ ในที่สุดฉันก็เอ่ยปากออกไปว่าต้องการให้มันพาไปหาเมีย…นายช่วยเรียกว่าคนรัก แฟน หรืออะไรทำนองนี้แทนจะได้ไหม? พอฉันเอ่ยปาก เจ้าแมวดำก็วิ่งนำไป และฉันก็เลยต้องวิ่งตาม ถ้าไม่ตามมันจะโกรธเอาน่ะ” 

“เพราะงั้นนายก็เลยตามแมวดำไป และพบกับคนรักในฝันอย่างงั้นใช่ไหม?” กู่ฉิงซานประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า 

กู่ฉิงซานพยายามเรียบเรียงคำพูดและกล่าว “จากที่ได้ยินได้ฟังมา บางครั้งเทคนิคเทียนซวนมันก็ไม่น่าเชื่อถือนะ นายไม่จำเป็นต้อง...” 

เขามองไปยังการแสดงออกบนใบหน้าของซางหยิงฮ่าว ปากที่กำลังเอ่ยกล่าวค่อยๆ หุบลงอย่างช้าๆ 

บัดนี้ บนใบหน้าของซางหยิงฮ่าวกำลังเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแห่งความสุข ดวงตาของเขาดูเหม่อลอย ราวกับกำลังจ้องมองออกไปไกลแสนไกล 

“ฉันรู้จักเธอคนนั้นนะ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นเธอตัวเป็นๆ” เขาพึมพำอย่างแผ่วเบา 

ซางหยิงฮ่าวกำลังนึกไปถึงฉากที่เขาและเธอได้พบกัน ก่อนจะกระแอมไอเบาๆ “มันไม่ใช่คนรักในฝันหรอกนะ ประมาณว่าหลังจากนั้นแม้กระทั่งในตอนหลับตา ฉันก็ยังคิดถึงแต่ใบหน้าของเธอมากกว่าน่ะ” 

“งั้นนายก็คงต้องรุกเธอแล้วล่ะ ว่าแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามแปลกๆ 

“ปัญหาก็คือ เรื่องนี้มันยากที่จะจัดการนิดหน่อย” ซางหยิงฮ่าวถอนหายใจยาว 

“ด้วยอำนาจของตระกูลซาง มันจะไปมีเรื่องอะไรที่ยากจะจัดการอีกเล่า” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ก็เพราะเป็นเก้าตระกูลใหญ่นี่แหละถึงยากที่จะจัดการกับตาแก่บางคนในตระกูลเธอ แต่นายน่ะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตาแก่ที่ว่านั่น ดังนั้นฉันเลยจะมาขอความช่วยเหลือจากนาย” 

“ไหนลองบอกมาสิว่าต้องการอะไร” 

“ฉันอยากจะให้นายพาฉันไปพูดคุยทักทายกับตาแก่ของเธอซะหน่อยน่ะ เพื่อช่วยเพิ่มความประทับใจในครั้งแรกพบ” 

กู่ฉิงซานหัวเราะออกมา “นายมันจะคิดอะไรลึกล้ำมากไปแล้ว ว่าแต่เธอคนนั้นเป็นใครกันล่ะ?” 

“ลูกสาวของท่านประธานาธิบดี” 

“แบบนี้นี่เอง...” 

กู่ฉิงซานขบคิดเกี่ยวกับมันและกล่าว “ฉันกำลังจะไปเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศพอดี พอถึงเวลานั้น นายก็ไปด้วยกันกับฉันก็แล้วกัน แล้วฉันจะแนะนำนายให้รู้จักกับท่านประธานาธิบดีเอง” 

“ต้องอย่างงั้นสิ!” ซางหยิงฮ่าวยิ้มอย่างมีความสุข เขาตบลงบนไหล่ของกู่ฉิงซานอย่างแรง “นี่แหละ สุดยอดหุ้นส่วนของฉันล่ะ!” 

ในเวลานั้นเอง พลันปรากฏเสียงดังขึ้นตรงหน้าทางเข้า 

เหนือหัวพวกเขา เห็นแค่เพียงเย่เฟย์หยูที่เก็บปีกกระดูกแหลมกลับคืน และร่อนลงมาจากฟากฟ้า 

ทั่วร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลฉีกขาด แต่เห็นได้ชัดว่ามันได้รับการฟื้นฟูแล้ว เนื่องจากไม่มีเลือดไหลซึมลงมาเลยแม้แต่หยดเดียว 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้นมาจากสมองควอนตัม “ผีดิบนักฆ่าที่สามารถปลดปล่อยโรคระบาด ได้ถูกสังหารลงแล้วโดยเย่เฟย์หยู” 

“ขอบคุณมากนะ” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะต้องมาขอบคุณหรอก พอฉันฆ่ามัน ฉันก็ยิ่งวิวัฒนาการได้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเต็มรูปแบบกับเทพธิดากงเจิ้งอีกด้วย” 

ขณะที่เย่เฟย์หยูกำลังกล่าว ดวงตาของเขาก็จ้องมองไปยังกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ 

“นายแข็งแกร่งขึ้นกว่าครั้งก่อนนี่” เขากล่าว 

“นายก็เหมือนกัน” กู่ฉิงซานตอบกลับไป

........................................