webnovel

0092 ทุ่มเดิมพัน

ตอนที่ 92 ทุ่มเดิมพัน

ทว่าทันใดนั้นความรู้สึกใจสั่นก็หายไป หญิงสาวรู้สึกว่าจิตวิญญาณที่หลุดลอยได้กลับคืนเข้าสู่ร่างกาย

 ในสายตาของเธอเห็นเพียงชายหนุ่มที่มองสบมา แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความขอโทษและพยักหน้ายิ้มให้เบาๆ

 รอยยิ้มของเราราวกับกระแสธารอันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ มันพัดผ่านเข้าไปในหัวใจของเธอ ทันใดนั้นทั้งคนทั้งร่างก็ค่อยผ่อนคลายลง หัวใจที่หวาดหวั่นจนเย็นเยียบค่อยๆ ถูกปลอบประโลมกลายเป็นอบอุ่น

 ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้นทาบหน้าอก กุมหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ ใช้เวลาสักพักจึงค่อยสงบลง

 ความรู้สึกที่ช่างน่าประทับใจนี่มันคืออะไรกัน

 ทั้งๆ ที่อยู่ห่างไกลกันขนาดนั้น แต่ชายคนหนึ่งกลับสามารถทำได้ถึงขนาดนี้?

 ทันใดนั้น จู่ๆ เธอก็หยิบนามบัตรออกมา พร้อมโบกมือเรียกบริกรและกล่าว

 “ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”

 อีกด้านหนึ่ง

 “ฟังนะ ฉันว่านายควรจะผ่อนคลายซะบ้าง จิตสังหารของนาย ทำเอาคนอื่นตกใจกลัวกันหมดแล้ว” ซางหยิงฮ่าวกล่าวพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้าผาก

 “ขอโทษที ฉันไม่ค่อยจะคุ้นชินกับการถูกแอบมองสักเท่าไหร่” 

 กู่ฉิงซานเก็บเทคนิคลับที่ถูกสอนโดยฉินเซี่ยวโหลวกลับคืน

 เมื่อครู่นี้เขาแค่ส่งจิตสังหารออกไปเพียงเล็กน้อย แต่สุดท้ายกลับพบว่าแท้จริงแล้วฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่แขกหญิงที่เข้าร่วมเดิมพันในครั้งนี้เท่านั้น

 อายุน่าจะซักราวๆ ยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี เป็นหญิงที่ค่อนข้างสง่างามและมีความเป็นผู้ใหญ่

 ขณะนี้ใบหน้าของเธอซีดขาว ลมหายใจหอบถี่ แสดงให้เห็นว่าเขาทำให้เธอหวาดกลัวจริงๆ

 กู่ฉิงซานค่อยๆ กวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปอีกครั้งอย่างอ่อนโยน และพบว่าคนส่วนใหญ่ในที่แห่งนี้กำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย และไม่อาจขยับเขยื้อนราวกับเป็นคนอัมพาตนั่งติดเก้าอี้

 กู่ฉิงซานรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาเร่งจีบมือใช้ออกด้วยเทคนิคลับหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณจากสุญญากาศ ปลอบประโลมแก่ทุกผู้คนให้สงบลง

 กระบวนการของมันช่วยให้ร่างกายได้รับการบำรุงและรู้สึกอบอุ่น แม้จะกล่าวว่านี่คือการขอโทษแต่ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นการชดเชยด้วยเช่นกัน

 นอกจากนี้ ดูเหมือนจะเป็นเวลานานแล้วที่ตัวเขาเองตึงเครียดมากเกินไป จนเผลอเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา แบบนั้นมันจะทำให้ง่ายต่อการทำร้ายคนบริสุทธิ์และมันคงไม่ดี

 ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังทบทวนตัวเอง เขาก็เห็นบริกรจากแท่นสูงข้างๆ เดินขึ้นมาพร้อมถาดในมือ

 “ท่านครับ คุณผู้หญิงคนนั้นต้องการมอบไวน์ให้แก่ท่าน และนี่คือนามบัตรของเธอ”

 บริกรวางแก้วไวน์และนามบัตรลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอยจากไปอย่างสุภาพ

 ซางหยิงฮ่าวผิวปากทีหนึ่งแล้วเอ่ย “ไวน์ในแก้วแทนคำทักทาย ส่วนนามบัตรนั้นคือการส่งผ่านความรู้สึกจากส่วนลึกในหัวใจของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจในตัวนายนะ”

 “นับว่าเป็นวิธีอ้อมๆ ที่ให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม ไว้ฉันจะลองเอาไปศึกษาและทำบ้างในอนาคต” ซางหยิงฮ่าวกระซิบกล่าว

 “มันเป็นแค่ความเข้าใจผิดน่ะ” กู่ฉิงซานยกนามบัตรขึ้นมาดู

 “สาธารณรัฐฟูซี กองกำลังติดอาวุธซางเต๋าฃ ดู่กู้ ฉง”

 สำหรับสาธารณรัฐฟูซีที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมพิธีการมารยาทตามยุคสมัยโบราณ แม้กระทั่งนามสกุลก็ยังเป็นสองตัวอักษรไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยใดๆ ของห้วงเวลา

 นับว่าเป็นประเทศที่เก่าแก่และอนุรักษนิยมอย่างแท้จริง

 กู่ฉิงซานหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา และยกไปทางผู้หญิงที่ชื่อดู่กู้ฉง

 ดู่กู้ฉงยิ้มและยกแก้วไวน์ของเธอทักทายกลับ

 ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายเธอ เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของเขาก็ทะมึนลง

 เขากระดกไวน์จนหมดแก้ว และชี้ไปยังใจกลางของทะเลสาบแล้วร้องตะโกน “ดูนั่นสิ ชายคนนั้นได้สติแล้ว  พวกเรามาเล่นสนุกกันให้เต็มที่เถอะ”

 “บริกร มานี่” เขาเรียก

 “ครับท่าน?”

 “ฉันเดิมพันหนึ่งหมื่นแต้มบุญว่าชายคนนั้นจะถูกเขมือบภายในสิบวินาที”

 “รับทราบ ผมได้บันทึกเอาไว้แล้ว”

 ชายวัยกลางคนหันไปยังทั้งสองคนที่นั่งอยู่อีกแท่น บนใบหน้าเผยถึงความท้าทาย

 ทว่ากู่ฉิงซานและซางหยิงฮ่าวมิได้ตอบสนองใดๆ

 ในเวลานั้นเอง ใครบางคนก็หัวเราะออกมาอย่างดุร้าย เขาโยนซากสัตว์ที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงไปในทะเลสาบ 

 ร่างเงาภายใต้ทะเลสาบแหวกว่ายอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินมัน

 ไม่นาน ก็ไร้ซึ่งวี่แววใดๆ ของซากสัตว์อีกเลย

 ร่างเงาเริ่มดำลงไปใต้ทะเลสาบอีกครั้ง

 “ท่านสุภาพบุรุษทั้งสอง ต้องการเดิมพันเช่นไร?” บริกรถาม

 ซางหยิงฮ่าวยักไหล่ เขาหันไปมองกู่ฉิงซาน และกล่าวอย่างลังเล “เอาไงดี ซักยี่สิบวินาทีดีไหม?”

 “ไม่ล่ะ” กู่ฉิงซานยิ้มและผลักกล่องที่แทบล้นไปด้วยชิปสีแดงออกไป

 “ฉันพนันชิปทั้งหมดในกล่องว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”

 “ท่านครับ ท่านแน่ใจจริงๆ หรือ หากทุ่มชิปทั้งหมดนี้จะนับว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่” บริกรมองไปยังกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ และเอ่ยขอให้เขายืนยันอีกครั้งหนึ่ง

 “ฉันแน่ใจ” กู่ฉิงซานกล่าว

 บริกรพยักหน้า ก่อนจะทำการบันทึกอย่างเงียบๆ และเดินไปยังกล่องชิป

 “นี่นายบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?” ซางหยิงฮ่าวกล่าวกระซิบ “นี่มันแปลกเกินไปแล้ว อย่าลืมสิ ว่าคนที่ชนะเดิมพันได้สูงที่สุด จะได้รับรางวัลแห่งโชคลาภนะ” 

“ถึงถ้านายชนะก็มั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะได้รับรางวัลแห่งโชคลาภมาก็ตาม แต่…มันคงยากเกินไปที่เขาจะยังสามารถรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้” ซางหยิงฮ่าวพึมพำ

 แก๊ง...แก๊ง...แก๊ง...!

 เสียงระฆังดังกังวาน

 และเมื่อเสียงดังขึ้น ราวกับมันเป็นตัวกระตุ้นเงามืดที่หลบซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบ มันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างฉับพลัน ความว่องไวของมันพุ่งสูงขึ้น

 มันผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของทะเลสาบ แหวกว่ายอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนก่อให้เป็นคลื่นสูงกว่าครึ่งเมตรซัดสาดออกเป็นสองฟากฝั่ง

 นี่คือการระเบิดพลังที่บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของมัน

 ในขณะเดียว เหนือทะเลสาบ ปรากฏเสียงออกอากาศดังกึกก้อง “เริ่มจับเวลาได้!”

 แต่ละแท่นสูงริมทะเลสาบ ผู้ชมทั้งหมดต่างพากันลุกขึ้นยืน

 “ไปเลย กินเจ้าหมอนั่นซะ!” ชายวัยกลางคนที่อยู่เยื้องไปทางขวาชูแขนทั้งสองข้างโบกขึ้นๆ ลงๆ พลางตะโกนลั่น

 เงาใต้ทะเลสาบราวกับว่าเข้าใจเสียงของเขา  มันแหวกว่ายไปยังทิศทางใจกลางทะเลสาบโดยตรง

 “กินมันซะ!”

 “กินมันซะ!”

 “กินมันซะ!”

 ผู้คนโดยรอบร้องตะโกนอย่างเมามัน

 ส่วนชายผู้โชคร้ายบนแพ ขาทั้งสองอ่อนเปลี้ยและทรุดตัวลง อย่างมากที่สุดที่เขาทำได้คือร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่น

 เงาใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

 หากตะกายฝีเท้าอีกเพียงครั้งเดียว มันก็จะมาถึงอาหารอันโอชะที่อยู่บนแพไม้

 แต่ละคนต่างก้มลงมองตัวจับเวลาที่อยู่บนโต๊ะ

 สิบเอ็ดวินาที!

 สิบสองวินาที!

 สิบสามวินาที!

 บริเวณขอบแพ เงาดำพุ่งเข้ากระแทกมัน โผล่ทะยานขึ้นมาจากนี้

 สิบสี่วินาที!

 และในที่สุดรูปร่างหน้าตาของมอนสเตอร์ตัวนี้ก็ปรากฏสู่สายตาโดยสมบูรณ์ มันคือจระเข้ยักษ์! จระเข้ยักษ์ที่มีผิวสีม่วงปกคลุมทั่วทั้งตัว ทำให้แลดูราวกับว่ามันกำลังสวมชุดเกราะอยู่

 นี่คือสายพันธุ์ก่อนประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง ดุร้าย และทรงพลัง! มันได้สูญพันธุ์ไปกว่าเมื่อสองพันปีมาแล้ว

 ทุกวันนี้ ด้วยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มันถูกสร้างขึ้นโดยวิธีการปลูกฝังและจัดสรรพันธุกรรม

 จระเข้พาดหัวของมันบนแพจนเอนเอียง มันจ้องมองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างใกล้ชิด และทันใดนั้นคู่ดวงตาก็สาดประกายแห่งความโหดร้ายและไร้ปรานีออกมา

 มันค่อยๆ อ้าปากอย่างสงบ และงับลงค่อยๆ กัดแทะขาของชายคนนั้น

 ผู้ชายพยายามตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่งด้วยความหวาดกลัว แต่แพที่เขาอยู่มันกลับเล็กเกินไป ไม่มีที่ใดเลยที่จะให้เขาสามารถหลบให้พ้นมันได้

 จระเข้ยุคก่อนประวัติศาสตร์อ้าปากออก มุดลงใต้น้ำ และแหวกว่ายไปรอบๆ แพอย่างช้าๆ

 ใช่ ถูกต้อง มันกำลังละเล่นกับเหยื่อของมันอยู่

  ยี่สิบห้าวินาที!

 ผู้คนจำนวนหนึ่งต่างพากันถอนหายใจออกมา เห็นได้ชัดว่าได้พ่ายแพ้การพนันในครั้งนี้

 ทันใดนั้น ชายบนแพก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 เมื่อสายตาของทุกคนหันไปมอง ก็พบเห็นว่าขาของชายคนนั้น บัดนี้ถูกหอกสั้นอันไร้ที่มาปักทิ่มอยู่

 ชายที่ถูกทิ้งไว้บนแพใช้สองมือจับไปยังหอกสั้น หมายพยายามดิ้นรนที่จะเคลื่อนไหว แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 ขาของเขาชุ่มไปด้วยเลือด และมันก็ไหลทะลักล้นลงสู่ผิวทะเลสาบอย่างรวดเร็ว

 เงาขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ทะเลสาบแหวกว่ายเร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันถูกเลือดสดๆ กระตุ้น

 บนแท่นสูง ชายร่างใหญ่คนหนึ่งหัวเราะร่าอย่างโหดร้าย “มันไม่สามารถหนีไปได้อีกแล้ว รีบกินมันสักที! บิดาต้องการที่จะชนะ!”

 เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่เหวี่ยงหอกสั้นลงไป

 กู่ฉิงซานหันไปหาบริกรแล้วเอ่ยถาม “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?”

 “ได้สิครับ ตราบใดที่ไม่ใช่เป็นการฆ่าเหยื่อโดยตรง ผู้เดิมพันสามารถก่อกวนหรือเข้าไปยุ่งกับเหยื่อได้ นี่ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกครับ” บริกรกล่าว

 ในทะเลสาบ จระเข้ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในที่สุดมันก็ไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้ไหวอีกต่อไป มันกระโจนขึ้นมาบนแพ และด้วยน้ำหนักตัวอันมหาศาล ทำให้แพเอนเอียงลงไปตามทิศทางของมัน

 สามสิบแปดวินาที!

 ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น

 จระเข้ยุคก่อนประวัติศาสตร์ค่อยๆ ง้างปากที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดขึ้น และงับลงไปยังชายคนนั้น

 มันงับลงไปเร็วกว่าเดิม! หากเทียบกับช่วงที่มันเอาแต่เล่นก่อนหน้านี้ ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า!

 ชายคนนั้นร้องไห้และกรีดร้องอย่างสิ้นหวัง

  สามสิบเก้าวินาที!

 ในมือของกู่ฉิงซานจู่ๆ ก็ปรากฏธนูคันหนึ่งขึ้น

 ตามมาด้วยลูกศรที่ถูกแนบกับคันธนูและถูกขึงจนตึง กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งลมหายใจ

 ใช้ออกด้วยสกิล!

 ปัง!

 บังเกิดกระแสอันรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน ปากที่เต็มไปด้วยฟันเรียวแหลมของจระเข้เสยชี้ขึ้นไปกลางอากาศ มันส่ายไปมาราวกับแมลงวันไร้หัว ตามมาด้วยเสียงปัง! หงายท้องลงทะเลสาบ

 นาฬิกายังคงเคลื่อนไหว

 สี่สิบวินาที!

 จระเข้ยุคก่อนประวัติศาสตร์ร่วงลงไปใต้น้ำ ก่อนที่จะค่อยๆ ผุดลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ

 ปรากฏลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่ในหัวของมัน หากจะกล่าวให้ชัดเจนสมควรบอกว่ามันเจาะทะลุผ่านดวงตาเข้าไปในหัวกะโหลกซะมากกว่า

 เนื้อหนังบริเวณรอบๆ ลูกศร ถูกบดขยี้จนแหลกเหลว

 มันตายไปแล้ว

 ผู้ชมโดยรอบตกลงสู่ความเงียบ

 กู่ฉิงซานกวาดสายตาไปมองบริกรที่กำลังตกตะลึง และหันกลับมามองซางหยิงฮ่าวอีกครั้ง

 เขากล่าว “ก็ฉันไม่ได้ยิงชายคนนั้นเสียหน่อย เพราะงั้นคงไม่ผิดอะไรใช่ไหม”

 ซางหยิงฮ่าวยักไหล่ “เอ่อ แม้จะฟังดูโหดร้ายไปนิด แต่ก็คงไม่ผิดล่ะนะ”

........................................