webnovel

0077 ตัวตลก

ตอนที่ 77 ตัวตลก

กล่าวจบ จู่ๆ ตัวตลกก็เริ่มกระโดดโลดเต้นอยู่กับที่ ในปากเอ่ยกล่าว “ฉันคงต้องเต้น! เต้นคนเดียวเพื่อที่จะบรรเทาความตึงเครียดที่คุกรุ่นอยู่ในตอนนี้ลง!”

“สงสัยจะประสาท” ซูเซี่ยเอ๋องึมงำ และหันไปมองรอบๆ

“ฮี่ฮี่ ขอเดาว่าคุณหนูคงกำลังมองหาคนคุ้มกันทั้งสองคนที่มาด้วยกันใช่หรือเปล่า?” ตัวตลกหยุดเต้น

“อย่าบอกนะว่าคุณทำอะไรพวกเขา!” ซูเซี่ยเอ๋อถลึงตามองอีกฝ่าย

“เปล่าหรอก คนที่ฉันจะต้องลงมือจัดการมีแค่คุณหนูเท่านั้นแหละ ส่วนพวกคนติดตามน่ะ มันเป็นหน้าที่ของอีกคนหนึ่ง”

ตัวตลกหมุนเป็นวงกลมอยู่กับที่ ก่อนจะวางไวโอลินลงบนไหล่ “การแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ฉันคงต้องบอกว่าผู้ติดตามทั้งสองของคุณหนูนี่มันขยะจริงๆ แม้นังผู้หญิงคนนั้นจะยังยืนกรานที่จะดื้อดึง แต่ตาแก่ที่มาด้วยคงกำลังจะตายในไม่ช้า” 

“ปู่ลี่ ป้าซู…แกไอ้สารเลว” 

ในที่สุดสีหน้าของซูเซี่ยเอ๋อก็เปลี่ยนไป

ทั่วร่างของเธอถูกค่อยๆ ห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียวจางๆ จนดูยุ่งเหยิง

วินาทีต่อมา ซูเซี่ยเอ๋อก็พุ่งพรวดไปยังเจ้าตัวตลก

มองไปยังหญิงสาวที่เกร็งหมัดแน่น เตรียมง้างต่อย ตัวตลกก็ถอยฉากออกไปในพริบตาอย่างไม่ลังเล

“ธาตุลมจากธาตุทั้งห้า ‘รวดเร็วต่อเนื่อง’ แม้จะเป็นพลังที่อยู่ขั้นแรก แต่ก็นับว่าว่องไวไม่เลว”

ตัวตลกถอนหายใจ ปากเอ่ยกล่าวด้วยโทนเสียงราวกับกำลังร้องเพลงอยู่ “เด็กสาวที่แสนจะงดงามเอ๊ย ถ้าเธอคิดจะต่อสู้แลกชีวิต ฉันก็ตกลงรับการตัดสินใจของเธอด้วยความยินดี จงน้อมรับช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมนี้เสียเถอะ”

ตัวตลกจัดร่างกายให้อยู่ในท่วงท่ามั่นคงเหมาะสม ไวโอลินถูกนำกลับมาวางบนไหล่และเปล่งท่วงทำนองออกมา

ขณะเดียวกันกับที่ท่วงทำนองบรรเลง น้ำเสียงของตัวตลกก็พลันทุ้มต่ำลง “ ‘บทบรรเลงมรณะ’ ขอมอบเพลงนี้ให้แก่เธอ เด็กสาวชนชั้นสูงผู้งดงาม!”

ระหว่างบรรเลง ร่างเงาสีดำก็โผล่ออกมาจากไวโอลิน

ร่างเงาดำเล็กๆ นี้ค่อยๆ ลอยขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงตัวเองไปยังทิศทางที่ซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่

ขณะเดียวกัน ทางด้านซูเซี่ยเอ๋อ ปากของเธออ้ากว้าง ระเบิดเสียงหวีดคำรามออกมา และทันใดนั้นก็บังเกิดกระแสลมพัดผ่านกวาดมาจากสุดเส้นขอบฟ้า

“ผสานว่องไว!”

สิ้นเสียงตะโกน ความว่องไวของซูเซี่ยเอ๋อก็ทะยานสูงขึ้นอย่างฉับพลัน พริบตาเดียวร่างของเธอก็หายวับไปจากสายตาของตัวตลก

“อะไรกัน!”

ตัวตลกถึงกับผงะไป ‘ผสานว่องไว’ นั้นมันคือขั้นที่สองของพลังธาตุลม ความแข็งแกร่งของเด็กสาวคนนี้ ดูจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับที่หน่วยข่าวกรองได้รายงานมา!

เบื้องหลังเขา ปรากฏร่างของซูเซี่ยเอ๋อที่เหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่โดยตรงอย่างสุดกำลัง

ตัวตลกหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกไวโอลินขึ้นมาป้องกันการโจมตีของอีกฝ่าย

เมื่อเขาหยุดสี ท่วงทำนองก็หยุดตาม พร้อมกับร่างเงามืดที่หายไป

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน หลังจบกระบวนท่า ตัวตลกก็ถูกพละกำลังของอีกฝ่ายกดดันจนลอยกระเด็นถอยออกไป

“หึๆ ฉันต้องขอชื่นชมเธอจริงๆ ปกติแล้วพวกชนชั้นสูงน่ะ มักจะเกิดความหวาดกลัวยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย ช่างตรงกันข้ามกับเธอที่พุ่งเข้ามารับมือกับมันอย่างกล้าหาญ” ตัวตลกกล่าวยกย่อง

“เจ้าพวกที่แกพูดมาน่ะ นั่นมันพวกเพลย์บอยที่ใช้เงินใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ!” ซูเซี่ยเอ๋อตะคอกเสียงดัง “ความรับผิดชอบและโชคชะตาที่ชนชั้นสูงที่แท้จริงต้องแบกรับบนบ่าน่ะ คนป่วยโรคจิตอย่างแกไม่มีทางเข้าใจหรอก!”

เธอรวบรวมความกล้าและพุ่งปราดเข้าไล่โจมตีตัวตลก

สำหรับตัวตลก เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลาครู่หนึ่งจึงจะใช้ออกด้วยพลังของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยเงาออกมาได้ทันทีอย่างแน่นอน

ความรู้ทั่วๆ ไปในการต่อสู้เช่นนี้ ในช่วงที่ทำการฝึกฝน ซูเซี่ยเอ๋อเคยได้เรียนได้ฟังมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

พลังธาตุลมของเธอทำให้ความว่องไวของเธอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล

ทันใดนั้นทั้งสองก็เผชิญหน้ากันในระยะประชิดอีกครั้ง

ซูเซี่ยเอ๋อรวบรวมปราณมาไว้ตรงกำปั้น

สามสิบหกกระบวนต่อสู้ระยะประชิดด้วยมือเปล่าของตระกูลซู !

“ฮ่า!”

เสียงของเด็กสาวดังกระจ่างชัด ร่างช่วงบนของซูเซี่ยเอ๋อวูบไหวแลดูคล้ายเงา สองมือแปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพติดตา หนึ่งกำปั้น หนึ่งฝ่ามือสลับกันโหมโจมตีไปยังเจ้าตัวตลกอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงและต่อเนื่องราวกับพายุ ส่งผลให้ตัวตลกในขณะนี้แลดูน่าสงสารไม่น้อย

จนในที่สุดเจ้าตัวตลกก็ถูกทุบตีจนสองขาทรุดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“อ๊ะ! แย่ล่ะสิ” สีหน้าของตัวตลกพลันเปลี่ยนไป

ซูเซี่ยเอ๋อรอเวลานี้อยู่แล้ว สองมือของเธอประสานกันอย่างรวดเร็ว รีดเค้นเอาพละกำลังออกมาจากร่างกาย

แขนเรียวบางของเธอแนบชิดกัน ก่อให้เกิดภาพที่แลดูคล้ายนกกระเรียนกำลังชูชันคอของมันขึ้น

รูม่านตาของตัวตลกหดวูบ แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะต่อต้าน และเลือกได้แค่เพียงทำตัวอ่อนยวบ ทิ้งร่างไปข้างหลัง หมายจะเอนตัวแนบชิดกับพื้นอย่างจนใจ

เบื้องหลังท่วงท่าอันงดงามนี้ คงไม่แคล้วจะเป็นการระเบิดพลังอันน่าสยองขวัญ…เขาคาดการณ์ได้ในหัวใจ

พลังปราณอันโปร่งใสคอยๆ ควบรวมกันจนแลดูคล้ายร่างนกกระเรียน มันแผ่แรงกดดันที่คมชัดและไร้คู่ต่อกรออกมา

หวูเต๋ากุ่ยชั่งหวนคืนไร้ลักษณ์ ฝ่ามือกระเรียน! 

เปรี้ยง!

ตัวตลกถูกกระแทกเข้าจังๆ จนลอยกระเด็นออกไป ทะลุเข้าไปในอาคารเรียนที่ตั้งอยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบเมตร

‘ผสานว่องไว!’ คือความสามารถทางวิญญาณธาตุลมในขอบเขตที่สอง มันจะช่วยหนุนเสริมให้พละกำลังในการต่อสู้ที่มีอยู่แล้วสูงขึ้น

ส่วนกระบวนท่าต่อสู้ระยะประชิดด้วยมือเปล่าของตระกูลซู  มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักสู้ผู้ฝึกฝนวรยุทธ 

ซูเซี่ยเอ๋อในฐานะที่เป็นคุณหนูแห่งตระกูลซู เธอจึงได้รับการศึกษาเรียนรู้วรยุทธที่ดีที่สุด และการศึกษาที่ดีที่สุดก็ย่อมต้องเป็นแก่นแท้เพลงหมัดของตระกูลซู

“ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องรีบไปช่วยป้าซูกับปู่ลี่”

ซูเซี่ยเอ๋ออ้าปากสูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะเหลียวหลังหมายจะเดินออกไป

ทว่าทันใดนนั้นเอง เสียงของโน๊ตดนตรีตัวหนึ่งก็พลันดังขึ้นจากจุดที่ห่างไกล

มันเป็นเสียงดนตรีของตัวตลกที่ถูกอัดกระเด็นเข้าไปในอาคารเรียน

“เทคนิคเทียนซวน เสียงตรึงเป้าหมาย!”

ร่างของซูเซี่ยเอ๋อหยุดกึกราวกับถูกแช่แข็ง ยืนนิ่งสงบอยู่ในจุดเดิมแลคล้ายหุ่นขี้ผึ้ง ทำไม่ได้แม้กระทั่งจะยกเท้าก้าวเดิน

ภายใต้ท่วงทำนองเพลงที่กำลังบรรเลง เธอไม่อาจขยับเขยื้อนใดๆ ได้เลย 

ตัวตลกลากฝีเท้าออกมาจากอาคารเรียนทีละก้าว ทีละก้าว

ไวโอลินบนไหล่ของเขาบัดนี้หายไปแล้ว

ทว่าไวโอลินที่หายไป คราวนี้กลับถูกแทนที่ด้วยทิวแถวที่เรียงรายไปด้วยคีย์เปียโนสีขาวสลับดำ มันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา และลอยอยู่กลางอากาศโดยไร้ซึ่งสิ่งใดๆ รองรับ ขณะเดียวกันก็กำลังถูกเล่นบรรเลงโดยสองมือของตัวตลก

“ช่างน่าทึ่งจริงๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างก็บอกกันว่าคุณหนูซูเพิ่งจะสามารถปลุกรากวิญญาณธาตุลมขึ้นมาได้ แต่ใครจะไปรู้ ว่าเธอกลับก้าวขึ้นไปสู่ขอบเขตที่สองของธาตุลมแล้ว”

“ไม่เพียงเท่านั้น ระดับหวูเต๋า ก็ยังก้าวขึ้นมาถึงขอบเขตยอดปรมาจารย์นักสู้ แถมยังสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ามือกระเรียนได้อีกต่างหาก”

ตัวตลกเหลือบมองไปยังไหล่ซ้ายของตน และพบว่าขณะนี้มันว่างเปล่า ทั้งเลือด ทั้งเนื้อปลิวหายไปพร้อมกับในตอนที่เขาถูกกระแทก เผยให้เห็นถึงกระดูกไหล่ทั้งหมด

นี่คือพลังของฝ่ามือกระเรียน ภายใต้การโจมตีของมัน เนื้อหนังที่แกร่งดั่งเหล็กก็มิอาจต้านทานได้

“นับว่าโชคชะตาช่างใจดีกับฉันซะเหลือเกิน ที่ช่วยให้ชีวิตรอดมาได้ สำหรับโชคชะตาของเด็กสาวผู้งดงามอย่างเธอ…ฮ่าๆๆ ก็คือกำลังจะถูกฆ่าอย่างไรล่ะ เป็นมืออาชีพนี่มันดีจริงๆ ช่วงเวลาที่กำลังจะได้ฆ่าเป้าหมายนี่แหละ…ช่างให้ความรู้สึกอันลึกล้ำ! ความรู้สึกที่ฉันหลงรัก!” 

ระหว่างกล่าว ตัวตลกก็พรมนิ้วเรียวของมันลงบนคีย์เปียโนอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเอาผิวขาวละมุนของเธอไปทำกระเป๋าหนัง ส่วนเลือด เนื้อ เครื่องในที่ยัดอยู่ข้างในน่ะ มันไม่จำเป็น ฉันจะกะซวกมันออกมากองทิ้งไว้ที่นี่แหละ”

ตัวตลกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มร่า “คุณหนูแห่งตระกูลซู...จงตายเสียเถอะ!”

ด้วยการพรมมือบรรเลงคีย์เปียโนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ท่วงทำนองของมันดูสับสนและยุ่งเหยิง กวาดกระจายออกไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้หน้าต่างทั้งหมดในตัวอาคารเรียนระเบิดแตกกระจายออกมาพร้อมๆ กัน แม้กระทั่งบนผนังตึกก็ปรากฏซึ่งรอยแตกร้าว

ซูเซี่ยเอ๋อกระอักเลือดออกมาคำโต ดวงตาอันงดงามของเธอเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด 

“ห้าธาตุจำเพาะ ธาตุเสียง นอกจากนี้ยังเป็นผู้ครอบครองเทคนิคเทียนซวน…”

ซูเซี่ยเอ๋อเหลือบมองรอยเลือดตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ย “ฉันไม่เคยมีความคิดฆ่าสังหารใครมาก่อน แต่แกเป็นคนบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ”

ซูเซี่ยเอ๋อส่งเสียงฮึในลำคอ แม้ร่างกายจะถูกตรึงจนหยุดนิ่ง แต่กลับปรากฏซึ่งแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนไหลผ่านออกจากร่างกายของเธอ จากนั้นในอากาศที่ว่างเปล่าก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นคมมีดอันโกลาหล มันหมุนวนโคจรอยู่รอบกายเธออย่างต่อเนื่อง

“บ้าน่ะ! นั่นมันความสามารถทางวิญญาณธาตุลมขอบเขตที่สาม ‘วาตะพร่างพราว!’ ” ตัวตลกตะโกนเสียงแหบแห้ง สองมือที่พรมลงบนคีย์ยิ่งทวีความรวดเร็วขึ้น 

“เสียงทะลวง!” ตัวตลกตะโกนออก

ท่วงทำนองเพลงที่ดูสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงและคมชัด

“อ๊อก!”

ซูเซี่ยเอ๋อครวญครางด้วยความเจ็บปวด  ประกายแสงสีเขียวทั้งร่างค่อยๆ ซบเซาลง คมมีดสายลมที่หมุนวนเริ่มเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ

“รีบช่วยฉันเร็วเข้า!” ตัวตลกกรีดร้อง “ฉันควบคุมเธอได้อีกแค่ราวๆ สามวินาทีเท่านั้น นายต้องรีบฆ่าเธอ!”

ทันใดนั้นเงาสีเทาก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเบื้องหลังซูเซี่ยเอ๋อ ก่อนจะจ้วงกริชในมือเล็งเป้าแทงตรงมุ่งไปยังขั้วหัวใจของเธอ

จบสิ้นแล้ว! 

หัวสมองของซูเซี่ยเอ๋อพลันว่างเปล่า

ทว่าในวินาทีนั้นเอง จู่ๆ ข้างหูของเธอก็ปรากฏเสียงดัง ปัง!

เงาสีเทาถูกเตะเสยอย่างหนักหน่วง มันกระเด็นกลิ้งออกไปหยุดอยู่ข้างกายตัวตลก

 “สมาคมจูซิงกำลังลงมือ ใครกันที่กล้ามาขัดขวาง! ใจร้อนอยากรีบไปเฝ้ายมบาลแล้วหรือไง!” ตัวตลกคำรามสาปแช่งด้วยความโกรธ

 ตามเส้นทางที่ถูกเตะจนล้มกลิ้ง ปรากฏเสียงเสียงหนึ่งอันแผ่วเบา

 “รู้สึกแย่จริงๆ”

 “ผู้ชายสองคนรุมรังแกนักศึกษาสาวเพียงลำพัง แถมยังใช้กลยุทธ์การต่อสู้อันน่ารังเกียจอย่างลอบโจมตีอีก การกระทำเช่นนี้ เราองค์หญิงไม่อาจฝืนทนดูได้อีกต่อไปแล้ว”

 เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวที่แสนงดงาม ผู้ครอบครองผมยาวสีแดงเพลิง!

........................................