webnovel

0061 พระราชวังร้อยบุปผา

ตอนที่ 61 พระราชวังร้อยบุปผา

ท่ามกลางความว่างเปล่า รูนทั้งหมดค่อยๆ เปล่งแสงสว่างสดใสอย่างช้าๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ถูกสร้างขึ้น

คำนวณจากเวลาแล้ว กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาแค่เพียงสองลมหายใจเท่านั้น

ทุกค่ายกลในแนวหน้า ทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นโดยนิกายเฉิงเต๋า นิกายของกงซุนซี ที่มีความเชี่ยวชาญในสายค่ายกล แต่ละค่ายกลเคลื่อนย้าย จะใช้เวลาก่อสร้างหลายสิบวัน นอกจากนี้ยังต้องอาศัยผู้ฝึกยุทธอีกเจ็ดถึงแปดคนในการก่อสร้างอีกด้วย

เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้ากู่ฉิงซานนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นความแตกต่างระดับสวรรค์และโลก!

รูนกะพริบไหว

ร่างของคนแจวเรือกับกู่ฉิงซานหายวับไปจากครรลองสายตาอย่างรวดเร็ว

...

ณ สถานที่ที่วาววับไปด้วยพื้นหยกขาว กำแพงอิฐสีแดง

หอคอยถูกวางไว้เหนือประตูทางเข้า จนแลดูคล้ายยอดเขา บนเพดานแกะสลักไปด้วยภาพสีสดใส

พระราชวังร้อยบุปผาช่างงดงามราวกับวังสวรรค์

ในกำแพงวัง ปรากฏหน้าจอสีมรกตขนาดใหญ่ที่มีความสูงขนาดเท่ากับหนึ่งคนยืน และเสริมเพิ่มขึ้นไปอีกสามส่วน

เบื้องหน้าจอมรกต ร่างของกู่ฉิงซานและคนแจวเรือก็ปรากฏขึ้น

หญิงรับใช้ในวังคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับถือม้วนภาพในมือ ตรงมายังคนแจวเรือก่อนจะโค้งคำนับ

“นี่คือชายที่ต้องการจะรับรายการทดสอบดาบในวันนี้หรือเจ้าคะ?” หญิงรับใช้เอ่ยถาม

“ใช่”

“วันนี้มีเพียงแค่หนึ่งเดียว?” เธอเอ่ยถามต่อ

“เจตจำนงแห่งดาบของคนอื่นๆ ไม่ผ่านเกณฑ์ จึงไม่สามารถพาเข้ามาในวังได้ พวกเขามีแต่จะทำให้พลังงานวิญญาณของที่นี่แปดเปื้อน” คนแจวเรือกล่าว

“เอาล่ะ ข้าขอตัวสักครู่ ส่วนเจ้าดูแลชายผู้นี้อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” คนแจวเรือกล่าวจบก็หายวับไปโดยตรง ไม่อาจมองเห็นได้อีก

ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับฉากนี้ดี เธอหันไปหากู่ฉิงซานและกล่าว “คุณมาเพื่อเลือกรายการทดสอบดาบใช่หรือไหม?”

“ขอรับ” กู่ฉิงซานกล่าวพลางรีบโค้งคำนับ

หญิงรับใช้มองดูเขาและเห็นว่ากู่ฉิงซานมีลักษณะที่ค่อนข้างโดดเด่น ดวงตาสดใสเป็นประกาย ทัศนคติมีความนอบน้อม ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว

“โปรดรอสักครู่” หญิงรับใช้หยิบกระถางธูปขึ้นมาก่อนจะปักธูปลงและจุดมัน

เธอยื่นม้วนภาพไปให้กู่ฉิงซานและกล่าว “คุณต้องเข้าไปข้างใน ถ้าหากสามารถผ่านออกมาได้ก่อนไฟไหม้ถึงก้านธูป คุณจึงจะมีสิทธิ์ได้รับการทดสอบรายการดาบ”

กู่ฉิงซานตกใจและเอ่ยถาม “แต่คนแจวเรือบอกว่าการทดสอบมีแค่สองครั้ง แล้วนี่นับเป็นการทดสอบด้วยหรือไม่?”

หญิงรับใช้ในวัง “ใช่”

“งั้นก็ตกลง”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ที่แท้นี่ก็คือการทดสอบอีกครั้ง

รายการทดสอบดาบยังไม่ได้เห็น แต่นี่เขากลับต้องทำการทดสอบมาเป็นครั้งที่สามแล้ว

หากเปลี่ยนตัวเขาในตอนนี้เป็นผู้ฝึกดาบเลือดร้อนคนอื่นๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในขณะนี้ บางทีอาจจะโกรธถึงขั้นก่นด่าเลยก็เป็นได้

แต่สำหรับกู่ฉิงซานที่กลับมาจุติใหม่อีกครั้ง เรื่องแค่นี้นับว่าเล็กน้อย เขายังทนไหว

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเขาที่จุติใหม่ แต่ควรกล่าวว่ากู่ฉิงซานตระหนักเป็นอย่างดีถึงนิสัยและอารมณ์ของนางเซียนไป่ฮัวต่างหาก

กู่ฉิงซานรับม้วนภาพมาอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะถ่ายเทพลังวิญญาณลงไป

‘พรึบ!’

ม้วนภาพร่วงตกลงไปบนพื้นดิน พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานที่ถูกดูดหายเข้าไป

หญิงรับใช้เอื้อมเก็บม้วนภาพ ก่อนวางมันลงบนโต๊ะไม้สีแดงในปากพึมพำเสียงกระซิบ “ดูเหมือนว่าในเรื่องการควบคุมอารมณ์ก็ยังพอใช้ได้”

ภายในม้วนภาพ

ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน

ผู้คงแก่เรียนผู้นั้นดูจะสุภาพเป็นอย่างมาก เขาประสานมือโค้งคำนับให้แก่กู่ฉิงซานและกล่าว “ฉันคือชุดเทคนิคดาบที่ได้รับการตกทอดมาภายในตระกูลจากรุ่นต่อรุ่น ผู้ฝึกยุทธทั่วไปไม่แม้แต่จะสามารถเป็นคู่มือให้แก่ฉัน หรือแม้กระทั่งต่อต้าน ทว่าฉันกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างในเทคนิคดาบของฉันที่ยังบกพร่อง และหน้าที่ของคุณคือจับตาดู และช่วยแก้ข้อบกพร่องดังกล่าว”

“เชิญชี้แนะ” กู่ฉิงซานประสานมือคำนับตอบตามมารยาท

“ฉันกำลังจะเริ่มแล้ว ตั้งใจให้ดี พลังวิญญาณของฉันจะถูกบีบอัดจนเหลือแค่เพียงปราณปรับแต่งขั้นเจ็ด คุณจะได้สามารถรับมือได้”

“ขอบคุณยิ่ง”

ผู้คงแก่เรียนยิ้ม ก่อนจะปรากฏดาบยาวขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า

เขาคว้าจับมัน ก่อนที่ทั้งคนทั้งกลิ่นอายจะพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที

เสียงคำรามคลุ้มคลั่งดังออกมาจากปากของผู้คงแก่เรียน

“ฆ่าๆ! ทุกสิ่งอย่างในสวรรค์และโลก! ไม่มีอะไรที่ไม่อาจฆ่าสังหารได้!”

ทันใดนั้นดาบยาวก็วูบไหวอย่างฉับพลัน ทั่วร่างของผู้คงแก่เรียนจมอยู่ท่ามกลางปราณดาบ

ทั้งคนทั้งดาบกลับกลายเป็นภาพติดตา พรวดทะยานตรงเข้าใส่กู่ฉิงซานอย่างบ้าคลั่ง

“ตัดสุญญากาศ!”

ขณะที่ตัดสุญญากาศของอีกฝ่ายถูกใช้ออก ทางฝั่งกู่ฉิงซานก็ยื่นมือออกไปคว้าจับอากาศที่ว่างเปล่า พร้อมกับเรียกดาบเหล็กที่อยู่เพียงแค่ระดับ อาวุธมีคม ออกมาในมือของเขา

เมื่อครู่ คนแจวเรือได้จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ถงไม่ถามถึงเรื่องขอดาบเหล็กกลับคืน

บางทีจากดูจากสายตาที่อีกฝ่ายมองมาอย่างชื่นชม เขาอาจจะจงใจทิ้งมันไว้เบื้องหลังก็เป็นได้

“ชุดเทคนิคเผยขุนเขา รูปแบบที่ห้า!”

กู่ฉิงซานคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะยกดาบยาวชูขึ้นเหนือหัว และสับมันลงจากเบื้องบนลงล่าง

เทคนิคดาบเผยขุนเขา นั้นหนักหน่วงแต่เชื่องช้า ทว่าคมดาบของผู้คงแก่เรียนฝั่งตรงข้ามกลับรวดเร็วจนเห็นแค่เพียงภาพติดตา ไม่อาจมองเห็นคมดาบที่แท้จริงได้

หนึ่งช้า หนึ่งรวดเร็ว ทั้งสองปะทะกันอย่างฉับพลัน

‘ปัง...!’

ทั้งดาบทั้งผู้คงแก่เรียนถูกกระแทกลอยกระเด็นกลับไป ก่อนจะถูกอัดเข้ากับกำแพง และร่วงกลิ้งลงมาบนพื้น

กู่ฉิงซานปล่อยปลายดาบปักลงบนพื้นดินและกล่าว “จากประสบการณ์การใช้ดาบของฉัน ฉันคิดว่าการใช้ดาบมีเรื่องที่จำต้องเพิ่มเติมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

ผู้คงแก่เรียนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เรื่องที่จำต้องเพิ่มเติมเพียงอย่างเดียว? มันคือเรื่องอะไร?”

กู่ฉิงซาน “ก็เรื่องที่ว่าสมควรจะมุ่งเน้นไปยังการสังหารศัตรูตรงหน้าเพียงหนึ่งเดียวอย่างไรล่ะ!”

“สังหารศัตรู...ตรงหน้า”

ผู้คงแก่เรียนเอ่ยงึมงำอย่างช้าๆ พูดวกวนซ้ำๆ ซากๆ

“ถูกต้อง ขณะนี้คุณน่ะมัวแต่พึ่งพากระบวนท่าดาบมากเกินไป แม้ว่าวิธีนี้มันมีข้อดีตรงที่จะทำให้สายตาของฝ่ายตรงข้ามพร่ามัว แต่ข้อบกพร่องที่คุณกังวลมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี” กู่ฉิงซานอธิบายอย่างอดทน

นี่คือในแง่มุมของกู่ฉิงซาน ผู้ที่ต่อสู้รับมือกับเผ่ามารนับไม่ถ้วน ฝ่าฟันอันตรายระหว่างชีวิตและความตาย ทุกประสบการณ์ที่ได้รับล้วนแลกมันมาด้วยเลือด

เพื่อที่จะได้ช่วยชีวิตกงซุนซีและหนิงเยว่ฉาน เพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป เขาจะต้องแสดงพรสวรรค์ในเชิงสกิลดาบออกมาอย่างเต็มที่

ทว่าวิสัยทัศน์ของนางเซียนไป่ฮั่วนั้นถูกกล่าวขานว่าสูงส่งเป็นอันดับต้นๆของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ

ในฐานะที่กู่ฉิงซานเป็นถึงนักดาบนิรันดร์ เรื่องวิสัยทัศน์ของนางเซียนว่าจะเหลือบแลมายังเขาหรือไม่นั้นไม่ต้องกล่าวถึง ตัวของกู่ฉิงซานในตอนนี้แม้ว่าจะยังคงมีช่องว่างความแข็งแกร่งมหาศาลระหว่างนางเซียนไป่ฮั่วที่เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตประทับเทพก็ตาม แต่ในด้านของประสบการณ์อย่างน้อย สำหรับเขาก็พอจะนับว่าพอเทียบเคียงกับนางเซียนไป่ฮั่ว

ปัจจุบันนี้ ระบบได้ทำการปลดผนึกออกแล้ว วิถีดาบของกู่ฉิงซานได้รับการฟื้นคืน เพียงแค่จำต้องใช้แต้มพลังวิญญาณในการปลุกเทคนิคดาบเท่านั้น

นอกจากนี้ระบบยังช่วยปกป้องเขา

เทคนิคดาบบางส่วนยังคงทรงพลังมากเกินไป แม้ว่าจะแค่เรียนรู้มันเฉยๆ ก็อาจทำให้จิตเทวะของเขาได้รับบาดเจ็บได้ แต่เมื่อมองไปยังขอบเขตปราณปรับแต่งของกู่ฉิงซานแล้ว นี่ก็นับว่าสมเหตุสมผล

ด้วยขอบเขตพื้นฐานวรยุทธที่ต่ำเกินไป ทำให้ไม่สามารถทนแบกรับความเสียหายดังกล่าวได้ จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอน

ผู้คงแก่เรียนยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโบกสะบัดดาบยาวขึ้นอีกครั้ง

ในเวลานี้ ดาบของเขาดูจะเชื่องช้าลงมาก

แม้ทุกการเคลื่อนไหวจะเป็นไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด แต่ในขณะเดียวกันมันกลับมีถูกใช้ออกเพียงหนึ่งกระบวนท่าเท่านั้น มิได้พร่างพราวดั่งแต่ก่อน

เทคนิคดาบที่ถูกใช้ออกลดน้อยลง และพลังของดาบก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กระชับ เรียบง่าย แต่กลับสามารถปลดปล่อยพลังแฝงออกมาได้ทั้งหมด

แรงกดดันจากดาบยาวเล่มนี้ ทั้งรวดเร็วและรุนแรง มันได้เผยออกให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงที่แฝงอยู่ของมัน!

ในขณะที่ผู้คงแก่เรียนเผยให้เห็นถึงเทคนิคดาบ เขาก็เอ่ยพึมพำกับตนเอง “ที่แท้ฉันก็เดินทางผิด มันผิดตั้งแต่ที่ฉันเลือกที่จะไล่ล่าแสวงหาความเร็วและความซับซ้อน แม้กระทั่งทิศทางที่เลือกก็ยังผิด”

กู่ฉิงซานมองฉากนี้ ก่อนจะแบกดาบยาวมุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า พร้อมกับปลดปล่อยกระบวนท่าเผยขุนเขาเช่นเดียวกับเมื่อครู่ออกไป

“ฮ่า!”

ดวงตาของผู้คงแก่เรียนเปล่งประกายวูบหนึ่ง และใช้ออกด้วยกระบวนท่าดาบที่พึ่งตระหนักรู้ได้เมื่อครู่ออกไป

‘ปัง...!’

คราวนี้ผู้คงแก่เรียนไม่ได้กระเด็นลอยออกไปอีก เขาสามารถต้านรับคมดาบของอีกฝ่ายได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

ผู้คงแก่เรียนเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะประสานมือโค้งคำนับ “ถ้อยคำของสหายเต๋าทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว ในการทดสอบสถานที่นี้ของฉัน สหายเต๋าผู้นี้นับว่าสอบผ่าน”

“ขอบคุณท่านมาก” กู่ฉิงซานประสานมือคำนับกลับคืน

ภายนอกม้วนภาพ หญิงรับใช้ดูจะรับรู้ได้ถึงบางอย่าง เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “กระทั่งชุดเทคนิคตัดสุญญากาศชุดนี้ ก็ยังสามารถแก้ไขข้อบกพร่องมันได้อย่างรวดเร็ว”

เธอจ้องมองไปยังกระถางธูปที่บัดนี้ถูกเผาไปได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบ

หญิงรับใช้ในวังเริ่มที่จะเกิดความสนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว

เธอยังคงจ้องมองไปยังม้วนภาพต่อไป

ภายในม้วนภาพ ผู้คงแก่เรียนพยักหน้า ก่อนที่ร่างเขาจะจางหายไป

ตามมาด้วยผู้ฝึกยุทธอีกหนึ่งคนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

คนผู้นี้เป็นภิกษุ ในมือถือดาบยาว และเผยให้เห็นถึงความสับสนในแววตา

“ปัญหาของอาตมาก็คือ คำถามเกี่ยวกับเรื่องของจิตแห่งดาบ” ภิกษุกล่าว ขณะที่สายตาจับจ้องดาบยาวในมือ

“เชิญชี้แนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“เรื่องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งมวลด้วยคมดาบ แม้ว่าหลังจากที่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลตกตายลง มันจะเข้าสู่กระบวนการเวียนว่ายตายเกิดก็ตาม แต่มันกลับไม่สามารถขจัดความโศกเศร้าและความโกรธแค้นที่ถูกกระทำลงได้ และนี่คือกฎแห่งกรรมที่จะกระทบถึงอนาคต”

“หากเป็นในกรณีเช่นนี้ เหตุใดจึงจำต้องฆ่าล้างทุกสรรพสัตว์? เหตุใดจึงจำต้องใช้คมดาบฟาดฟัน?”

“ประสกคิดว่าแท้จริงแล้วคนกับดาบสมควรอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่?”

เป็นคำถามที่ดี!

สีหน้าของกู่ฉิงซานเปลี่ยนเป็นสดใส

หากผู้ฝึกดาบบังเกิดปัญหานี้เวียนว่ายอยู่ในห้วงความคิด และเขามิอาจสลัดมันออกไปได้ ก็จะเป็นการส่งผลร้ายต่อจิตแห่งเต๋า

หากจิตใจของกู่ฉิงซานต้องคิดวนเวียนอยู่แต่กับสิ่งนี้ จิตแห่งเต๋าของเขาก็คงไม่พ้นต้องถูกทำลายลงเช่นกัน

สำหรับผู้ฝึกดาบ หากจิตแห่งเต๋าถูกทำลายลง การฝึกฝนของพวกเขาจะล่าช้ายิ่งกว่าเดิม หรือบางทีอาจถึงขั้นไม่อาจฝึกฝนได้อีกเลย

ทั้งสองยืนพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงทฤษฎีและความเป็นจริงที่ว่า ‘แล้วถ้าหากเราเกิดตกอยู่ท่ามกลางอันตรายอย่างการถูกเผ่ามารรุมล้อมเล่า? และหากเรามีเพียงดาบในมือ เป็นท่าน ท่านจะใช้มันหรือไม่?’

........................................