webnovel

0041 ถูกส่งกลับโดยไม่คาดคิด

ตอนที่ 41 ถูกส่งกลับโดยไม่คาดคิด

กู่ฉิงซานกำลังหันไปมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เส้นแสงหิ่งห้อยของระบบก็ปรากฏขึ้นมา

“คุณได้อยู่ในต่างโลกเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหวนคืนกลับสู่โลกจริง”

กู่ฉิงซานตะลึง

จากช่วงเวลาที่ได้เข้าสู่ต่างโลก ฉันจำมันได้ดี นี่มันพึ่งผ่านไปได้แค่ครึ่งวันชัดๆ แล้วทำไมถึงบอกว่าฉันอยู่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงล่ะ?

กู่ฉิงซานเกิดคำถามขึ้นในจิตใจ

และระบบก็ให้คำตอบแก่เขาอย่างรวดเร็ว

การที่สูญเสียเวลามากเป็นพิเศษในต่างโลก เกิดจากมิติและห้วงเวลาอันเชี่ยวกราก ที่ไม่อาจคาดเดาและไม่สามารถควบคุมได้

“การหวนคืนจะเริ่มต้นขึ้นในเร็วๆ นี้”

ด้วยคำอธิบายนี้ กู่ฉิงซานจึงเข้าใจ

สำหรับเพียงไม่กี่นาทีสั้นๆ ของเขาในมิติและห้วงเวลาอันเชี่ยวกราก ทำให้เขาสูญเสียเวลาที่สมควรจะได้ใช้ไปกว่าครึ่งวัน

เขาเบนสายตาจากหน้าต่างสถานะ มองไปยังโลกที่ถูกทำลายอย่างลึกซึ้ง

แสงสว่างวาบเปล่งประกายขึ้น และร่างของกู่ฉิงซานก็หายวับไปจากโลกเทวะ

ณ เมืองหลวงรัฐบาลกลาง

โรงแรมฟรีฮอลิเดย์

ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นบนหลังคาของโรงแรมอย่างช้าๆ

มันพึ่งผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาออกจากห้องประธานาธิบดี และถูกนำมาทิ้งไว้ที่โรงแรมอันมีชื่อเสียงแห่งนี้

กู่ฉิงซานยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม สายตาสาดส่องไปยังแสงไฟอันมีชีวิตชีวาในเมืองหลวง

สายลมยามค่ำคืนช่างเงียบสงบ และสถานการณ์ในโลกก็ยังคงมีเสถียรภาพ

เมื่อกลับมาจากโลกที่ถูกทำลาย เขาก็ได้พบกับความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่นี่ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีความรักต่อโลกใบนี้อย่างสุดหัวใจ

ทว่าช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ในไม่ช้าก็เร็วโลกใบนี้ก็จะถูกทำลายลงในที่สุด

ครู่หนึ่ง กู่ฉิงซานก็หยิบธนูเย่หยูที่พึ่งได้รับมา ก่อนจะนั่งลงริมขอบด้านบนของหลังคา

เบียร์ขวดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา มันเป็นสิ่งที่เขาพึ่งซื้อมาเมื่อตอนเย็นนี้ และยังไม่ทันจะได้ดื่มมัน กู่ฉิงซานก็ถูกส่งไปยังโลกของผู้ฝึกยุทธเสียก่อน

กู่ฉิงซานกัดกระชากฝาเบียร์ออกและพ่นมันออกไปอย่างไม่ไยดี

ขวดเบียร์ยังคงเย็น เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ของมันต่ำมาก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้เขาเมา แต่อย่างน้อยมันก็สามารถช่วยให้เขาสดชื่นและผ่อนคลายได้

กู่ฉิงซานจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนจริงๆ หลังจากที่ออกแบบเพลิงนางฟ้า เขาก็ได้ทำการต่อสู้อย่างต่อเนื่องและไม่ได้หยุดพักมาเป็นเวลานาน

กงซุนซี...หนิงเยว่ฉาน...

ในชีวิตก่อนหน้าที่ผ่านมา ทั้งสองถูกพวกเผ่ามารทุ่มอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะสังหารและปกปิดความลับที่พวกเขาค้นพบ

มาตอนนี้พวกเขาก็ยังถูกไล่ล่าเช่นเดิม แต่เนื่องเพราะตัวตนเล็กๆ อย่างกู่ฉิงซานทำให้โชคชะตาของทั้งสองถึงจุดเปลี่ยนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนดังกล่าวนี้ สำหรับกู่ฉิงซานแล้วมันมาพร้อมกับอันตรายที่ประมาทเพียงชั่วครู่ตัวเขาคงพินาศ

กู่ฉิงซานจำเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างมากในทุกๆ ขั้นตอน

“รางวัลสำหรับภารกิจคือ พลังศักดิ์สิทธิ์ของระบบเทพสงคราม...”

กู่ฉิงซานพึมพำขณะที่ดวงตาของเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ

เขายกขวดเบียร์ขึ้นและกระดกลงคอหมดในรวดเดียว

หมดเวลาพักผ่อนแล้ว

สองขาของกู่ฉิงซานที่ห้อยลงมาจากตึกสูงถูกหุบกลับเข้าไป ก่อนที่จะเปลี่ยนมาอยู่ในท่วงท่านั่งสมาธิและเริ่มขับเคลื่อนพลังวิญญาณอย่างเงียบๆ

ปัจจุบันเป็นช่วงเวลา เที่ยงคืน และกู่ฉิงซานจำเป็นต้องใช้เวลาราวสามชั่วยามในการขับเคลื่อนพลังวิญญาณเพื่อขจัดความเหนื่อยล้าออกจากร่างกาย

กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงสมาธิอย่างรวดเร็ว

ไม่มีแม้แต่คนเดียวสังเกตเห็นว่า ด้านบนสุดของโรงแรมฟรีฮอลิเดย์ มีชายหนุ่มที่โหมฝึกวรยุทธอย่างหนัก เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดอยู่

หลังจากที่ใช้เวลาไปกว่าสามชั่วยาม หรือที่เรียกกันว่าหกชั่วโมง ในที่สุดพละกำลังของกู่ฉิงซานก็กลับมาฟื้นตัวโดยสมบูรณ์

เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและผ่อนลมหายใจที่คล้ายเมฆสีขาวออกมา

เมฆสีขาวลอยขึ้นไปบนฟ้ากว่าหกถึงเจ็ดจั่ง ก่อนที่จะค่อยๆ สลายไปอย่างช้าๆ

“นี่มันยอดเยี่ยมมาก พลังวิญญาณกลับมาอยู่ในสภาพดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ฉันก็จะได้ลองทะลวงด่านต่อไปเสียที”

ระหว่างกล่าว กู่ฉิงซานก็หยิบหนังสือเทคนิคปราณปรับแต่งทางทหารขึ้นมา พร้อมกับเรียกหน้าต่างระบบเทพสงคราม ก่อนจะทำการเลือกอย่างรวดเร็ว

“เรียนรู้เทคนิคปราณปรับแต่งทางทหารขั้นหก...หลิงชู ต้องการสามแต้มพลังวิญญาณ ต้องการเรียนรู้หรือไม่”

“ต้องการ”

“เริ่มกระบวนการเรียนรู้ ใช้งานสามแต้มพลังวิญญาณ แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน : ยี่สิบเจ็บส่วนเจ็ด”

กระแสอันอบอุ่นถูกส่งผ่านหนังสือเล่มเล็กๆไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายของกู่ฉิงซาน ไล่ไปตามกระดูกและแขนขา จนในที่สุดก็ไปรวมตัวเข้ากับทะเลแห่งความรู้ของเขา

เกิดความกระจ่างแจ้งขึ้นในจิตใจของกู่ฉิงซาน

โดยสัญชาตญาณ เขาสามารถรับรู้ถึงวิธีที่จะทะลวงด่านต่อไป

“พลังวิญญาณทั้งหมดยังขาดไปอีกเล็กน้อย...”

กู่ฉิงซานสัมผัสถึงตันเถียนที่อยู่ภายใน และพิจารณาพลังวิญญาณของเขา

หากพลังวิญญาณไม่เพียงพอ การทะลวงด่านก็อาจจะเกิดความล้มเหลวได้โดยง่าย

หากคุณต้องการเพิ่มจำนวนพลังวิญญาณ คุณสามารถรวบรวมมันได้จากการเสียเหงื่อ และการฝึกฝนวรยุทธอย่างต่อเนื่อง

กู่ฉิงซานขบกรามของเขา

ไม่ดีแน่ เขาไม่สามารถทนรอได้อีก ครั้งต่อไปที่เข้าสู่ต่างโลก ร่างของเขาจะปรากฏตัวขึ้นในโลกเทวะที่ถูกทำลาย หากเขายังไม่แข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด ก็อาจจะตายโดยไม่ทันจะได้รู้ตัวเลยก็เป็นได้

กู่ฉิงซานล้วงลงในถุงสัมภาระ ก่อนจะคว้าถุงใบใหญ่ที่บรรจุเลือดงูขึ้นมาสองถุง จากนั้นก็อ้าปากและเจาะรูถุงหนึ่ง กระดกกลืนเลือดมันลงไปโดยตรง

เลือดงูจะช่วยเสริมสร้างจิตสัมผัสเทวะ และช่วยให้เขาสามารถรวบรวมพลังวิญญาณของเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น

กู่ฉิงซานเช็ดมุมปากของเขาสองมือประกอบขวาทับซ้ายและก่อนจะไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

ทั้งร่างของเขาดูราวกับเป็นรูปปั้นหินก็มิปาน จิตใจจมลงสู่ห้วงอันลึกล้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน กู่ฉิงซานก็กระอักหมอกเลือดออกมาอย่างฉับพลัน

“ล้มเหลว! อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น น่าเสียดาย...”

กู่ฉิงซานพึมพำออกมาคำสองคำ ก่อนจะรีบสงบสติอารมณ์จะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและเริ่มการทะลวงด่านอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระอักเลือดออกมาอีก

“ฉันไม่เชื่อหรอก...ขออีกครั้ง! นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”

กู่ฉิงซานกัดฟัน ก่อนจะอ้าปากและเทเลือดงูลงไปอีกถุง

สภาพร่างกายของเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว และในช่วงเวลาอันสั้น ทำให้เขาสามารถทะลวงมันได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

สูดหายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก

มีสมาธิเข้าไว้

เริ่มทะลวงอีกครั้ง

ครั้งนี้ ใช้เวลาค่อนข้างนาน

กู่ฉิงซานนั่งอยู่ในท่วงท่าเดิมตลอดทั้งคืน จนกระทั่งแสงของวันใหม่เริ่มทอประกาย น้ำค้างยามรุ่งที่ปกคลุมเสื้อผ้าของเขาเปล่งประกายสะท้อนกับแสงอันสดใส

ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้น

สัมผัสแห่งความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

กู่ฉิงซานค่อยๆ ประกบมืออย่างนุ่มนวลและตะโกนเสียงแผ่ว “โล่พลังวิญญาณ!”

ทันใดนั้นก็ปรากฏชั้นแสงจางๆ เข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา

นี่คือเทคนิคเต๋าที่กินพลังวิญญาณค่อนข้างมาก และความสามารถในการป้องกันของมันก็อ่อนแอ ไม่ค่อยจะดีนัก อ่อนแอชนิดที่เรียกได้ว่าผิดปกติ

...

ในการต่อสู้จริง ผู้ฝึกยุทธมักไม่เต็มใจที่จะใช้โล่พลังวิญญาณ พวกเขาชอบที่จะสวมใส่เกราะรบแทนมากกว่า หรือไม่ก็ใส่ ‘สมบัติมนตรา’ ที่ช่วยส่งเสริมพลังป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า เทคนิคมนตรานั้นไม่ใช่สิ่งที่ปราณปรับแต่งขั้นหกจะสามารถใช้งานได้

ใช่แล้ว ปราณปรับแต่งขั้นหก...กู่ฉิงซานในที่สุดก็สามารถทะลวงด่านได้สำเร็จแล้ว

เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะบิดขี้เกียจจนได้ยินเสียงกล้ามเนื้อของเขากรีดร้อง

หลังจากฝึกยุทธมาทั้งคืน ในที่สุดก็ทะลวงด่านได้เสียที เรื่องนี้ทำให้กู่ฉิงซานรู้สึกพอใจมาก

เมื่อก้าวขึ้นสู่ปราณปรับแต่งขั้นเจ็ด และทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อตั้งได้ ในขณะเดียวกันเขาก็จะสามารถทดลองปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ได้

กู่ฉิงซานกลับลงมาในห้อง และพักผ่อนเล็กน้อย

ในช่วงเวลาเก้านาฬิกาสิบสองนาที

กู่ฉิงซานก็ตื่นขึ้น

เขาเดินไปเปิดม่าน ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาภายในตัวห้อง

การจราจรหนาแน่น และเต็มไปด้วยเสียงจอแจของผู้คน

กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

สิบเก้าวันต่อจากนี้ จะเป็นงานเฉลิมฉลองครบรอบสามร้อยปีของรัฐบาลกลาง ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยมีการลงทะเบียนนักศึกษาใหม่

ผู้คนทั่วทั้งเมืองจึงดูคล้ายเร่งรีบ งานแทบล้นมือ

แต่งานล้นมือน่ะมันเรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับเขา แล้วตอนนี้เขาควรจะทำอะไรดี?

ตลอดทั้งเช้ายังเป็นเวลาว่าง มันคงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการหาสถานที่ฝึกยิงธนู

ส่วนช่วงเที่ยงฉันจะต้องไปยังทำเนียบประธานาธิบดี และทานอาหารกลางวันกับเขา

สำหรับช่วงเย็น ฉันก็จะไปมอบของขวัญให้แก่ซูเซี่ยเอ๋อ

พอคิดถึงเรื่องของซูเซี่ยเอ๋อ กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันขาวๆ

เขาหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาและพิมพ์ข้อความไม่กี่คำลงไป

“ฉันอยู่ในเมืองหลวง”

เมื่อส่งไปปุ๊บ ก็มีดังสวนกลับมาทันที

กู่ฉิงซานยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้น กดลงบนปุ่ม และทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของซูเซี่ยเอ๋อก็ดังลอดออกมาทันที

“พี่ใหญ่ตัวเหม็น ฉันเห็นนายอยู่ในทีวี แถมยังยืนอยู่ข้างประธานาธิบดีซะด้วย ทำไมถึงไม่ได้บอกอะไรกับฉันเลย?”

“ก็ฉันไม่รู้มาก่อนว่ามันจะลงเอยแบบนั้น”

“ท่านประธานาธิบดีบอกว่าจะให้การสนับสนุนนายจนกว่าจะเรียนจบมหาลัยใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว ฉันจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยกั่วฟาง และได้ทุนสนับสนุนจากท่านประธานาธิบดี”

“นี่มันเยี่ยมไปเลย! อันที่จริงฉันแอบเก็บแต้มเครดิต เอาไว้ส่วนหนึ่งกะจะช่วย...”

ซูเซี่ยเอ๋อรู้สึกตัวว่าเธอกำลังพูดเรื่องที่ไม่สมควรออกไป จึงหุบปากลงอย่างรวดเร็ว ทว่าน่าเสียดายที่คำพูดที่หลุดออกมานั้นพอจะจับใจความได้แล้ว

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเข้าใจถึงความนัยของคำกล่าวนั้น มุมปากของเขาค่อยๆยกสูงขึ้นจนโค้ง

นี่แหละคือซูเซี่ยเอ๋อ เธอแอบเตรียมการให้เขาอย่างลับๆ แถมยังคำนึงถึงศักดิ์ศรีในฐานะลูกผู้ชายของเขา จึงไม่เอ่ยมันออกมา

เวลานี้ บางทีในหัวใจของเธอคงจะมีความสุขมากเกินไปจนเผลอพลั้งปากออกมา

………………..………………..