webnovel

0008 อุบัติเหตุ

ตอนที่ 8 อุบัติเหตุ

กู่ฉิงซานเดินไปบนถนนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนพลางย้อนนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้

จากปฏิกิริยาของเนี่ยหยุน บ่งบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ฝีมือของเขา

บางทีคงจะเป็นอย่างที่เนี่ยหยุนกล่าว ว่าเขาและซูเซี่ยเอ๋อนั้นใกล้ชิดกันเกิดไป จนถูกพวกที่เล็งซูเซี่ยเอ๋ออยู่เหม็นขี้หน้าเอา

ตอนนี้อยู่ในช่วงใกล้จบการศึกษา ลูกหลานจากตระกูลชั้นสูงก็น่าจะคิดถึงเรื่องที่ว่าควรจะจัดการอย่างไรกับชีวิตตัวเอง แต่พวกเขากลับ …

คนพวกนี้น่าขยะแขยงจริงๆ พวกเขามีศักดิ์และฐานะมากพอที่จะสามารถตามจีบซูเซี่ยเอ๋อได้อย่างถูกต้องและเปิดเผย แต่กลับดันคิดกำจัดนักเรียนยากจนเช่นเขา

กู่ฉิงซานแอบดูถูกในใจ แต่ในไม่ช้าความคิดนี้ก็ค่อยๆ ล่องลอยหายไปในอากาศ

เกมจะเปิดตัวขึ้นในอีกหนึ่งปี ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่โลกมนุษย์ยังสงบสุข

เวลาหนึ่งปีคงเพียงพอที่จะสร้างตัวตนให้ยืนหยัดอย่างมั่นคงในต่างโลก

สำหรับการกลับมาสู่โลกจริงในวันนี้ กู่ฉิงซานต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเลือกมหาวิทยาลัยที่เหมาะสม

นี่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในความปรารถนาสุดท้ายของชีวิต ที่อยากจะทำจนกว่าโลกจะถึงจุดจบ

มหาวิทยาลัยที่เขาสนใจไม่เพียงแต่จะต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่สมควรมีการวิจัยเรื่องของหุ่นรบ รวมไปถึงเป็นมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยกองทัพ และมีการวิจัยพัฒนาอาวุธรวมอยู่ด้วย

ผู้เล่นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในเกม หากคำนวณจากจำนวนประชากรแล้ว ถ้าได้เป็นอาจารย์หรือนักศึกษาในวิทยาลัยเหล่านั้น ก็น่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมมากกว่า

นั่นหมายความว่ามันจะช่วยให้ตนเตรียมตัวสำหรับรับมือเหตุการณ์วันสิ้นโลก และยังช่วยให้ได้ทำความรู้จักกับผู้คนในสายงานนั้นอีกด้วย

ระหว่างที่กู่ฉิงซานกำลังคิด จู่ๆ เขาก็พบว่า เบื้องหน้ามีคนเมาหกถึงเจ็ดคนเดินสวนมา

ทั้งหมดเป็นชายที่มีรอยสักเต็มตัว ย้อมผมสีทองดูสะดุดตา เดินส่ายไปมาภายใต้แสงสลัว

บนถนนเส้นนี้ ทางเท้ามันไม่กว้างพอที่จะให้เขาและกลุ่มขี้เมาเดินห่างกัน เรียกได้เลยว่าเดินผ่านชนิดไหล่ชนไหล่

คิ้วของกู่ฉิงซานขมวดมุ่นเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวเปิดทางให้อีกฝ่ายเดินสวนไป

ในจังหวะที่ทั้งสองฝ่ายสวนกัน ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ ร่างของชายผมทองก็เซไปทางกู่ฉิงซาน

ในฐานะที่กู่ฉิงซานเป็นผู้ฝึกยุทธ ประจวบกับประสบการณ์ต่อสู้กว่าสิบปี ย่ำฝ่ามาแล้วทั้งทะเลเลือดและกองซากศพสูงเท่าภูเขา จังหวะที่ร่างจะปะทะกัน เขาก็เบี่ยงตัวหลบไปอีกด้านหนึ่ง

ชายผมทองชนพลาดและเซไปหลายก้าว ก่อนที่จะหยุดนิ่ง ยืนหยัดอย่างมั่นคง

‘บ้าจริง มันดันหลบได้ซะนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้แผนสอง’ ชายผมทองหันกลับมาตะโกน “เฮ้ยไอ้เด็กนี่ แกกล้าผลักฉันงั้นเหรอ? พี่น้องทั้งหลาย จัดการมัน!”

สิ้นเสียง สีหน้าเมามายของกลุ่มหัวทองก็พลันหายวับไป

“ลงมือ!”

ทั้งหมดกล่าวเสียงต่ำ ก่อนจะชักมีดออกมา และพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

“ที่แท้ก็มาไม้นี้เองสินะ” เห็นแบบนี้ กู่ฉิงซานก็เข้าใจทุกสิ่งทันที

คนพวกนี้เห็นได้ชัดว่ามาหาเขา

ถ้าคุณเมาและคิดจะต่อสู้จริง คงไม่สามารถใช้มีดได้อย่างคล่องแคล่วแบบนี้

ทั้งหมดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงลมหายใจ ชายคนแรกก็พุ่งถึงตัวกู่ฉิงซานพร้อมกับแทงมีดตรงไปยังหัวใจของเขา

มีดนี้ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง หากถูกแทงโดยตรงก็คงจะตายทันที

พวกนี้มันมืออาชีพ!

หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นระรัว ทว่าเขากลับไม่ก้าวถอยหลัง แต่เลือกพุ่งสวนกลับไปยังอ้อมแขนออกอีกฝ่าย

“เอาไปกินซะ!”

นิ้วทั้งห้ากางออก และกระแทกฝ่ามือเข้าเต็มรัก

ชายตัวเปิดหมุนคว้างกลางอากาศ ก่อนจะลอยไปกระแทกเข้ากับกลุ่มเพื่อนที่ตามมาสมทบด้านหลัง

เหล่าอันธพาลที่ถูกร่างเพื่อนอัดกระแทกรู้สึกราวกับมีกระทิงพุ่งเข้าใส่เอว ความเจ็บปวดระเบิดออกมาจนล้มลงกับพื้นส่งเสียงครวญคราง

ส่วนคนที่ถูกฝ่ามือกระแทกจนหมุนติ้วๆ ตรงหน้าอกของเขาบัดนี้ปรากฏหลุมลึกจมหายเข้าไปในร่างกาย และไม่หายใจอีกต่อไป

พอเห็นแบบนั้น กู่ฉิงซานก็ยกมือขึ้นเกาหัวแล้วกล่าวออกมา “ฉันลืมไปเลย นี่มันไม่ใช่ช่วงเวลาในวันสิ้นโลกซะหน่อย”

กลุ่มหัวทองตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ยังยืนอยู่ ความเย็นเยียบวาบผ่านในหัวใจ เขากล่าวเสียงสะท้าน“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบลุกขึ้นเร็ว!”

หากฝ่ามือเดียวของผู้ฝึกยุทธสามารถสังหารผู้คนลงได้ก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่มันจะต้องใช้พละกำลังแค่ไหนกันถึงจะล้มคนอื่นๆ ที่วิ่งตามมาด้วย?

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน กลุ่มคนที่มารวมตัวกันนี้ จะดีจะร้ายก็เป็นถึง นักสู้ระดับหนึ่งถึงสองดาว เพียงแค่ฝ่ามือเดียวที่ไม่แม้แต่จะโดนตัวด้วยซ้ำ กลับทำให้พวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ

นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ !

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างไร

ความแข็งแกร่งอันน่าหวาดหวั่นนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายอย่างน้อยจะต้องเป็นนักสู้ระดับเจ็ดดาวหรือเหนือยิ่งกว่าแน่ๆ

นอกจากนี้ยังอาจเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในกลุ่มหวูเต๋า วิถียุทธ และอาจทะลวงไปถึงระดับเก้าดาวที่เรียกกันว่าปรมาจารย์นักสู้ก็เป็นได้

ทว่าเขาไม่กลับไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วกู่ฉิงซานก็แค่ลืมตัว เลยเผลอใส่พลังวิญญาณลงบนฝ่ามือ

ผู้ฝึกยุทธปราณปรับแต่งขั้นสอง หากไม่ใช้พลังวิญญาณ ร่างกายของเขาจะมีสมรรถภาพอยู่ในระดับเดียวกับนักสู้ระดับสี่ดาวเท่านั้น

แต่หากใช้พลังวิญญาณ มันก็จะต่างออกไป พลังในการทำลายล้างจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว

สีหน้าของกลุ่มอันธพาลทั้งหมดพลันเปลี่ยนไป ก่อนที่ทั้งหมดจะหยิบปืนขึ้นมา! หากต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ที่มีระดับเหนือกว่า อาวุธปืนนับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว

เดิมทีตั้งใจจะสร้างสถานการณ์ว่าเกิดการทะเลาะวิวาทกันของกลุ่มขี้เมา และทำให้เป้าหมายบาดเจ็บจนล้มตายลง…ทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีหลักฐานใดๆ

ใครจะไปรู้ว่า ชายคนนี้ที่ดูเหมือนเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายกลับมีพลังฝ่ามือที่ดุดันแบบนี้!

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องทำตามแผนเดิมอีกต่อไป ฆ่าก่อนแล้วค่อยคิดทีหลัง!

เพียงเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายกู่ฉิงซานก็เข้าใจเจตนาทันที

แม้พวกเขาจะรวดเร็ว แต่กู่ฉิงซานรวดเร็วยิ่งกว่า!

ธนูกองทัพพลันปรากฏขึ้นในมือของเขาจากอากาศที่ว่างเปล่า

“ตั้งแต่ที่พวกแกต้องการจะฆ่าฉัน พวกแกน่ะ…ก็ได้ตายลงไปแล้ว!”

มือทั้งสองของกู่ฉิงซานวูบไหวเป็นเงา และปลดปล่อยลูกศรหกดอกออกไปอย่างรวดเร็ว

ยิงต่อเนื่อง!

ปุๆ!

ห้าคนที่ยืนกระจายตัวกันไป ทั้งหมดต่างถูกเจาะทะลุหัวด้วยลูกศรขนนกอย่างแม่นยำ

เหลือเพียงชายคนสุดท้าย ที่ลูกศรปักลงบนฝ่ามือของเขา จนไม่อาจกำปืนอีกต่อไปได้และจำต้องปล่อยมันร่วงลงกับพื้น เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

เขารู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าของอีกฝ่าย ชายคนสุดท้ายจึงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างไม่ลังเลและร้องขอความเมตตา “ไว้ชีวิตฉันเถอะ วันนี้ฉันรู้แล้วว่าตนเองสมควรได้รับการลงโทษที่เลือกเดินทางชั่วร้ายสายนี้ ไม่ว่าอะไรที่มันสามารถใช้แลกชีวิตอันโสมมของฉันได้ ฉันก็จะทำ”

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “ใครส่งคุณมา?”

ได้ยินคำถาม ชายคนนั้นก็กวาดสายตาไปยังร่างไร้วิญญาณทั้งห้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธ

ความหวาดกลัวเกิดจากการกระทำอันป่าเถื่อนของอีกฝ่าย ที่สังหารเพื่อนๆของเขาทั้งหมดลงอย่างเลือดเย็น ส่วนความโกรธนั้นเกิดจากการที่ผู้ว่าจ้างพวกเขาไม่ยอมระบุข้อมูลให้ชัดเจน หรือไม่จริงๆแล้วนี่อาจจะเป็นหลุมพรางที่ใช้สังหารพวกเขาที่เป็นกลุ่มนักฆ่าใต้ดินระดับล่างก็ได้

ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม หากรอดไปได้ เขาจะไม่ยอมให้ผู้ว่าจ้างอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน

ชายคนนั้นคิด ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นว่า “พวกเราถูกว่าจ้างจากคนที่ชื่อว่าสงหู่จากตระกูลเนี่ย”

“ดีมาก ฉันชอบคนซื่อสัตย์”

กู่ฉิงซานเดินสำรวจรอบๆอย่างช้าๆ ระหว่างทางเขาก็ไม่วายเก็บลูกศรที่ยิงออกไปกลับมา

ลูกศรพวกนี้เป็นชนิดพิเศษที่สร้างขึ้นมาใช้ในสงครามโดยเฉพาะ มันสามารถบรรจุพลังวิญญาณลงไปได้ และนั่นทำให้แม้กระทั่งคนธรรมดาก็ยังสามารถใช้งานมันได้

หากไม่ใช่เพราะว่าระดับฐานวรยุทธของกู่ฉิงซานต่ำจนเกินไป และปราณปรับแต่งขั้นสองยังไม่แกร่งพอที่จะต้านทานกระสุนปืนได้ เขาก็คงไม่จำเป็นต้องใช้ธนูในการต่อสู้ครั้งนี้

สิ่งต่างๆได้รับการกระจ่างแจ้งแล้ว แท้จริงแล้วนี่เป็นฝีมือของเนี่ยหยุน

อย่างไรก็ตามตระกูลเนี่ยก็เป็นถึงตระกูลชั้นสูงในมณฑลฉางหนิง ที่พักของพวกเขาไม่ได้มีเพียงคนอย่างเนี่ยหยุนอยู่ แต่ยังมีพวกที่เป็นหวูเต๋า วิถียุทธ ระดับปรมาจารย์นักสู้ เทียนซวน สวรรค์แต่งตั้ง กับเฉาฟ่าน ผ่าเหล่า คอยคุ้มกันอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

“เนี่ยหยุน…จากนิสัยของเขา เขาคงจะไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้แน่”

กู่ฉิงซานนึกถึงบุคลิกของอีกฝ่ายและเอ่ยพึมพำกับตนเอง

คนแบบนี้มักใจแข็งเป็นเหล็กกับผู้อื่น แต่ยอมอ่อนข้อให้กับตนเอง เป็นประเภทที่จัดการได้ยาก

กู่ฉิงซานสำรวจรอบๆ อย่างรวดเร็วด้วยจิตสัมผัสเทวะ ก่อนจะนำศพเก็บใส่ถุงสัมภาระ

ถุงสัมภาระสามารถเก็บสิ่งของทั้งหมดที่ไม่มีชีวิตได้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เดิมทีมันเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ฝึกยุทธในการพกพาสิ่งของและอุปกรณ์สวมใส่ แต่ตอนนี้มันถูกใช้งานเพื่อเก็บศพ และทำลายหลักฐานในจุดเกิดเหตุ

เมื่อถึงเวลาที่กู่ฉิงซานกลับเข้าไปในต่างโลก ร่างพวกนี้ก็จะถูกโยนลงไปในบ่อกักศพ ที่ไม่มีใครสามารถตามหาร่องรอยของคนเหล่านี้ได้อีกตลอดกาล…

........................................