webnovel

คาบแรก

ผมกับคุณลิลลี่กำลังเดินไปตามทางเดินเพื่อที่จะไปห้อง ม.6/10

โรงเรียนแห่งนี้มีตึกอยู่เต็มไปหมด แน่นอนว่าชื่อตึกแม้แต่ผมที่เป็นครูก็ยังจำชื่อตึกทุกตึกไม่ได้ ที่มีตึกเยอะขนาดนี้เพราะว่าโรงเรียนของเรานั้นจะแบ่งตึกของแต่ละระดับชั้นออกจากกัน ตึกของ ม.4 - ม.6 ไม่ได้อยู่ตึกเดียวกัน แต่โครงสร้างของตึกทุกตึกก็มีความคล้ายกันตรงที่อาคารที่มีห้องของนักเรียนอยู่ทุกตึกจะมีสี่ชั้น แบ่งเป็น 3 ห้องต่อชั้น และห้องที่เก่งที่สุดก็จะอยู่ข้างบนสุดห้องเดียว

ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินขึ้นตึกผมก็ต้องผ่านพวกนักเรียนห้อง 1-9 ตามธรรมเนียมของโรงเรียนนี้คนเป็นครูจะได้รับการเคารพโดยการสวัสดีเมื่อเจอหน้า แน่นอนว่ามันไม่ใช่กฏที่จะต้องทำตาม นักเรียนของที่นี่จึงเลือกที่จะสวัสดีครูที่ต้องการที่จะสวัสดีเท่านั้น ซึ่งนักเรียนทุกคนเลือกที่จะไม่สวัสดีผม ตลอดทางเดินก็ไม่มีนักเรียนคนไหนสวัสดีอีกเช่นเคย แต่พวกเขาเลือกที่จะสวัสดีแค่คุณลิลลี่ผมก็โล่งใจแล้ว

ดูเหมือนว่าคุณลิลลี่จะทำหน้าสงสัยว่าทำไมพวกนักเรียนถึงไม่สวัสดีผม แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไรเธอไปเพราะผมไม่อยากให้เธอรู้เรื่องส่วนตัวของผมมากนัก

"อ๊ะ ถึงแล้วละครับ"

"Oh, ok..."

คุณลิลลี่ดูท่าทางแปลก ๆ ผมเป็นห่วงเลยถามเธอไป

"เอ่อ...อา ยู โอเค? (Are you OK?)"

[คำแปล : คุณโอเคไหม?]

"I'm fine, but I'm not sure if the students will accept me."

[คำแปล : ฉันสบายดี แต่ฉันไม่แน่ใจว่านักเรียนจะต้อนรับฉันไหม]

ความรู้สึกนี้เป็นเรื่องปกติของครูที่เพิ่งเคยมาสอนนักเรียนใหม่ ๆ คงจะรู้สึกตื่นเต้นและกังวลแบบนี้อยู่แล้ว

"เอ่อ...ดอน วอรี่ ไอ วิว ซัพ พอต ยู อีฟ ยู เมค มิส เตก (Don't worry, I'll support you if you make a mistake.)"

[คำแปล : ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณเกิดผิดพลาดขึ้นมาผมจะช่วยซัพพอร์ตคุณเอง]

"Ok!"

ดูเหมือนว่าที่ผมพูดออกไปแบบนั้นจะทำให้เธอมีกำลังใจมากขึ้น พอเธอตอบโอเคกับผมเสร็จเธอก็รีบเปิดประตูเข้าห้องไปแล้วตะโกนว่า

"Hello!!, My students!!"

"..."

นักเรียนในห้องต่างตกใจและหันมามองเธอ ทุกสายตามองมาที่เธอด้วยความมึนงงเหมือนกับเมื่อตอนเช้าของวันนี้ที่ผมได้ตะโกนคำว่า "เอ๊ะ" หน้าแถวไป

คุณลิลลี่ที่รู้สึกตัวว่าทำไปเพื่ออะไรก็ได้แต่เขินอาย น้ำตาซึม แล้วหันมาที่ผมเพื่อให้ผมทำตามคำสัญญาที่ให้กับเธอไว้ตอนหน้าห้องเมื่อกี้

'ผมบอกตรง ๆ เลยนะคุณลิลลี่ ต่อให้เป็นคนที่แก้สถานการณ์เก่งมากมายืนอยู่ข้างคุณแล้วเจอเหตุการณ์เมื่อกี้ก็น่าจะยืนงงแบบผมนี่เเหละ'

ผมได้แต่คิดในใจโดยที่ผมทำอะไรไม่ถูกเลยกับเหตุการณ์เมื่อกี้ จะหักหน้าเขาก็ทำไม่ลง จะแซวกลบเกลื่อนก็กลัวจะร้องไห้อีก จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้อีก สถานการณ์ ณ ตอนนี้ตึงเครียดที่สุดของวันนี้ก็ว่าได้ เพราะไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำหลังจากที่คุณลิลลี่ตะโกนคำทักทายไป

ในขณะที่บรรยายกาศในห้องเรียนอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและทำอะไรไม่ถูก และแล้วเสียงของฮีโร่ที่มาตอนท้ายก็ดังมาจากหลังห้องแล้วพูดว่า...

"What the fuck?"

'เสียงฮีโร่ก็บ้าแล้ว! ฮีโร่ที่ไหนพูดงี้ โถ่เอ้ยยยย'

คุณลิลลี่เมื่อได้ยินประโยคนั้นก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้าเต็มที สถานการณ์เริ่มที่จะเข้าขั้นวิกฤตไปทุกที คุณลิลลี่ก็เริ่มที่จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน และแล้วก็มีเสียงพูดขึ้นมาอีกครั้งแต่ไม่ใช่เสียงของคนเดิมแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงมาจากตรงไหน

"Hello!!, My teachers!!"

'โอ้ววว นี่แหละฮีโร่ที่ปกปิดตัวเองเพื่อที่จะปกป้องประชาชนในเงามืด!'

ดูเหมือนว่าคุณลิลลี่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอปาดน้ำตาของเธอแล้วก็ก้าวเข้าห้องด้วยความมั่นใจเต็ม 100% ผมที่เห็นอย่างงั้นก็โล่งใจ นึกว่าเธอจะร้องไห้ต่อหน้านักเรียนในวันทำงานวันแรกซะแล้ว

.

.

.

"เอาล่ะนักเรียน วันนี้เป็นวันแรกขอการเปิดเรียนนะครับ ผมช่ือ ต้นนะครับ อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว ฝากตัวด้วย"

"ฝากตัวด้วย~"

"เย้~ ปีนี้ก็ได้ตินเป็นครูประจำชั้นแหละ"

"วู้ววว ตินนนน"

"เรียกผมว่ามาสเตอร์ต้นสิครับ!"

"แหม่~ อยู่ต่อหน้าสาวทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเลยนะครับ"

"ขี้แอ๊คจัด"

"เอ้า! พูดอย่างงี้ กูให้หมดเลยแน่จริงก็เข้ามาดิวะ ไอ้พวกเด็กเปรต"

"อุ้ยยย พูดไม่เพราะเลยย"

นี่คือกิจวัตรของผมกับเด็กนักเรียนห้องนี้แหละครับ วัน ๆ ก็เอาแต่ด่ากัน...เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่สิ! เราต้องทำให้คุณลิลลี่เห็นว่าเราเป็นคนที่เพิ่งพาได้!

"อะแฮ่ม ๆ อยู่ในความสงบ!"

ในระหว่างที่พวกนักเรียนกำลังจะเปิดมหาศึกคนชนครูกับผม ผมก็ตะโกนเพื่อให้นักเรียนทุกคนในห้องเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ผม ก่อนที่จะพูดต่อ

"ส่วนนี่คือครูคู่ชั้นชั่วคราวคนใหม่ของพวกเรา ชื่อคุณลิลลี่..."

ผมพูดพร้อมยืนมือไปทางที่เธออยู่เพื่อที่จะให้เธอแนะนำตัวกับนักเรียน แต่คำพูดที่ผมส่งไปก็ไม่ได้รับการตอบรับจากหมายเลขที่ผมเรียกเพราะคุณลิลลี่กำลังคุยอย่างสนุกสนานกับนักเรียนหญิงคนข้างหน้าสุดอยู่

"มิสลิลลี่ครับ..."

"Oh sorry, I'm Tin's new partner, Lily Taylor."

นักเรียนในห้องเมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ลุกฮือกันทั้งห้องเหมือนเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นปรากฏการณ์ที่ 1 พันล้านปีมีแค่ครั้งนึง

"ห๊ะ?!"

"What!!"

"ไม่นะ! แพ้แล้ว!!"

"ตูไปแข่งหาผู้หญิงกับมึงตอนไหนฟะ!"

กว่าจะอธิบายให้นักเรียนของตัวเองเข้าใจได้ก็กินเวลาไป 10 กว่านาที

"ding ♫ dong ♫ ding ♫ dong ♫ ~"

ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณของการเริ่มเรียนคาบแรกในโรงเรียน

ทันทีที่เสียงออดดังบรรยากาศก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกคนในห้องเรียนต่างก็รู้ตัวดีว่าตัวเองต้องทำอะไร นักเรียนต่างนั่งเฉย ๆ และตั้งใจฟังที่ผมพูดอย่างตั้งใจ

"งั้นขอแนะนำตัวอีกครั้ง ผมชื่อมาสเตอร์ต้น ตั้งแต่วันนี้จะเป็นครูประจำชั้นของห้อง ม.6/10 ขอฝากตัวด้วย"

"Nice to meet you, my name is Lily Taylor. I work with Tin today."

[คำแปล : ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ ลิลลี่ เทย์เลอร์ ฉันมาทำงานคู่กับตินในวันนี้]

"นักเรียนทั้งหมด ทำความเคารพ!"

"สวัสดีครับ/ค่ะ"

"อืมสวัสดี เอาล่ะงั้นผมจะทำการอธิบายเรื่องต่าง ๆ และกฏของโรงเรียนนี้ให้ฟัง"

'อย่างแรกต้องอธิบายเรื่องต่าง ๆ ของโรงเรียนให้ฟังตามที่กฏของโรงเรียนนี้ระบุไว้ถึงแม้จะไม่จำเป็นสำหรับคนที่อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วก็เถอะ'

ในขณะที่ผมกำลังจะอธิบายเรื่องต่าง ๆ ของโรงเรียนให้ฟัง นักเรียนที่นั่งโต๊ะริมแถวหน้าสุดก็ยกมือขึ้นมา

"เดี๋ยวก่อนครับ!"

"หืม? มีอะไรหรอครับ"

"ขอพวกผมแนะนำตัวหน่อยสิครับ มิสลิลลี่ยังไม่รู้จัดพวกผมเลยนะ"

"อืมนั้นสินะ ก็ได้แต่ขอแบบเด็ด ๆ นะ"

"จัดให้ตามคำขอ"

นักเรียนทุกคนในห้องยืนขึ้นพร้อมกันและแนะนำตัวจากซ้ายไปขวาตามลำดับ รูปแบบของการนั่งก็นั่งห่างกันประมาณหนึ่งช่วงแขน หนึ่งแถวแนวนอนมี 3 โต๊ะ แถวแนวตั้งมี 5 แถว แต่โต๊ะตัวที่ 13 จะอยู่แถวตรงกลางข้างหลังสุด

"สวัสดีครับ ชื่อ นาย กรพศุตม์ เธียรนิติฐาดล เลขที่ 1 ชื่อเล่น ปัน เป็นหัวหน้าห้องครับ

หัวหน้าต้องดูแลเพื่อนพ้อง แต่หัวใจของน้องให้พี่ดูแลเอง"

"สวัสดีครับ ชื่อ นาย ธนาคม พัฒนภิญญาดล ชื่อเล่น เงิน เป็นเหรันทด!"

"แฮร่!"

"เหรันนิ่ง!!"

"แฮร่!!"

"เหรัญญิก!!!"

"แฮร่!!!"

"ถูกแล้ว!!!"

"สวัสดีค่ะ ชื่อ ปรีย์สุนาเรศ ปุญญธนาสกุล ชื่อเล่น นาวา เป็นรองหัวหน้าห้องค่ะ

ใจหนูมันบาง แค่เห็นรอยยิ้มจางๆ ก็หวั่นไหวแล้วค่ะ"

"สวัสดีครับ ชื่อ ธุวานันท์ ธนจิรกานต์ ชื่อเล่น แดง

ความรักก็เหมือนกาแฟ มีทั้งหวาน มีทั้งขม แต่ที่แน่ๆ ทำให้ผมตาสว่าง"

"สวัสดีครับ ช่ือ พิชญุตม์ ปรีดาศิริกุล ชื่อเล่น หนู เป็นคนหล่อครับ"

"ห๊ะ?"

"สวัสดีครับ ชื่อ ฐิตธีร์ เมธาพงศ์นิธิกุล ชื่อเล่น นก

ผมชอบเรียนวิชาคณิต ละก็ 1+1 = 3 ครับ"

"สวัสดีค่ะ ชื่อ เปมนีย์ วาเลนไทน์ ชื่อเล่น Sky ค่ะ"

"สวัสดีค่ะ ชื่อ มนพร วาเลนไทน์ ชื่อเล่น Star พวกเราเป็นฝาแฝดกันค่ะ"

"..."

"แค่เนี้ยะ?"

"อืม...ถ้ามีเรื่องกับฝาแฝด ระวังปากแตกเพราะโดนรุม"

"ร้ายกาจ~"

"ส...สวัสดีค่ะ...ช...ชื่อ วิทวลา จันวราสกุล ชื่อเล่น อาย ค่ะ"

'น่าร๊ากกกก' นักเรียนทั้งห้องคิดเหมือนกัน

"เดี๋ยว ๆ พวกพูดชายทำไมทำหน้าหื่น ๆ กันหมดเลยละ"

"หยี๋~ ขยะแขยง"

"ฮ่า ๆ ตลกจัง"

"แล้วไงอะ?"

"เห้อ ให้ตายสิ สวัสดีค่ะ ชื่อ กุญชร กปิตถา ชื่อเล่น เอมี่

เกลียดผู้ชายค่ะ"

"หึ! หน้าตาก็ดี พูดวอนโดนตีซะแล้ว"

"แล้วไงคะ?"

"ก็มาดิคับ"

"เห้ย ใครก็ได้หยุดไอหัวหน้ากับเอมี่ให้หน่อย!"

"สวัสดีค่ะ ชื่อ กนกอร เหมย ชื่อเล่น หมิง ค่าาา"

"สวัสดีค่ะ ชื่อ รัชนก แก่นหอม ชื่อเล่น ชมพู่ ฝากตัวด้วยนะค้าาา"

"..."

"อ้าวแล้วคนสุดท้ายละ?"

"ไม่เห็นหน้ามาตั้งแต่ ม.4 ปีแรกแล้วนี่ครับมาสเตอร์ต้น"

"อ้าว? โนเนมคนนั้นปีนี้ก็ไม่มาหรอเนี่ย ปีสุดท้ายแล้วแท้ ๆ"

คนสุดท้ายของห้องเราไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร ไม่มีใครรู้ว่าหยุดไปทำไม พวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาคนนั้นเลยไม่แต่น้อย เพราะตั้งแต่เข้ามเรียนด้วยกันตั้งแต่ ม.4 ก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย เพศก็ไม่รู้ ชื่อก็ไม่บอก พวกเราเลยตั้งชื่อเขาว่าโนเนมจนกว่าเขาจะมาที่โรงเรียน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาคนนั้นได้เลื่อนชั้นโดยไม่ต้องสอบมาได้ยังไง

"Oh Hello, ปัน เงิน นาวา แดง หนู นก สกาย สตาร์ อาย เอมี่ หมิง and ชมพู่"

"โอ้ว! จำชื่อพวกเราได้ด้วยแหละ"

"ไม่เหมือนครูบางคนที่ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะจำได้หมดอะน้า~"

"แค่ก ๆ อะแฮ่ม ๆ ถ้าแนะนำตัวเสร็จแล้วงั้นมาสเตอร์ขออธิบายเรื่องต่าง ๆ และกฏของโรงเรียนนี้ให้ฟังแล้วกันนะครับ"

.

.

.

"สวัสดีนักเรียนทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่โรงเรียน ISS หรือ Intelligent specific school โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนสหศึกษาชั้นนำของประเทศ จุดประสงค์ของโรงเรียนแห่งนี้คือ พัฒนาความรู้และทักษะต่าง ๆ ของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น โรงเรียนแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 10600 ไร่ 23 ตึก โดยพื้นที่ทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้มีไว้ใช้เพื่อการศึกษาและต่อยอดความรู้เฉพาะด้านเท่านั้น หากทำอะไรที่เป็นการทำให้โรงเรียนเสียหายแม้แต่นิดเดียวจะต้องถูกไล่ออกสถานเดียว

กฏหมายไม่สามารถใช้กับโรงเรียนแห่งนี้ได้เพราะ นักเรียนในโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของผู้ที่มีอำนาจระดับประเทศกฏหมายจึงใช้ไม่ได้กับพวกเขา และก็มีบางกิจกรรมที่ทางโรงเรียนนี้ต้องจัดขึ้นแต่กฏหมายระบุไว้ว่าห้าม แต่ไม่ต้องกังวลเพราะชีวิตและทรัพย์สินของนักเรียนทั้งหมดจะตกอยู่ในการดูแลของโรงเรียน หากทำผิดกฏของโรงเรียนจะดำเนินการในลงโทษตามความผิดที่กระทำไว้ทันที

หากนักเรียนสามารถจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้ได้จะแสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความอดทน หมั่นเพียร พยายาม รู้จักการแก้ปัญหา เกิดกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์ วางแผน ก้าวข้ามอปสรรค์ทั้งหลาย จนสามารถมาถึงเส้นชัย ดังนั้นอัตราการได้งานของนักเรียนโรงเรียนนี้จะสูงมากถึงขนาดที่ไปสมัครงานที่ไหนก็มีแต่คนรับเข้าทำงาน ดังนั้นต้องมีความตั้งใจสูงมาก ๆ

ซึ่งแน่นอนว่าโรงเรียนของเราให้ความสำคัญกับความสามารถทุกด้านของนักเรียนในโรงเรียน ดังนั้นจึงมีการจัดการแข่งขันที่ชื่อว่า 'ผู้เป็นเลิศในแต่ละสาขาวิชา' โดยจะจัดการแข่งขันนี้ในทุก ๆ ปีในสัปดาห์ที่สองของการเปิดเรียน และผู้เป็นอันดับหนึ่งของแต่ละวิชาจะได้เข็ม 'เป็นเลิศ' ติดไว้ที่หน้าอกด้านขวา ข้างบนของชื่อตัวเอง และผู้ที่มีเข็ม 'เป็นเลิศ' จะได้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เหนือกว่านักเรียนคนอื่น ขอให้นักเรียนทุกคนแข่งขันด้วยความตั้งใจ เพราะจะเป็นการจัดอันดับของห้องภายในตัวด้วย ขอให้นักเรียนทุกคนโชคดีในกิจกรรมหรือการแข่งขันแรกของโรงเรียน"

"เอ่อ...สรุปก็คืออาทิตย์หน้าจะมีการสอบวัดระดับอีกแล้วใช่ปะคับ"

"โอ้ว เข้าใจเร็วดีนี่ สมกับเป็นอดีต 'ผู้เป็นเลิศ'"

"แล้วจะพูดยาว ๆ เพื่ออะไรฟะ!"

"ก็ผอ. เก๊าบอกให้ม้าดเตอร์ปู้ดแบบนี้อ่า"

"ไม่ต้องแอ็บ!!"

"แล้วกฏของโรงเรียนละคะมาสเตอร์?"

"อ้อ กำลังจะบอกเลย อะแฮ่ม ๆ กฏข้อแรก..."

"พูดสรุปมา!"

ผมทำได้แค่เป็นครูที่โดนนักเรียนตะโกนใส่และเถียงอะไรกลับไปไม่ได้สักคำ เพราะผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ผอ. คิดอะไรอยู่ถึงได้คิดบทพูดที่มันยาวแบบนี้มาให้

"กฏของโรงเรียนมีดังนี้...."

และผมก็ได้พูดกฏของโรงเรียนอีกเป็นร้อยข้อโดยที่สรุปเนื้อหามาแล้ว นักเรียนของในห้องก็เริ่มฟุบหลับลงไปกับโต๊ะทีละคน ๆ ผมที่เห็นดังนั้นเลยหยุดการอธิบายกฏไว้แค่นี้ก่อน และปล่อยให้นักเรียนนอนหลับพักผ่อนกันไป

"คุณลิลลี่ ๆ"

"What?"

[คำแปล : มีอะไรเหรอคะ?]

"วอท ดู ยู ติ้ง อ เบ้า สะติวเด้น ฟอม ดิส คลาส (what do you think about student from this class?)"

[คำแปล : คุณคิดยังไงกับนักเรียนของห้องนี้หรอ?]

"I think the students in this class have a hidden talent and it will probably show up in next week's competitive exams."

[คำแปล : ฉันคิดว่านักเรียนห้องนี้มีความสามารถแฝงอยู่และมันคงจะโผล่ออกมาในการสอบแข่งขันของอาทิตย์หน้าค่ะ]

"นั้นสินะ"

"But I think the people who can bring out their talents are the very best, right Tin?"

[คำแปล : แต่ฉันคิดว่าคนที่ดึงความสามารถของพวกเขาออกมาได้คือคนที่สุดยอดมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ใช่ไหมล่ะติน]

"ม...ไม่ใช่หรอกครับ พ...เพราะพวกเขามีพรสวรรค์อยู่แล้ว ผมแค่สนับสนุนพวกเขานิดหน่อยเองครับ"

เธอพูดพร้อมกับหันหน้ามาทางผม ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสและสีหน้าที่ดูเหมือนจะภูมิใจในตัวผม ผมเลยตอบกลับเธอไปแบบไม่มีอีโก้บวกกับอารมณ์เขินอายนิดหน่อย

"งืม~ ดิจิตอล…ไฮเทค"

'เห้ย เหรัญญิก นี่เอ็งละเมออะไรอยู่ฟะ!'

และแล้วเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 15 นาทีก่อนจะหมดคาบ ผมเลยปลุกแล้วชวนนักเรียนในห้องแล้วชวนให้มาเล่นเกมที่ผมไปเจอมาในเฟซบุ๊คเพื่อที่จะสร้างความสนิทสนมกับนักเรียน

"อะแฮ่ม ๆ Wake up!!!"

"หาว~ งืม...เช้าแล้วหรอ?"

"จะสายแล้วเนี่ย!"

นักเรียนทุกคนที่หลับก็ตื่นขึ้นมาแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยเสียงปลุกของผม

"เอาล่ะ ก่อนหมดคาบแรกมาเล่นเกมสักเกมกันไหม"

"เล่น!"

"เอาคับ!"

"งั้นพวกเธอก็จับกลุ่มสามคนนะ แล้วสองคนนั่งตรงกันข้ามกัน แล้วเอาแขนทั้งสองข้างกอดคอกันเหมือนคู่รักกำลังจะจูบกันนะ ละก็คนที่สามก็ยืนข้าง ๆ คอยหย่อนกระดาษนะ"

"เกมคู่รักงั้นรึ!" พวกผู้ชายพูดเป็นเสียงเดียวกัน

"เห้อ พวกแกนี่มันอ่อนจริง ๆ เกมนี้น่ะเค้าไม่ได้ให้เล่นกับเพศเดียวกัน แต่เค้าให้เล่นกับกับผู้หญิงต่างหาก!" หัวหน้าห้องคิดแล้วพูดออกมา

"มึงไม่ควรจะเล่นมากที่สุดเลยละ!"

พวกผู้หญิงพูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพจากพวกผู้ชายด้วย

สุดท้ายพวกผู้ชายกับผู้หญิงก็จับกลุ่มกันเอง จากนั้นต้นก็พูดต่อ

"วิธีการเล่นคือ คนที่คู่กันต้องเอาปากเข้ามาจูบกัน แล้วคนที่หย่อนกระดาษก็ต้องหย่อนกระดาษตอนที่พวกเขากำลังจะจูบ"

"งั้นผลลัพท์ก็จะมีจูบกัน กับจูบโดนกระดาษสินะ"

"หึ จะยอมเล่นแก้เบื่อละกัน"

"งั้นมาเริ่มกันเลย!"

เริ่มจากพวกผู้ชายก่อน

"ไอ้เงิน ถ้ามึงจูบโดนกูมึงได้โดนเซ็ตหย่อแน่"

"หึ พูดไม่ระวังปาก อยากเป็นฝีดาษลิงงั้นหรอ"

"เอ่อ...คิดจะทำอะไรนึกถึงคนในห้องด้วยนะ" ต้นพูดเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนในห้อง

"เห้ยนาวา มึงหย่อนกระดาษดี ๆ นะกูขอร้อง"

"ได้เลยปัน~"

"เตรียมใจพร้อมแล้ว มาเลย!!"

"เอาน้า นึง สอง ซั่ม!"

เมื่อได้ยินเสียงนาวานับถอยหลังเสร็จ เงินและปันก็พร้อมใจเอาริมฝีปากมาชนกันด้วยความคิดที่ว่า 'ตูจะไม่จูบกับมึงแน่นอน!' นกและปันเอาหน้าเข้าหากันอย่างรวดเร็วเพราะว่าต้องการที่จะให้ริมฝีปากของพวกเขา ไปประกบกับกระดาษที่ถูกหย่อนลงมาพอดี แต่ทว่า...

"อุบ อื้มม อ้าาาาา"

ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกแย่งชิงโดยผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าไปอยู่ดี ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็อยู่ในการคำนวณของนาวาเรียบร้อยแล้ว

"ไอ้นาวา! ทำไมไม่หย่อนกระดาษฟะ!"

"หิ ๆ โทษทีนะ จริง ๆ ชั้นอยากเห็นพวกนายจูบกันแบบดูดดื่มน่ะ"

"ห๊ะ!!"

แต่พอพวกเขามาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ดูอีกทีพวกเขาทั้งคู่หัวใจถึงกับไม่อยู่กับตัวเพราะรู้ตัวแล้วว่าเพิ่งโดนชิงจูบแรกไปเมื่อกี้

"เงิน..."

"ปัน..."

"ทะ...ทำกัน...อีกครั้งไหม"

"ห๊ะ?"

"ถะ...ถ้าเป็นนายเราไม่ว่าอะไร...หรอกนะ"

"พูดอะไรออกมาน่ะ คะ...คนบ้า!!"

พวกเขาทั้งสองจ้องตากัน สายตาของพวกเขาเรียกร้องว่าอยากโดนจูบอีกสักครั้ง

พวกผู้หญิงในห้องก็มองกันด้วยความเขินอายและจิ้นกันไปต่าง ๆ นา ๆ

"เดี๋ยว ๆ ๆ ถ้าจะเปิดประตูสู่โลกใหม่ก็ไปทำกันตอนพักดีกว่านะ"

"เอ๋~ เดี๋ยวนี้ความหลากหลายทางเพศก็ได้รับการยอมรับแล้วนะคะ"

"ไม่ ๆ ถ้าจะทำมากกว่านี้มาสเตอร์ก็ไม่ได้ห้าม...แต่ถ้าจะทำตอนนี้รับรองว่าจะเสียสมาธิเรียนไปทั้งวันแน่ ๆ"

"โห่ อดดูเลย~"

ถึงตาพวกผู้หญิง

"หึ ความรักของพวกเราน่ะไม่ต้องมีกระดาษมากั้นหรอก!"

"ช่าย ๆ"

"นึง สอง ซั่ม"

"จุ๊บ ๆ ๆ ๆ "

"โอ้ว เรท 18+ แล้วว"

เอมี่ หมึง และ ชมพู่พลัดกันจูบแบบดูดดื่มโดยที่ไม่สนใจคนทั้งห้องเลย

กลายเป็นว่าเกมนี้ทำให้เกิดคู่ Gay กับ คู่ Lesbian ซะงั้น แต่ผมก็ไม่ได้ว่าหรือห้ามอะไรเพราะ สังคมปัจจุบันได้เปิดกว้างให้กับพวกเขาแล้ว ปัจจุบันความหลากหลายทางเพศก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ที่พวกเขาเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ถ้าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำได้แล้วชีวิตจะไปมีความหมายอะไรกันละ

ผมก้มลงไปดูเวลาที่นาฬิกาของโทรศัพท์ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 นาทีก่อนจะหมดคาบ แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะคาบต่อไปผมก็สอนห้องนี้ และแน่นอนว่าจะต้องเป็นวิชาการอยู่แล้ว!

สักพักผมรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเลยกำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่เอมี่ก็เดินเข้ามาทักผมก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไป

"เอาล่ะครับ เดี๋ยวมาสเตอร์มานะ รอสักครู่"

"นี่~ มาสเตอร์ต้น เกมยังไม่จบนะคะ"

"เอ๊ะ? ยังมีอีกคู่ที่อยากเล่นอีกงั้นหรอ"

"ใช่แล้ว ก็คนนั้นไง"

เอมี่พูดพร้อมชี้นิ้วไปข้าง ๆ ผม ผมเลยหันหน้าตามไปทิศทางที่เอมี่ชี้ ผมเห็นคุณลิลลี่กำลังถือกระดาษด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเอากระดาษปิดปากกับจมูกไว้อยู่

"ต...แต่ว่า เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน...."

"Let's play together, Tin."

[คำแปล : มาเล่นด้วยกันหน่อยนะ ติน]

"โอเค!"

หลังจากที่ได้คำยินยอม(รึเปล่า?)จากคุณลิลลี่ผมก็เลยลากเก้าอี้มาสองตัวไว้หน้าห้อง

ผมกับคุณลิลลี่ก็ค่อย ๆ เดินไปนั่งเก้าอี้นั้น นักเรียนทุกคนในห้องดูเหมือนจะสนใจเลยพากันมาล้อมวงรอบ ๆ ตัวพวกผมเพื่อที่จะดูผมกับคุณลิลลี่เล่นเกมนี้กัน

"ขอเป็นคนหย่อนกระดาษ!"

"ไม่ ๆ กูเอง ๆ"

"พวกผู้ชายน่ะไม่มีความละเอียดอ่อนเลย เดี๋ยวชั้นจะจัดฉากให้พวกเขาได้จูบกันเต็มที่เลย"

"หึ เอางั้นก็ได้"

"มาเริ่มแผนกันเถอะ"

"ถ้างั้นขอตั้งชื่อแผนการนี้ว่า แผนการขโมยจูบแรก by ม.ต้น"

"โอ้ว!"

พวกนักเรียนต่างล้อมวงคุยกันว่าใครจะเป็นคนถือกระดาษและคนดำเนินแผนการขโมยจูบแรก by ม.ต้น เพื่อที่จะทำให้มาสเตอร์ต้นได้จูบกับลิลลี่

"อืม...คนถือกระดาษมาสเตอร์ฝากหน้าที่นี้ให้อายทำได้ไหม"

"ค...ค่ะ"

แต่แผนการก็ต้องล่มลงไปแบบกระทันหันเพราะ 'อาย' คนที่ไม่ค่อยคุยกับเพื่อน ๆ และไม่กล้าแสดงออกสักเท่าไหร่ ต้นเลยคิดว่าเธอคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเหมือนพวกที่รวมหัวคุยกันเมื่อกี้

"ชิ!" เหล่านักเรียนที่อยู่ในแผนต่างเสียดายที่แผนล่ม

เท่านี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว ผมกับคุณลิลลี่ที่นุ่งตรงข้ามกันค่อย ๆ ยื่นแขนของตัวเองออกมากอดคืออีกฝ่าย นั้นทำให้พวกเราเขินมากจนหน้ากับหูแดงกันทั้งคู่

ก่อนที่จะเริ่มผมลองตั้งใจมองหน้าคุณลิลลี่แบบตรง ๆ เธอหลับตาลงด้วยท่าทีที่เขินอาย ผมเลยหลับตาลงด้วย

"อ...เอาละนะคะ หนึ่ง...สอง...สาม..."

พออายนับเลขถึงสามผมกับคุณลิลลี่ก็เอาหน้าเข้าใกล้กันอย่างรวดเร็วด้วยความเขินบวกกับไม่รู้ว่ากระดาษจะตกลงมาเมื่อไหร่

"เอ๊ะ? หยาบ..."

พวกผมประกบริมฝีปากเสร็จแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่า มีกระดาษอยู่ตรงหน้าผม

"โห่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

"ไรว้าาา"

"ไม่โรแมนติกซะเลยน้า~"

สรุปก็คือผมกับคุณลิลลี่ไม่ได้จูบกัน เพราะกระดาษกั้นไว้อยู่

"เห้อ...เกือบไป" ผมถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

ผมกับคุณลิลลี่ค่อยเอาหน้าออกจากกัน กระดาษเลยตกไปที่พื้นผมเลยจะก้มไปหยิบกระดาษนั้น

เมื่อผมยื่นกำลังจะหยิบกระดาษที่ตกอยู่ที่พื้น มือของคุณลิลลี่ที่กำลังจะเก็บกระดาษเหมือนกันก็มาแตะโดนมือผมโดยบังเอิญ ผมเลยกระชากมือออกไปด้วยความตกใจ

คุณลิลลี่ที่เห็นดังนั้นจึงเป็นคนเก็บกระดาษขึ้นมาแทน

"ข...ขอโทษครับ"

"Don't worry"

[คำแปล : ไม่ต้องคิดมาก]

เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมและรีบเดินออกจากห้องไป

"เห้อ...นี่เราทำเขาโกรธรึเปล่านะ"

"โกรธเพราะไม่ได้จูบกันหรอครับ~"

"ใช่แน่ ๆ"

"ยังจะมาแซวกันอีก!"

.

.

.

ลิลลี่เดินออกมาหน้าห้องพร้อมกับนั่งยอง ๆ ข้างประตูห้อง

'โล่งอกไปที ตินยังเหมือนเดิมสินะ' เธอคิดในใจพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

เธอก้มหน้าลงมองไปที่กระดาษที่เก็บมาแล้วเอาฝั่งที่ต้นจูบเมื่อกี้หันเข้าหน้าตัวเอง

เธอคิดอยู่สักพัก และดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว เลยค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปหากระดาษที่มีรอยริมฝีปากของต้นพร้อมกับทำปากจู๋ไว้

'แบบนี้จะเรียกว่าจูบทางอ้อมได้ไหมนะ...' เธอคิดพร้อมกับค่อยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ

ในจังหวะที่ริมฝีปากของเธอใกล้จะประกบกับกระดาษแล้ว...

"คุณลิลลี่อยู่ไหม?"

"?!?!"

ต้นก็ยื่นหน้าออกมาจากประตูห้องพร้อมกับเรียกหาลิลลี่ทำให้ลิลลี่ตกใจเป็นอย่างมากและก็เผลอทำกระดาษหลุดมือไป

"อ๊ะ! คุณลิลลี่อยู่ตรงนี้นี่เอง คาบต่อไปจะเริ่มแล้วนะครับ"

ต้นพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับยื่นมือมาให้เธอ

"อื้ม!"

ลิลลี่ตกใจกับการกระทำของต้นนิด ๆ แต่สุดท้ายก็จับมือต้นอยู่ดี แล้วต้นก็ฉุดเธอขึ้นมาแล้วกลับเข้าไปในห้องเรียน

.

.

.

"หึ ๆ อย่างงี้นี่เองได้เห็นของดีเข้าซะแล้ว"

มีชายคนหนึ่งที่แค่บังเอิญเดินผ่านมาก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างของต้นกับลิลลี่เข้าให้ซะแล้ว

ชายคนนี้เป็นใครกันนะ? เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อนะ? โปรดติดตามชม!

ขออภัยที่ลงช้านะครับ พอดีมีงานเทศกาลวันแม่+ไปต่างจังหวัดพอดี

YKUNGcreators' thoughts