เหตุการณ์หลังจากโรจาปักมีดใส่มือเอลด้าแล้วลงไปชั้นใต้ดิน
เมื่อแน่ใจว่าเสียงในบ้านเงียบ กลุ่มคนในสลัมประมาณ 7 คนก็แอบย่องเข้ามา
หัวโจกกลุ่มคือพี่ชายของชายที่โดนบุยซ้อมละข่มขู่ให้บอกเรื่องกิลด์หาตัวเด็กผมสีดำ
ตอนแรกคิดจะมาหักแขนขาให้บุยขยับไม่ได้ แล้วทิ้งให้ฝูงมอนสเตอร์จากดันเจี้ยนแตกฆ่ามัน
แต่พอเห็นเด็กตรงตามที่กิลด์กำลังหา ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มกริ่ม
หลังช่วยกันดึงมีดออกเพราะมีดปักแน่นมาก พวกมันก็เอาทั้งเอลด้าและมีดไปด้วยเพราะดูราคาแพง
ตอนแรกพวกมันจะตรงไปให้กิลด์เพื่อแลกกับเงิน แต่เพราะเด็กผมดำตอนนี้เป็นที่ต้องการ
ยิ่งหลังมีการประกาศไปทั่วอาณาจักรเรื่องดันเจี้ยนแตกในสลัม คนในสลัมทุกคนต่างออกปล้นคนที่อ่อนแอกว่าทันที
เพราะไม่รู้อีกนานเท่าไหร่กว่าดันเจี้ยนจะถูกทำลาย บ้านในสลัมก็ไม่มีให้อยู่ เขตเมืองชั้นนอกก็ต้องมีเงินเช่าบ้าน
ทำไม่ได้แม้แต่จะนอนข้างถนนในเขตเมืองได้เพราะทหารจะออกมาขับไล่ อยู่นอกกำแพงก็รอวันอดตายไม่ก็ถูกอสูรจับกินได้เลย
ทางเดียวที่เหลือคือต้องเดินทางไปเมืองอื่น ลำพังการเดินคงไม่ไหวจึงต้องพึ่งรถเกวียนหรือรถม้าพาไป
และการเดินทางพวกนี้ก็ต้องใช้เงิน
พวกมันที่แบกเด็กที่กิลด์กำลังต้องการตัว จึงเป็นที่หมายปองของหลายคน
มีดซ่อนได้แต่เด็กซ่อนยาก ต่อให้เอาผ้าคลุมมาปิดหัวก็มีแต่เพิ่มความสงสัยและถูกดักปล้นอยู่ดี
พวกมันจึงเอาเอลด้ากับมีดไปขายให้นายหน้าที่รู้จัก แม้จะโดนกดราคาก็ตกลงขาย
เพราะนายหน้าคนนั้นก็ต้องการหนีกลับไปที่เมืองอื่นอยู่แล้ว จึงรับซื้อทุกอย่างในราคาถูกแล้วเอาบางส่วนไปขายให้พวกพ่อค้าที่กำลังอพยพหนีเหมือนกัน
และเก็บบางส่วนเอาไปฟันกำไรที่เมืองอื่น
"อีกนานไหมวะ! ขบวนรถม้าของข้าจะมาถึง!"
"เอ่อ... อ๊ะ มาแล้วครับๆ"
"รีบขนขึ้นไปสิวะ! ขนให้หมด! ส่วนนังเด็กผมดำคนนั้นเอาขึ้นรถข้า!"
*****
ลาสวิน นักผจญภัย [แรงค์ A] เจ้าของฉายา วายุคลั่ง
ขนาดใช้ความเร็วสูงสุดยังเสียเวลาตั้งนานกว่าจะถึง
และเพื่อไม่ให้โดนผลกระทบจากลมพายุของฉัน ก็ต้องคลายและลดความเร็วลงก่อนถึงสำนักงานหลัก ทำให้ช้าเข้าไปอีก
ฉันลงจอดตรงสนามประลองที่ไม่มีใครใช้ แต่เสียงของลมก็ดังจนพนักงานกับนักผจญภัยแห่กันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"เอ๊ะ! คุณลาสวินนี่"
"สวัสดีค่าท่านลาสวิน ดิฉันเป็นแฟนคลับตัวยงท่านเลยค่ะ"
"วันนี้มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวดิฉันจะรีบจัดการให้ทันทีเลย"
"เปิดทางด้วย! เปิดทาง! คุณลาสวินจะเข้าไปข้างใน"
และเหล่านักผจญภัยที่มาติดต่องาน
"เฮ้ยเพื่อนดูนั่น วายุคลั่งตัวเป็นๆ"
"นายเห็นพลังของเธอตอนเธอลงจอดมั้ย โคตรสุดยอดเลย"
"เธอโคตรเท่เลย ฉันอยากบินไปบนฟ้าแบบเธอได้บ้างจัง"
"สักวันข้าจะเป็นแบบเธอให้ได้"
"อยากแต่งงานกับคุณคร้าบบบ!"
"อึก!! [แรงค์ A] นี่อยู่คนละระดับกับเราเลยแฮะ"
ฉันไม่สนใจพวกมันแล้วถามหาหัวหน้าสำนักงานหลักจากพนักงานทันที
"ถ้าท่านโรเซ่นล่ะก็ ตอนนี้นั่งพักจิบชาอยู่ในห้องส่วนตัวค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลาสวินมีเรื่องเร่งด่วนไหมคะ ดิฉันจะรีบไปแจ้งให้"
"ไม่ต้องเดี๋ยวฉันไปเอง"
ฉันรีบออกจากกิลด์แล้วลอยตัวพุ่งขึ้นไปที่ชั้นบนสุดที่ชั้น 10
เมื่อเจอห้องส่วนตัวฉันก็ง้างหมัดโดยใช้เวทลมสว่านสีดำคลุมไว้แล้วชกเข้าไปที่บาเรียเต็มแรง
ลมสว่านหมุนเจาะบาเรียอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็สลายหายไปเพราะฉันยกเลิก
บาเรียแทบไม่มีรอยขีดข่วน แต่นั่นก็เพียงพอให้แจ้งเตือนไปยังเจ้าของห้องแล้ว
ไม่นานโรเซ่นก็เปิดหน้าต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"ทำไมดูรีบร้อนยังงั้นล่ะ คุณลาสวิน"
ชายผมสีเทาสวมแว่นตาเท้าคางบนหน้าต่างพร้อมกับยิ้มให้ฉัน
ฉันไม่มีเวลาให้เสียจึงตรงเข้าประเด็นทันที
"พวกโง่ในสลัมมันเลี้ยงดันเจี้ยนไว้! ตอนนี้ดันเจี้ยนแตกแล้ว!"
โรเซ่นหุบยิ้มแล้วเลิกเท้าคางในทันที เขาเดินกลับไปที่โต๊ะส่วนตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
มันทำมาจากแร่ชนิดหนึ่งที่ขุดได้จากในดันเจี้ยน มีคุณสมบัติในการส่งผ่านเสียงไปยังแร่ชนิดเดียวกัน
โดยนักวิจัยทำการปรับปรุงจนสามารถใช้งานได้สะดวกและหลากหลายยิ่งขึ้น
แต่ก็ยังต้องใช้แร่พลังงานที่พบในดันเจี้ยนมาเติมพลังเพื่อให้ใช้งานได้
ซึ่งโทรศัพท์ของโรเซ่นสามารถติดต่อไปยังทุกเครื่องที่ติดตั้งไว้ในสำนักงานได้
และโรเซ่นก็เลือกให้ติดต่อไปยังทุกชิ้นในสำนักงานและเปิดการใช้งานแบบกระจายเสียง
"โนนา! บินขึ้นมาหาผมที่ห้องส่วนตัวด่วน!"
เสียงประกาศดังไปทั่วทั้งสำนักงาน ไม่นานหญิงสาวเผ่าฮาร์ปีก็บินพุ่งขึ้นมาอยู่ข้างตัวฉันอย่างรีบร้อน
"มาแล้วค่ะท่านโรเซ่น มีอะไรด่วนให้รับใช้คะ"
"ไปที่สลัม ตรวจดูว่ามีดันเจี้ยนแตกจริงไหม ถ้ามีทำลายตุ๊กตาคู่รักเลย ถ้ายื้อไหวก็ยื้อให้หน่อย แต่อย่าฝืน ไม่ไหวก็รีบแจ้งนักผจญภัยแถวนั้นให้เตรียมสู้ศึกไปเลย ส่วนลาสวินรีบเข้ามาคุยกันในห้อง"
โรเซ่นเปิดลิ้นชักแล้วหยิบตุ๊กตาคู่รักที่กอดกันแน่นออกมา เขาดึงมันแยกออกจากกัน แล้วโยนตัวนึงให้โนนา ก่อนยกเลิกบาเรียให้ชั่วคราว
ฉันสร้างลมสีดำคลุมรอบตัวโนนา
"มันจะช่วยเร่งให้เธอไปถึงเร็วขึ้น"
"ขอบคุณค่ะลาสวิน แล้วจะรีบแจ้งผลให้ทราบโดยไวค่ะท่านโรเซ่น"
แล้วโนนาก็บินพุ่งจากไป ส่วนฉันรีบลอยตัวเข้าไปข้างใน
"อธิบายมาได้เลย"
โรเซ่นถึงบางครั้งจะชอบเล่นมุกว่าอยากรวย ไม่อยากทำงานหรืออยากไปนั่งกินนอนกินในเขตขุนนางก็เถอะ
แต่เท่าที่เคยร่วมงานกันมา โรเซ่นเหมาะกับการเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาหลักที่สุดแล้ว ก็เพราะความเฉียบคมและรวดเร็วในการตัดสินใจและออกคำสั่ง
"ดันเจี้ยนพบที่ท่อระบายน้ำเก่า พวกกลุ่ม [หนูผี] มันเลี้ยงเอาไว้ สำรวจชั้นหนึ่งแล้ว พวกโง่นั้นไม่รู้ว่ามีทางไปชั้นต่อไป"
"ดันเจี้ยนประเภทไหน"
"ทะเล"
ฉันพูดด้วยเสียงเครียด จนคนฟังตกตะลึงเกือบทำถ้วยชาหลุดจากมือ
แต่แล้วโรเซ่นกลับฉีกยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"อะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อาณาจักรนี้สบายแล้วล่ะ ผมก็ด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
"สบายบ้าอะไรของนาย! หยุดเล่นมุกซะที! นี่มันเรื่องฉุกเฉินนะ!"
โรเซ่นเอานิ้วจุ๊ปาก
"ฟังผมอธิบายก่อนน่า ถ้าเป็นดันเจี้ยนทะเลจริง สลัมจะถูกราชาสั่งกวาดล้างแล้วสร้างเป็นตลาดค้าเกลือแทน เธออาจจะไม่รู้แต่เรานำเข้าเกลือปริมาณมหาศาลและแพงมากจากทางตอนใต้ การมีดันเจี้ยนทะเลเกิดในเขตของอาณาจักรเรา แถมยังอยู่ในกำแพงเป็นเรื่องที่ดีราวกับเทพธิดาอวยพรให้อาณาจักรเราเลย เพราะถ้าอยู่นอกกำแพงคงได้วุ่นวายสู้รบแย่งชิงกับอาณาจักรอื่นแน่"
ดูแล้วมันน่าจะพล่ามไปเรื่อย ฉันจึงทุบโต๊ะเสียงดังโครมเพื่อเรียกสติมัน
"ฉันบอกว่าไง! ดันเจี้ยนแตก! แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามีกี่ชั้น! มอนสเตอร์ทั้งหมดในนั้นยกเว้นบอสกำลังออกมาแล้วนะ! แล้วมันก็ยังอยู่ในกำแพงด้วย!"
"นักผจญภัยเอาอยู่น่า มีหลายกิลด์ไปตามหาเด็กอยู่นี่ กิลด์ใหญ่ก็ไปกันตั้งหลายกิลด์ พวกนั้นคงดีใจซะด้วยซ้ำที่ได้ล่ามอนสเตอร์ประเภทปลามากินฟรี ใครๆ ก็รู้ว่าปลานำเข้ามีราคาแพงจนมีแค่ขุนนางกับเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่ได้กิน"
นี่ฉันคิดผิดมาตลอดเหรอ ที่คิดว่ามันฉลาดและเหมาะสมกับตำแหน่ง
"รับชาหน่อยมั้ย... ไม่เหรอ"
ฉันได้แต่อึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนของโรเซ่น ในขณะที่มันพล่ามไม่หยุด
"อย่าเครียดไปเลยน่า ผมจะเสนอชื่อเธอว่าเป็นคนค้นพบคนแรกให้ราชาแน่ เธอคงได้รางวัลจนไม่ต้องเป็นนักผจญภัยไปอีกนานเลย หรือจะเอารางวัลไปเปิดธุรกิจที่เมืองชั้นในก็ดีนะ เธออาจเป็นเสือนอนกินไปเลยก็ได้ ไม่ต้องมาเสี่ยงตายในดันเจี้ยนอีกตลอดชีวิต"
เสียเวลา โคตรเสียเวลาเลย ถ้าไม่ติดกฎของสำนักงานฉันแทบอยากจะพุ่งออกไปจัดการพวกมอนสเตอร์ที่สลัมแล้วด้วยซ้ำ
เพราะสิ่งที่ฉันบอกมันเป็นเรื่องใหญ่มาก ตามกฎคนที่มารายงานต้องถูกควบคุมตัวไว้ หากเป็นความเท็จฉันจะถูกจับขังคุกแล้วไต่สวนความผิดในทันที ข้อหายุยงปลุกปั่นหรือสร้างความแตกแยกโกลาหลให้อาณาจักร
ถ้าออกไปตอนนี้ กฎจะถือว่าฉันพูดเท็จและคิดจะหนีความผิด
โรเซ่นจะระดมกำลังคนมาจับฉันทันทีตามกฎจนเสียเวลา แทนที่จะเอากำลังไปจัดการมอนสเตอร์ที่หลุดออกมาแทน
ฉันจึงต้องทนฟังโรเซ่นมันพล่ามแต่เรื่องเงิน เงิน เงิน กับตำแหน่งของมัน
คงอยากเป็นขุนนางจนตัวสั่นเลยล่ะสิ ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่มันพูดเล่นมาตลอดคือใจจริงของมัน
ในเมื่อได้แต่นั่งรอ ฉันจึงถามออกไปเผื่อมันจะมีคำตอบช่วยให้ฉันเบาใจขึ้น
"ถ้าพวกกิลด์ใหญ่รับมือไม่ไหวแล้วมอนสเตอร์หลุดออกจากกำแพงหรือเข้าไปในเขตเมืองล่ะ จะทำยังไง"
"อ๋อ กังวลเรื่องนั้นเองเหรอ"
โรเซ่นจิบชาพร้อมกับโบกมือให้อย่างสบายใจ
"คนคนเดียวก็เอาอยู่ สบายมากน่า"
"แล้วถ้าเขาพลาดล่ะ..."
โรเซ่นแทบจะพูดสวนฉันทันที
"ไม่มีทาง ต้องบอกว่าไม่มีวันเป็นไปได้ ต่อให้จะมีกี่ชั้น ดันเจี้ยนประเภทน้ำก็เป็นแค่ของค่าเวลาสำหรับเธอ"
"แล้วคนที่ว่าน่ะใคร"
"ก็..."
ตอนนั้นเองที่ตุ๊กตาคู่รักกรีดร้องแล้วแตกสลายกลายเป็นฝุ่นไป
"สุดยอดดดด! วะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เธอทำดีมากลาสวินที่มาแจ้งผมก่อน! ปกติแล้วก็ต้องแจ้งผมก่อนอยู่แล้วนี่เนอะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า----"
โครม!!!!!
ฉันหุ้มหมัดด้วยลมสีดำแล้วทุบโต๊ะของมันจนพังด้วยความโมโห
"นักผจญภัยกับประชาชนข้างนอกกำลังจะตายห่า! ยังเสือกมีหน้ามาหัวเราะอีกเหรอวะ! ลองออกไปสู้เองดูไหม!"
"เฮ้อ... ก็ควรแล้วที่เธอจะเป็นนักผจญภัยไปตลอดชีวิต ผมคิดว่าต่อให้ได้รางวัลมา เธอก็คงเอาไปช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกล่ะสิ"
"แล้วจะจัดการยังไง! เข้าเรื่องสักทีได้มั้ย! ตามตัวคนที่นายว่ามาด่วนเลย!"
"ตามทำไมให้ยุ่งยาก เธอนั่นแหละต้องไปบอกเอง"
"หมายความว่าไง!"
"ก็คนที่สามารถจัดการดันเจี้ยนประเภทน้ำได้ด้วยตัวคนเดียว ในอาณาจักรนี้ก็มีแค่นักผจญภัยที่ได้รับฉายาว่า ทุ่งน้ำแข็ง ท่านเลร่าไง"
ฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
"ดันเจี้ยนที่มีแต่น้ำพรรค์นั้น ท่านเลร่าสามารถแช่ทีเดียวได้ถึงชั้น 10 ทีนี้จะปล่อยให้มอนสเตอร์พวกนั้นตายช้าๆ หรือฆ่าทิ้งก็แล้วแต่ท่านเลร่าจะตัดสินใจ ต่อให้มันหลุดมา พวกมันที่เป็นมอนสเตอร์ธาตุน้ำ แถมยังฤดูหนาวแบบนี้ ท่านเลร่าก็แค่ใช้เวทสนามเปลี่ยนสลัมให้เป็นทุ่งน้ำแข็งยังได้ เห็นมั้ยล่ะว่าคนคนเดียวก็จบเรื่องนี้ได้ เสียดายที่ท่านชราแล้วไม่งั้นอีกสักสิบยี่สิบปี อาณาจักรเราคงมี [แรงค์ S] จริงสักๆ คน ไม่ใช่ [แรงค์ S] ที่จ่ายค่าจ้างเพื่อยืมชื่อเขามาคุ้มกะลาหัว"
ฉันจับคอเสื้อมันกระชากมา
"ฟังให้ดีนะไอ้แว่นปัญญาอ่อน! ติดต่อไปหาราชาหรือใครก็แล้วแต่ในราชวงศ์ซะ ให้เขาแจ้งอพยพกับส่งกำลังทหารมาช่วยเดี๋ยวนี้!"
โรเซ่นปัดมือฉันพร้อมกับสลายลมสีดำที่หุ้มมือฉันออกได้อย่างง่ายดาย
"เพราะอารมณ์ดีหรอกนะ คราวนี้ผมจะไม่ลงโทษเธอ แต่อย่าได้เอามือสกปรกมาแตะต้องผมที่กำลังจะได้กลายเป็นขุนนางอีก"
ไม่นึกเลยว่ามันจะเน่าในได้ขนาดนี้
"ท่านเลร่าเสียแล้ว พึ่งเสียไปได้ไม่นานนี้ รีบติดต่อไปถามที่กิลด์ [เวทกังวาน] ซะ แล้วเลิกฝันกลางวันได้แล้ว ถ้าเมืองฉิบหายแกก็เตรียมถูกราชาสั่งประหารได้เลย"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนพุ่งออกจากห้องไปโดยไม่สนใจมันอีก
"ละ ล้อเล่นแรงไปมั้ยเนี่ย อะ ฮ่า ๆ ๆ ..."
*****
โรเซ่น นิลเลี่ยน หัวหน้าสูงสุดของสำนักงานดูแลนักผจญภัยสาขาหลัก มีอำนาจครอบคลุมทุกสาขา
ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ลาสวินมันก็แค่โมโหจนอำผมเล่นเท่านั้นแหละ
ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยวะ?!!
นิสัยลาสวินมันไม่ชอบโกหกหรือเล่นมุกด้วยสิ
ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรสั่งให้แผนกติดต่อ ติดต่อไปสอบถามเรื่องคุณเลร่าที่กิลด์ [เวทกังวาน]
เป็น 3 นาทีที่ยาวนานเท่ากับชั่วชีวิต
ปลายสายเป็นเสียงสะอื้นไห้และโศกเศร้าของพนักงานที่แจ้งกลับมาว่า
ท่านเลร่าจากไปด้วยโรคชราภาพที่กิลด์ [เวทกังวาน] แล้วจริงๆ
ผมทำโทรศัพท์ตกจากมือพร้อมกับทรุดตัวลงไปบนพื้น
ฉิบหายแล้ว... ชีวิตผม
ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดการใช้งานเป็นกระจายเสียงแล้วตะโกนสุดเสียง
"ติดต่อไปที่พระราชวังเดี๋ยวนี้! ขอความอนุญาตจากท่านราชาให้ใช้ประกาศสภาวะฉุกเฉิน! เราพบดันเจี้ยนแตกภายในสลัม!"
แล้วทั้งสำนักงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย