แสงอาทิตย์เริ่มที่จะสาดส่องลงสู่ผืนดินอันกว้างใหญ่บอกให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลารุ่งสาง นกฝูงเล็กฝูงน้อยต่างก็โบยบินอย่างอิสระอยู่บนท้องฟ้าสีแสด สายลมพัดสะบัดกระทบกับอาคารขนาดใหญ่สูงหลายชั้นที่ถูกประดับประดาไปด้วยกระจกใสบานใหญ่หลายร้อยบานเพื่อวัตถุประสงค์เดียวซึ่งก็คือ การที่ผู้คนในอาคารจะได้มองเห็นทิวทัศน์ภายนอกอาคาร เครื่องบินเป็นสิบ ๆ ลำ จอดเรียงรายกันอยู่หน้าอาคาร มีบางลำที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตรงกันข้ามกับเครื่องบินลำหนึ่งที่กำลังบินลงมาจากอากาศพร้อมที่จะลงจอดสู่พื้นดินแล้ว มันค่อย ๆ ลดความเร็วและทะยานต่ำลงเรื่อย ๆ จนถึงผืนดินอันกว้างใหญ่ที่ถูกปูด้วยคอนกรีตและมีสีวาดไว้เพื่อเป็นเส้นทางให้เครื่องบินลงจอดได้อย่างสะดวกและถูกต้องตามตำแหน่ง แล้วเครื่องบินลำนั้นก็เคลื่อนไปเทียบกับสะพานเทียบเครื่องบินหรือที่รู้จักกันในชื่อของงวงช้าง เมื่อเครื่องบินจอดสนิทประตูของเครื่องที่อยู่ตรงกับตำแหน่งของงวงช้างก็เปิดออก พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินค่อย ๆ เรียกผู้โดยสารจากแถวหน้าลงจากเครื่องตามมาด้วยแถวอื่น ๆ ที่อยู่ถัดไป ผู้โดยสารมากมายค่อย ๆ ทยอยกันออกจากเครื่องบินอย่างเป็นระเบียบ อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่กรุงเทพหรือก็คือเมืองหลวงของประเทศไทยทำให้มีทั้งนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มากันเป็นครอบครัวปะปนกันไปกับคนไทยอยู่เยอะแยะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากเครื่องบินพร้อมกับกระเป๋าสะพายหนึ่งใบและกระเป๋าเดินทางอีกหนึ่งใบ และเธอก็เป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายที่ออกจากเครื่องบินลำนั้น หญิงสาวคนนั้นสูงไม่มากนักแต่ก็มีหุ่นที่ค่อนข้างดี เธอมีผมสีน้ำตาลเข้มยาวไปถึงกลางหลัง ตาของเธอก็สีน้ำตาลเช่นเดียวกับผมของเธอ หญิงสาวคนนั้นเดินตรงไปยังที่หยิบสัมภาระ เมื่อเธอไปถึงเธอก็หาสัมภาระของตัวเองเมื่อหาเจอก็หยิบออกมาไว้รวมกันกับกระเป๋าเดินทางที่เอาลงมาจากเครื่อง มันเป็นกระเป๋าเดินทางสีเถาเข้มขนาดใหญ่สองใบ หลังจากนั้นเธอก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับสายพานที่เธอไปหยิบกระเป๋ามา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ใส่เคสสีน้ำเงินออกมาพร้อมกับส่งข้อความหาใครบางคนว่า " ถึงแล้วนะ " ก่อนที่เธอจะลุกและเดินออกไปเพื่อจะไปขึ้นรถไฟฟ้านั่นเอง แต่เมื่อเธอเดินมาได้สักพักก็พบว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่
" นี่ ๆ หมิง ฉันอยู่ตรงนี้ " หญิงสาวที่อยู่ทางด้านซ้ายของเธอกำลังโบกมือทั้งสองข้างทักทายอยู่ เมื่อหมิงเห็นก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบลากกระเป๋าเดินทางทั้งสามใบไปหาเธอคนนั้น แต่หญิงสาวที่เรียกหมิง กลับวิ่งมาถึงเธอก่อนเพราะว่ากระเป๋าที่หมิงลากมามันหนักมาก
" ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงจังเลย " หญิงสาวคนั้นเข้ามาโอบกอดหมิงด้วยหน้าตายิ้มแย้มและมีความสุข เธอมีรูปน่างสูงเพรียวเหมาะจะเป็นนางแบบ ตาและผมของเธอสีน้ำตาลแดง แต่เธอมัดผมไว้อยู่ทำให้ผมของเธอนั้นดูสั้นกว่าของหมิงมาก
" อะไรกัน พวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อเดือนที่แล้วอยู่เลย " หมิงกอดเธอกลับและตอบอย่างตรงไปตรงมา
" แหม ก็ฉันกลัวนี่นาว่าเพื่อนสุดสวยของฉันจะถูกหนุ่มไหนลักพาตัวไปรึเปล่า "
" อย่ามาเว่อร์น่าไอซ์ " แล้วพวกเขาทั้งสองก็หัวเราะกัน
หลังจากนั้นหมิงและไอซ์ก็เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าในสนามบินเพื่อที่จะได้เข้าสู่ตัวเมืองของกรุงเทพ
และแล้วพวกเธอทั้งสองก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าขบวนที่จะไปถึงบริเวณที่หอพักของหมิงอยู่ ข้างในรถไฟฟ้าค่อนข้างสะอาดและมีคนไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางทำให้ยังไม่ค่อยมีคนใช้รถไฟฟ้าสายนี้ พวกเธอจึงสามารถเลือกที่นั่งได้อย่างอิสระและวางกระเป๋าไว้ข้าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ
" นอนก่อนก็ได้นะ น่าจะอีกสักพักกว่าจะถึงสถานีที่พวกเราจะลง " ไอซ์พูดกับหมิงที่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้นอนมาทั้งคืน
" ไม่เป็นไรหรอกฉันได้นอนบ้างแล้วตอนอยู่บนเครื่องน่ะ เธอนั่นแหละที่ควรนอนเพราะต้องตื่นเช้ามาช่วยฉันขนกระเป๋า " หมิงพูดด้วยความรู้สึกผิดนิด ๆ
" แหม ๆ ไม่เห็นเป็นไรเลยต่อให้ดึกดื่นเที่ยงคืนฉันก็มาช่วยเธออยู่ดีนั่นแหละหมิง ก็เธอเป็นเพื่อนที่สำคัญของฉันนี่นา "
" ขอบคุณนะ "
แล้วพวกเขาก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ ตอนที่พวกเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเรื่อยเปื่อยรอเวลาให้รถไฟฟ้าไปถึงสถานีที่พวกเธอจะลง
" ช่วงนี้ไม่มีปัญหาอะไรนะ " ไอซ์ถามด้วยความเป็นห่วง
" ไม่มีปัญหาอะไรเลย ช่วงนี้สบายสุด ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า " หมิงยิ้มน้อย ๆให้ไอซ์
" แน่ใจนะ " ไอซ์ดูเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่หมิงพูดเพราะเธอรู้จักหมิงมานานทำให้รู้โดยสัญชาตญาณว่าหมิงกำลังปกปิดบางสิ่งอยู่
" ก็มีนิดหน่อยแหละ ก็แค่ทะเลาะกับพ่อนิดหน่อยเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก " หมิงรู้สึกหดหู่นิดหน่อยหลังจากที่เธอพูดไป
" แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร " ไอซ์รู้สึกเป็นห่วงหมิงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเธอรู้ว่าหมิงพึ่งงทะเลาะกับพ่อมา
" อืม ไม่เป็นอะไรเลย ตอนนี้ฉันมาอยู่กรุงเทพแล้วไม่จำเป็นต้องไปเครียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นแล้ว ฉันจะเป็นคนใหม่ให้ได้ตอนเข้าโรงเรียนใหม่ " หมิงพูดให้กำลังใจตัวเองและทำให้ไอซ์เป็นห่วงน้อยลง
" โอ้โห นี่ลูกแม่เติบโตมาขนาดนี้แล้วสินะ ภูมิใจจริง ๆ เลย " ไอซ์พูดเพื่อลบบรรยากาศไม่ดีออกไป
" อะไรกันคะคุณเพื่อน ฉันอายุน้อยกว่าเธอแค่แปดเดือนเอง " หมิงกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งแล้วทั้งสองก็หยอกล้อกันอย่างสนุกสนานตามเคย หลังจากนั้นไม่นานประตูรถไฟฟ้าก็เปิดออกแต่ครั้งนี้ก็ยังไม่ใช่สถานีที่หมิงและไอซ์จะลง
" ยังไม่ถึงอีกหรอเนี่ย " หมิงเริ่มเบื่อที่ต้องนั่งในรถไฟฟ้านาน ๆ
" ก็บอกอยู่ว่านานจะรีบทำไมตอนนี้ยังไม่แปดโมงเลยนะ "
ก่อนที่ประตูจะปิดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาจนเกือบจะไม่ทันขึ้นรถไฟฟ้า เขาตรงไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอ หมิงและไอซ์ที่พึ่งจะได้สังเกตรอบ ๆ เพราะเห็นชายหนุ่มคนนั้นวิ่งเข้ามา ก็พบว่าในตอนนี้รถไฟฟ้าเริ่มที่จะมีคนมากขึ้นแล้วถึงจะยังไม่มากสักเท่าไหร่ก็ตามที ที่นั่งหลายตัวยังคงถูกเว้นว่างไว้ ผ่านไปซักพักหมิงและไอซ์ก็สังเกตได้ว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังมองพวกเธออยู่ หน้าของเขาแดงเล็กน้อย
" นี่ ๆ หมิง เธอคิดว่าเค้ามองพวกเราอยู่ป่ะ " ไอซ์กระซิบเบา ๆ ไม่ให้คนอื่นได้ยิน
" นั่นสิ ฉันก็คิดแบบนั้นน่ะ " หมิงก็กระซิบกลับไปหาไอซ์
" เขามองเราทำไมอ่ะ "
" แล้วฉันจะไปรู้มั้ย แต่เขาเหมือนหน้าแดงหน่อย ๆ นะ "
" ฉันว่าเขาอายุเท่าเรานะหมิง "
" นั่นสิ ว่าแต่เหมือนเขาจะรู้นะว่าเรากำลังมองเขาอยู่ " หมิงเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองเขาอย่างลับ ๆ และก็พบว่าเขาหันหน้าหนีอย่างเห็นได้ชัด
" หรือว่าเขาแอบชอบฉัน หมิง เธอว่าเป็นไปได้ป่ะ " ไอซ์ที่มั่นใจในหน้าตาตัวเองแต่เธอก็เป็นคนสบาย ๆ ทำให้เธอพูดเล่น ๆ เรื่องหน้าตาของเธอบ่อย ๆ ให้หมิงฟัง
" ไอซ์ " หมิงทำหน้าตาเฉยชาเชิงเบื่อหน่ายพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
" อะไรหรอ " ไอซ์ตอบในขณะที่เธอกำลังมองชายหนุ่มคนนั้นแบบลับ ๆ อยู่
" อย่า. มั่น. หน้า. " เมื่อไอซ์ได้ยินสิ่งที่หมิงพูดก็หันขวับมาหาหมิง
" ไม่ได้มั่นว้อย แค่คนมันเกิดมาสวยอ่ะ " ไอซ์ตอบกลับอย่างรวดเร็วแล้วพวกเธอทั้งสองก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมกันกับที่ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นและค่อย ๆ เดินมาอย่างช้า ๆ ตรงไปที่พวกเธอสองคน หมิงและไอซ์พึ่งจะสังเกตว่าเขานั้นตัวสูงมาก ผมสีเหลืองอ่อน ๆ ของเขาดูยุ่งเหยิง แต่โดยรวมเขาก็ถือว่าหน้าตาดีทีเดียวเชียวล่ะ
" ข…ขอโทษนะครับ " เขาพูดด้วยความเขินอาย
" ทำไมหรอคะ " ไอซ์ตอบด้วยความมั่นใจสูงสุดว่าเขากำลังจะขอไอจีเธอ
" ค…คือว่าผมขอไอจีของคุณหน่อยได้มั้ยครับ " แล้วเขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้หมิงที่ตอนนี้เปิดหน้าค้นหาของแอปอินสตาแกรมไว้อยู่ ไอซ์ในตอนนี้พูดอะไรไม่ออกได้แต่หัวเราะออกมาน้อย ๆ
" ได้สิคะ " แล้วหมิงก็หยิบโทรศัพท์จากชายหนุ่มและเขียนชื่อแอคเคานท์ของเธอลงไปในช่องค้นหา
" เสร็จแล้วคะ " หมิงยิ้มและยื่นโทรศัพท์กลับให้ชายหนุ่มอีกครั้ง ชายหนุ่มดูเขินอายมากขึ้นหน้าของเขาแดงขึ้นเรื่อย ๆ
" ขอบคุณมากครับ " ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์กลับมาและรีบวิ่งออกจากรถไฟฟ้าที่กำลังจอดอยู่
" แหม ๆ " ไอซ์ทำหน้าอิจฉาหมิงเล็กน้อย " เดี๋ยวนี้มีหนุ่มมาจีบแล้วนะเราน่ะ "
" จีบซะที่ไหน เค้าอาจจะแค่อยากรู้จักเฉย ๆ ก็ได้ " หมิงตอบกลับด้วยความใสซื่อ
" ไม่ต้องเลย " หมิงใช้มือทั้งสองข้างของเธอหยิกแก้มของหมิงเบา ๆ
" โอ้ย เอ็บ ๆ ออไอ้แอ้ว " เสียงหมิงเปลี่ยนไปจากการที่ถูกดึงแก้มไปมา
" อะไรนะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย " ไอซ์แกล้งหมิงอย่างสนุก
" พอได้แล้ว ! " ด้วยความโกรธทั้งหมดที่มีของหมิง เธอก็ได้ใช้มือของเธอหยิกแก้มไอซ์กลับบ้าง ทั้งสองไม่ยอมซึ่งกันและกันจนพวกเธอทั้งคู่ได้ยินเสียงประกาสว่าตอนนี้กำลังจะถึงจุดหมายปลสยทางแล้วทำให้พวกเธอหยุดเล่นและเตรียมพร้อมที่จะลงจากรถไฟฟ้าที่นั่งมานานเหลือเกิน
" ในที่สุดพวกเราก็จะถึงแล้ว " หมิงดูดีใจมากที่ตนกำลังจะได้ออกจากรถไฟฟ้า
" รีบไปที่หอแล้วไปกินข้าวกันเถอะ " ไอซ์ก็ดูเหมือนจะไม่อยากอยู่บนรถไฟฟ้าขบวนนี้เช่นกัน
และแล้วในที่สุดประตูของรถไฟฟ้าขบวนนี้ก็เปิดออกพร้อมกันทั้งหมด หมิงและไอซ์เดินออกจากประตูบานที่อยู่ใกล้ที่สุด พบกับชานชะลาที่เต็มไปด้วยผู้คนอันแสนวุ่นวายในยามเช้า
" แบบนี้สิกรุงเทพ ขอต้อนรับสู่เมืองอันแสนวุ่นวายและความเร่งรีบนะหมิง ขอให้สนุกกับการใช้ชีวิตที่นี่นะ " ไอซ์กล่าวในฐานะที่ตนเป็นคนที่เกิดในเมืองหลวงแห่งนี้ เธอเดินไปข้างหน้าหมิงและหันกลับมาพร้อมกับกางแขนทั้งสองขึ้นสู่อากาศทำเอาหลาย ๆ คนที่อยู่บนชานชะลาหันมามอง
" น่า ๆ รีบไปที่หอแล้วหาอะไรกินกันก่อนเถอะนะ " หมิงพาไอซ์ที่กำลังพูดอย่างภูมิใจออกจากชานชะลาเพราะความขายหน้าที่เห็นเพื่อนของตนกำลังทำอะไรแปลก ๆ ในที่สาธารณะ หังจากนั้นพวกเธอก็เริ่มหาทางที่ที่จะไปหอของหมิง
" อืม…จากตรงนี้น่าจะต้องตรงไปอีกสองร้อยเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วล่ะ " หมิงดูแผนที่ในโทรศัพท์และเริ่มเดินไปทางที่แผนที่บอกแต่ไม่ว่าพวกเธอจะเดินไปไกลสักแค่ไหนหรือแม้จะเข้าไปในซอยนับไม่ถ้วนพวกเธอก็ไม่เจอที่ตั้งของหอพักเลยแม้แต่น้อย ' นี่พวกเรามาถูกทางมั้ยเนี่ย ' ไอซ์ถามตัวเองในใจ ' นี่มันก็นานพอสมควรแล้วนะ ไหนหมิงบอกว่าแค่ห้านาทีก็ถึงแล้วแต่นี่มันจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ' เธอเริ่มไม่มั่นใจว่าพวกเธอทั้งสองมาถูกทาง 'เอ๊ะ…เดี๋ยวนะ…หรือว่าหมิงมันดูทางผิดหรอ ยิ่งเป็นพวกซุ่มซ่ามอยู่ด้วยสิ ' แต่ไอซ์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะคิดว่าเธอคิดไปเองและหาหอพักต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานพอสมควรเธอก็อดใจไม่ไหวที่จะไม่ถามออกไป
" หมิง พวกเรามาถูกทางแน่ใช่มั้ย " ไอซ์ถามหมิงเพราะตอนนี้พวกเธอทั้งสองได้หาที่ตั้งขอหอมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
" ไม่รู้สิ ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว " หมิงเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองน่าจะมาผิดทาง
" ฉันขอดูแผนที่หน่อยได้มั้ย " ไอซ์ยื่นมือออกไปเพื่อให้หมิงยื่นโทรศัพท์ของเธอมา
" อ่ะนี่ " หมิงยื่นโทรศัพท์ของเธอให้ไอซ์ แล้วไอซ์ก็ใช้เวลาอยู่สักพักในการดูแผนที่จนเธอถอนหายใจออกมาดัง ๆ
" นี่หมิง ฉันมีอะไรอยากจะบอก "
" อะไรหรอไอซ์ " หมิงมองไอซ์ด้วยความกังวลเล็กน้อย
" เธอลืมเปิดเน็ตมันก็เลยไม่ไปไหนแล้วก็ทางที่พวกเราเดินมาก็เป็นทิศตรงข้ามกับหอพัก " ไอซ์อธิบายสิ่งที่หมิงดูพลาดไปในแผนที่ทั้งหมดจนหมิงอุทานออกมาเบา ๆ
" แหะ ๆ ขอโทษได้มั้ยอ่ะ " หมิงพูดด้วยความรู้สึกผิด
" เห้อ ช่างมันเถอะ " ไอซ์รู้นิสัยหมิงเป็นอย่างดีและเธอก็เป็นเพื่อนหมิงมานาน เธอจึงไม่ได้รู้สึกโกรธหมิงสักนิด " รีบไปที่หอแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันหิวแล้ว "
" อื้ม " แล้วหมิงกับไอซ์ก็เดินทางไปที่หอและไม่นานพวกเธอทั้งสองก็ถึงจุดหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเธอเลือกที่จะฝากกระเป๋าไว้กับเจ้าของหอพักไว้ก่อนเพราะตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้วทำให้เธอทั้งสองหิวอย่างมาก
" งั้นพวกหนูขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะคะ " หมิงคุยกับคุณป้าเจ้าของหอ เธอเป็นหญิงชราวัยห้าสิบต้น ๆ ร่างของเธอเตี้ยกว่าหมิงเล็กน้อย ผมหยิกของคุณป้ากลายเป็นสีขาวไปแล้วทั้งหัว นัยน์ตาของเธอเป็นสีดำสนิท คุณป้ามีหน้าตาที่ยิ้มแย้มและดูใจดีมากทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอดูแจ่มใส
" ได้สิจ้ะหนู ๆ รีบไปกินข้าวกันก่อนเถอะ " คุณป้ายิ้มให้พวกเธอก่อนที่หมิงและไอซ์จะเดินออกจากหอพักเพื่อไปหาอะไรกิน
" อ่า…ในที่สุดท้องก็อิ่มสักที " ไอซ์กับหมิงพึ่งจะกินข้าวเสร็จพวกเธอไปกินที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักของหมิงมากนักทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนเดินกลับไปที่หอได้อย่างรวดเร็ว
พวกเธอเดินเข้ามาในหอพักซึ่งอยู่ถัดเข้าไปในซอยแค่นิดเดียว เมื่อเดินเข้าสู่พื้นที่ของหอก็จะพบลานจอดรถอยู่ทางด้านขวาส่วนด้านซ้ายจะเป็นอาคารเพื่อขึ้นสู่ห้องพักที่ทอดยาวตั้งแต่ชั้นสองถึงชั้นแปดไปสู่ขอบสุดของลานจอดรถ เมื่อหมิงกับไอซ์เดินเข้าไปในชั้นแรกของหอพัก พอเดินเข้าประตูบานผลักก็พบกับล็อบบี้ขนาดเล็กอยู่ลึกเข้าไป ล็อบบี้เป็นห้องขนาดเล็กที่มีของใช้พร้อมในการทำงานด้านในก็มีคุณป้าแสนใจดีกำลังเขียนเอกสาารบางอย่างอยู่ ส่วนด้านนอกที่เป็นทางเดินก็มีที่นั่งอยู่สองสามตัววางไว้
" คุณป้าคะ หนูกลับมาแล้วค่า " หมิงเรียกคุณป้าเพื่อที่เธอกับไอซ์จะได้ขึ้นไปดูห้องของเธอหลังจากที่ต้องผ่านเรื่องวุ่น ๆ มาตลอดครึ่งวัน
" มาแล้วจ้า มาแล้ว " คุณป้าเดินออกมาจากห้องที่คุณป้าใช้ในการทำงานพร้อมกับพวงกุญแจที่มีป้ายห้อยไว้พวงหนึ่ง " งั้นพวกหนูจะไปดูห้องเลยมั้ยจ้ะ " เธอยืนรอคำตอบอย่างสบาย ๆ
" ได้ค่ะ " หมิงตอบด้วยความตื่นเต้น แล้วคุณป้าก็นำทางพวกเธอทั้งสองไปยังห้องที่หมิงจองไว้ พวกเธอขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นหกและเดินต่อไปทางด้านขวาไปเกือบสุดทางเดิน คุณป้าหยุดเมื่อเดินถึงห้องหมายเลข 612 ทำให้หมิงและไอซ์รู้ว่านี่เป็นห้องของหมิง แล้วคุณป้าก็ใช้กุญแจที่อยู่ในมือไขประตูที่ถูกล็อกไว้อยู่ หลังจากนั้นพวกเธอก็เข้าไปดูรอบ ๆ ห้อง ตัวห้องนั้นมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็พอที่จะอยู่ได้ถึงสองคน ในห้องมีเตียงขนาดห้าฟุตวางไว้สุดขอบของห้องและมีตู้เสื้อผ้าวางถัดมา นอกจากนี้ยังมีโต๊ะเก้าอี้แล้วก็เครื่องปรับอากาศไว้ให้ด้วย พร้อมทั้งยังมีห้องน้ำในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่หมิงรู้สึกประทับใจที่สุด
" งั้นป้าลงไปก่อนนะ หนู ๆ ก็จัดห้องกันไปแล้วกัน " เมื่อคุณป้าโชว์ห้องเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะลงไปทำงานของเธอต่อ " ออ ใช่สิ " เธอหันหลังกลับมาก่อนที่เธอจะลงไป " วันนี้มีก็เพิ่งจะมีคนย้ายมาข้าง ๆ ห้องของหนูด้วยนะ ห้อง 611 น่ะ " แล้วเธอก็ลงลิฟต์ไป
" ขอบคุณมากค่ะคุณป้า " แล้วหมิงก็ปิดประตูห้อง ' ข้าง ๆ ห้องของเราก็เพิ่งมีคนย้ายมาสินะ ไว้ค่อยไปทักทายแล้วกัน ' หลังจากนั้นหมิงกับไอซ์ก็ช่วยกันจัดของในกระเป๋าบางส่วนจนเลยไปถึงช่วงเย็นทำให้พวกเธอทั้งสองไปกินข้าวเย็นด้วยกันแล้วทั้งสองก็แยกทางกัน ไอซ์ได้กลับบ้านของเธอส่วนหมิงก็กลับมาที่หอพัก
" เหนื่อยจริง ๆ เลยวันนี้ " หมิงคุยกับตัวเอง
" ไว้ค่อยจัดของวันอื่นต่อละกัน " ก่อนที่เธอจะเดินข้ามกระเป๋าและของต่าง ๆ ที่เธอเอามาเพื่อที่จะไปอาบน้ำและกลับมานอนบนเตียงอันแสนนุ่มสบาย