webnovel

ตอนที่ 24 'เอซิสอาย'

อาวุธหายนะกำลังเตรียมพร้อม จักรพรรดิอาเบลเดินขึ้นไปบนแท่นที่ยกสูงเป็นพิเศษ เพื่อล็อคเป้าหมาย ส่วนผมก็ถูกทิ้งไว้ด้านล่างเหมือนเป็นส่วนเกิน

แต่ถ้าคิดจะให้ผมร่วมเป็นพยานในการระเบิดครั้งใหญ่ของดวงดาว ก็ควรจะมีแว่นป้องกันแสงซุปเปอร์โนวาหรือที่ปิดหูให้ผมหรือเปล่า บางทีอาจควรมีชุดป้องกันคลื่นระเบิดหรือป้องกันการสูดละอองเนบิวล่าด้วยมั้ย? มายืนหัวโด่กลางแจ้งแบบนี้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย

ผมมองไปรอบๆหาที่กำบัง แล้วเริ่มสังเกตเห็นว่าบนแท่นชมดาวไม่ได้มีผมคนเดียว ไกลออกไปมีอัลฟ่าหลายคนพร้อมเบต้าคนสนิทยืนดูอยู่เช่นกัน

พวกเขามาทำอะไรกัน? ชมปืนใหญ่หายากหรือว่ามาเพื่อดูจุดจบของศัตรูที่ทำให้ทั้งจักรวาลหวาดกลัว

"ไงไนท์คนใหม่"

ผมคุ้นเคยกับเสียงเรียกอย่างสุภาพแบบนี้ และพอหันไปก็เห็นชายหนุ่มที่มาพร้อมรอยยิ้มเทพบุตร เวอร์ชูว แห่งปีกสันติภาพ 'ไร' อะไรสักอย่าง ผมเรียกชื่อพ่วงท้ายของเขาไม่ถูกสักที

"มาดูการแสดงโชว์ของหายากด้วยเรอะไนท์"

เปล่า ผมโดนลากมา และผมก็ไม่ได้อยากดูชิดจอขนาดนี้ด้วย ในใจผมอยากตอบแบบนี้จริงๆ แต่ก็กลัวมีคนมาได้ยิน

"นายก็มาดูเหมือนกันเรอะ เวอร์ชูว"

เขารับคำแล้วพยักเพยิดไปทางด้านหลัง

"ทุกคนต่างบอกว่ามามองวินาทีสุดท้ายของศัตรูที่โง่เขลากันทั้งนั้นแหละ แต่จริงๆ แล้วหลายคนคงมาเพื่อสอดส่องพลังทำลายล้างของอาวุธที่โด่งดังว่าจะสมคำเล่าลือหรือไม่"

อยากรู้กันขนาดนั้นเลย?

" 'เอซิสอาย' ไม่ได้ยิงมาตั้งเกือบหมื่นปีแล้ว อาเบลแต่ละรุ่นมีอาวุธพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้ในมือ แต่กลับไม่คิดยึดจักรวาล มันชวนให้ข้องใจนะว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือแค่ข่าวลือ"

"ก็ไม่ใช่ทุกคนจะต้องบ้าอำนาจมั้ยนะ?" มีของแต่โชว์บ่อยๆมันก็โหลพอดีสิ เก็บเป็นไพ่ตายสิดีกว่า

"เรอะ?" เวอร์ชูวยิ้มบางๆ "ใครที่ไม่โง่ ก็คงคิดได้ว่ามันอาจมีเหตุผลบางอย่างที่จำกัดการใช้ของจักรพรรดิมากกว่า เพียงแค่ยังไม่มีใครรู้เงื่อนไขนั่น และวันนี้เราจะได้เห็นแล้วไงล่ะ ทุกคนเลยอยากมาพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองถึงอานุภาพของอาวุธในตำนาน"

นายแอบด่าผมอ้อมๆว่าโง่หรือเปล่า ผมหรี่ตาอย่างไม่สบอารมณ์ ส่วนเวอร์ชูวก็คว้ากล้องทางไกลรุ่นโบราณออกมา มีอารมณ์สุนทรีขั้นไหนถึงได้พกกล้องมาส่องการระเบิดดาวได้

แต่พอมองไปรอบๆ อัลฟ่าหลายๆคนก็มีอุปกรณ์เดียวกับเวอร์ชูวเช่นกัน โอ้ว นี่ผมตกเทรนอยู่คนเดียวสินะ เดี๋ยวนี้เขานิยมส่องการระเบิดดาวมากกว่าดาวตกเชยๆกันแล้ว

"คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะบิดเบี้ยวจากการล็อคเป้า จึงใช้ระบบสืบค้นตรวจสอบบริเวณผิวดาวไม่ได้ กล้องรุ่นโบราณพวกนี้จึงเป็นสิ่งเดียวที่มองเข้าไปถึงผิวดาวได้ในเวลานี้" เวอร์ชูวอธิบายแล้วผิวปาก เมื่อกล้องของเขามองเห็นอะไรบางอย่างที่ผิวดาว

"เป็นชาร์เลสนี่เอง กำลังลุยแนวหน้าล่อมันไว้อยู่ คงจะถอยออกมาในวินาทีสุดท้ายล่ะมั้ง กล้าหาญจริงๆ เพื่อนรักของนายคนนี้"

หา ชาร์ลน่ะเรอะ?

"ดูมั้ย?" เวอร์ชูวยื่นกล้องในมือให้ ผมก็คว้ามาโดยไม่รอช้า

เป็นชาร์ลจริงๆด้วย ผมสีส้มเพลิง เขากำลังรับมือกับสัตว์ประหลาดเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้มันหนีออกไปนอกอวกาศ โดยระวังไม่ให้ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ

ในระยะประชิด พี่ใหญ่กับอาวุธแสงคู่ใจกำลังได้เปรียบสัตว์ประหลาดที่ไม่มีอาวุธอยู่หลายขั้นเลยทีเดียว ผมค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะดูเขาจะไม่เสียทีเอาง่ายๆ

แต่ที่ทำให้ผมตกใจจนหน้าซีดกลับเป็นสิ่งอื่น

ดาวเคราะห์ที่อาเบลบอกว่าเป็นดาวร้าง ตอนนี้รอบๆพื้นที่การต่อสู้ของชาร์ลกลับมีคนอีกตั้งมากมาย คนพวกนั้นมีสีหน้าอิดโรย ล้อมดูอยู่ไกลๆจากการต่อสู้โดยไม่เข้ามายุ่ง ดูจากการแต่งกายก็ไม่ใช่ทหารเสียด้วย ประชาชนงั้นเรอะ?

"ทำไมพวกเขาไม่อพยพประชาชนออกไปก่อนล่ะ?" ผมร้องถามอย่างตื่นตระหนก เพ่งมองจนแน่ใจว่าไม่ใช่ภาพหลอน ใจผมก็สั่นรัว ตัวเลขนับถอยหลังกำลังจะสิ้นสุดแล้ว จะทันการได้อย่างไรกัน จากการกะประมาณผมนับได้ตั้งหลายพันคน

เวอร์ชูวผิวปาก เอามือรองท้ายทอย สีหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย

"คงจะเป็นโอเมก้าล่ะมั้ง"

โอเมก้า...

ผมชะงัก รู้สึกว่าประโยคนี้เสียดแทงเข้าไปกลางใจ

เขาจะยิงดาวดวงนี้ทิ้งไปพร้อมกับโอเมก้าบนนั้นเรอะ

[นับถอยหลัง 10 วินาที ก่อน 'เอซิสอาย' จะถึงเป้าหมาย]

กว่าจะรู้ตัวผมก็ออกวิ่งไปแล้ว วิ่งไปหาอาเบลด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ผมนี่มันช่างอ่อนแอจริงๆ ระยะทางแค่นี้กลับชักช้าจนแทบทนไม่ได้

7 วินาที

"อาเบล บนนั้นยังมีประชาชนเหลืออยู่นะ!!"

ผมวิ่งขึ้นไปบนแท่นไม่ทัน จึงใช้การตะโกนแทน อาเบลหันมามองอย่างหงุดหงิด เพราะอัลฟ่าแทบทุกคนหันมาจ้องพวกเราเป็นตาเดียว

ผมรู้ว่าอาเบลไม่ชอบให้ทำตัวสนิทสนมกลางที่สาธารณะ แต่นี่มันชีวิตคนนะ จะให้ผมชักช้าอะไรอีกล่ะ

"พวกนั้นเป็นโอเมก้า" อาเบลตอบห้วนๆ เขาตวัดมือสร้างทางผ่านพิเศษขึ้น ดึงชาร์ลกลับมาในวินาทีที่ 5

[สนามพลังต้านการวาล์ป : ทำงาน]

การเคลื่อนย้ายใดๆหลังจากนี้จะไม่สามารถกระทำได้เป็นเวลา 45 วินาที]

ชาร์ลมายืนเซๆ ในสภาพสะบัดสะบอมเล็กน้อย แต่เขาก็ปลอดภัยดี ผมก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่คนที่เหลือล่ะ?

"อาเบลแล้วนายจะไม่พา..."

อาเบลกรอกตา พ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่าย

"แกมันใจอ่อนไม่เปลี่ยน ไนท์"

หา?

"เจ้าพวกนั้นจำเป็นต้องอยู่ตรงนั้น พวกมันเป็นตัวล่อ"

ตัวล่อ?

3

"หมายความว่าไง อาเบลหยุดก่อน!"

2

"แล้วแกคิดว่าพวกเราล่อมันมาได้ยังไงล่ะ"

1

ตาผมเบิกโพลง ร่างกายเย็นเฉียบไปทุกส่วน

โอเมก้า

มันมาเพราะโอเมก้า...

ลำแสงเส้นตรงพาดผ่านดวงดาว ข้ามดาราจักร ทะลุผ่านทุกสิ่งในจักรวาล เดินทางเป็นระยะทางนับแสนปีแสง เข้าอาบไล้ทั้งดวงดาวสีฟ้า และปีศาจข้างในนั้น หวังให้ทุกสิ่งในเส้นทางดับสูญอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่มีนิยาม หรือไม่มีก็ล้วนถึงจุดสิ้นสุดเดียวกัน