ทางด้านเด็กหนุ่มผมสีเงินตาสีเขียว ยังคงมีท่าทีอันสงบนิ่ง เขานิ่งเงียบ ไม่ต่างไปจากครั้งอดีต มีน้อยคนนักจะรู้ ว่าความในใจของวีรชนเช่นเขาคิดอะไรอยู่ นามของเขาคือ ร็อบ รอบ เรเฟอร์สัน บุรุษผู้เป็นหนึ่งไม่มีสอง ใครคนหนึ่งจะทำลายคำสาปที่ปรากฏมาเพียงแค่การจ้องมอง วีรชนจะร่ำร้องท้าทายต่อความตาย หนึ่งในสามวีรบุรุษไม่หวนคืน ปรากฏตัวมาจากความมืดจะท้าทายผู้เป็นเป้าหมาย เอเลี่ยนประหลาดนั้นจะมาจากดินแดนที่สุดอันตรายปรากฏตัวมาจากช่วงเวลาเลวร้ายไม่ร่ำลา เดินทางผ่านพ้นกาลเวลาข้าไม่คิด ใครคนหนึ่งไร้จิตวิญญานจะไขว่คว้า
จะเดินทางไปให้สุดแสงของดวงดารา ผู้ปรากฏตัวมาในเวลานี้มันไม่อาจหวนคืน เดินทางไปมาระหว่างดวงดาวนั้นไร้แสง ปรากฏตัวมาไม่อ่อนแอไปอีกครั้ง ฟอสฟอรัสเป็นแร่ที่เป็นส่วนประกอบของกระดูก และฟอสฟอรัสขาวเองก็ใช้ทำสสารในกลุ่มของระเบิดได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นส่วนประกอบของสสารจำพวกระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงหลายๆ ชนิด ก็ใช้งานสารเคมีอย่างฟอสฟอรัสนี้เองเป็นส่วนประกอบ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน ร่างสูงมือยาว นิ้วยาว จัดการซึ้อหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน สายตานั้นมันบอกมาเหมือนกับว่าเขาคนนั้นมันจะไม่หวนกลับคืน
แววตานั้นมันบอกมาเหมือนกับว่าใครคนหนึ่งมันคือหนึ่งไม่มีสอง ปรากฏตัวมาเพื่อจะวิวัฒนาการตลอดไป เดินทางมาจากดินแดนที่ไม่มีออกซิเจน เดินทางผ่านพ้นความเวิ้งว้างที่แทบจะเป็นศูนย์องศาสมบูรณ์ ขอแค่มีแสงเป็นแหล่งพลังงานพวกมังกรอวกาศก็สามารถเดินทางข้ามผ่านดวงดาวได้่ง่ายๆ เผ่าพันธ์ที่มีกายสีทอง มีขากรรไกรที่ทรงประสิทธิภาพ และมีหางยาวที่สามารถใช้งานในฐานะอาวุธฟาดได้ในระดับหนึ่ง แต่อาวุธหลักของพวกมังกรอวกาศ จะอยู่ที่กลไกในยานรบมากกว่า เครื่องเร่งอนุภาคที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การโจมตีนั้นมันปรากฏข้ามห้วงจักรวาลได้โดยง่าย สถาวะของอวกาศที่แรงเสียงสานแทบเป็นศูนย์ ทำให้อาวุธอย่างบีมอนุภาค
หรือกระสุนของเรลกัน สามารถมีพลังทำลายได้อย่างมหาศาล ถ้าเราทิ้งแท่งโลหะขนาด 100 ตัน ลงไปที่ดาวเคราะห์ที่มีขนาดเท่ากับโลก โดยไม่มีแรงเสียดทานมาค่อยชะลอความเร็วขณะพุ่งชนแล้่ว พลังทำลายจะที่เกิดขึ้นมามันคือนิวเคลียร์ดีๆนี่เอง และไม่ต้องเสียเวลารวบรวมยูเรเนียมให้ยุ่งยาก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคิือเครื่องเร่งอนุภาค ถ้าใช้งานมันอย่างเหมาะสม แล้วเพิ่มมวลของวัตถุให้ใหญ่มากพอ กระสุนหนัก 1000 ตัน อาจเป่าดาวทั้งดวงให้แหลกเหลวกลายเป็นฝุ่นอวกาศได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเอเลี่ยนมังกรเองก็รู้ ว่าอาวุธประเภทนั้นมันมีต้นทุนพลังงานที่สาหัสเอาเรื่อง การจะขับเคลื่อนวัตถุมวล 1000 ตัน ให้ได้ด้วยความเร็วใกล้เคียงแสง เพื่อสร้าง
อาวุธสังหารดวงดาวนั้น จำเป็นต้องใช้สถานียิงขนาดใหญ่ยักษ์ เพื่อเก็บและสะสมปฏิสสารเอาใว้ให้ได้ในปริมาณทึี่มากเพียงพอ จะเอาไปใช้ยิงดวงดาวทั้งดาวให้ถึงแก่การดับสูญ แต่จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่โลก มันไม่ใช่การยึดครองดาวดวงนี้ แต่เป็นการเตรียมสภาพดวงดาวให้พร้อมต่อการเก็บเกี่ยว เพื่อที่เหล่ามังกรอวกาศเช่นพวกเขา จะลงไปเอาทรัพยากรจากดวงดาวได้โดยสะดวก ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องลดประชากรมนุษย์ และคาร์บอนในอวกาศ เพื่อที่เหล่าสิ่งมีชีวิตสีทองจะใช้ทำให้ดาวดวงนี้ เป็นแหล่งเพาะพันธ์ของโปรโตไทป์ใครคนนั้นรู้ดีกว่าใคร จ่าฝูงของพวกมังกรอวกาศมีหนามบนหัวคล้ายมงกุฏ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับว่า
ปรากฏตัวมาจากดินแดนที่ไม่สนใจแม้ความสิ้นหวัง ปรากฏตัวมาเพื่อกำเนิดใหม่อย่างเต็มพลังเขาคนนั้นไม่มีวันจะอ่อนแอ สาบานตัวใว้ว่าจะไม่พ่ายแพ้ เดินทางข้ามผ่านความอ่อนแอ ท้าทายแม้แต่ความสิ้นหวัง ปรากฏตัวมาจากความมืดของอวกาศบุกลงผิวดาว ไม่ใช่แค่พวกมังกรอวกาศที่ทิ้งดาวเทียมรังสีลงไป เพื่อให้รังสีและนาโนแมชชีนจัดเรียงโครงสร้างร่างกายมนุษย์ให้เข้ากับระบบใหม่เท่านั้น พวกมังกรอวกาศเองก็ถือเป็นกำลังรบที่น่ากลัวเช่นกัน สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นวิวัฒนาการไปไม่มีที่สิ้นสุด เดินทางผ่าฟันความมืด เก็บเกี่ยวแก้สไฮโดรเจน และพลังงานความร้อน ให้ร่างสีแดงเพลิงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ร็อคอวกาศนัั้นมีอีกฉายาว่าฟีนิกซ์ผู้โบยบินข้ามดวงดาว พวกเขาถือเป็นสปีชีส์ที่ประหลาด จะปรับตัวให้รับมือกับความมืด จะเดินทางข้ามผ่านดวงดาวนั้นมันไม่อาจลืม
ใครคนนั้นมันตื่นขึ้นมาจากคำสาปที่เคยกัดกินผู้คนที่ยังไม่อาจตื่น พวกเอเลี่ยนวิหคเพลิงเองก็กำลังสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มอยู่เช่นกัน นักโทษบางกลุ่มถูกมัดใว้ ก่อนที่บางกลุ่มจะถูกฉีดเชึ้อโรคเข้าไปในร่างกายในโดสที่ไม่เท่ากัน ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์ใส่แว่น จะทำการจดบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจดบันทึกด้วยใจที่เยือกเย็นปานน้ำแข็ง ไม่มีใครขู่เขาให้กลัวได้ เขามองมนุษย์ชาติเป็นเผ่าพันธ์ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง พวกฟีนิกซ์อวกาศ หรือวิหคเพลิงยักษ์ ที่มีกายสีแดง ติดต่อมาหาเขาด้วยการส่งสัญญานมาในรูปของพลังงานที่แปลกประหลาด ดูเหมือนพวกนั้นจะรู้วิธีเปลี่ยนพลังงานความร้อน เป็นไฟฟ้าได้ด้วยประสิทธิภาพที่สูงมากกว่าที่มนุษย์จะทำได้ในขณะนี้ เพราะเช่นนี้เอง นักวิจัยหนุ่มจึงรับข้อเสนอ ที่จะจับมนุษย์บนโลกมาทดลองเคมีและสารพิษ
โดยเลือกซึ้อตัวนักโทษคดีอุกฉกรรย์มาใช้งาน ก่อนจะส่งข้อมูลให้กับสิ่งมีชีวิตที่ปกครองท้องฟ้าปรากฏตัวมามันไม่หวาดกลัวต่อใครที่ใหน เดินทางข้ามมาจากอวกาศนั้นห่างใกล เดินทางมาจากดวงดาวมันคือใครที่ไม่อาจคืนกลับมา เขาคนนั้นมันสัญญาว่าไม่อ่อนแอ เดินทางมาจากอวกาศเพียงแค่มีกำลังสุดจะคว้า ปรากฏตัวมาจากดินแดนที่ครอบครองดวงดาวเหมือนกับว่าเป็นภาพมายามหาอาณาจักรของพวกต่างดาวใช้ว่าจะทำลาย ดาวบางดวงเป็นที่อาศัยของเห็ดอวกาศ บางดวงเป็นที่อาศัยของพวกพืชโคงสร้างง่ายๆ แบคทีเรียกินความร้อนปรากฏตัวขึ้นมาไม่วอดวาย แม้ดาวร้อนจัดที่สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ไม่ได้ แต่กลับสบายสำหรับพวกมัน บนอวกาศนั้นพวกต่างดาวยังรอคอยอยู่ ปรากฏตัวมาในเวลานี้่มันไม่อาจโดนขู่ให้หวาดกลัวโดยง่ายดาย เดินทางมาจากความมืดนั้นมันไม่ใช่ว่าเขาคนนั้นจะถูกทำลาย ปรากฏตัวมาจากเงาของความตายไม่หวนคืน จะให้เดินทางผ่านคำสาปสักกี่ครั้ง
ความหิวโหยของผู้ที่เดินทางในอวกาศนั้นมันไม่อาจดับได้ สิ่งมีชีวิตพวกนั้นจะกลืนกินแม้ภูิติพราย จะทำลายทิ้งแม้ร่างกายของผู้เป็นศัตรู จะไม่ขออ่อนแออีกเป็นครั้งที่สอง จะเติบโตมาเพื่อครอบครองระบบนิเวศที่หลากหลาย บนดาวน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย แบคทีเรียสายทนความเย็นก็รอดอยู่ได้สบายๆ เลย พวกมันปรากฏตัวมาจากความมืดเดินทางมาจากดินแดนที่ไม่สามารถถูกทำลาย ตามล่าเหยื่อด้วยความหิวโหยเหมือนภูติพราย เดินทางผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายเพราะใครคนนั้นมันจะเติบโตขึ้นมาเหมือนกับว่าจะไม่พ่ายแพ้ รังสีที่สูงกว่ามนุษย์จะรับมือ ความเป็นกรกเป็นเบส หรือแม้แต่ความแห้งแล้ง กระนั้นก็หยุดการเติบโตของสิ่งมีชีวิตไม่ได้ เอเลี่ยนโครงสร้างง่ายๆ พวกนี้เจอได้เกือบทุกดาว และสามารถรอดชีวิตอยู่ได้บนดาวที่สิ่งมีชีวิตอย่างอื่นรอดไม่ได้
สายตานั้นมันบอกมาว่าปรากฏตัวมาเป็นหนึ่งไม่มีสอง ขอสัญญามาว่าัวข้าจะไม่อ่อนแอต่อภาพลวง วีรบุรุษคนหนึ่งจะเดินทางมาจากดินแดนที่ลวงตาไม่คืนมา แววตานั้นมันบอกมาว่าไม่เคยคิด ปรากฏตัวมาเหมือนกับว่าใครคนนั้นมันไม่มีจิตไร้วิญญาน ปรากฏตัวมาเหมือนกับว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง นักโทษบางคนมีอาการภูมิแพ้ ก่อนจะช็อค เพราะเลือดในร่างกายตีกัน การฉีดเลือดกิ้งก่าเข้าไปในตัวคน และเลือดเข้ากันไม่ได้ สารเคมีในเลือดจะต่อต้านกัน ไม่ต่างจากการโดนอาวุธสังหารประเภทพิษอย่างแรงๆเลย ซึ่งอาวุธสังหารตรงนี้เป็นการสะท้อนถึงความน่ากลัว ผู้ปรากฏตัวมาต่อหน้าเหล่านักโทษทำให้เขาหน้าซีดเหมือนเห็นผี นักวิจัยใส่แว่นที่ดูเยือกเย็นเหมือนกับปีศาจนี้
เดาไม่ออกมาว่าเขามีอะไรอยู่ในใจ เลือดเย็นเหมือนปีศาจ ร้ายกาจเหมือนมาจากห้วงอเวจี ปรากฏตัวมาเพื่อสร้างผลงานให้โลกนี้ ก่อนจะจากไปโดยที่ตัวเองเป็นตำนาน เขาอยากจะให้ใครคนหนึ่งไม่หวาดกลัว เขาอยากจะให้ชัวร์ว่ามนุษย์ชาติเดินต่อไปโดยไม่มีตัวเขาก็อยู่ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเริ่มงานวิจัยนี้ และพยายามหาวิธีดีลกับเอเลี่ยนเผ่าต่างๆ อย่างสันติ เพื่อไม่ให้ศัตรูห่าช่องโหว่ได้ ต้องมีมิตรที่แข็งแกร่ง....