webnovel

ตำนานระหว่างเวทย์มนต์และเครื่องจักร

เมื่อ1000ปีก่อนโลกใบนี้นั้นเคยถูกขับเคลื่อนโดยผู้ใช้เวทย์มนต์มาก่อน ผู้คนเหล่านั้นล้วนเกิดมามีพลังเวทย์เป็นของตัวเอง โดยพื้นฐานจะมีติดตัวแค่คนละ1ธาตุเท่านั้น แต่แน่นอนย่อมต้องมีคนที่เกิดมาแล้วไร้ซึ่งพลังเวทย์ อุปกรณ์ในโลกนี้นั้นล้วนแล้วต้องใช้พลังเวทย์ในการเปิดใช้งานซึ่งนั้นทำให้ผู้คนที่ไม่มีพลังเวทย์น้้นถูกจำกัดสิทธิหลายอย่าง ผู้ไร้ซึ่งเวทย์มนต์ส่วนมากจะเป็นสามัญชนที่ถูกควบคุมโดยเหล่าขุนนางที่มีพลังเวทย์มนต์ ทั้งโดนกดขี่และให้ทำงานอย่างหนัก จนกระทั่งมหาจักรพรรดิแห่งโพรซิออนที่1 แห่งจักรวรรดิโพรซิออน ได้ปลดแอกเหล่าผู้คนที่ไร้พลังเวทย์ที่โดนกดขี่มานานหลายศตวรรตทำการต่อต้านผู้ใช้เวทย์มนต์ด้วย Gears ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น มันสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยคริสตัลมานาที่พวกเขาขุดเจอโดยบังเอิญในเหมืองแร่โบราณแห่งนึงในจักรวรรดิ คนที่ไม่มีแม้พลังเวทย์ก็ขับขี่ได้ ทั้ง2ได้ทำการรบการมานานหลายปีจนกระทั่งอาณาจักรคาเปลล่าที่เมื่อก่อนเคยรุ่งเรืองในเรื่องของเวทย์มนต์ตอนนี้เริ่มเข้าตาจนเพราะสู้เทคโนโลยีของโพรซิออนไม่ได้และได้พ่ายแพ้ไปในสงครามในที่สุด และนี่เป็นเพียงส่วนนึงในตำนานที่จารึกไว้ ณ ที่จักรวรรดิแห่ง นี้......

"เอาล่ะเด็กๆ นิทานจบแล้วเข้านอนกันได้แล้ว"

"ว้าาา จบซะแล้ว" มาเรียคุณนายเจ้าของดินแดนทางใต้ของจักรวรรดิ ได้บอกให้ลูกๆของเธอนอนซะ

"พรุ้งนี้ท่านแม่จะมาเล่าเรื่องให้ฟังอีกหรือเปล่าค่ะ" น้องสาวคนเล็กเอมิเรียเอ่ยถาม

"อย่าไปเซ้าซี้ท่านแม่มากซิ ท่านแม่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ" รูเพิร์ตลูกชายคนโตแทรก

"ถ้าแม่ว่าง แม่จะมาเล่าให้ฟังอีกนะจ๊ะ"

"ค้าบ/ค่า" เด็กทั้งสองขานรับด้วยความดีใจ

หลังจากที่ส่งลูกเข้านอนในค่ำคืนนั้นเธอได้เดินขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาซ่อมซ่อเพื่อแจงงานที่ต้องทำในเช้าพรุ้งนี้

"อีวาน! พรุ้งนี้แกต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมม้าให้รูเพิร์ทนะ"มาเรียได้สั่งงานแกเด็กชายคนนึงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสืออย่างไม่สบอารมณ์

"คร้าบๆ คุณนายยยย" เด็กหนุ่มตอบรับด้วยท่าทีที่รำคาญเล็กน้อย

"ถ้าเข้าใจแล้วก็ดับตะเกียงแล้วรีบเข้านอนซะ รู้มั้ยที่แกยังมีที่ซุกหัวนอนเป็นเพราะใคร"

ใช่แล้วผม อีวาน ปีนี้ก็อายุ 15 แล้ว ได้มีคนเอาผมมาฝากไว้ที่คฤหาสน์หลังนี้นานมาแล้ว พ่อแม่ผมเป็นใครผมเองก็ยังไม่รู้เลย ผมซึ่งต้องทำงานอยู่ที่นี่เพื่อแลกกับอาหารเพียงเล็กน้อยกับที่ซุกหัวนอนซ่อมซ่อแห่งนี้ ทำไมชะตาชีวิตของผมถึงได้ลำบากแบบนี้น๋อ

หลังจากที่โดนด่าผมก็ได้ดับตะเกียงเพื่อเตรียมเข้านอนทันที ที่นี่แห่งนี้อุปกรณ์ทุกอย่างคนที่ไร้พลังเวทย์สามารถใช้ได้เป็นปกติเพราะว่าที่นี่คือจักรวรรดิโพรซิออนซึ่งเป็นปรปักษ์กับผู้ใช้เวทย์ ที่จักรวรรดิแห่งนี้ห้ามผู้ใช้เวทย์มนต์อาศัยถ้าโดนจับได้ว่าเป็นผู้ใช้เวทย์จะโดนจับไปขังลืมไว้ที่คุกใต้ดินของเมืองหลวงจนตาย มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมจักรวรรดิถึงได้เกลียดเวทย์มนต์ขนาดนี้กันนะ?

"จิ๊บๆ" เสียงนกน้อยที่บินเข้ามาทางช่องเล็กๆบนห้องใต้หลังคาทำให้ผมตื่นขึ้น "เช้าที่แสนน่าเบื่อ" ผมบ่นพึมพำ ตื่นมาในที่เดิมๆ ทำในสิ่งเดิมๆมาตลอดหลายปีผมทำการเก็บที่นอนให้เข้าที่ ล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานตามที่คุณนายสั่ง ที่คฤหาสน์

แห่งนี้คนรับใช้ยังดูดีกว่าผมซะอีก ผมซึ่งเป็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งโดนทิ้งไว้ให้โตอยู่ที่นี่

ผมเดินลงบรรไดลงจากห้องใต้หลังคามาที่โถงทางเดินอย่างเชื่องช้า "ท่านพี่อีวานจะไปเตรียมม้าให้ท่านพี่รูเพิร์ตเหรอค่ะ?" เอมิเรียเป็นคนเดียวที่เรียกผมว่าท่านพี่ เอมิเรียตอนนี้เพิ่งจะ8ขวบ กำลังน่ารักเลยแหละ "ใช่แล้วจ้าาา น้องสุดเลิฟของพี่"

ผมตอบเธอกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสถึงแม้จริงๆแล้วในใจผมโคตรจะเบื่องานนี้เลยก็เถอะ "เดี๋ยววันนี้พี่กับรูเพิร์ตจะไปล่ากระต่ายมาทำสตูให้น้องกินนะจ๊ะ"

"จริงเหรอค่ะ!! หนูชอบสตูกระต่ายของท่านพี่อีวานมากเลย" เด็กน้อยร้องดีใจมาก ผมเคยทำให้เธอลองชิมครั้งนึงซึ่งเธอชอบมันมาก ผมกับเอมิเรียตอนเรายังเล็กๆเราแอบเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆจนกระทั่งแม่ของเธอมาเห็นเข้า ผมจึงต้องเว้นระยะห่างกับเธอ ซึ่งมันทำให้เธอดูเหงามาก รูเพิร์ตพี่ชายของเธอก็ไม่ค่อยสนใจเธอซักเท่าไร คงเป็นเพราะเป็นพี่ชายคนโตที่ต้องสืบทอดตระกูลบารอนต่อจากพ่อ จึงทำให้ต้องเข้าเรียนโรงเรียนขุนนางที่เมืองหลวงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับน้องสาวนัก

หลังจากคุยกับเอมิเรียเสร็จ ผมได้เดินออกไปที่คอกม้า ซึ่งเจ้าบ้านก็มารอพบผมอยู่ ท่านคือบารอนอาโต้ ลูคัส เจ้าของดินแดนแห่งนี้ เคยได้ยินมาช่วงที่มีสงครามท่านได้ขับ Gears ประจำตระกูลเพื่อร่วมรบในสงครามทำความดีความชอบให้กับจักรวรรดิจนได้รางวัลคือดินแดนแห่งนี้นั่นเอง

"จะออกไปกันแล้วใช่มั้ย อีวาน" ท่านถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบ วันนี้ดูท่านจะเป็นกังวลใจเป็นพิเศษ เพราะวันนี้ผมมีหน้าที่ที่จะต้องพารูเพิร์ตเข้าไปทำการทดสอบในป่ามายาที่จะมีสัตว์อสูรระดับต่ำปรากฏตัวออกมา

เพราะการที่จะเข้าโรงเรียนขุนนางนั้นนักเรียนคนนั้นจะต้องพิสูจน์ตนว่าแข็งแกร่งพอจะเข้าเรียนโดยการล่าหมาป่าเขี้ยวเงิน "ครับ วันนี้ผมกับรูเพิร์ตเตรียมพร้อมกันมาอย่างดีเลยครับ" ผมตอบกลับไปพร้อมก้มหัวเล็กน้อย "ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ กะอีแค่หมาป่าแป็บเดียวก็จบแล้ว ฮ่าๆ" รูเพิร์ตบอกด้วยความมั่นใจแบบสุดๆ "งั้นก็ดีไปเตรียมพร้อมออกล่าได้แล้ว" หลังจากนั้น ผมกับรูเพิร์ตขึ้นขี่ม้าพร้อมปืนลูกซองกับกระสุนจำนวนนึง

่ก่อนจะออกไปท่านเจ้าเมืองได้มาบีบที่ไหล่ของผมพร้อมกับพูดเบาๆว่า

"ข้าขอฝากลูกชายของข้าด้วยนะ อีวาน"

คงจะมีแต่ท่านเจ้าเมืองเท่านั้นที่รู้ความลับของผม ความลับที่อาจจะทำให้ผมถึงตายได้....

_______________________________________

ผมซึ่งได้วิ่งนำหน้ารูเพิร์ตอยู่ไม่ไกลนัก ได้ใช้เรดาร์แบบพกพาในการหาตำแหน่งของสัตว์อสูร

แต่ดูเหมือนวันนี้อากาศจะไม่เป็นใจนักเพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาทำให้มีหมอกค่อนข้างหนาภายในป่า

"เฮ้! รูเพิร์ตอย่าห่างจากชั้นมากเกินไป เดี๋ยวจะหลงทางเอาได้นา"

ผมที่ตะโกนหารูเพิร์ตที่อยู่ข้างหลังแบบหยอกๆ

"รู้แล้วน่าา อย่าทำมาเป็นสั่งเลย ชั้นมันอนาคตอัศวินผู้พิพากษา จัดจ์เลยนะเว้ยย"

อัศวินผู้พิพากษา จัดจ์ทั้ง7 ว่ากันว่าในสงครามแค่มีหนึ่งในจัดจ์อยู่ในทัพนั่นก็เหมือนการันตีชัยชนะไปแล้ว

"ชั้นล่ะอยากเห็นของจริงจังเลยนะว่าอัศวินผูพิพากษาจะอยู่หน้าตาแบบไหน" อีวานซึ่งยังคงตอบกลับแบบหยอกๆอยู่ รูเพิร์ตนั้นแม้จะอยู่ท่ามกลางหมอกหนาก็ยังหาตัวเจอไม่ยาก คงเป็นเพราะกรรมพันธุ์ผมสีทองนั่นแหละเลยทำให้ระบุตำแหน่งได้ไม่ยากนัก ขณะที่ขี่ม้าอยู่นั้นอีวานก็รู้สึกผิดสังเกตแปลกๆ จึงสั่งให้หยุดก่อน "หยู๊ดด หยุดก่อนน"

อีวานบอกรูเพิร์ตผ่านวิทยุ แต่เมื่อหันกลับไปรูเพิร์ตกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

"เฮ้ !! รูเพิร์ต ได้ยินชั้นมั้ย ไม่ตลกเลยนะถ้าคิดจะแกล้งชั้นกลับด้วยวิธีนี้เนี้ย" "ซ่าาาา ซ่าาาา" มีเพียงเสียงวิทยุที่สัญญาณขาดหายตอบกลับมาเท่านั้น "บ้าเอ้ย! หายไปไหนนะ บอกแล้วให้ตามชิดๆกันไว้แท้ๆ"

"เฮ้!! อีวาน นายอยู่ไหน" รูเพิร์ตซึ่งหลงทางอยู่ในป่ามายาที่หมอกลงหนักได้ตะโกนหาอีวาน มีแต่เพียงความเงียบที่ตอบกลับมา "ไม่ตลกเลยนะแบบนี้ ปกติที่ป่านี้ไม่มีหมอกนี่"

ใช่แล้ว ป่ามายาที่ปกติไม่มีหมอกและมีเพียงสัตว์อสูรระดับต่ำปรากฏตัวเท่านั้น แต่วันนี้มันกลับต่างออกไป รูเพิร์ตทำการเปิดเรดาร์ขึ้นเพื่อค้นหาอีวานที่อาจจะอยู่ไม่ไกลนัก เรดาร์แบบพกพานั้นจะตรวจจับแต่คลื่นความร้อนที่อยู่ในระยะ300เมตรเท่านั้น แต่เพราะว่าวันนี้มีหมอกลงอย่างหนาแน่นทำให้เรดาร์เหลือการตรวจจับแค่ระยะ50เมตรเท่านั้น

นั้นจึงทำให้รูเพิร์ต ผู้ซึ่งมีอนาคตอยากจะเป็นอัศวินผู้พิพากษานั้นถึงกับรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

"อะไรกัน ทั้งๆที่ชั้นฝึกมาอย่างหนักเพื่อวันนี้ วันทดสอบที่จะเข้าโรงเรียนเลยนะ!"

รูเพิร์ตนั้นยิงปืนค่อนข้างแม่น วิชาดาบปานกลาง มีอีวานคอยเป็นพี่เลี้ยงฝึกฝนอยู่แรมปีเพื่อวันทดสอบนี้โดยเฉพาะ

"ชั้นต้องหาให้เจอ เจ้าหมาป่าเขี้ยวเงิน แม้จะมีหมอกหนาหรือไม่มีผู้นำทางชั้นจะต้องหาแกและผ่านการทดสอบไปให้ได้"

และในตอนนั้นเอง ได้มีเงาขนาดมหึมากำลังเดินเข้ามาใกล้รูเพิร์ต ตึง! ตึง! เสียงย่ำเท้าของมันทำให้ต้นไม้ใบหญ้ารอบๆสั่นไหว

"นั่นมัน หมีมายาใช่มั้ยนั่น !! แย่แล้วไง"

หมีมายาที่มีเพียงไม่กี่ตัวในป่า สัตว์อสูรแรงค์ B "ทำไมหมีมายาถึงโผล่มาล่ะ ไม่ใช่ว่าฤดูนี้พวกแกจำศีล อยู่ไม่ใช่เรอะ!!"

ด้วยความที่ว่าหมอกหนาและมองเห็นหมีแบบไม่ชัดเจนมากนัก รูเพิร์ตได้ยิงปืนลูกซองในมือของเขา โดยเล็งไปที่หัวของมัน ปัง! ปัง!

หลังจากยิงไป2นัดและดูท่าทีว่าหมีมายาจะล่มลงมั้ย ตึง! ตึง! ตึง! หมีมายานอกจากจะไม่ล่มลงแล้วแถมยังเร่งความเร็ววิ่งตรงมาทางรูเพิร์ตทันที

ฮี้ ๆ ๆ!!! ม้าที่รูเพิร์ตขี่อยู่เกิดอาการตื่นตกใจจนพยศและสะบัดเจ้าของๆมันล่มลงไปนอนกองกับพื้นหญ้า กร้วมมม! เจ้าม้าผู้น่าสงสารถูกหมีงับเข้าที่คอและสะบัดจนคอขาด เลือดเปื้อนหน้าเจ้าของๆมัน และในนี้ตอนนี้สติของว่าที่อัศวินผู้พิพากษาในตอนนี้นั้นได้หลุดลอยไป เมื่อได้เห็นหมีอย่างชัดเจนในระยะใกล้ ไม่ใช่หมีมายา แต่มันคือหมีสีเลือด สัตว์อสูรแรงค์ A

"ท่านพ่อ ท่านแม่ ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถสืบทอดตระกูลต่อไปได้ เอมิเรียพี่ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้น้องเลยและนายอีวานชั้นขอโทษที่พูดไม่ดีกับนายตลอด" เด็กหนุ่มอนาคตไกลได้แต่หลับตาลงเตรียมพร้อมรับความตายที่อยู่ตรงหน้า และจากนั้น ฉัวะ!!!!