webnovel

[หนทางสุดท้าย]

"ปลดปล่อย! [เคียวบูมเมอแรง!] ย้า----ก!!"

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

เคียวจันทร์เสี้ยวทั้งสองเล่มของผมเปล่งออร่าสีแดงคมกริบ หมุนคว้างเชือดเฉือนทุกคนที่อยู่ในรัศมีและเมื่อมันวกกลับมาเข้ามืออีกครั้ง ผมเหวี่ยงสะบัดฟาดฟันโจมตีต่อไปไม่หยุด จนเมื่อเงื่อนไข 'ลิ้มรสเลือด 20 ครั้ง' สำเร็จ ผมก็จัดท่าไม้ตายของอาวุธให้พวกเขาอีกรอบ

"ปลดปล่อย! [เคียวบูมเมอแรง!]"

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ในที่สุดเมื่อเวลาอัมพาต 5 วินาทีสิ้นสุดลง กลุ่มซัพพอร์ทกิลด์ไฮเอนด์กว่า 40 ชีวิตก็สิ้นลมหายใจเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงผมคนเดียวที่ยืนอยู่

"แฮ่ก...! แฮ่ก...! แฮ่ก... ! ฮ้า...!"

"ไอ้เด็กบ้านี่ ตายซะ! [หอกทะลวงเหมันต์!]"

"แสบนักนะแก! [สายฟ้าผ่าปฐพี!]"

วู้มมม!

ผมใจหายวาบกระโดดถอยหลังหลบเกือบไม่ทัน

ตูม! เปรี้ยง!

ยืนพักหอบหายใจได้ไม่เท่าไหร่ กลุ่มจอมเวทที่อยู่ใกล้ก็เริ่มหันมาโจมตีผมกลับแล้ว ซึ่งจริงๆ พวกเขาน่าจะสนใจข้างหลังมากกว่า เพราะไนท์ฮอว์กกำลังไล่ฆ่าคนในกลุ่มจอมเวทอยู่

ผมรีบออกวิ่งตามเข้าไปเพราะเห็นว่ากลุ่มจอมเวทยังมีชีวิตเหลืออยู่อีกประมาณครึ่งหนึ่ง ผมคิดว่า ไนท์ฮอว์กคงไม่มีท่าโจมตีหมู่ หรือไม่ก็อยากเก็บมานาเอาไว้ทำอะไรสักอย่างแน่ ดังนั้นต้องตามไปสมทบอีกแรง

"พวกมันอยู่ทางนี้ ในกลุ่มจอมเวท!!"

"หลีกทางให้พวกข้า กลุ่มแทงค์จะชนกับมันเอง!!"

"ไม่! กลุ่มทะลวงฟันจะฆ่าพวกมันเอง!"

เอาล่ะสิ เมื่อดีบัพอัมพาตหมดลง ถึงแม้พลังชีวิตของพวกเขากำลังลดลงเรื่อยๆ จากพิษปลาปักเป้ายักษ์ แต่กระนั้นแล้วพวกเขาก็คือนักผจญภัยเลเวลสูง ที่กำลังเดือดดาลจากการโดนท้าทายพลังอำนาจของกิลด์ ในตอนแรกพวกเขามีท่าทีดูถูกดูแคลนอย่างชัดเจนเพราะคิดว่าผมกับไนท์ฮอว์กแค่สองคนจะไปทำอะไรได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป พวกเราแสดงให้เห็นว่าเป็น 'ศัตรูอย่างแท้จริง' และหากประมาทจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ซะเอง

"แจ็ก!" ไนท์ฮอว์กตะโกนเรียกขณะที่กำลังสู้ไปด้วย "พวกเราจะวิ่งโจมตีไปเรื่อยๆ อย่าหยุดฝีเท้า! อย่าหยุดสู้กับใคร! ไม่อย่างนั้นจะโดนรุมโจมตีจนตายแน่นอน!"

"ห๊ะ?! อะ เอ่อ โอเคครับ อย่าหยุดฝีเท้า! อย่าหยุดสู้กับใคร!" ผมตอบทวนพลางนึกสงสัยในคำสั่ง แต่นาทีนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถกเถียงหาเหตุผล ทำตามที่ไนท์ฮอว์กบอกเถอะ เขาคงมีแผนอะไรสักอย่าง…...มั้ง

"เป้าหมายคือตอดลดพลังชีวิตของแต่ละคนให้มากที่สุด ไม่ต้องฆ่าก็ได้ เอาล่ะ! ไปเลย!"

เมื่อไนท์ฮอว์กตะโกนบอกเสร็จก็พุ่งออกไปด้วยความเร็ว ผมรีบจัดการเปิดใช้งานสกิลทันที "[เคลือบพิษ]!" เคียวในมือทั้งสองข้างเปล่งกระกายแวบหนึ่งออกมาและจากนั้นส่วนคมของมันก็เปลี่ยนจากสีเงินแวววาวกลายเป็นสีเขียวอมม่วงช้ำเลือดช้ำหนอง

ติ๊ง!

คุณเคลือบพิษสามชนิดที่อาวุธสำเร็จค่ะ!

[ยาชา] - ส่งผลให้เป้าหมายติดดีบัพ

'ความเร็วในการโจมตีและความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 30%'

[ยากล่อมประสาท] - ส่งผลให้เป้าหมายติดดีบัพ

'พลังโจมตีเวทมนตร์และพลังป้องกันเวทมนตร์ลดลง 30%'

[สารหนู] - ส่งผลให้เป้าหมายติดดีบัพ

'พิษระดับสอง พลังชีวิตลดลงทีละ 3% เป็นเวลา 15 นาที'

*พิษที่ศัตรูได้รับจะไม่ส่งผลทับซ้อนกับชนิดอื่นๆ

"[อินเฟอร์โน!]" จอมเวทหนุ่มคนหนึ่งตะโกนร่ายอัลติเมทสกิลของตนออกมาอย่างมั่นใจ

ทันทีที่ไนท์ฮอว์กสั่งแยกย้าย พวกเราก็กระโดดหลบลูกไฟขนาดใหญ่ยักษ์ได้แบบฉิวเฉียด มันลงพื้นระเบิดบรึ้ม จากนั้นแตกตัวเป็นลาวาสายเล็กๆ นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาเผาผลาญบริเวณโดยรอบอีก

"โอ๊---ย!! ร้อน!!"

"เวทของไอ้บ้าที่ไหนฟะ แม่งอ๊าก!!"

"ใครใช้เวทออกมาไม่ดูสี่ดูแปด ต้องให้สัญญานกันบ้างสิว้อย!"

ในสงครามแบบนี้ หากไร้ซึ่งความสามัคคีและหัวคิดแล้วละก็ ฝ่ายตนเองก็น่ากลัวไม่แพ้ฝ่ายศัตรูเช่นกัน

ผมกับไนท์ฮอว์กเริ่มออกสตาร์ทมาราธอนโจมตีแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากเกมโอเวอร์ที่นี่แน่ผมจึง วิ่ง วิ่ง วิ่ง อย่างสุดฝีเท้าด้วยสกิลที่พัฒนาไปอีกระดับอย่าง [วิชาตัวเบาขั้นสุด] และ [เซียนเหยียบเมฆ] มือสองข้างของผมที่ถือเคียวพิษนั้นเริ่มแกว่งสะบัดแบบ นอนสต๊อป ส่วนร่างกายก็ก้มมุดทางนั้นบ้าง ทางนี้บ้าง ลอดหว่างขา วิ่งซิกแซก สไลด์ตัว กระโดดตีลังกา ทั้งหมดที่ทำไปผมยังทึ่งในตัวเองอยู่เลยว่า

'ทำไปได้ไงวะตู?'

คงเป็นเพราะฤทธิ์ของไอเท็มหกดาว 'ใบหอมหญ้าสวรรค์' ที่ช่วยให้ได้เอฟเฟ็กต์จากค่าสถานะ [สมาธิ] ทำให้ความแม่นยำเพิ่มขึ้น ความว่องไวเพิ่มขึ้นจนเห็นรอบด้านได้อย่างชัดเจน และค่าสถานะ [ผ่อนคลาย] ที่ช่วยให้ผมใจเย็น ไม่เครียด และชิลกับลีลาของตัวเองจนถึงขั้น ยิ้มอย่างบ้าบอ ออกมา

"เยี๊ยกฮู้-----ว! วะฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สนุกจริงว้อย!"

เวลาผ่านไปได้อีกประมาณ 10 นาที ผมวิ่งสอดแทรกด้วยความเร็วสูงแวบไปแวบมาท่ามกลางศัตรูโดยที่ไม่มีใครจับผมอยู่ ผมโจมตีสร้างบาดแผลให้ทุกคนที่ผ่าน พวกเขาโดนดาเมจจากเคียวจันทร์เสี้ยวแล้วยังติดพิษซ้ำเข้าไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น...ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อ่อนแอทุกคน พวกเขามีนักผจญภัยเลเวลสูงมากประสบการณ์อยู่เช่นกัน และพวกเขาก็เริ่มลงมือแล้ว

"ปลดปล่อยอัลติเมทสกิล [ลานน้ำแข็งประหาร]!"

วู้~~ม! พื้นที่ประมาณ 30*30 เมตรกลายเป็นเหมือนลานสเก็ตน้ำแข็งทั้งหมด และนั่นทำให้ผม ลื่น ผมเริ่มวิ่งไม่ได้ดั่งใจ จนทำให้สปีด

ลดลง และจากนั้น...

"[กำแพงไฟ]! [กำแพงไฟ]! [กำแพงไฟ]!" กำแพงไฟสูงประมาณ 3 เมตร โผล่ขึ้นมาขวางด้านหน้า ทำให้ผมต้องเบรคเอี๊ยดและวิ่งไปอีกทาง "[กำแพงไฟ]! [กำแพงไฟ]! [กำแพงไฟ]!" ผมหักเลี้ยวหลบอีกครั้ง ซึ่งกว่าจะรู้สึกตัวว่ากำลังโดนล่อให้ไปสู่กับดัก มันก็สายเกินไปแล้ว

"[ธนูตรึงเงา]!"

ลูกธนูสามดอกพุ่งมาจากทางด้านบน ผมคิดว่าคงโดนแน่ แต่มันกลับเลยผ่านศีรษะของผมไป ปักลงที่เงาบนพื้น และจากนั้นร่างกายของผมก็ขยับเขยื้อนไม่ได้

ติ๊ง

ผลจากเอฟเฟ็กต์สกิล [ธนูตรึงเงา]

ทำให้คุณติดดีบัพ 'ขยับตัวไม่ได้เป็นเวลา 10 วินาที'

"เวรเอ๊ย! ฮึ่ม...!" ผมลองฮึดสู้ดู แต่ก็ไร้ผล ร่างกายของผมขยับไม่ได้เลยแม้แต่ปลายก้อย

"ฮ่ะฮ่าห์! เสร็จข้าละเว้ย ไอ้เด็กบ้า! ธนูพิษหรืออัมพาตใช้กับแกไม่ได้ผล แต่สกิลของข้าเหนือกว่านั้นอีก ฮ่าฮ่า"

พวกเขาไม่รอช้าที่จะเผด็จศึก นักรบสองคนและอัศวินอีกหนึ่งคน ทั้งหมดกระโดดเข้ามาหาผมพร้อมเงื้ออาวุธฟันลงมาทันที

"[ดาบเพลิงสุริยา]!"

"[ขวานอัสนีบาต]!"

"[เพลงดาบสะบั้นเศียร]!"

ขณะที่แสงหลากสีจากสกิลทั้งสามกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ผมได้แต่คิดตัดพ้อในใจ 'มาได้แค่นี้สินะเรา... วิน ฉันขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลาไปเก็บเลเวลกันใหม่อีก ฉันรู้ว่านายไม่ถือสาอยู่แล้ว แต่คงเป็นฉันเองที่รู้สึกผิด แทนที่พวกเราจะก้าวต่อไปด้วยความเร็วแท้ๆ ฉันกลับเอาแต่ดึงนายให้ช้าลง… ขอโทษนะเพื่อน'

แวบ!

"[กายาเหล็กขั้นสอง]!"

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ไนท์ฮอว์กโผล่มาจากไหนไม่รู้ กระโดดเข้ามารับดาเมจแทนผม ถึงเขาจะใช้สกิล [กายาเหล็ก] ที่ผมจำได้ว่าช่วยลดพลังโจมตี 40% ก็ตามที แต่ปริมาณเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผล และร่างของเขาที่ล้มลงในอ้อมแขนของผมแบบทิ้งตัว ทำให้รู้ว่าพลังชีวิตของเขาใกล้หมดลง เขากำลังจะตาย

เมื่อหมดผลเอฟเฟ็กต์จาก [ธนูตรึงเงา] ทันทีที่ผมขยับร่างกายได้ ผมรีบอุ้มร่างของเขาอย่างร้อนรน พุ่งตัวออกไปให้พ้นกลุ่มของศัตรูอย่างทุลักทุเล เราหนีโดยที่ไม่ได้มีความเร็วสูงอะไร แถมผมยังสะดุดล้มครั้งหนึ่งอีกด้วย ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะหนีพ้นหรอก แค่อยากดิ้นรนให้ถึงที่สุดเท่านั้นเอง และดูเหมือนกิลด์ไฮเอนด์จะคิดว่าตัวเองชนะแล้วเช่นกัน พวกเขาจึงไม่ได้ไล่ล่าต่อ

ผมพาร่างของไนท์ฮอว์กกลับมาตรงจุดสตาร์ทที่เราเริ่มแผนการอีกครั้ง ผมวางเขานอนกับพื้น นั่งลงข้างเขาพลางเหลือบมองว่าวิสเปอร์กับเจลค์ที่นอนอยู่ฟื้นหรือยัง แต่พวกเขาก็นอนหลับกันอยู่ท่าเดิม

"อึ่ก… อา… ข้ายังไม่ตายสินะ ฮ้าา..."

"ลุง!! ทำไมทำแบบนี้ จะมาตายแทนผมเพื่ออะไร?!"

ไนท์ฮอว์กที่นอนอยู่กวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ ผมจึงขยับเข้าไปใกล้เขา จากนั้นเขาก็เขกหัวผมอย่างแรง

โป๊ก! "ไอ้บื้อเอ๊ย... ถามอะไรโง่ๆ อีกละ ถ้าข้าไม่ขวางไว้ แกได้เกมโอเวอร์ไปแล้วน่ะสิ ไหนแกสัญญากับเพื่อนเอาไว้ไม่ใช่เรอะว่า 'พวกเราจะไม่เกมโอเวอร์เด็ดขาด'"

"แต่เดี๋ยวพวกเราก็ตายอยู่ดีรึเปล่า มันจะต่างกันตรงไหนล่ะลุง?"

"ต่างกันตรงที่ตอนนี้พวกเรายังไม่ตายไงว้อย แกกินหญ้าเป็นอาหารรึไง แค่นี้ทำมึนไปได้" ฟังไนท์ฮอว์กด่าจบ ผมก็รีบเอาขวดไฮโพชั่นยัดปากเขาทันที ไม่ว่าเขาจะช่วยชีวิตผมหรือไม่ จะใกล้ตายตอนนี้ หรือภายหลังเขาจะป่วยตาย แต่วันนี้ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่า ปากของเขาจะสุนัขแบบนี้ตลอดไป

"ไนท์ฮอว์ก!!"

รอธฟิลด์ลอยตัวขึ้นด้านบนและส่งเสียงเรียก "หมดเวลาเล่นสนุกของพวกแกแล้ว แกคิดจริงๆ เหรอว่ามีกันแค่สองคนจะชนะคนทั้งสองร้อยได้น่ะหา!! จะยอมส่งคริสตัลไดรฟ์มาดีๆ หรือจะให้ข้าหาจากศพของพวกแก… เอางี้สิ ถ้าแกยอมส่งมาละก็ข้าจะฆ่าพวกแกให้ซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ถ้าไม่ละก็ ข้าจะส่งตัวพวกแกให้กับทางสำนักฯ รู้ใช่ไหมว่าโทษมันหนักหนาต่างกัน ตายซะตอนนี้ยังจะดีกว่านะ ฮ่าฮ่าฮ่า!"

ผมเอียงคอถามไนท์ฮอว์กเบาๆ "ทำไมมันไม่ฆ่าพวกเราให้จบๆ ไปครับ?"

"หึหึหึ ไอ้รอธฟิลด์มันคิดว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่พวกเราจะเอาคริสตัลไดรฟ์ไปซ่อนยังไงล่ะ ถึงแม้จะซ่อนในกิลด์ของมันเองก็ตามเถอะ แสดงว่ามันกลัวกระทั่งว่าหากสมาชิกกิลด์คนไหนไปเจอเข้า แล้วเกิดตัดสินใจหักหลังมันภายหลัง แบบนั้นจะยุ่งยากเข้าไปอีก"

"แจ็ก พยุงข้ายืนซิ"

ผมพยุงไนท์ฮอว์กให้ยืนขึ้น จากนั้นเขาสูดลมหายใจลึกและตะโกนว่า

"ไอ้เวรตะไลรอธฟิลด์!! ไอ้ขี้ขลาด! ไอ้ขี้โกง! อุตส่าห์เกิดมาเป็นลอร์ดทั้งที เสียชาติเกิดแท้ๆ ไอ้เนรคุณ! ลอร์ดริชท์อุตส่าห์เมตตาเลี้ยงงูพิษอย่างแกไว้ เขาให้โอกาสแกได้กลับตัวกลับใจใหม่ แต่ดู…! ดูวิธีที่แกใช้ชีวิตสิ น่าสมเพชฉิบหาย...! 'คนที่มั่งมีสมควรจะช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า' นั่นคือจุดเริ่มต้นของกิลด์ไฮเอนด์ไม่ใช่รึไงวะ แต่สิ่งที่พวกแกทั้งหมดทำนี่มัน… พวกแกมันแม่งน่าไม่อาย ไอ้พวกเห็บหมาแห่งอาณาจักรคาเอลุม!!"

"...."

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ จนผมถึงกับได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตนเอง ผมคิดว่าการที่พวกเขาเงียบและอึ้งอยู่ตอนนี้ คงเพราะที่โดนไนท์ฮอว์กด่าไปเมื่อสักครู่ มันตรงกับจิตใจลึกๆ บางส่วนอยู่บ้าง แต่ความเงียบนั้นก็ได้พังทลายลงจากน้ำเสียงของรอธฟิลด์ที่โต้แย้งกลับมา

"แกพูดบ้าอะไรวะ? เมาเหล้ามารึยังไง สโลแกนที่แกว่าน่ะมันตายไปพร้อมกับกิลด์มาสเตอร์คนเก่าที่หัวอ่อนและปวกเปียกไปตั้งนานแล้วเว้ย มีอย่างที่ไหนวะจะให้ชนชั้นสูงอย่างพวกข้าไปทำงานรับใช้ชนชั้นต่ำ ให้ช่วยหาลู่ทาง ให้สร้างงานสร้างอาชีพให้บ้าง แค่จะให้เข้าใกล้ชนชั้นต่ำ ข้าก็ขยะแขยงเต็มทน พวกมันต่างหากที่ต้องกระเสือกกระสนทำตัวมีประโยชน์ให้กับพวกข้า เกิดมาต่ำต้อยก็ก้มหัวงุดๆ ทำงานไปจนตายสิวะ จะพยายามยืนหยัดขึ้นมาเพื่ออะไร ข้าไม่เข้าใจว้อย! แล้วพวกข้าชนชั้นสูงจะทำธุรกิจอะไร จะทำเควสแบบไหน ค่าตอบแทนทั้งหมดพวกข้าจะต้องได้มากกว่า มันก็ถูกอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ แกจะมาเดือดร้อนแทนพวกมันทำไม จริงไหมพวกเรา?!"

"ใช่ๆ"

"จริงที่สุด!"

"ค่าตัวพวกเราต้องแพงกว่าสิวะ!"

"ใครกล้ามีปัญหาวะ!"

"พวกมันสิต้องเจียมตัว!"

เสียงโห่ร้องและเสียงตะโกนเห็นด้วยกับรอธฟิลด์ดังขึ้นทุกขณะ 'อื้อหื้อ คนพวกนี้นี่มัน… เกินเยียวยาจริงๆ'

"ฉันไม่อยากรอฟังคำตอบจากปากเน่าเหม็นของแกอีกต่อไปแล้วละ" รอธฟิลด์ยกมือขวาขึ้นเป็นสัญญาน เหล่าจอมเวทและนักธนูทั้งหมดรวบรวมมานาทันที…

วู้มมมมมม

"ข้าจะใช้โอกาสนี้ สั่งปิดสมาคมจอมโจรเร้นเงาซะเลย ไนท์ฮอว์กเมื่อแกฟื้นกลับมา ที่เมืองนี้จะไม่มีที่ให้แกซุกหัวนอนอีกต่อไป ทุกคนยิงได้-!!"

กองกำลังนักผจญภัยที่ยืนเรียงแถวล้อมพวกเราเป็นรูปครึ่งวงกลมเอาไว้นั้นได้ปลดปล่อยเวทมนตร์หลากสีสันรวมไปถึงลูกธนูนับไม่ถ้วนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

"โอ...."

ผมใช้หางตามองไปที่ไนท์ฮอว์ก เผื่อว่าเขาจะมีไม้เด็ดอะไรที่ช่วยให้รอดต่อไปได้อีก แต่เขาแค่ยืนเฉยและยิ้มอย่างมั่นใจตามเคย เขาไม่เสียใจ ไม่เจ็บใจบ้างเลยเหรอ ทุกอย่างที่ทุ่มเทลงแรงกำลังจะสูญเปล่า พวกคนชั่วกำลังยิ้มเยาะสะใจอยู่ พวกมันก็จะเอาเปรียบคนอื่นต่อไป แต่กระนั้นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้เลย พวกเราได้แต่ยืนนิ่งรอรับดาเมจทั้งหมดอย่างจนใจ

"มาได้แค่นี้สินะ…"

ผมหลับตาลง ยอมรับชะตากรรม ยอมรับในความอ่อนแอของตนเอง ที่นี่ไม่ใช่เกมแบบที่ตายแล้วเราจะกดปุ่ม คอนทินิว เพื่อเริ่มต้นใหม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับมา หลังจากนี้จะไม่มีสมาคมโจรเร้นเงาอีก ถึงจะฟื้นกลับมา แต่ก็มีสิทธิ์จะถูกจับไปคุมขัง หายไปเป็นปีๆ ไม่อย่างนั้นก็คงโดนเนรเทศออกจากอาณาจักร ผมอาจไม่ได้เจอพวกเขาอีก ผมคงคิดถึงคำด่าคำเหน็บแนมของไนท์ฮอว์ก คิดถึงเจลค์ว่ายังอยากเรียนวิชางัดแงะจากเขา คิดถึงวิสเปอร์ที่แสนจะโมเอะ ผมอยากจะพูดคุยกับเธอให้มากกว่านี้แท้ๆ

ฟิ้ว! ฟิ้ว! เฟี้ย---ว!

ซู---ม! วู้มมม!

คิดถึงภาพของไนท์ฮอว์กที่ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ผมที่หลับตาอยู่ จึงอ้าแขนกว้างออกมาเพื่อโอบกอดความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไว้อย่างภาคภูมิ...

"เปิดใช้งานไอเท็มหกดาว [ค่ายกลดวงดาราคุ้มภัย!]"

วูู้ม! ชวิ้--ง!

เปรี้ยง! บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม! ตูม! ตูม!

ผมได้ยินเสียงระเบิด แต่ร่างกายไม่ยักกะเป็นอะไร ผมจึงเปิดตาขึ้นมาและพบว่าพวกเราถูกกำแพงดวงดาวส่องประกายพร่างพราวครอบอยู่ด้านบน

"ว้าว นี่มัน… ใครช่วยเราไว้เนี่ย?"

"แกก็ก้มมองข้างล่างสิฟะ มัวแต่มองข้างบนจะรู้ได้ไง"

ผมก้มลงมองตามที่ไนท์ฮอว์กบอก และเห็นคนที่ช่วยพวกเราเอาไว้

"ว…วิสเปอร์?! เธอฟื้นแล้วเหรอ เย้~!" วิสเปอร์หันมาพยักหน้ารับ จากนั้นกำแพงดวงดาวก็หายวับไป

เมื่อรอธฟิลด์เห็นพวกเรายังมีชีวิตอยู่ เขากัดฟันแน่นดูท่าจะแค้นใจเป็นอย่างมาก

"ไอ้พวกดื้อด้าน! ยอมตายซะดีๆ ก็หมดเรื่อง เสียเวลาพวกข้าจริงๆ มีพวกมาช่วยเพิ่มอีกคนเดียว ทำยิ้มแย้มดีใจ เชอะ! ยังไงมันก็ไม่พอหรอกนะเว้ย พวกข้ามีกันเป็นร้อย"

ผมถึงกับหุบยิ้มและคิดว่าจริงอย่างที่รอธฟิลด์พูด พวกเราจะแค่ตายช้าลงรึเปล่า แต่ไม่รู้ทำไมแค่เห็นวิสเปอร์ฟื้นขึ้นมาผมก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเป็นกอง

"ยัยหนู...ขอโทษด้วยนะ แต่เธอคงต้องใช้สิ่งนั้นแล้วล่ะ" ไนท์ฮอว์กพูดขึ้น วิสเปอร์พยักหน้ารับและกวักมือเรียกไนท์ฮอว์กให้เอาหูมาใกล้ๆ

"บ๊ะ รำคาญเว้ย คนยิ่งเจ็บแผลอยู่" ถึงจะบ่นเล็กน้อย แต่เขาก็โน้มตัวลงไปหาเธอ วิสเปอร์กระซิบอะไรสักอย่างกับไนท์ฮอว์ก แต่ผมไม่ได้ยิน "เออๆ โอเค เดี๋ยวจบเรื่องนี้แล้วให้ไอ้แจ็กช่วยก็แล้วกัน ฉันจะบอกมันเอง"

"ห๊ะ?"

วิสเปอร์กระซิบอีกครั้ง และไนท์ฮอว์กก็หันมายิ้มแสยะใส่ผม "เออน่า ไม่ต้องห่วง มันยอมแน่…. เคี๊ยก! เคี๊ยก!"

"เอ่อ… อะไรกันเหรอครับ จะให้ผมทำอะไร"

"แกยังไม่ต้องรู้หรอกน่า เอาให้รอดไปให้ได้ค่อยว่ากัน ตอนนี้รีบฟื้นฟูตัวเองให้มากที่สุดก่อน เร็วเข้า"

"ทุกคนบุกเข้าไปพร้อมกันเลย แสดงพลังอำนาจของกิลด์ไฮเอนด์ให้ข้าดูหน่อย!! ใครก็ตามที่สังหารพวกมันได้ ข้าจะมีโบนัสให้เป็นพิเศษ!!" รอธฟิลด์ตะโกนปลุกใจสมาชิกกิลด์ให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น

ทุกคนชูอาวุธและขานรับกันอย่างคึกคัก พร้อมกับออกตัววิ่งลุยเข้ามาเต็มที่

"โอ้ววววววว-!!"

วิสเปอร์หันมามองหน้าผมแวบหนึ่ง และเดินออกไปข้างหน้า จากนั้นเธอก็ระเบิดออร่าสีดำออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายเจิดจ้า กิลด์ไฮเอนด์ทุกคนที่กำลังวิ่งเข้ามาต้องเบรคเอี๊ยดกะทันหัน เพราะรับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก

"อย่าไปกลัว! มันจะเก่งยังไง ก็มีแค่คนเดียว ไม่มีทางชนะพวกเราได้หรอก สมาชิกคนไหนที่ตายในวันนี้ ถือเป็นการเสียสละเพื่อกิลด์ ข้าจะเตรียมทรัพย์สินเงินทองไว้ชดเชยให้เอง ลุยเข้าไปตายอย่างสบายใจได้เลย ไปๆๆ!!"

กองทัพที่โหมรุกเข้ามาอย่างน่าเกรงขามไม่ได้ทำให้วิสเปอร์หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอยื่นม้วนคัมภีร์สีแดงเพลิงออกมาข้างหน้า จากนั้นเธอเปล่งคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นราวกับเอ่ยคําปฏิญาณ

"เปิดใช้งานไอเท็มหกดาว คัมภีร์ลับที่ 5 แห่งหมู่บ้านจันทรา"

"[แยกร่างสังหารซับซ้อน!]"

คลื่นพลังออร่าสีดำทั้งหมดระเบิดออกมาหมุนวนรอบกายและเคลื่อนตัวพุ่งเข้าสู่คัมภีร์ พลังระเบิดตูมออกอีกครั้ง เชือกที่รัดอยู่ขาดสะบั้น คัมภีร์กางผึงเผยออกให้เห็นอักขระสีทองด้านใน

ปุ้ง! ป๊อง! ป๊อง! ป๊อง! ป๊อง! ป๊อง! ป๊อง!...!

เสียงร่างแยกที่โผล่ออกมาดังขึ้นรัวๆ ตลอดระยะเวลาหนึ่งนาที จนในที่สุดร่างของวิสเปอร์นับร้อยก็เรียงรายกันอยู่เบื้องหน้าพวกเรา

แต่ละร่างมีออร่าเงาสีดำทมิฬลุกโชนราวกับเป็นเปลวเพลิงโบกสะบัดอยู่ พร้อมจะเผาไหม้ใครก็ตามที่หาญกล้าพอที่จะต่อกรกับเธอ

"…ตะกี้ใครพูดเรื่องจำนวนนะ?"

"...."

เสียงที่เธอพูดออกมานั้นไม่ได้ตวาดหรือตะโกน แต่ฟังแล้วรู้สึกถึงความหนักหน่วง แข็งกร้าว ดุดันน่าเกรงขาม และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ภายในโดมสายฟ้าก็ได้ยินกันอย่างทั่วถึง เหล่านักผจญภัยแห่งกิลด์

ไฮเอนด์ทุกคนต่างออกอาการขวัญผวากันถ้วนหน้า ซึ่งผมไม่แปลกใจเลย เพราะแค่วิสเปอร์คนเดียว ยังทำกองทัพชะงักได้ แล้วนี่คือตัวเธอเป็นร้อยคน ผมไม่อยากเป็นศัตรูกับคู่ต่อสู้แบบนี้แน่

รอธฟิลด์ครางฮึ่มในลำคอเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เขาจึงตัดสินใจงัดไม้เด็ดออกมาเช่นกัน

"กิลด์มาสเตอร์คอมมานด์ เปิดใช้งาน [คำสั่งคุณสมบัติพิเศษ โค้ด:099]!!"

"คำสั่งนี้จำเป็นต้องใช้งบประมาณกิลด์ 30% ในการเปิดใช้งาน ขอคำสั่งยืนยันด้วยค่ะ"

"แม่งเอ๊ย! เสียดายว้อย เอาเลย ข้าขอยืนยันคำสั่ง!"

"คำสั่งคุณสมบัติพิเศษ โค้ด:099 [บัพเสริมพลังสเตตัสทองคำ] เปิดใช้งานแล้วค่ะ!"

วู้มมม~~~!

ทันใดนั้นร่างกายของสมาชิกกิลด์มีออร่าสีทองพวยพุ่งออกมา

ทุกคนต่างงงงวยเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นวินโดว์ระบบของตนเองเด้งขึ้น

แจ้งเตือนตรงหน้า พวกเขาก็ยิ้มออกมาราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่

"ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกแกอาจลืมไปแล้วว่าที่นี่อยู่ภายในอาณาเขตของกิลด์ข้า บัพสเตตัสทองคำนี้จะเพิ่มค่าพลังทุกอย่างขึ้น 200% รวมถึงด้านจิตใจที่ฮึกเหิมด้วย งดงามใช่มั้ยล่ะออร่าสีทองล้ำเลิศแบบนี้ จงดูเอาไว้ซะ เพราะนี่คือภาพสุดท้ายที่พวกแกจะได้เห็น ฆ่าพวกมันให้หมด------!!"

"โอ้วววววววว!!" "โอ้------ว!!" "ย่า------ห์!!"

กองทัพสีทองอร่ามวิ่งดาหน้าเข้าปะทะกับกองทัพสีดำทมิฬ เมื่อออร่าทั้งสองสีเริ่มกลืนเข้าหากัน สงครามยกที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้น...